ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] เป็น eBook ครบสี่เล่มแล้วนะคะ ^^

    ลำดับตอนที่ #45 : = 33 = หนึ่งสายโลหิต หนึ่งหนี้บุญคุณ หนึ่งคำพยากรณ์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60
      4
      29 ม.ค. 62




             ไมชาดัสเห็นว่าไม่อาจจะปิดบังอะไรได้อีก จากนี้ทุกคนจะรู้ความจริง จึงพยักหน้า

             “เพคะ พี่หญิงมีเกศาสีดำ นัยน์เนตรสีดำ”

             ไม่อาจเสริมต่อหน้าหัวหน้านักบวชได้ว่า เป็นสีดำบริสุทธิ์ที่งดงามที่สุดเท่าที่นางเคยเห็น

             ไฮยาซินทัสไม่ได้สนใจความในใจของหลานสาว นางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง

             ถ้ายุคที่แม่มดปกครองบ้านเมืองมาถึง เจ้าสาวแห่งพระเจ้าอย่างนางอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เช่นนั้นแล้ว..นางจะมีอิสระเดินออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ หลุดออกจากพันธนาการนี้ตลอดกาล

             เขาผู้นั้น.. ผู้ที่รอคอยนางมาโดยตลอดจะ..

             เสียงแตรด้านนอกดังขึ้นเป็นจังหวะให้รู้ว่าราชากำลังเสด็จ ไมชาดัสช่วยเสด็จป้าของตนตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องทรงอีกครั้ง แล้วดึงผ้าขาวปิดคลุมพระพักตร์เฉกเดียวกับยามออกพิธีการอื่นๆ จับจูงหัตถ์ออกจากห้อง เหล่านางบริจาริกาที่รอด้านนอกย่อตัวถวายความเคารพ เดินตามหลังพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการแด่เทวีผู้สูงศักดิ์ด้วยความพร้อมเพรียง

             ที่จัดบวงสรวงยามค่ำคืนนี้ จัดที่ลานด้านหน้าของมหาวิหาร แท่นตรงกลางยกระดับจากพื้นดินคล้ายเวทีประลองของเหล่าอัศวินหากงดงามและประณีตมากกว่าแม้จะสร้างในเวลากระชั้นชิด กึ่งกลางของแท่นยกสูงอีกระดับคล้ายขั้นบันไดสี่ด้าน บนสุดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาดให้แกะสักตัวสามารถยืนบนนั้นได้ 

             คบเพลิงรายล้อมเป็นวงกลม ด้านหนึ่งเชื้อกษัตริย์ประทับ ส่วนใหญ่เป็นเหล่าพระชายาของแต่ละพระองค์และโอรสธิดา อีกด้านเป็นเหล่าขุนนาง ประชาชนที่ได้ยินข่าวลือต่างเบียดเสียดอยู่นอกกำแพงวัง แม้มิอาจเข้ามาแต่ก็ปรารถนาจะอยู่รับฟังความตัดสินจากทวยเทพ

             อโดนิสอดแปลกใจไม่ได้ การตัดสินใจเพิ่งจะมีไปเมื่อเช้า เหตุใดเรื่องถึงกระจายไปถึงชาวบ้านได้ หรือจะมีใครปล่อยข่าวกันแน่

             เจ้าหญิงนักบวชเดินไปหยุดอยู่กลางแท่นบวงสรวง เหล่าข้าบริจาริกาต่างวางข้าวของลงตามตำแหน่งที่ฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน แล้วถอยหลังออกไป ไมชาดัสเองก็ถอยออกไปด้วยเช่นกัน นัยน์เนตรน้ำตาลอมฟ้าเหลือบแลเจ้าชายทั้งสองพระองค์ที่ประทับไม่ห่างจากราชาแก้วผลึก

             ทำไมถึง..มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นนั้นได้

             เด็กสาวเก็บสายตากลับมามองที่เสด็จป้าของตน เริ่มต้นเอ่ยเทิดทูนสดุดีเทวีแห่งจันทราที่ประทานแสงสว่างในยามค่ำคืน ก่อนจะร้องขอคำตัดสินที่ยิ่งใหญ่

             ฉับพลันจันทรหายเข้ากลีบเมฆ ทั่วทั้งบริเวณมืดสนิท มีแต่แสงจากคบเพลิงที่ยังลุกไหม้ หากไม่อาจเห็นอะไรระยะไกลได้ ร่างในชุดเหลืองนวลยาวกรอมเท้าปรากฏกายจากความมืดคล้ายภาพลวงตาราวกำลังเดินลงจากบันไดที่มองไม่เห็นจากฟากฟ้า เส้นผมสีทองประกายต้องลมพลิ้วไสว

             ร่างนั้นมาหยุดอยู่กลางแท่นบวงสรวง เมื่อนั้นเหล่าก้อนเมฆหลบหลี้ ให้จันทรอวดโฉมอีกครั้ง แสงสว่างกลับคืนมาส่องที่ร่างนวลงามตาบนแท่นสูง อาภรณ์ประกายระยับราวเคลือบด้วยเกล็ดเพชร ดวงตาสีรุ้งจ้องมองลงมายังผู้ทำพิธี ท่อนขาเรียวยาวพ้นชุดออกมาเล็กน้อยยามก้าวลงจากขั้นบันไดของแท่นบวงสรวง

