ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =*เทพธิดา*=[[ฤดูใบไม้ผลิแสนหวาน]]

    ลำดับตอนที่ #7 : - -เพียงของเล่น- -

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 49







                   “ เยี่ยม! ”  หมอชราตบมือชอบใจ  หันมามองเจ้าเมืองที่ยังตกอยู่ในหลุมเสน่ห์  “ ไม่น่าจะเชื่อว่าจะมีเพลงแบบนี้อยู่ได้  เหมือนเพลงของสรวงสวรรค์ ใช่ไหมขอรับ? ”


                    “ นั่นสิ ”


                   “ พวกเราไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน  ทั้งที่มันควรจะเป็นที่รู้จักไปทั่วแท้ๆ  เจ้าต้องมาจากต่างแดนที่ไกลมากแน่นอน  แม่หญิงคนงาม  ฝีมือดีดพิณของเจ้าก็เชี่ยวชาญนัก  กระผมว่านางต้องเชี่ยวเครื่องดนตรีหลายอย่างแน่ หาตัวจับยากทีเดียว  เจ้าคงไม่ใช้นักดนตรีพเนจรนะ ”



                   “ ไม่..ไม่มีเครื่องดนตรีติดตัวมาเลย  ข้าหาหลักฐานทั่วบริเวณที่นางบาดเจ็บแล้ว ”  ชายหนุ่มพูดอย่างคล่องแคล่ว  “ อย่างน้อย  เราก็พอสันนิฐานความเป็นมาของนางได้บางส่วน ”


                   “ ฟังแล้วอยากฟังอีกจริงๆ  เจ้าลองเล่นเพลงอีกได้ไหม? ”  หมอประจำตำหนักหันไปขอ  หญิงสาวยิ้มรับ หากเมื่อเธอเริ่มไล่นิ้ว  เสียงห้าวก็ขัดขึ้น


                  “ วันนี้พอก่อนเถอะ  ท่านหมอ เจ้ายังมีคนไข้อีกมากที่เรือนรักษานะ ”  คาอิลพูดอย่างเย็นใจ  แวบหนึ่งที่เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงของนางทั้งนั้น  ทุกอย่างที่เป็นนางไม่อยากให้ใครยุ่งทั้งสิ้น


                   หมอขอลาอย่างจำใจ



                  “ พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องทำความสะอาดเรือนแล้วนะ ”  ชายหนุ่มพูดกับมายาด้วยความอ่อนโยน ปกปิดแววตาบางอย่างไว้ในใจ 


                  “ เอ๋? ”


                   “ ฝีมือของเจ้าไม่ควรให้สูญเปล่า  รู้ไหมว่าการเล่นเครื่องดนตรีพิสูจน์ฐานะของเจ้าได้อีกอย่าง  ไม่มีชาวบ้านคนไหนโดยเฉพาะผู้หญิงมีโอกาสจับพิณของชนชั้นสูง  พวกนางไร้โอกาสได้ร่ำเรียน แต่เจ้าไม่.. พรุ่งนี้  หน้าที่ของเจ้าคือเล่นเครื่องดนตรีให้ข้าฟัง ยังมีอีกหลายเพลงใช่ไหมล่ะ ”  ชายหนุ่มรอมายาพยักหน้า  แล้วกล่าวต่อไป   “ ตอนเช้า  เจ้ามาในห้องข้า เล่นเพลงสั้นๆก่อน เผื่อข้าจะตาสว่างง่ายขึ้น  อาจจะมีเวลาอื่นอีกเดี๋ยวข้าจะบอกอีกที  พิณตัวนี้ข้าจะไว้ในห้องนี้เลย  นอกนั้นให้เป็นเวลาว่างอยากทำอะไรก็ตามใจ  แต่ควรอยู่ใกล้ข้าไว้ เผื่อข้าอยากจะฟังขึ้นมา  อาจจะมีงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองบ้าง ทำได้ใช่ไหม? ”



