ลำดับตอนที่ #45
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : = 33 = หนึ่งสายโลหิต หนึ่งหนี้บุญคุณ หนึ่งคำพยากรณ์
ไมชาดัสเห็นว่าไม่อาจจะปิดบังอะไรได้อีก จากนี้ทุกคนจะรู้ความจริง จึงพยักหน้า
“เพคะ พี่หญิงมีเกศาสีดำ นัยน์เนตรสีดำ”
ไม่อาจเสริมต่อหน้าหัวหน้านักบวชได้ว่า เป็นสีดำบริสุทธิ์ที่งดงามที่สุดเท่าที่นางเคยเห็น
ไฮยาซินทัสไม่ได้สนใจความในใจของหลานสาว นางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง
ถ้ายุคที่แม่มดปกครองบ้านเมืองมาถึง เจ้าสาวแห่งพระเจ้าอย่างนางอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เช่นนั้นแล้ว..นางจะมีอิสระเดินออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ หลุดออกจากพันธนาการนี้ตลอดกาล
เสียงแตรด้านนอกดังขึ้นเป็นจังหวะให้รู้ว่าราชากำลังเสด็จ ไมชาดัสช่วยเสด็จป้าของตนตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องทรงอีกครั้ง แล้วดึงผ้าขาวปิดคลุมพระพักตร์เฉกเดียวกับยามออกพิธีการอื่นๆ จับจูงหัตถ์ออกจากห้อง เหล่านางบริจาริกาที่รอด้านนอกย่อตัวถวายความเคารพ เดินตามหลังพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการแด่เทวีผู้สูงศักดิ์ด้วยความพร้อมเพรียง
ที่จัดบวงสรวงยามค่ำคืนนี้ จัดที่ลานด้านหน้าของมหาวิหาร แท่นตรงกลางยกระดับจากพื้นดินคล้ายเวทีประลองของเหล่าอัศวินหากงดงามและประณีตมากกว่าแม้จะสร้างในเวลากระชั้นชิด กึ่งกลางของแท่นยกสูงอีกระดับคล้ายขั้นบันไดสี่ด้าน บนสุดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาดให้แกะสักตัวสามารถยืนบนนั้นได้
อโดนิสอดแปลกใจไม่ได้ การตัดสินใจเพิ่งจะมีไปเมื่อเช้า เหตุใดเรื่องถึงกระจายไปถึงชาวบ้านได้ หรือจะมีใครปล่อยข่าวกันแน่
เจ้าหญิงนักบวชเดินไปหยุดอยู่กลางแท่นบวงสรวง เหล่าข้าบริจาริกาต่างวางข้าวของลงตามตำแหน่งที่ฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน แล้วถอยหลังออกไป ไมชาดัสเองก็ถอยออกไปด้วยเช่นกัน นัยน์เนตรน้ำตาลอมฟ้าเหลือบแลเจ้าชายทั้งสองพระองค์ที่ประทับไม่ห่างจากราชาแก้วผลึก
ทำไมถึง..มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นนั้นได้
เด็กสาวเก็บสายตากลับมามองที่เสด็จป้าของตน เริ่มต้นเอ่ยเทิดทูนสดุดีเทวีแห่งจันทราที่ประทานแสงสว่างในยามค่ำคืน ก่อนจะร้องขอคำตัดสินที่ยิ่งใหญ่
ฉับพลันจันทรหายเข้ากลีบเมฆ ทั่วทั้งบริเวณมืดสนิท มีแต่แสงจากคบเพลิงที่ยังลุกไหม้ หากไม่อาจเห็นอะไรระยะไกลได้ ร่างในชุดเหลืองนวลยาวกรอมเท้าปรากฏกายจากความมืดคล้ายภาพลวงตาราวกำลังเดินลงจากบันไดที่มองไม่เห็นจากฟากฟ้า เส้นผมสีทองประกายต้องลมพลิ้วไสว
ร่างนั้นมาหยุดอยู่กลางแท่นบวงสรวง เมื่อนั้นเหล่าก้อนเมฆหลบหลี้ ให้จันทรอวดโฉมอีกครั้ง แสงสว่างกลับคืนมาส่องที่ร่างนวลงามตาบนแท่นสูง อาภรณ์ประกายระยับราวเคลือบด้วยเกล็ดเพชร ดวงตาสีรุ้งจ้องมองลงมายังผู้ทำพิธี ท่อนขาเรียวยาวพ้นชุดออกมาเล็กน้อยยามก้าวลงจากขั้นบันไดของแท่นบวงสรวง