             “อาจหาญเรียกเรามาโลกเบื้องล่างเช่นนี้ มนุษย์..ช่างบังอาจเกินตัวเสียจริง”

             มนุษย์ทุกผู้ในที่นี้ต่างยืนขึ้นแตกตื่นตั้งแต่พระจันทร์หายลับไปกับก้อนเมฆจนโผล่พ้นอีกครา มายามนี้ได้ยลโฉมของเทพเบื้องหน้า ได้ยินเสียงจริงๆ ต่างพร้อมใจคุกเข่าโขกศีรษะคำนับแด่ทวยเทพโดยเฉพาะประชาชนด้านนอกที่มองผ่านรั้วประตูเข้ามา ร้องไห้แก่บุญของตนที่มีโอกาสได้ยลโฉมเทพศักดิ์สิทธิ์สักครั้งในชีวิต

             คนในรั้วในวังชั้นสูงต่างเคยพบเจอเทพมาบ้างแล้วตามงานพิธีสำคัญต่างๆ ก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติที่เสด็จมาตามคำเรียก อโดนิสขมวดคิ้ว แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ยอมคุกเข่าตามคนอื่นๆ

             อ่อนข้อให้สักนิด หวังว่าจะประทานคำตอบที่น่าพึงพอใจ

             “เรียนเทวีผู้งดงาม แก้วผลึกมีเรื่องทุกข์ร้อน จึงได้ต้องบังอาจเอ่ยนามพระองค์เช่นนี้ แล้วพวกเราจะถวายธัญพืชที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแก่พระองค์”

             “เมืองที่แผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ บ้านที่กำลังจะล่มสลาย จะมีปัญญาหาอะไรมาถวายเราได้”

             เสียงรอบด้านแตกตื่นขึ้นมากับคำพยากรณ์แห่งจันทรา เจ้าของดวงเนตรงามคู่นั้นเอ่ยวาจาอันโหดร้ายได้อย่างเลือดเย็น

             “เพราะทัพปีศาจ..” เจ้าหญิงนักบวชพยายามชี้แจ้ง

             “เพราะผลพวงจากอดีตกาล” โจงะตัดบท

             โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นที่จะถอนคำสาปได้

             “เพราะคำตระบัดสัตย์ของมนุษย์ บ้านเมืองจะถูกธรณีสูบในไม่ช้า”

             “เทวี พวกเราทำผิดสิ่งใด”

             “เอ่ยวาจาโกหก นั่งครองบัลลังก์ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์”

             ไฮยาซินทัสค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ

             “ขอเทวีเมตตาประทานทางออกแก่พวกเราด้วย”

             ร่างงามระหงก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย มาหยุดอยู่หน้าโต๊ะที่วางเครื่องบวงสรวง ฝั่งตรงข้ามคือเจ้าสาวแห่งพระเจ้า เสียงแห่งเทพก้องกังวานจารึกลงไปในใจของผู้ฟัง

             “มีเพียงเจ้าของแห่งรัตติกาลตัวจริงเท่านั้นถึงสามารถช่วยเหลือเมืองนี้ได้ พวกเขาคือผู้ก่อสร้างดินแดนแห่งนี้ เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน เป็นเจ้าของบัลลังก์โดยชอบธรรม”

             “เจ้าของแห่งรัตติกาล..”

             “โฉมสะคราญในราตรี นางในรัตติกาล”

             สิ้นเสียงแห่งจันทรา ผู้คนรอบด้านต่างลุกฮือขึ้น ประชาชนเริ่มต้นวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป คำพยากรณ์จากทวยเทพ ผสมไปกับข่าวลือที่ได้รับมาก่อนหน้า
    จะมีอิสตรีมากอบกู้บ้านเมือง

             “ตามหาผู้มีสายเลือดแห่งนางในรัตติกาล หากแม้นบนพื้นแผ่นดินนี้สิ้นทายาทแล้วไซร้ ดินแดนนี้นับวันรอความตายได้!”

             สิ้นคำ ความมืดปกคลุมอย่างรวดเร็ว คราวนี้แม้แต่คบเพลิงที่ล้อมเป็นวงกลมทุกอันต่างดับลงพร้อมกัน เกิดความโกลาหลชั่วขณะ โทริรีบสั่งให้เหล่าทหารจุดไฟต่ออย่างรวดเร็ว เมื่อมีแสงสว่างกลับมาก็พบว่าแท่นบวงสรวงว่างเปล่าเสียแล้ว

             เทวีเสด็จกลับ ประชาชนหมอบคุกเข่าคำนับส่งเทวีแห่งจันทรา

             ไฮยาซินทัสยังยืนอยู่ที่เดิม หอบหายใจแรงขึ้น เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกับเทวีถึงขนาดนี้ รับรู้ได้ถึงรัศมีร้อนแรง และดวงตาคมราวใบมีด นางค่อยๆ หันมองอโดนิส