                   “ เจ้าค่ะ ”


                  “ หมดแค่นี้แหละ  กลับไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ  จำไว้นะ พรุ่งนี้ข้าอยากเห็นเจ้าคนแรกก่อนอรุณขึ้น ”





                   “ ว้าว  เจ้าเล่นเครื่องดนตรีพวกนั้นเป็นด้วยเหรอ ”  ลูนิชกล่าวอย่างทึ่งจัด  เธอนึกวาดฝันนางฟ้าแสนสวยที่มีเครื่องดนตรีประจำพระองค์  ดนตรีเป็นอะไรที่ห่างไกลจากชาวบ้านอย่างพวกเธอ เหมือนดวงดาวสุดขอบฟ้ากับหอยเม่นก้นทะเลลึก


                   “ งานใหม่ท่าทางจะน่าสนุกนะ ”  เมย์ทัก  เธอเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มองดนตรีเป็นสิ่งสูงค่า


                    “ ก็.. ”  มายานึกถึงงานใช้แรงที่เธอทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ปวดไปทั้งตัวแบบนี้  “ ..คงจะดีล่ะมั้ง ”


                    “ ฉันรอให้ถึงพรุ่งนี้แทบจะไม่ไหวแล้ว ” 


                   “ นี่..คนที่ไปน่ะ มายานะคะ ”  เมย์ท้วงลูนิช แล้วหัวเราะเบาๆ  “ เธอร้องเพลงให้พวกเราฟังบ้างได้มั้ย? ”


                 “ มันเป็นแค่ทำนองนะ ”  หญิงสาวพูดอย่างเขินๆ


                   “ นั่นแหละๆ  เราอยากฟัง  ร้องสิ ”  ลูนิชหญิงที่ดูตื่นเต้นกับของแปลกใหม่เสริม  ใบหน้าตั้งใจผสมจดจ่อมาที่เธอ ทำให้มายารู้สึกอายที่จะฮัมทำนอง  แต่เมื่อเสียงเลื่อนหลุดจากลำคอเธอแล้ว ไม่ยากที่จะร้องต่อไปเรื่อยราวกระแสน้ำที่ไหลไม่มีวันหยุด


                                                                     …………………………


                    ในห้วงความมืด  เสียงใสโลดแล่นเข้ามากระทบโสตประสาท  ท่วงทำนองแปลกประหลาดดุจดนตรีแห่งสรวงสวรรค์คลอขับกล่อม 


                     ชายหนุ่มพลิกกายกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอน  เสียงหวานดังขึ้นอีกเล็กน้อยราวอยู่ข้างๆหู  มือใหญ่ตวัดออกไปเพียงครั้งเดียว ก็ต้องตื่นตกใจกับเสียงหญิงสาว


                   “ ว้าย! ”


                    คาอิลลืมตาขึ้นทันที  พบว่าตัวเองตะกองกอดแม่สาวน้อยไว้แน่น  เธอพยายามดันอกเขาด้วยใบหน้าแดงกล่ำ


                   “ จะลักหลับข้าหรือไง สาวน้อย ”  เสียงของชายหนุ่มดังข้างหู มือใหญ่กระชับร่างบางเข้ามาแน่นมากขึ้น  ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ


                   “ ท่านน่ะสิ! ”  มายาบิดตัวออก แต่ก็ไม่หลุด  เธอตัวแข็งขึ้นทันทีที่ริมฝีปากใหญ่แตะยังขมับแผ่วเบา  “ ดิฉันแค่..ทำตามคำสั่ง ”  เสียงของเธอสั่น  “ กะ..ก็มาร้องเพลงปลุกนายแล้วไงค่ะ ”