“อาจหาญเรียกเรามาโลกเบื้องล่างเช่นนี้ มนุษย์..ช่างบังอาจเกินตัวเสียจริง”
มนุษย์ทุกผู้ในที่นี้ต่างยืนขึ้นแตกตื่นตั้งแต่พระจันทร์หายลับไปกับก้อนเมฆจนโผล่พ้นอีกครา มายามนี้ได้ยลโฉมของเทพเบื้องหน้า ได้ยินเสียงจริงๆ ต่างพร้อมใจคุกเข่าโขกศีรษะคำนับแด่ทวยเทพโดยเฉพาะประชาชนด้านนอกที่มองผ่านรั้วประตูเข้ามา ร้องไห้แก่บุญของตนที่มีโอกาสได้ยลโฉมเทพศักดิ์สิทธิ์สักครั้งในชีวิต
คนในรั้วในวังชั้นสูงต่างเคยพบเจอเทพมาบ้างแล้วตามงานพิธีสำคัญต่างๆ ก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติที่เสด็จมาตามคำเรียก อโดนิสขมวดคิ้ว แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ยอมคุกเข่าตามคนอื่นๆ
อ่อนข้อให้สักนิด หวังว่าจะประทานคำตอบที่น่าพึงพอใจ
“เรียนเทวีผู้งดงาม แก้วผลึกมีเรื่องทุกข์ร้อน จึงได้ต้องบังอาจเอ่ยนามพระองค์เช่นนี้ แล้วพวกเราจะถวายธัญพืชที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแก่พระองค์”
“เมืองที่แผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ บ้านที่กำลังจะล่มสลาย จะมีปัญญาหาอะไรมาถวายเราได้”
เสียงรอบด้านแตกตื่นขึ้นมากับคำพยากรณ์แห่งจันทรา เจ้าของดวงเนตรงามคู่นั้นเอ่ยวาจาอันโหดร้ายได้อย่างเลือดเย็น
“เพราะทัพปีศาจ..” เจ้าหญิงนักบวชพยายามชี้แจ้ง
“เพราะผลพวงจากอดีตกาล” โจงะตัดบท
โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นที่จะถอนคำสาปได้
“เพราะคำตระบัดสัตย์ของมนุษย์ บ้านเมืองจะถูกธรณีสูบในไม่ช้า”
“เทวี พวกเราทำผิดสิ่งใด”
“เอ่ยวาจาโกหก นั่งครองบัลลังก์ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์”
ไฮยาซินทัสค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ
“ขอเทวีเมตตาประทานทางออกแก่พวกเราด้วย”
ร่างงามระหงก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย มาหยุดอยู่หน้าโต๊ะที่วางเครื่องบวงสรวง ฝั่งตรงข้ามคือเจ้าสาวแห่งพระเจ้า เสียงแห่งเทพก้องกังวานจารึกลงไปในใจของผู้ฟัง
“มีเพียงเจ้าของแห่งรัตติกาลตัวจริงเท่านั้นถึงสามารถช่วยเหลือเมืองนี้ได้ พวกเขาคือผู้ก่อสร้างดินแดนแห่งนี้ เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน เป็นเจ้าของบัลลังก์โดยชอบธรรม”
“เจ้าของแห่งรัตติกาล..”
“โฉมสะคราญในราตรี นางในรัตติกาล”
สิ้นเสียงแห่งจันทรา ผู้คนรอบด้านต่างลุกฮือขึ้น ประชาชนเริ่มต้นวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป คำพยากรณ์จากทวยเทพ ผสมไปกับข่าวลือที่ได้รับมาก่อนหน้า
จะมีอิสตรีมากอบกู้บ้านเมือง “ตามหาผู้มีสายเลือดแห่งนางในรัตติกาล หากแม้นบนพื้นแผ่นดินนี้สิ้นทายาทแล้วไซร้ ดินแดนนี้นับวันรอความตายได้!”
