คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : - -เพียงของเล่น- -
“ เยี่ยม! ” หมอชราตบมือชอบใจ หันมามองเจ้าเมืองที่ยังตกอยู่ในหลุมเสน่ห์ “ ไม่น่าจะเชื่อว่าจะมีเพลงแบบนี้อยู่ได้ เหมือนเพลงของสรวงสวรรค์ ใช่ไหมขอรับ? ”
“ นั่นสิ ”
“ พวกเราไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน ทั้งที่มันควรจะเป็นที่รู้จักไปทั่วแท้ๆ เจ้าต้องมาจากต่างแดนที่ไกลมากแน่นอน แม่หญิงคนงาม ฝีมือดีดพิณของเจ้าก็เชี่ยวชาญนัก กระผมว่านางต้องเชี่ยวเครื่องดนตรีหลายอย่างแน่ หาตัวจับยากทีเดียว เจ้าคงไม่ใช้นักดนตรีพเนจรนะ ”
“ ไม่..ไม่มีเครื่องดนตรีติดตัวมาเลย ข้าหาหลักฐานทั่วบริเวณที่นางบาดเจ็บแล้ว ” ชายหนุ่มพูดอย่างคล่องแคล่ว “ อย่างน้อย เราก็พอสันนิฐานความเป็นมาของนางได้บางส่วน ”
“ ฟังแล้วอยากฟังอีกจริงๆ เจ้าลองเล่นเพลงอีกได้ไหม? ” หมอประจำตำหนักหันไปขอ หญิงสาวยิ้มรับ หากเมื่อเธอเริ่มไล่นิ้ว เสียงห้าวก็ขัดขึ้น
“ วันนี้พอก่อนเถอะ ท่านหมอ เจ้ายังมีคนไข้อีกมากที่เรือนรักษานะ ” คาอิลพูดอย่างเย็นใจ แวบหนึ่งที่เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงของนางทั้งนั้น ทุกอย่างที่เป็นนางไม่อยากให้ใครยุ่งทั้งสิ้น
หมอขอลาอย่างจำใจ
“ พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องทำความสะอาดเรือนแล้วนะ ” ชายหนุ่มพูดกับมายาด้วยความอ่อนโยน ปกปิดแววตาบางอย่างไว้ในใจ
“ เอ๋? ”
“ ฝีมือของเจ้าไม่ควรให้สูญเปล่า รู้ไหมว่าการเล่นเครื่องดนตรีพิสูจน์ฐานะของเจ้าได้อีกอย่าง ไม่มีชาวบ้านคนไหนโดยเฉพาะผู้หญิงมีโอกาสจับพิณของชนชั้นสูง พวกนางไร้โอกาสได้ร่ำเรียน แต่เจ้าไม่.. พรุ่งนี้ หน้าที่ของเจ้าคือเล่นเครื่องดนตรีให้ข้าฟัง ยังมีอีกหลายเพลงใช่ไหมล่ะ ” ชายหนุ่มรอมายาพยักหน้า แล้วกล่าวต่อไป “ ตอนเช้า เจ้ามาในห้องข้า เล่นเพลงสั้นๆก่อน เผื่อข้าจะตาสว่างง่ายขึ้น อาจจะมีเวลาอื่นอีกเดี๋ยวข้าจะบอกอีกที พิณตัวนี้ข้าจะไว้ในห้องนี้เลย นอกนั้นให้เป็นเวลาว่างอยากทำอะไรก็ตามใจ แต่ควรอยู่ใกล้ข้าไว้ เผื่อข้าอยากจะฟังขึ้นมา อาจจะมีงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองบ้าง ทำได้ใช่ไหม? ”
“ เจ้าค่ะ ”
“ หมดแค่นี้แหละ กลับไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ จำไว้นะ พรุ่งนี้ข้าอยากเห็นเจ้าคนแรกก่อนอรุณขึ้น ”
