ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[พันธนาการแห่งบัลลังก์]] เป็น eBook ครบสี่เล่มแล้วนะคะ ^^

    ลำดับตอนที่ #42 : = 31 = ความจริงที่สาบสูญ....(100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 98
      4
      17 ม.ค. 62



    <----- 50% อยู่ตอนก่อนหน้านะคะ






            เวลา ณ ตะวันตรงศีรษะ จัตุรัสใจกลางเมืองแก้วผลึก เด็กหนุ่มมองดูพิธีกรรมเรียกขวัญกำลังใจของแดนมนตรา ข้าศึกใกล้จะประชิดเมืองได้ทุกขณะ ทหารจึงเริ่มออกเดินทัพไปต้าน ไม่อาจปล่อยให้เข้ามาใกล้มากเกินไปจนเกิดความเสียหายได้

            “เสด็จพี่” ร่างเล็กแทรกเข้ามา “หม่อมฉันดูการจัดวางกำลังแล้ว คาดว่าคงใช้กองเล็กตีใหญ่”

            รามุสแวบไปมา หาข่าวสารต่างๆ

            “ก็น่าอยู่ ทัพปีศาจ ปะทะตรงๆ เช่นใดก็เสียเปรียบ ลอบโจมตีจุดอ่อนของพวกมันคงง่ายกว่า สัตว์ประหลาดพวกนั้นมีจุดอ่อนแต่ละชนิดแตกต่าง แต่ถ้าหาพบ จะโค่นล้มก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”

            รามุสอยากจะแย้งว่าพลิกฝ่ามือง่ายกว่า หากเอ่ยเล่าต่อ

            “ในเมืองคนเริ่มแน่นมากขึ้น คนไร้บ้านนอนกลางถนนมากมาย คนของวังหลวงเริ่มแจกจ่ายเสบียงให้ชาวบ้าน แต่..คงไม่มากพอ เพราะต้องเก็บเสบียงส่วนหนึ่งส่งไปแนวรบด้วย”

            “ของฝั่งพวกเราล่ะ?”

            “เรากักตุนสินค้าจากพ่อค้าต่างเมือง เมื่อ..สิบกว่าวันก่อน” วันที่พวกเขาต้องไปยังแก้วคริสตัล ก็ทิ้งคนไว้ที่นี่เริ่มกักตุนอาหารและของใช้จำเป็นเป็นจำนวนมาก “ตอนนี้ข้าวของแพงมาก หม่อมฉันเลยสั่งหยุดก่อน”

            “ดี ปล่อยให้คนพวกนั้นจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อสินค้าไปก่อน ให้เค้ารู้รสชาติของการมีเงินทองแต่แลกอาหารได้เพียงน้อยนิดเสียบ้าง”

            บ่อยครั้งที่รูซาเวียต้องเสียเปรียบเหล่าพ่อค้าต่างเมือง เนื่องด้วยการต่อรองสินค้าเป็นไปได้ยาก พวกเขาต้องการปัจจัยสี่ ไม่อาจไม่ซื้อได้ ในขณะที่อีกฝ่ายต้องการอัญมณีซึ่งสามารถดึงเวลาได้มากกว่า

            “ปฏิกิริยาของชาวบ้านต่อสงครามครั้งนี้เป็นไงบ้าง”

            “พวกหม่อมฉันเริ่มปล่อยข่าวลือแล้วพระเจ้าค่ะ แม้จะขวัญเสีย เพราะทัพปีศาจยกทัพใหญ่มาเป็นครั้งแรก แต่ข่าวลือจะทำให้พวกนั้นมีความหวัง”

            “แล้ว..”

            ราซายยังไม่ทันถามต่อจนจบ เสียงผู้คนรอบด้านก็โห่ร้องขึ้นมา เมื่อพิธีกรรมสิ้นสุดลง เหล่าทหารอัศวินส่งเสียงฮึกเหิม ชาวบ้านขานรับ ต่างเดินส่งถึงหน้าประตูเมือง ครอบครัวที่มีบุรุษในกองทัพพากันยืนมองจนสุดสายตา ก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลงอีกครั้ง แม้แต่ภายในเมือง ทหารก็เดินตรวจตราเข้มงวดขึ้น เพราะกลัวคนฉวยโอกาสทำลายสิ่งของ ขโมยหรือก่อการจลาจล

