ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] เป็น eBook ครบสี่เล่มแล้วนะคะ ^^

    ลำดับตอนที่ #74 : ตอนพิเศษ : เบื้องหลังหน้ากาก (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44
      1
      21 พ.ค. 62





           ทหารยามซึ่งเฝ้าประตูวัง ยินยอมให้ร่างบางผ่านเข้าไปได้ เพราะคุ้นเคยเป็นอย่างดี สองสามเดือนครั้งนางภูตตนนี้จะต้องมาเยี่ยมอดีตเจ้านายเสมอ


           “อ้าว อายาเมะ คราวนี้ห่างไปนานจัง”


           หล่อนโบกมือทักทายเหล่าอัศวินที่สวนไปมา เลือกใช้ประตูหลังเพื่อสะดวกกว่า และไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตอง ภูตสาวเข้าสู่ตัวปราสาทจนถึงเขตพระราชฐานที่อาจเป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนแปลกหน้า แต่ไม่ใช่หล่อนที่เข้านอกออกในจนชินแล้ว


           ภูตสายแห่งดินเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วผลักเข้าไปทันที เพราะรับรู้อยู่แล้วว่าข้างในมีเผ่าพันธุ์ใดอยู่เพียงคนเดียว


           “ได้ข่าวว่าแพ้ท้องหนัก ข้ามาช่วยแล้วค่ะ” ภูตดอกไอริส ส่งเสียงหัวเราะ เมื่อเจ้าของดวงเนตรราตรีค้อนให้


           “ข้าเกลียดการตั้งครรภ์จริงๆ ” มิลโอดครวญ ถึงหล่อนจะมีมนต์ดำ แต่ดูเหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้มาก เมื่อไม่ใช่อาการบาดเจ็บทั่วไป “ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเจอเรื่องแบบนี้หรือไงนะ”


           “ท้องแรกก็แบบนี้แหละค่ะ หลายๆ ครั้งเข้าพระนางก็ชินไปเอง” อายาเมะอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเบ้หน้าทันทีที่ได้ยิน


           “ไม่มีทาง ข้ายอมให้ครั้งเดียวเท่านั้น เข็ดแล้ว ข้าจะไม่ยอมตั้งท้องให้อีกแล้ว” หล่อนเอ่ยเสียงเข้ม ทว่า..อนาคตนั้น ครรภ์นี้จะไม่ใช่แค่ครรภ์แรกและท้ายสุดอย่างแน่นอน


           “คิกๆ มาสิค่ะ ข้าช่วย” อายาเมะดีดนิ้วที่ตรงหน้าร่างอรชรซึ่งผอมลงกว่าเก่าเล็กน้อย แต่อีกไม่กี่เดือนอาจกลายเป็นแม่หมูตัวน้อยๆ ก็เป็นได้


           ควันสีม่วงจางลอยอยู่ตรงหน้าให้มิลได้หายใจ กลิ่นหอมอ่อนช่วยให้ความปั่นป่วนในกระเพราะลดลงอย่างง่ายดาย รู้สบายจนอยากจะหลับตานอน


           “ดีขึ้นหรือยัง”


           “มากเลยล่ะ ข้าน่าจะมีเจ้าอยู่ข้างครั้งอีกนะ”


           “ใครๆ ก็เห็นค่าของข้าทั้งนั้นแหละ” ยกเว้น..เขาคนนั้น


           “จริงสิ มีนายใหม่หรือยัง”


           หลังจากการสิ้นสุดพันธสัญญาระหว่างกัน และเรื่องยุ่งๆ จบลงด้วยดีเมื่อนางในรัตติกาลหวนคืนสู่อำนาจ อายาเมะก็เริ่มต้นชีวิตของตนเองอีกครั้ง..เหมือนเช่นเดิมๆ ลอยกลีบดอกไม้ให้พระแม่ธาราเป็นผู้กำหนดโชคชะตา หล่อนได้เจ้านายใหม่มาคน เป็นหญิงสาวชาวมนุษย์ที่มีชีวิตธรรมดาๆ มีสามี มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู สิ่งที่ปรารถนาก็เกี่ยวกับครอบครัวทั้งสิ้น อายาเมะจึงทำตามความต้องการสำเร็จได้ง่าย และก็บอกลากันง่ายๆ แทบยังไม่ได้สร้างใยสัมพันธ์กันเลย