สิ้นคำ ความมืดปกคลุมอย่างรวดเร็ว คราวนี้แม้แต่คบเพลิงที่ล้อมเป็นวงกลมทุกอันต่างดับลงพร้อมกัน เกิดความโกลาหลชั่วขณะ โทริรีบสั่งให้เหล่าทหารจุดไฟต่ออย่างรวดเร็ว เมื่อมีแสงสว่างกลับมาก็พบว่าแท่นบวงสรวงว่างเปล่าเสียแล้ว
เทวีเสด็จกลับ ประชาชนหมอบคุกเข่าคำนับส่งเทวีแห่งจันทรา
ไฮยาซินทัสยังยืนอยู่ที่เดิม หอบหายใจแรงขึ้น เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกับเทวีถึงขนาดนี้ รับรู้ได้ถึงรัศมีร้อนแรง และดวงตาคมราวใบมีด นางค่อยๆ หันมองอโดนิส
“เสด็จป้า ทรงสบายดีไหมเพคะ” ไมชาดัสเข้ามากระซิบถาม เห็นฝ่ามือของอีกฝ่ายชุ่มไปด้วยเหงื่อกับเสียงหอบหายใจ จึงตัดสินใจพยุงร่างนั้นกลับเข้าด้านในวิหาร
ราชาแห่งแก้วผลึกยืนขึ้น ยกหัตถ์เหนือเศียร เสียงที่กำลังพูดคุยก็หยุดลงทันใด
“วาจาแห่งทวยเทพ พวกเราได้รับฟังแล้ว บ้านเมืองนี้จะต้องมีนางในรัตติกาลขึ้นนั่งบัลลังก์”
“ราชา!” ขุนนางผู้หนึ่งก้าวออกมา “จะให้แม่มดกระหายเลือดมาเป็นใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด”
“ราชา แม่มดชิงชังมนุษย์ยิ่งนัก พวกเราจะถูกสังหารล้างเผ่าพันธุ์” อีกเสียงสนับสนุน
“หรือพวกท่านมีวิธีที่ดีกว่านี้ หรือไม่ได้ยินดำรัสแห่งเทวี..”
“ราชา..”
“พวกเจ้าแบกความรับผิดชอบไหวหรือไม่ถ้าบ้านเมืองนี้ล่มสลายลงไป ใครกล้ารับผิดรับชอบที่จะฝืนเจตนาแห่งทวยเทพ ก็ก้าวออกมายืนตรงหน้าข้า!”
เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปรารถนาให้มีผู้กล้าคนแรกออกไปเสียก่อน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครอาจหาญเอาคอขึ้นเขียงเช่นนั้น
“แม่มดที่พวกเจ้าว่า คือหลานสาวของเรา ธิดาแห่งอดีตราชันฮาเดส นางมีเลือดสองเผ่าพันธุ์ไร้อำมหิตเฉกเช่นแม่มดร้ายในอดีต ใครจะเหมาะสมไปกว่านี้”
ขุนนางชราก้าวออกมาคำนับราชาก่อนเอ่ยวาจา
“นางจะเป็นผู้นำสันติสุขมาสู่ดินแดนแห่งนี้ นางเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจในภูผาหอมและแดนธาราสีครามหนุนหลัง บ้านเมืองของเราจะแผ่อำนาจไปไกลเหนือจรดใต้”
เหล่าขุนนางเริ่มซุบซิบแบ่งฟากฝ่าย อโดนิสมองไปทั่ว
ยัง.. ยังมากเกินไป ราชาหนุ่มมองดูสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยยังมีจำนวนมากกว่าก็ไม่อาจวางใจ
“ราชา ขณะนี้ศึกประชิดเมือง ฝั่งพวกเราเป็นรอง อสูรกายกระหายเลือดเช่นนั้น ถ้าพังประตูเมืองได้ ประชาชนจะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เจ้าชายราซายตรัสว่าเจ้าหญิงรัชทายาททรงกำราบปีศาจได้ เช่นนั้น ให้พระนางช่วยบ้านเมืองนี้จากภัยสงคราม สร้างความดีความชอบ ประชาชนย่อมยอมรับผู้กล้า และฝั่งพวกเรายังติดหนี้บุญคุณที่ช่วยบ้านเมืองให้พ้นภัย หนึ่งสายโลหิต หนึ่งหนี้บุญคุณ หนึ่งพยากรณ์จากองค์เทวี เช่นนั้นแล้วจะมีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าพระนางเธอ”
“ดี!” อโดนิสมองเห็นดวงตาหลายคู่สั่นไหว ความคิดสั่นคลอน เรื่องเร่งด่วนคือศึกปีศาจที่ประชิดเมือง
หากจัดการไม่ได้ ย่อมไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์
หากจัดการได้..บ้านเมืองที่กำลังจะแพ้สงคราม แค่เปลี่ยนผู้ปกครอง แต่ประชาชนยังอยู่อย่างร่มเย็น รักษาบ้านเมืองไว้ได้ ใครจะไม่เลือกทางสายนี้
“หลานชาย ถึงเวลาที่พี่หญิงของเจ้าต้องพิสูจน์องค์เองแล้ว”
“หม่อมฉันจะส่งต่อรับสั่งนี้ถึงพี่หญิงพระเจ้าค่ะ”
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์น้อมรับ
== = = = = === = === = === = = ==== = =
ตอนนี้สั้นไปหน่อยนะคะ ตัดจบพอดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น