ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #25 : ความทรงจำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 767
      1
      14 ก.ย. 52




     
    ความร้อนกำลังโอบรัด ร้อนแต่อบอุ่นนัก เหมือนอ้อมกอดพระบิดามารดาในยามเด็ก เติบโตมากับความรักที่มากล้น ไม่จำเป็นต้องแบ่งปันความรักกับใครก็ได้รักมามากมาย จนเมื่อเติบใหญ่ได้รู้จักความรักที่แตกต่างออกไป อยากได้ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ แต่แล้วก็พบกับความผิดหวังเป็นครั้งแรก รวดร้าวนักที่ได้รู้ เจ็บนักที่ต้องทนกล้ำกลืน อยากจะเกลียดอยากจะชัง แต่ก็รู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายไม่ผิด ไม่มีความผิดเลยที่ไม่รักตอบ สิ่งที่ผิดคงเป็นการกระทำของเขา ยิ่งทำดีด้วยก็ยิ่งยากจะผลักไส ยิ่งห่วงใยก็ยิ่งไม่สามารถตัดขาดได้


    ตุบ ตุบ


    เสียงอะไรบางอย่างแว่วเข้ามาในโสตประสาท ช้า แผ่ว แต่หนักแน่น 


    เสียงของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะซึ่งไม่คุ้นเคย


    คาลิโดร่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็พบสายตาอีกคู่ทอดมองมาอยู่ก่อนแล้ว ความรู้สึกที่ว่ามีความร้อนโอบรัด นางกระจ่างชัดแล้วว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกเช่นนั้น


    “กรี๊ดดดดดดดดดดดด”


    นาธานเนลยกมือปิดปากเจ้าหญิงทันที


    “พระองค์จะร้องทำไม” เสียงของเขาไม่ได้ถามด้วยความสงสัย แต่เจือด้วยความขบขัน


    “จะ เจ้า.. ออกไปนะ” ร่างบางกระซิบเสียงสั่น นาง..นางนอนอยู่ข้างกายเขา เขา..ที่ไม่ได้สวมอะไรเลยใต้ผ้าคลุมและชิตอน นอนแนบสนิทเพราะมือข้างหนึ่งของเขาโอบเอวนางไว้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น


    “ออกไป? พระองค์เปลื้องผ้าข้าออกหมดแบบนี้ แล้วจะให้ข้าออกจากผ้าห่มไปเปลือยกายให้พระองค์ดูหรือ”


    “ขะ..ข้าไม่ดูอะไรทั้งนั้น ไปนะ”


    เสียงกลั้วหัวเราะอยู่ที่ข้างหูให้วาบหวาม สั่นสะท้านไปทั้งกาย อุณหภูมิของเขาแม้จะลดลงแล้ว แต่ยังร้อนกว่าปกติยิ่งทำให้ร่างกายของนางร้อนตามไปด้วย ร้อนในอกด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัส ชายหนุ่มแกล้งกระชับร่างบอบบางมากขึ้น ริมฝีปากปัดผ่านใบหู


    “อยู่อย่างนี้ก็อุ่นดีแล้ว ขออยู่นานๆหน่อยเถอะ”


     คาลิโดร่ามองแผลที่หัวไหล่ อยากจะจิกกดลงไปนัก ให้ดูสิว่าจะร้องลั่นเพียงใด แต่สมองก็สั่งการว่าอย่า.. ขืนเขาบาดเจ็บไปมากกว่านี้ ตนเองนั่นแหละที่จะลำบาก ต้องคอยดูแลไม่จบสิ้นเสียที ในขณะที่กำลังคิดหาวิธีออกจากอ้อมกอด ริมฝีปากก็ถูกรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว


    “อื้อ”


    หญิงสาวหัวหมุนทันใด รสจุมพิตแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลยสักนิด ครั้งหนึ่งอ่อนหวานราวน้ำผึ้ง ครั้งต่อมาก็ราวรุ่มร้อนดั่งไฟ หากครั้งนี้ยั่วเย้าเหมือนจะแกล้งให้ขาดใจ ปลายลิ้นที่รุกเข้ามาอย่างคุ้นเคย สำรวจไปทั่ว คาลิโดร่าอ้าปากจะร้องค้านก็เหมือนเสริมให้เขากระทำได้ดั่งใจมากกว่าเดิม เขาแตะลิ้นนางเหมือนจะทักทาย ล่อหลอกให้หลง ลวงให้ตายใจ กระตุ้นให้ติดตาม ก่อนจะพิชิตเหมือนจะสูบไปทั้งวิญญาณ