           เจ้านายส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น มีบ้างที่รู้สึกดีด้วย อีกส่วนแสนรำคาญ และบางส่วนที่เฉยๆ มีเพียง ‘เขา’ กับ ‘นาง’ ตรงหน้าเท่านั้นที่พิเศษกว่าใคร


           “ยังหาไม่ได้เลยค่ะ สงสัยช่วงนี้ดวงตก”


           “เมโลดี้เป็นไงบ้าง เจ้าไปหานางมาหรือยัง”


           “เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เห็นว่าสามารถใช้เวทอุโมงค์ได้แล้ว แต่ยังไม่คล่อง กำหนดได้แค่จุดใกล้ๆ ถ้าไกลกว่านั้นเกินสี่ห้าไมล์ ก็จะผิดพลาดเล็กน้อย ข้าว่าเพราะนางเอาแต่ฝึกเวทมนต์ ถึงได้ไม่มีวี่แว่วจะมีตัวเล็กตัวน้อยแบบท่านเลย ซอเรนเซนถึงยืดอกใหญ่ว่าเอเรียลสู้เขาไม่ได้”


           คนฟังผงกศีรษะทันที ดวงตาที่จะหลับมิหลับแหล่ก็ลืมขึ้น


           “เจ้าว่าไงนะ พวกผู้ชายคุยอะไรกัน”


           “แบบว่า..ท่านก็รู้ว่างานถนัดของข้านี่นา” หล่อนพูดพลางเคาะเท้า รากยาวๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากปลายขา “ในงานเลี้ยงที่ท่านนอนซมอยู่ที่นี่แล้วส่งซอเรนเซนไปแก้วคริสตัลแทน มันก็ได้ทีคุยทับเอเรียลนะสิ หาว่าไม่มีน้ำยา คิกๆ เอเรียลถึงไปน้อยอกน้อยใจเอากับเมล หาว่าไม่มีเวลาให้เขาเลย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”


           “แล้วนี่พ่อตัวดีของข้าอยู่ไหน ไปยุ่งอะไรกับเอเรียล เดี๋ยวเขาก็ทะเลาะกันจนได้”


           “ไม่เอาน่า ซอเรนเซนแค่ช่วยเอเรียลหาเหตุผลให้เท่านั้น อย่างบุรุษไพรนั่นยอมลงให้เมโลดี้ตลอด แล้วเมื่อไรจะมีโอรสธิดามาเชยชมเสียที”


           “แก้ตัวแทนดีจริงนะ” มิลรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะโมโหอะไรจริงจัง แค่อารมณ์ไม่ดีเพราะการตั้งครรภ์


           “ยิ้มหน่อยสิคะ ลูกของพระองค์จะได้อารมณ์ดี”


           คนนอนฟังเริ่มคล้อยตาม กลิ่นหอมรัญจวนก็แรงขึ้นเล็กน้อย


           “ข้าเอาแต่นอนจนจะเป็นหมูอยู่แล้วนะ” ร่างบางประท้วงแต่สติเริ่มไม่มั่นคง


           “อีกหลายเดือนค่ะ กว่าท่านจะเป็น ตอนนี้พักผ่อนก่อนเถอะ ข้ามาเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายนะคะ ตื่นบรรทมแล้ว เราค่อยหาอย่างอื่นทำ”




           “หลับแล้วหรือ” เสียงหนึ่งดังแผ่วที่บานทวาร อายาเมะก้าวออกจากห้อง แล้วปิดประตูเพื่อให้เสียงพูดคุยไม่ไปรบกวนผู้นิทรา


           “อือ แล้วนั่นมันอะไร..” หญิงสาวผมสีม่วงจ้องดูของในมือของแวมไพร์หนุ่ม เป็นหม้อต้มซึ่งในนั้นมีน้ำข้นคลั่กสีขุ่นเหมือนสีโคลนอยู่ด้วย หล่อนทำหน้าแหยงเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นของที่กินได้ “อย่าบอกนะว่าราชาจะเอาสิ่งนี้ให้พระนางดื่ม” อายาเมะขยับถอยห่างไปอีก


           “ไม่ให้นางแล้วจะให้ใคร ข้าไม่ใช่คนแพ้ท้องนี่”

     

           “แล้วพระนางจะยอมเร้อ” ภูตสาวขึ้นเสียงสูงอย่างไม่เห็นด้วย


           “ข้าก็กำลังกล่อมนางอยู่ รู้ไหม ข้าให้คนไปหาสมุนไพรตัวนี้ตั้งนานกว่าจะได้มา สรรพคุณดีมากเลยนะ มันจะช่วยให้เลือดลม..” คนตัวโตทำท่าจะร่ายยาวถึงของวิเศษที่ตนภูมิใจ หากอายาเมะยกมือตรงหน้าให้หยุดทันที