                  “ อืม  สงสัยร้องเพลงปลุกจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนะ  แต่แบบนี้ล่ะตาสว่างเลย ”  ผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นหัวเราะในลำคอ เมื่อหญิงสาวพยายามขยับตัวอีกครั้ง  เธอไม่รู้หรือไง ยิ่งขยับเท่าไร เขาก็ยิ่งแนบเธอได้มากขึ้น  มายานอนทาบทับร่างสูง มือเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง


                   “ นะ..นายค่ะ!  ดิฉันยังมีงานต้องทำอีก ”  มายาหาเหตุผลที่เธอคิดว่าเข้าท่าที่สุด เพื่อจะหลุดจากอ้อมกอดนี้  ริมฝีปากใหญ่เคลื่อนจากขมับมายังหน้าผาก  เธอไม่อาจปล่อยให้ไปไกลกว่านั้นได้


                    “ งานอะไร  ข้าว่าข้าให้เจ้าร้องเพลงอย่างเดียวนะ  อยู่ข้างๆข้าด้วย ”


                    “ ก็นั่นแหละ  ดิฉัน.. ”  เสียงของเธอเลื่อนหลุดลงลำคอระหง เมื่อริมฝีปากประทับที่ปลายจมูก


                  “ ดิฉันอะไร? ”


                   “ ดิฉันต้องลุกแล้ว! ”  เด็กสาวพูดทื่อๆ


                    แขนใหญ่ปล่อยเธอทันที  มายาถอยออก จับคอเสื้อแน่น ใบหน้าตั้งตรง  ชายหนุ่มลุกขึ้นชันเข่า  หัวเราะเบากับท่าทีหวาดกลัวของเธอ


                  “ แหม ถ้าบอกอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ปล่อยนานแล้ว ”


                   ชายหนุ่มพิศดูสาวน้อย  เนื้อแน่นจนไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆ  ช่วงกระโปรงประมาณหัวเข่า แต่พอนั่งแบบนี้มันทำให้เขาเห็นเนื้อเรียวขาเล็กน้อย



                    “ นายคะ?  ตาสว่างหรือยัง ”


                   “ อืม..ถ้าได้จูบสักที ”  เขายิ้มกรุ่มกริ่ม เลือดในกายของเธอเดือดพล่านกับสายตาเล้าโลม


                    “ นายต้องทำงานแล้วไม่ใช่หรือคะ  ดิฉันจะไปดูน้ำให้ ”


                    “ เรื่องนั้นมีคนจัดการอยู่แล้วล่ะน่า  เจ้าทานข้าวเช้ายัง?  ยังสินะ ”  เขาถามเองตอบเอง  เมื่อรู้ว่าอาหารเช้า จะเริ่มประมาณสิบโมง  “ เจ้าไปบอกให้นาชา  - -รู้จักไหม?  ที่ทำงานอยู่เรือนนี้ทางด้านหลัง  ให้นางเตรียมสำรับเพิ่มอีกที่  เจ้าจะทานกับข้าข้างบน ”


                   “ ตะ..แต่- - ”


                  “ ไม่มีแต่ กับคำสั่งของข้า! ”  เสียงเข้มสำทับ  มายาถอยไปด้วยความกลัวขึ้นมา  เธอได้รู้อีกอย่างว่าเขาไม่ชอบให้คนขัดคำสั่ง  ..แต่สิ่งใดที่ไม่ใช่คำสั่ง  เราจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้เป็นสิทธิ์ของเรา  



                   ผู้ปกครองแคว้นเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ




                    สำรับถูกจัดเป็นสองชุด  ชุดใหญ่ตั้งกึ่งกลางชิดไปคนละด้านกับประตูห้อง พื้นยกสูงจากระดับปกติราวครึ่งฟุต  เต็มไปด้วยอาหารชั้นดีมากมาย แต่ละชนิดมีจำนวนเล็กน้อยเพียงพอกับผู้ชายคนเดียว  อีกสำรับเป็นอาหารธรรมดาที่ดีกว่าโรงอาหารเล็กน้อย จัดไว้ด้านข้างทางขวา