    ครั้งนี้นางเรียนรู้มากขึ้น มาก.. จนคนเริ่มรุกเองแทบจะบังคับร่างกายตนเองไม่ได้ มีแต่ต้องการ ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เท่าไรก็ไม่เคยพอ ไม่พอจริงๆถ้ากับผู้หญิงคนนี้ คนที่แย่งชิงหัวใจไปครอบครอง


    “คาลิร์.. ตามใจข้าได้ไหม”


    หญิงสาวพยายามคิดด้วยความมึนงงในรสจูบ.. ตามใจ ตามใจอะไร? พลันอะไรบางอย่างที่ด้านล่างกำลังบดเบียดสะโพกของนางอยู่ คาลิโดร่ากลั้นเสียงอุทาน แม้นางจะไม่เคยเห็นร่างกายทั้งหมดของผู้ชายก็จริง แต่รูปปั้นเปลือยมากมายก็มีให้เห็นดาษดื่น


    “เดี๋ยวสิ..” คำห้ามยังไม่ทันขาดคำ ร่างของนางก็ถูกเขาโอบรัดแน่นกว่าเก่า แผ่นหลังของนางแนบไปตลอดร่างเขา ใบหน้าหญิงสาวยิ่งแดงมากขึ้น เมื่อเขาเอื้อมมือมาสัมผัสที่หน้าอก ยังดีที่ไม่อุกอาจล้ำเข้าไปข้างใน


    “ไดรแอดบอกว่าข้าเป็นทาสแห่งความรัก คงจะใช่ อยู่กับพระองค์ ข้าไม่เคยควบคุมตัวเองได้เหมือนที่ผ่านมา พร่ำปรารถนาแต่พระองค์เท่านั้น คาลิร์..”


    คนฟังไม่สนใจแล้วว่าเขาจะพูดอะไร มือเรียวกดมือของเขาไว้แน่น ยอมให้มันสัมผัสหน้าอกมากขึ้นเพราะไม่อยากให้มันซุกซนไปมากกว่านี้ สมองก็คิดหาทางออกจากสถานการณ์ล่อแหลมอย่างเร่งด่วน


    “มงกุฎ..”


    นาธานเนลต้องใช้เวลานานกว่าเสียงของหญิงสาวจะซึมซับเข้าไป


    “หือ.. มงกุฎ..”


    “เจ้าบอกจะทำมงกุฎที่สวยงามที่สุดให้ข้า ถ้าไม่ได้มงกุฎ ข้าไม่ยอมหรอกนะ”


    ชายหนุ่มถอนหายใจ รู้ว่าเป็นเรื่องเบี่ยงเบนของนาง แต่สิ่งที่นางพูดเป็นหน้าที่เขายังกระทำไม่สำเร็จ แล้วจะยังไขว้เขวไปหาสิ่งอื่นได้อย่างไร กลิ่นหอมจากกายนางยังหอมติดจมูก เนื้อนวลนุ่มที่ได้สัมผัส การบังคับร่างกายที่ตื่นตัวแล้วช่างยากเสียจริงสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง


    “สัญญาสิ ถ้าข้าทำมงกุฎให้พระองค์เสร็จ พระองค์จะยอมเป็นของข้า”


    คาลิโดร่าถลึงตาใส่ แม้ว่าใบหน้าของนางจะยังแดงก่ำ


    “ข้าบอกให้เจ้าทำให้ข้ารักให้ได้” 


    “โธ่ เจ้าหญิง ก็นี่ไง วิธีแสดงความรักของผู้ชาย โอ้ย..”


    คนไม่ใช่ผู้ชายบิดเนื้อที่สีข้างผู้ชายทันที ถ้าไม่ติดว่าบาดเจ็บอยู่ นางอยากทำให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ หญิงสาวลุกขึ้น หันหลังให้ชายหนุ่มสวมใส่ชิตอนให้เรียบร้อย นาธานเนลรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้งจากพิษไข้ แต่ก็พยายามทำให้เป็นปกติมากที่สุด โชคดีแค่ไหนแล้วที่พวกเขารอดมาจากสัตว์ร้ายได้โดนที่มีแผลตามร่างกายเล็กน้อยและบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวไหล่ ที่ยังคั่งค้างใจคือธนูลึกลับ ไร้เจ้าของดอกนั้น