           “ของดีแค่ไหน แต่ถ้าเข้าปากคนป่วยข้างในไม่ได้ก็ไร้ความหมาย ฝ่าบาทไป..เอ่อ..ทำให้มันดูน่าทานกว่านี้ไม่ได้หรือไง”


           “เดี๋ยวคุณค่าของมันก็ลดลงหรอก รู้ไหม หวานเป็นลม ขมเป็นยานะ ของหวานๆ ติดใจง่ายแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก”


           ไอ้เรื่องนั้นใครๆ ก็รู้ แต่ของหวานกับของขม คนส่วนใหญ่จะเลือกอะไรกันแน่ แทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ


           “ข้ารู้ แต่ข้าชักสงสารคนข้างในแล้วสิ”


           “ปกตินางกินยาง่ายนะ แต่ทำไมพอเป็นยาดีๆ ที่ข้าหามาทีไร นางจะบ่ายเบี่ยงทุกทีเลยสิน่า”


           สมควรอยู่


           “ที่จริง ฝ่าบาทน่าจะหาภูตสายแห่งดินช่วยนะ ในวังก็มีนี่ ภูตสุนัขจิ้งจอกไง”


           “ข้าก็ขอให้คิตสึเนะช่วยตอนที่มิลเป็นหนักๆ แต่จะตามเขาทุกครั้งก็คงไม่ไหว เลยอยากจะลองทำอะไรดู เผื่อนางจะดีขึ้น”


           “พระองค์ไม่ต้องห่วงหรอก นิสัยอย่างภูตตนนั้น ยินดีที่จะช่วยเหลือพระนางอยู่แล้ว หรือไม่ก็ทำสัญญากับภูตสักตน เอาระยะเวลาแค่พระนางพอหายก็ได้ พันธสัญญากับแวมไพร์อย่างฝ่าบาทน่าจะมีภูตหลายตนที่สนใจนะ”


           “ข้าจะลองคิดดู แต่..” ซอเรนเซนมองดูน้ำสมุนไพรของตนเองอย่างเสียดาย “เจ้าว่านางจะยอมกินหม้อนี้หรือเปล่า ถ้าข้าขอร้อง”


           คงเก็บไว้ แล้วเวลาเผลอค่อยเททิ้งมั้ง


           “หาวิธีอื่นเถอะค่ะ” ภูตสาวเอ่ยด้วยความหวังดี “ข้าแวะมาแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น จะไปที่อื่นต่อ ลาล่ะ ราชา” อายาเมะโค้งตัวให้เล็กน้อย


           “อือ ไว้เจอกันใหม่” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยในขณะในสายตายังจ้องอยู่ในหม้อและสมองยังใช้ความคิดหนัก



    ....................................



           “เจ้าว่าข้าควรไปทางไหนต่อดี ไม่เอาๆ ควรจะเริ่มใหม่ตรงไหน” เสียงแหลมดังขึ้น ทำให้คนเดินตามกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก


           “ที่บ้านของนายท่านดีไหมเจ้าคะ”


           “เจ้าจะให้ข้าเริ่มต้นใหม่หมดหรือไง!” หญิงสาวชาวมนุษย์หันกลับมาทำหน้าบึ้งใส่


           “เจ้าค่ะ เพราะนายท่านเดินมาผิดทางตั้งแต่แรก”


           “แล้วทำไมเจ้าไม่บอก!” เสียงเดิมดังกลับมาอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำให้ตนเองเสียเวลา


           ด้วยความเป็นภูตรับใช้ทำให้อายาเมะเม้มริมฝีปากแน่น


           ก็แล้วใครที่ไหนบอกว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ต้องมาช่วยอะไรล่ะ!