                   คาอิลปรายสายตามองดูเล็กน้อย ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก  นาชาดูแลได้ดี  แค่เขาให้สาวใช้มานั่งร่วมทานอาหารก็คงแปลกอยู่แล้ว ยิ่งถ้าให้อาหารเหมือนกันก็คงยิ่งแย่  ถึงได้จัดแบ่งคนละระดับ อย่างน้อยก็ไม่มีข้อครหา  รู้ว่ายุ่งยาก แต่ทำไมถึงอยากให้เธออยู่ในสายตาขนาดนี้


                    ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับผ้ากำมะหยี่ที่ปูรองพื้นยกระดับ แล้วเริ่มรับประทาน  ระหว่างนี้สมาธิเขาอยู่ที่งานในมืออีกข้าง 



                   หมู่บ้านทางเหนือคิดแข็งข้อจนเขาเตรียมทัพไปปราบก็ยอมหย่าศึก คิดว่าอีกไม่กี่วันคงส่งคนที่เจรจา  ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องทำศึกสองด้าน ทางตะวันออกยังไม่ได้เบาะแสเผ่าพันธุ์ยักษ์เลย  คงมีจำนวนน้อย เห็นชาวบ้านว่าเพิ่งพบแค่ตัวเดียว 


                   ยักษ์สาวออกอาละวาด   แปลก..ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมี ทำไมถึงเพิ่งมามีในเดือนนี้  ชายหนุ่มเริ่มเพ่งความสงสัย แต่ยังไงเขาก็ต้องหาวิธีจัดการ เมื่อมันฆ่าชาวบ้านไปหลายคน 


                   เฮ้อ..อีกข่าว ข่าวดีหน่อย  พืชพันธุ์ที่ทำท่าว่าจะตายแหล่มิตายแหล่ก็ฟื้นตัวขึ้นมา  จนคิดว่าน่าจะออกผลได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ก็ฤดูร้อนนี้



                    เมื่อข้าวพร่องจนหมด มือใหญ่ก็วางตะเกียบลง พลางลุกขึ้นเหมือนปกติ หากเมื่อสายตาไปสะดุดกับร่างบาง


                  ให้ตายสิ เขาลืมไปเลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย  - -เวลาทำงานทีไรลืมทุกที



                    “ ทำไมไม่ทานข้าว?  ไม่อร่อยหรือไง ”


                   “ มิได้ค่ะ นาย  ดิฉันทานแค่นี้ก็พอ ”


                   ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  ข้าวพร่องไปไม่ถึงครึ่ง  ไม่สิ ไม่ถึงหนึ่งในห้าด้วยซ้ำ


                    “ ทานน้อยแล้วจะมีแรงทำงานหรือไง ”


                   “ ก็เมื่อวานก็ทานแค่นี้  ยังทำงานได้นี่ค่ะ ”


                   “ มิน่าล่ะ  ถึงผอมแบบนี้  ข้าชอบแบบมีน้ำมีนวลหน่อย  ทานให้ได้มากกว่านี้ก็ดีนะ ”  ชายหนุ่มโน้มหน้าแตะแก้มแดงเบาแล้วจึงเดินเลยออกไป  ทิ้งให้ใบหน้าของคนข้างหลังเป็นสีจัด


                  ใจพองโตราวหลุดจากอก ชีพจรไม่เป็นจังหวะยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า  ใครจะไปยอมรับ แผ่นอกกำยำนั่นให้รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามริมฝีปากหยักแตะก็ร้อนรุ่มไปทั่ว 


                  เตือนใจตัวเองไว้..อย่าหลงระเริง เราก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว  หญิงสาวเหม่อมองออกไปข้างนอก เตือนใจตนเองอย่างที่เคยได้ยินหลายคนพูดลับหลัง



                   ก็แค่ของเล่น..ไม่ได้มีราคามากไปกว่านี้




                            





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×