            บนแท่นพิธี พระพี่นางแห่งราชาผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้านักบวชค่อยๆ เสด็จลงจากพระแท่น มีพระภาติยะกุมพระหัตถ์ช่วยอยู่ด้านข้าง

            ชุดนักบวชสีขาว งดงามและบริสุทธิ์ลับหายเข้าไปในรถม้า กององครักษาพระองค์นำเสด็จกลับสู่ปราสาท ผู้คนเริ่มแยกย้าย ส่วนใหญ่จะกลับบ้านเพื่อปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนา สองพี่น้องกลับเข้าร้านอัญมณีอีกครั้ง

            “ถ้าแผนนี้ไม่สำเร็จเล่า เสด็จพี่”

            “ ‘ต้อง’ สำเร็จเท่านั้น เราต้องบีบให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสิ่งที่พวกเราเสนอให้”

            “เช่นนั้นต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะจนตรอก?”

            “จำไว้ บุญคุณจะยิ่งใหญ่เมื่อเวลาที่อีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ที่อยู่บนบกกับกลางน้ำ เจ้าว่าผู้ใดจะซาบซึ้งมากกว่ากัน”

            รามุสพยักหน้าเรียนรู้สิ่งที่ผู้เป็นพี่เอ่ยสอนสั่ง

            “แล้วเวลานี้ เสด็จพี่คิดว่า..”

            “ทำตามแผนการ ปีศาจใกล้ถึงที่นี่เต็มที ชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการ”

            “พระเจ้าค่ะ!” นายทหารที่รายล้อมรับบัญชา
     


            ในเวลาไม่นาน เกิดข่าวลือในหมู่ชาวบ้าน เชื้อพระวงศ์จากรูซาเวียประทานน้ำพระทัย บริจาคอาหารแก่ผู้ยากไร้ มีผู้คนไปต่อแถวเพื่อรับอาหารข้าวสารเป็นจำนวนมาก แม้จะถูกจำกัดปริมาณที่ได้รับเพียงน้อยนิด หากพอประทังชีวิตได้

            ข่าวลือปากต่อปาก อวยพรสรรเสริญความดีงาม แม้แต่คนที่ถูกส่งมาแจกจ่ายอาหารจากในวัง ยังงุนงงที่พวกเขาเองก็รับราชโองการจากราชันมาทำเช่นเดียวกัน หากชาวบ้านกลับมองพวกเขากระทำเพราะเป็นหน้าที่ ในขณะที่มองอีกบ้านเมืองหนึ่งกระทำด้วยน้ำใจ

            ในเวลาเดียวกัน สงครามปะทุขึ้นห่างจากเมืองแก้วผลึกเดินทัพได้ไม่ถึงสองวัน เหล่าทหารพรางตัว แบ่งเป็นกองย่อย ผลัดกันโจมตีทัพปีศาจ เน้นสู้สังหารไม่ตอแย ถอยเข้าป่าเมื่อเสียเปรียบ ทว่ายังมีคนบาดเจ็บล้มตายถูกหามเข้ากำแพงมาได้ตลอดเวลา เจ้าหญิงสองพระองค์นำแพทย์ผู้รักษาและข้ารับใช้จากในวังออกดูแลอาการของเหล่าทหารด้วยพระองค์เอง

            ควันไฟแห่งสงครามลอยสูงมองเห็นแต่ไกลนอกราชอาณาจักร ความสับสนอลหม่านและเสียงร่ำไห้ในนาครดังระงม เวลานี้ยากจะหาผู้ที่ไม่เคยสูญเสียได้
    ความวุ่นวายปั่นป่วนยิ่งทำให้ผู้คนต้องการที่พึ่ง วิหารแต่ละแห่งไม่เคยว่างเว้นจากเสียงสวดภาวนา ทั้งกลางวันและกลางคืน แสงจากเทียนไขในวิหารไม่อาจดับมอด ถูกต่อเล่มต่อเล่ม และ..ภายใต้เสียงสวดอ้อนวอนกลับมีข่าวลืออย่างเงียบๆ กระจายไปในหมู่ชาวบ้าน

            จะมีสตรีผู้งดงามราวเทพธิดาเสด็จมาประทานชัยชนะเหนือเหล่าปีศาจ
     


            ฮาเดสและอโดนิสยืนตรงระเบียง มองไปยังจุดที่เกิดสงครามซึ่งเห็นเส้นสายควันไฟ ร่างภูตสีขาวร่อนลงมา คุกเข่าต่อหน้าเจ้านายแห่งพันธสัญญา