“ ว้าว เจ้าเล่นเครื่องดนตรีพวกนั้นเป็นด้วยเหรอ ” ลูนิชกล่าวอย่างทึ่งจัด เธอนึกวาดฝันนางฟ้าแสนสวยที่มีเครื่องดนตรีประจำพระองค์ ดนตรีเป็นอะไรที่ห่างไกลจากชาวบ้านอย่างพวกเธอ เหมือนดวงดาวสุดขอบฟ้ากับหอยเม่นก้นทะเลลึก
“ งานใหม่ท่าทางจะน่าสนุกนะ ” เมย์ทัก เธอเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มองดนตรีเป็นสิ่งสูงค่า
“ ก็.. ” มายานึกถึงงานใช้แรงที่เธอทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ปวดไปทั้งตัวแบบนี้ “ ..คงจะดีล่ะมั้ง ”
“ ฉันรอให้ถึงพรุ่งนี้แทบจะไม่ไหวแล้ว ”
“ นี่..คนที่ไปน่ะ มายานะคะ ” เมย์ท้วงลูนิช แล้วหัวเราะเบาๆ “ เธอร้องเพลงให้พวกเราฟังบ้างได้มั้ย? ”
“ มันเป็นแค่ทำนองนะ ” หญิงสาวพูดอย่างเขินๆ
“ นั่นแหละๆ เราอยากฟัง ร้องสิ ” ลูนิชหญิงที่ดูตื่นเต้นกับของแปลกใหม่เสริม ใบหน้าตั้งใจผสมจดจ่อมาที่เธอ ทำให้มายารู้สึกอายที่จะฮัมทำนอง แต่เมื่อเสียงเลื่อนหลุดจากลำคอเธอแล้ว ไม่ยากที่จะร้องต่อไปเรื่อยราวกระแสน้ำที่ไหลไม่มีวันหยุด
ในห้วงความมืด เสียงใสโลดแล่นเข้ามากระทบโสตประสาท ท่วงทำนองแปลกประหลาดดุจดนตรีแห่งสรวงสวรรค์คลอขับกล่อม
ชายหนุ่มพลิกกายกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอน เสียงหวานดังขึ้นอีกเล็กน้อยราวอยู่ข้างๆหู มือใหญ่ตวัดออกไปเพียงครั้งเดียว ก็ต้องตื่นตกใจกับเสียงหญิงสาว
“ ว้าย! ”
คาอิลลืมตาขึ้นทันที พบว่าตัวเองตะกองกอดแม่สาวน้อยไว้แน่น เธอพยายามดันอกเขาด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
“ จะลักหลับข้าหรือไง สาวน้อย ” เสียงของชายหนุ่มดังข้างหู มือใหญ่กระชับร่างบางเข้ามาแน่นมากขึ้น ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ
“ ท่านน่ะสิ! ” มายาบิดตัวออก แต่ก็ไม่หลุด เธอตัวแข็งขึ้นทันทีที่ริมฝีปากใหญ่แตะยังขมับแผ่วเบา “ ดิฉันแค่..ทำตามคำสั่ง ” เสียงของเธอสั่น “ กะ..ก็มาร้องเพลงปลุกนายแล้วไงค่ะ ”
“ อืม สงสัยร้องเพลงปลุกจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนะ แต่แบบนี้ล่ะตาสว่างเลย ” ผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นหัวเราะในลำคอ เมื่อหญิงสาวพยายามขยับตัวอีกครั้ง เธอไม่รู้หรือไง ยิ่งขยับเท่าไร เขาก็ยิ่งแนบเธอได้มากขึ้น มายานอนทาบทับร่างสูง มือเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง
“ นะ..นายค่ะ! ดิฉันยังมีงานต้องทำอีก ” มายาหาเหตุผลที่เธอคิดว่าเข้าท่าที่สุด เพื่อจะหลุดจากอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากใหญ่เคลื่อนจากขมับมายังหน้าผาก เธอไม่อาจปล่อยให้ไปไกลกว่านั้นได้