    คาลิโดร่าเข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผลอีกครั้ง แล้วเก็บของใช้แล้วเพื่อจะซักให้สะอาด ขืนนางไม่เก็บไว้ใช้ซ้ำ ผ้าคลุมคงถูกตัดไม่เหลือเป็นแน่


    “เจ้าแน่ใจนะว่าเดินทางไหว”


    “ต้องไหวสิ เราไม่สามารถอยู่ที่ไหนนานๆได้หรอก เจ้าหญิง อย่างน้อยถ้าตำนานเป็นจริง จุดที่เราจะไปต้องมีวิหารไว้รองรับแน่”


    “เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเราต้องไปทางไหน” นางถามในสิ่งที่สงสัย นาธานเนลครุ่นคิดก่อนตอบ


    “ข้าไม่แน่ใจ อาศัยสังเกตเอาจากการเดินทางของพรานที่ชำนาญ เขามุ่งไปทางทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ข้าจึงเดินตามทางนั้น”


    “แล้วถ้ามันไม่ใช่..”


    “เราก็ติดอยู่ในป่านี้จนตาย” 


    คาลิโดร่าครุ่นคิด ก่อนจำยอม พวกนางมาไกลกันถึงขนาดนี้แล้ว เดินทางมาหลายวัน พัดตกน้ำไหลห่างอีกรู้เท่าไร ไม่มีทางกลับไปเริ่มต้นที่จุดเดิมได้อีก


    “ข้าจะไม่ยอมอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่หรอกนะ”


    “ข้าก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน” คำพูดของเขาเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ ดึงกำลังใจของนางให้กลับคืน ยามเขาเอื้อมมือมาหา นางก็วางลงไปอย่างง่ายดาย เหมือนเป็นความเคยชิน ชินเสียแล้วที่ปล่อยให้เขาเป็นผู้นำ ทั้งที่เจ้าหญิงคาลิโดร่าไม่เคยต้องตามใคร



     
    “เจ้าดูคุ้นเคยกับป่านะ” นางเอ่ยถามในระหว่างการเดินทาง เขาให้นางเล่าเรื่องของนางให้ฟังมากมาย แต่เรื่องของตนเองกลับไม่ปริปาก ยุติธรรมเสียทีไหน


    “ข้าเติบโตในป่า”


    “พ่อแม่เจ้าล่ะ?”


    “ข้ามีอาจารย์เป็นทั้งพ่อและแม่ มีฝูงสัตว์หมู่ไม้เป็นมิตรสหาย” ชายหนุ่มโต้ตอบ ราวกับรู้ว่านางจะถามอะไรต่อ “อาจารย์บอกว่าเก็บข้ามาเลี้ยง อาจเพราะถูกทิ้ง หรือพลัดหลงก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ได้อาจารย์ข้าก็เป็นแค่เด็กจรจัดคนหนึ่งที่จะไม่มีวันได้พบพระองค์”


    จู่ๆ เขาก็วกกลับมาให้นางใจเต้นแรงเสียอย่างนั้น


    “เจ้าโตมาในป่าตลอดเลยหรือ ทำไมไม่เข้าไปอยู่ในเมืองล่ะ ทำไมเมื่อโตแล้วไม่ไปเป็นทหาร?” คาลิโดร่าอดสงสัยไม่ได้ ก็ความเชื่อของนางที่มีมาตลอด ผู้ชายถ้าแกร่งจริงต้องอยากเป็นทหารสิ มีผู้ชายคนไหนบ้างไม่อยากรบ นอกจากพวกขี้ขลาดกลัวตาย


    “ข้าไม่แข็งแกร่งขนาดเป็นทหารที่ดีได้” นาธานเนลตอบกลับ “รู้ไหม ถ้าคนที่อยู่กับพระองค์ตอนนี้เป็นทาร์เธเมสหรือองครักษ์พวกนั้นที่ไม่ใช่ข้า พระองค์จะไม่ลำบากขนาดนี้” เสียงของเขาเหมือนตัดพ้อนิดๆ “คนพวกนั้นเป็นทหารโดยแท้ ให้สู้กับเสือ ถึงมีแค่มีดสั้นเล่มเดียวก็เอาชนะได้ ไม่เหมือนข้าที่ต้องพาพระองค์หนี ข้าเป็นแค่ผู้รู้หนังสือคนหนึ่งก่อนได้พบพระองค์เท่านั้น ไม่เคยฝันจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย แต่เพราะพระองค์ ข้าจำต้องเก่งกว่าที่เคยเป็น แกร่งกว่าที่เคยพอใจ พระองค์รู้ไหมว่าทรงเปลี่ยนแปลงตัวข้ามากเพียงใด”