            “แม่ทัพแกมลัมรายงานขึ้นมาว่ากองทัพปีศาจครั้งนี้ผิดจากครั้งก่อนๆ นัก จากที่ไม่ค่อยบุกในเวลากลางวัน หากเวลานี้ทั้งกลางวันกลางคืนถูกโจมตีหนัก แทบไม่มีเว้นช่วง ทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก”

            คนพูดพยายามใช้คำให้ฟังดูเบาแต่คงความจริงมากที่สุด ที่อยากกราบทูลแต่ไม่กล้าคือทหารที่ส่งออกไป เหมือนส่งพวกเขาไปตาย ซากศพเริ่มทับถม คนตายเป็นเบือ ทว่าปีศาจกลับยิ่งดูแข็งแกร่งยิ่งหนัก ไม่สิ้นเรี่ยวแรงในการสู้รบผิดจากครั้งก่อนๆ

            และยิ่ง..เวลากลางคืน ช่วงนี้ถ้านับตามการโคจรควรจะเป็นข้างขึ้นซึ่งมีแสงจันทร์ให้มนุษย์พอมองเห็นบ้าง แต่เหมือนพระจันทร์กลับหลบลี้อยู่ในกลีบเมฆตลอดเวลาหรือไรถึงคล้ายกับข้างแรมทุกคืน ทำให้ยิ่งเป็นการตอกย้ำชัยชนะของปีศาจอสูรกายที่มนุษย์และภูตไม่มีทางจะสู้ในความมืดได้แน่

            “ภูตที่เป็นพันธมิตรก็เสียหายหนัก ตอนนี้ภูตน้ำมาช่วยป้องกันระยะหนึ่ง เสริมกำแพงวารีแล้ว น่าจะพอหยุดพวกนั้นได้ชั่วขณะพระเจ้าค่ะ”

            “คนบาดเจ็บล่ะ” อโดนิสเอ่ยถาม

            “มีภูตดินบางส่วนช่วยดูแลอยู่ แต่จำนวนผิดกันนัก จึงจำต้องช่วยคนเจ็บหนักก่อน เสบียงเริ่มขาดแคลน โดยเฉพาะยารักษาต่างๆ” ภูตหนุ่มตอบคำถามแล้วนิ่งเงียบ

            “ครั้งนี้พวกมันเตรียมการมาอย่างดี” ฮาเดสถอนหายใจ โบกมือไล่ให้ภูตรับใช้ของน้องชายถอยห่าง สองพี่น้องเดินกลับเข้าห้องทรงอักษรห้ามมิให้ผู้ใดอยู่ใกล้ถวายงาน

            “เจ้าพี่..”

            “พี่เล่าเรื่องทุกอย่างให้เจ้ารู้หมดแล้ว พี่บอกแล้วว่าบัลลังก์นี้ยกให้ ไม่คิดขอคืน แต่..”

            “หม่อมฉันไม่เคยต้องการอำนาจ ถ้าบ้านเมืองนี้จำเป็นต้องมีนางในรัตติกาลปกครอง หม่อมฉันยกให้ธิดาของเจ้าพี่ได้ แต่ปีศาจพวกนั้น จะวางใจได้เช่นใด ถ้ายอมจำนนจะไม่เข้ามาเข่นฆ่าประชาชนของพวกเรา”

            ฮาเดสถอนหายใจ พวกเขาอยากส่งทูตไปเจรจา แต่มิอาจฝ่ากำแพงปีศาจพวกนั้นได้อีกอย่างการยอมจำนน ต้องมีผู้คัดค้านมากมาย หลายคนยอมสู้ศึกจนตัวตายดีกว่าก้มหัวให้ปีศาจ ประชาชนจะเป็นเดือดเป็นแค้นมากขึ้น เมื่อนั้นบ้านเมืองจะระส่ำระสาย

            “ผู้นำสารขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ” เสียงจากคนเฝ้าประตูดังขึ้น

            “เข้ามาได้” อโดนิสเอ่ยตอบ ในขณะที่ผู้ที่สมควรสิ้นไปแล้วเดินไปหลบอยู่หลังฉากกั้น ร่างนายทหารผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบเลือดเข้ามาอย่างรวดเร็ว

            “ราชา กำแพงวารีถูกตีแตกแล้ว ตอนนี้ทัพอสูรกำลังมุ่งมาประชิดเมือง!”





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×