           “ช่างเถอะ! ข้าไม่ไปตลาดแล้ว” หญิงสาวที่รูปร่างอวบนิดๆ แต่ไม่ถึงกับอ้วนนั่งแหมะลงกับพื้น


           “นายท่าน นั่งลงไปเลยจะทำให้เสื้อผ้าท่านเปื้อนได้นะคะ”


           “ช่างสิ ข้ามีคนซัก”


           “แต่ข้าจะถูกพ่อของนายท่านตำหนิได้ว่าดูแลท่านไม่ดี”


           “เจ้าเป็นภูตของข้าไม่ใช่ของพ่อนะ!” เจ้าหล่อนขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “คนรับใช้ของข้าแต่ละคนก็ฟังแต่พ่อ พ่อสั่งอย่างงั้นพ่อสั่งอย่างงี้ ข้าถึงอยากมีภูตที่ฟังข้าคนเดียว ไม่ต้องฟังคนอื่น เจ้าทำไม่ได้หรือไง!!” ยิ่งพูดเสียงนั้นก็ยิ่งสูงจนบาดหู อายาเมะได้เพียงพยักหน้ารับ


           “เจ้าค่ะ นายท่าน”


           ฟาดิเนียเหยียดเท้าหลังจากที่เดินมาจนเหนื่อย กระโปรงสีอ่อนที่หล่อนไม่ชอบใจแต่ถูกบิดาบังคับให้ใส่ ร่างอวบจึงจงใจคลุกดินให้เปื้อนเป็นด่างเป็นดวงมากขึ้น ยังไงเสียคนที่ถูกดุก็ไม่ใช่หล่อนอยู่แล้ว


           อายาเมะถอยหลังให้เจ้านายของตนเพลิดเพลินกับธรรมชาติ หลังจากที่ออกจากบ้านเป็นครั้งแรกโดยไม่มีผู้ติดตาม ไม่..หล่อนต่างหากผู้ติดตามคนใหม่ ครั้งแรกฟาดิเนียตั้งใจจะไปตลาดด้วยตนเองสักครั้ง แต่แล้วก็พลาดจนมาอยู่กลางธรรมชาติ


           ภูตสายแห่งดินอยากจะส่ายหน้า เดินยังไง.. ถึงไม่เคยไปตลาดมาก่อน แต่เดินหลงเข้าป่าได้ เหลือเชื่อจริงๆ น่าจะรู้ว่าตลาดมีคนพลุกพล่าน แค่เดินตามทางเห็นคนน้อยจนแทบไม่มีก็น่าจะเอะใจได้แล้ว เอ๊..หรือนางจะไม่รู้ว่าตลาดเป็นยังไง


           ไข่ในหิน.. นกน้อยในกรงทึบ..


           สักพักไข่ก็ลุกขึ้นยืน มองสายน้ำเบื้องหน้าแล้วยิ้มขึ้นมา


           “ข้าจะลงน้ำ!”


           “นายท่าน ท่านไม่มีชุดมาเปลี่ยน”


           “เจ้าก็หามาให้ข้าสิ เร็วๆ ด้วย!”


           “ข้าต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านท่าน คงเร็วไม่ได้”


           “เจ้าใช้เวทมนต์เสกขึ้นมาไม่ได้หรือไง”


           อายาเมะอยากจะกลอกตาอีกรอบ เอาอีกคนแล้ว นี่หล่อนต้องเจอมนุษย์ที่คิดว่าเวทมนต์เป็นของวิเศษเลิศเลอ ทำได้ทุกอย่างอีกกี่คนกันเนี่ย


           “นายท่าน ของแบบนั้นพวกเราทำไม่ได้ เวทมนต์คือการหยิบยืมพลังของธรรมชาติ เราไม่สามารถ..”


           “โอย ไม่ต้องบ่นได้ไหม ข้าเบื่อ!” เจ้าหล่อนโวยวาย ทั้งที่ภูตรับใช้แค่พูดประโยคยาวๆ เท่านั้นเอง


           อายาเมะพยายามทำความเข้าใจว่า เพราะเจ้านายของตนต้องฟังแต่คนอื่นตลอด การอยู่ด้วยกันในบ้านสองสามวันก็พอรู้ว่านับครั้งที่นางจะเอ่ยปากออกมาได้ เมื่อมีแต่ต้องรับคำสั่งจากผู้เป็นบิดาเท่านั้น ทำให้จะมีปฏิกิริยากับคนพูดด้วยเช่นนี้ก็ไม่แปลก แต่บางครั้งก็มากเกินไปจนเอือมระอาได้


           “ข้า..จะ..ลง..น้ำ” ฟาดิเนียเน้นแต่ละคำ “เจ้าก็ต้องหาวิธีให้ข้าลงน้ำให้ได้”


           “เจ้าค่ะ”


           ภูตดอกไอริสรับปากอย่างหมดความอดทน แล้วจึงเดินไปที่ธารน้ำ เอ่ยเสียงที่มีแต่ภูตด้วยกันเท่านั้นจะฟังออก