    “ไม่.. ข้าไม่รู้ ทำไมเจ้าไม่เล่าให้ข้าฟังล่ะว่าเราพบกันได้ยังไง”


    “ก็แค่เรื่อง..ธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง” ชายหนุ่มส่งเสียงติดจะงอนเล็กน้อย “เจ้าหญิงพบยาจก จะไปสำคัญอะไรให้เจ้าหญิงคนหนึ่งจดจำ พระองค์พบผู้คนมากมาย ข้าก็แค่คนหนึ่งในนั้น”


    หญิงสาวบิดเนื้อชายหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว


    “อย่ามาเล่นลิ้นนะ คนจร ข้าลืม เจ้าเล่า มันจะไปยากอะไร”


    ยากสิ ยากตรงที่เขาอยากให้นางจำได้โดยไม่ต้องเล่า แม้มันจะเป็นแค่เหตุการณ์ธรรมดาๆ แค่เรื่องๆหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไรมาก แต่เขาก็อยากให้นางจำได้ด้วยตนเอง


    “เอางี้ เราพบกันที่ไหน”


    “ป่าทางเหนือของเคลาคัส”


    คาลิโดร่านิ่งคิด แต่เท้าก็ก้าวตามคนที่จับจูงมืออยู่


    ป่าทางเหนือ ป่าที่เสด็จพ่อชอบไปล่าสัตว์บ่อยๆ มีหลายครั้งที่นางตามไปด้วยก่อนจะดำรงฐานะของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมที่ไม่สมควรปรากฏกายมากนัก ต้องหลายปีเลยทีเดียว ครั้งสุดท้ายที่ได้ไปก็อายุประมาณสิบเอ็ดสิบสอง ครั้งที่นางรู้หัวใจตนเองว่าอยู่ที่ใด......


     
             ‘รอยแผลนี้เป็นความผิดของกระหม่อม.. เจ้าหญิง กระหม่อมขอสาบาน จากนี้กระหม่อมจะปกป้องพระองค์ตลอดไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่’ 


     
    แค่คิดถึงคำพูดนี้ หัวใจก็ร้อนวาบขึ้นมาทันใด คาลิโดร่าเผลอแตะเข้าที่ช่วงอก จุดที่มีรอยแผลที่นางได้รับมา รอยที่เขาสัญญาว่าจะดูแลนางให้ดีกว่าเดิม ความผิดพลาดที่เขาเคยบอกว่าไม่ให้อภัยตัวเอง แต่แล้วการตีความหมายในคำพูดก็ผิดไป เขาจะปกป้อง จะดูแล แต่ไม่ได้หมายความว่าแต่งงานด้วย เขาเห็นนางเป็นของสูงที่เลอค่า แต่ก็ไม่ได้หมายจะไขว่คว้า น่าสมเพชตัวเองนักที่นึกเอาเอง คาดเดาเอาเอง และคิดเข้าข้างตัวเอง ตีความหมายในคำพูดผิดไปหมด จนทุ่มเทลงไปทั้งตัวและหัวใจ ท้ายสุดก็ไม่ได้อะไรกลับมา


    “เจ้าหญิง?” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเมื่อเห็นนางเงียบไปนาน


    “แปลกนะ สถานที่นั้นเป็นความทรงจำของข้าแท้ๆ ทำไมข้าถึงจำเจ้าไม่ได้..”


    “ความทรงจำของพระองค์?”


    “ข้ารู้ตัวว่ารักทาร์เธเมสก็ที่นั่น ที่ที่ข้าคิดว่าเขาบอกรักข้า.. ความคิดที่หลงตัวเอง” คาลิโดร่าเหยียดยิ้มสมเพช..จะใครอื่นเล่า นอกจากตนเอง 


    “สงสัยเพราะหัวใจของพระองค์มีแต่ชายผู้นั้น คนอื่นถึงไม่สำคัญ” คำพูดของเขาดึงอารมณ์นางให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน บุรุษข้างกายเหมือนจะ ‘งอน’ อีกครั้ง สาวงามแสร้งถอนหายใจ ผู้ชายตัวโตงอนแบบนี้ ทำไมนางถึงคิดว่าน่าเอ็นดูไปได้นะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×