             “เสด็จป้า ทรงสบายดีไหมเพคะ” ไมชาดัสเข้ามากระซิบถาม เห็นฝ่ามือของอีกฝ่ายชุ่มไปด้วยเหงื่อกับเสียงหอบหายใจ จึงตัดสินใจพยุงร่างนั้นกลับเข้าด้านในวิหาร

             ราชาแห่งแก้วผลึกยืนขึ้น ยกหัตถ์เหนือเศียร เสียงที่กำลังพูดคุยก็หยุดลงทันใด

             “วาจาแห่งทวยเทพ พวกเราได้รับฟังแล้ว บ้านเมืองนี้จะต้องมีนางในรัตติกาลขึ้นนั่งบัลลังก์”

             “ราชา!” ขุนนางผู้หนึ่งก้าวออกมา “จะให้แม่มดกระหายเลือดมาเป็นใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด”

             “ราชา แม่มดชิงชังมนุษย์ยิ่งนัก พวกเราจะถูกสังหารล้างเผ่าพันธุ์” อีกเสียงสนับสนุน

             “หรือพวกท่านมีวิธีที่ดีกว่านี้ หรือไม่ได้ยินดำรัสแห่งเทวี..”

             “ราชา..”

             “พวกเจ้าแบกความรับผิดชอบไหวหรือไม่ถ้าบ้านเมืองนี้ล่มสลายลงไป ใครกล้ารับผิดรับชอบที่จะฝืนเจตนาแห่งทวยเทพ ก็ก้าวออกมายืนตรงหน้าข้า!”

             เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปรารถนาให้มีผู้กล้าคนแรกออกไปเสียก่อน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครอาจหาญเอาคอขึ้นเขียงเช่นนั้น

             “แม่มดที่พวกเจ้าว่า คือหลานสาวของเรา ธิดาแห่งอดีตราชันฮาเดส นางมีเลือดสองเผ่าพันธุ์ไร้อำมหิตเฉกเช่นแม่มดร้ายในอดีต ใครจะเหมาะสมไปกว่านี้”

             ขุนนางชราก้าวออกมาคำนับราชาก่อนเอ่ยวาจา

             “นางจะเป็นผู้นำสันติสุขมาสู่ดินแดนแห่งนี้ นางเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจในภูผาหอมและแดนธาราสีครามหนุนหลัง บ้านเมืองของเราจะแผ่อำนาจไปไกลเหนือจรดใต้”

              เหล่าขุนนางเริ่มซุบซิบแบ่งฟากฝ่าย อโดนิสมองไปทั่ว

             ยัง.. ยังมากเกินไป ราชาหนุ่มมองดูสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยยังมีจำนวนมากกว่าก็ไม่อาจวางใจ

             เสนาบดีมหาดไทยคนใหม่ก้าวออกมา เป็นชายหนุ่มรุ่นใหม่ใบหน้าคมคายไม่ยึดติดกับตำนานความหลังหรือเรื่องราวเก่าก่อน

             “ราชา ขณะนี้ศึกประชิดเมือง ฝั่งพวกเราเป็นรอง อสูรกายกระหายเลือดเช่นนั้น ถ้าพังประตูเมืองได้ ประชาชนจะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เจ้าชายราซายตรัสว่าเจ้าหญิงรัชทายาททรงกำราบปีศาจได้ เช่นนั้น ให้พระนางช่วยบ้านเมืองนี้จากภัยสงคราม สร้างความดีความชอบ ประชาชนย่อมยอมรับผู้กล้า และฝั่งพวกเรายังติดหนี้บุญคุณที่ช่วยบ้านเมืองให้พ้นภัย หนึ่งสายโลหิต หนึ่งหนี้บุญคุณ หนึ่งพยากรณ์จากองค์เทวี เช่นนั้นแล้วจะมีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าพระนางเธอ”

             “ดี!” อโดนิสมองเห็นดวงตาหลายคู่สั่นไหว ความคิดสั่นคลอน เรื่องเร่งด่วนคือศึกปีศาจที่ประชิดเมือง

             หากจัดการไม่ได้ ย่อมไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์

             หากจัดการได้..บ้านเมืองที่กำลังจะแพ้สงคราม แค่เปลี่ยนผู้ปกครอง แต่ประชาชนยังอยู่อย่างร่มเย็น รักษาบ้านเมืองไว้ได้ ใครจะไม่เลือกทางสายนี้

             “หลานชาย ถึงเวลาที่พี่หญิงของเจ้าต้องพิสูจน์องค์เองแล้ว”

             “หม่อมฉันจะส่งต่อรับสั่งนี้ถึงพี่หญิงพระเจ้าค่ะ”

             เด็กหนุ่มสูงศักดิ์น้อมรับ





    == = = = = === = === = === = = ==== = =

    ตอนนี้สั้นไปหน่อยนะคะ ตัดจบพอดี



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×