           คาวะ.. คาวะ เจ้าอยู่หรือเปล่า


           น้ำในธารนั้นกระเพื่อมเป็นวง เสียงหัวเราะดังแผ่ว


           ‘อยู่สิ จะพลาดเรื่องสนุกที่ภูตถูกทำเป็นตัวตลกได้ยังไง’


           อายาเมะอยากถอนหายใจสักร้อยหน แม่ภูตสายแห่งน้ำเก่งนักเรื่องจิกกัด


           ‘ข้าอยากให้เจ้าช่วยหน่อย ทำให้เสื้อผ้าของเจ้านายข้าไม่เปียกได้ไหม’


           ‘ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าข้าอยากจะแกล้งนายของเจ้าล่ะ เห็นโวยวายมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว รบกวนความสงบข้า’


           ‘ไม่มีทางอื่นเลยหรือ’


           ‘ไม่’


           อายาเมะชั่งใจ ยังไงเสียหล่อนก็ต้องทำตามหน้าที่คือหาทางให้เจ้านายลงน้ำให้ได้ ก็ต้องยอมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องภูตสายน้ำคงไม่ต้องห่วง อย่างมากนางก็แกล้งดึงขาเท่านั้น ดีนะที่ยังเป็นภูตสายแห่งน้ำ ถ้าต้องไปขอความช่วยเหลือจากสายแห่งลม คงไม่จบง่ายๆ แค่นี้แน่


           ‘ก็ได้ แต่อย่าหนักนะ ข้าไม่อยากมีปัญหาทีหลัง’


           อายาเมะเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย แล้วยืดตัวขึ้น เดินกลับไปหาเจ้านาย


           “นายท่านลงน้ำได้เลยเจ้าค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อ ข้าตกลงกับภูตสายน้ำเอาไว้แล้ว นางจะไม่ทำให้เสื้อผ้าของท่านเปียก”


           “ทำได้ด้วยหรือ” ฟาดิเนียตาโตทันที


           “เจ้าค่ะ”


           “แล้วทำไมเจ้าทำไม่ได้ล่ะ”


           “นายท่าน ข้าอยู่สายแห่งดิน นอกเหนืออาณาเขตของธรณี เราไม่มีอำนาจพอที่จะ..”


           “พอๆ ๆ ข้าไม่อยากฟัง เอาเป็นว่าข้าลงน้ำได้แล้วใช่ไหม”


           “เจ้าค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”


           ฟาดิเนียเดินไปหยุดริมธาร ก่อนจะก้าวขาลงน้ำทั้งที่ยังไม่ถอดรองเท้า กระโปรงยาวก็ตกลงไปในน้ำแต่เมื่อยกกลับขึ้นมา มันยังแห้งสนิทเหมือนเดิม หญิงสาวแย้มยิ้มที่อายาเมะอยากให้นางยิ้มเช่นนี้ทั้งวันจะดีกว่า ขาเรียวก้าวลงไปในน้ำลึกขึ้น ปลายฤดูร้อนรวมกับเวลากลางวันเช่นนี้ทำให้น้ำอุ่นสบาย ฟาดิเนียลงไปถึงระดับเอว ร่างกายของนางรู้สึกได้ถึงน้ำรอบตัวและเมื่อยกมือขึ้นมันก็พราวไปด้วยหยดน้ำ ร่างกายเปียก แต่เสื้อผ้าไม่


           “นี่ ข้าจะมีภูตสายน้ำเป็นภูตรับใช้ได้ยังไง”


           “ภูตสายแห่งน้ำไม่นิยมเป็นภูตรับใช้มนุษย์เจ้าค่ะ” โดยเฉพาะมนุษย์ที่เอาแต่ใจตนเอง “นิยมรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บางส่วนเป็นภูตขุนนางในเมืองแก้วคริสตัล”


           “มันต้องมีสิน่า เจ้าต้องไปหาทางให้ข้า”


           “นายท่าน เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความสามารถของข้าค่ะ เรื่องการหาภูตรับใช้อยู่ที่โชคชะ...”


           “ข้าไม่อยากฟัง!” หญิงสาวตัดบทอีกรอบ แล้วเริ่มต้นเล่นน้ำทันที อายาเมะยืนคอยอยู่ริมธารเพื่อดูว่าภูตอีกตนจะทำอะไร


           และหล่อนก็รู้แล้ว...







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×