“ งานอะไร ข้าว่าข้าให้เจ้าร้องเพลงอย่างเดียวนะ อยู่ข้างๆข้าด้วย ”
“ ก็นั่นแหละ ดิฉัน.. ” เสียงของเธอเลื่อนหลุดลงลำคอระหง เมื่อริมฝีปากประทับที่ปลายจมูก
“ ดิฉันอะไร? ”
“ ดิฉันต้องลุกแล้ว! ” เด็กสาวพูดทื่อๆ
แขนใหญ่ปล่อยเธอทันที มายาถอยออก จับคอเสื้อแน่น ใบหน้าตั้งตรง ชายหนุ่มลุกขึ้นชันเข่า หัวเราะเบากับท่าทีหวาดกลัวของเธอ
“ แหม ถ้าบอกอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ปล่อยนานแล้ว ”
ชายหนุ่มพิศดูสาวน้อย เนื้อแน่นจนไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆ ช่วงกระโปรงประมาณหัวเข่า แต่พอนั่งแบบนี้มันทำให้เขาเห็นเนื้อเรียวขาเล็กน้อย
“ นายคะ? ตาสว่างหรือยัง ”
“ อืม..ถ้าได้จูบสักที ” เขายิ้มกรุ่มกริ่ม เลือดในกายของเธอเดือดพล่านกับสายตาเล้าโลม
“ นายต้องทำงานแล้วไม่ใช่หรือคะ ดิฉันจะไปดูน้ำให้ ”
“ เรื่องนั้นมีคนจัดการอยู่แล้วล่ะน่า เจ้าทานข้าวเช้ายัง? ยังสินะ ” เขาถามเองตอบเอง เมื่อรู้ว่าอาหารเช้า จะเริ่มประมาณสิบโมง “ เจ้าไปบอกให้นาชา - -รู้จักไหม? ที่ทำงานอยู่เรือนนี้ทางด้านหลัง ให้นางเตรียมสำรับเพิ่มอีกที่ เจ้าจะทานกับข้าข้างบน ”
“ ตะ..แต่- - ”
“ ไม่มีแต่ กับคำสั่งของข้า! ” เสียงเข้มสำทับ มายาถอยไปด้วยความกลัวขึ้นมา เธอได้รู้อีกอย่างว่าเขาไม่ชอบให้คนขัดคำสั่ง ..แต่สิ่งใดที่ไม่ใช่คำสั่ง เราจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้เป็นสิทธิ์ของเรา
ผู้ปกครองแคว้นเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
สำรับถูกจัดเป็นสองชุด ชุดใหญ่ตั้งกึ่งกลางชิดไปคนละด้านกับประตูห้อง พื้นยกสูงจากระดับปกติราวครึ่งฟุต เต็มไปด้วยอาหารชั้นดีมากมาย แต่ละชนิดมีจำนวนเล็กน้อยเพียงพอกับผู้ชายคนเดียว อีกสำรับเป็นอาหารธรรมดาที่ดีกว่าโรงอาหารเล็กน้อย จัดไว้ด้านข้างทางขวา
คาอิลปรายสายตามองดูเล็กน้อย ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก นาชาดูแลได้ดี แค่เขาให้สาวใช้มานั่งร่วมทานอาหารก็คงแปลกอยู่แล้ว ยิ่งถ้าให้อาหารเหมือนกันก็คงยิ่งแย่ ถึงได้จัดแบ่งคนละระดับ อย่างน้อยก็ไม่มีข้อครหา รู้ว่ายุ่งยาก แต่ทำไมถึงอยากให้เธออยู่ในสายตาขนาดนี้
ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับผ้ากำมะหยี่ที่ปูรองพื้นยกระดับ แล้วเริ่มรับประทาน ระหว่างนี้สมาธิเขาอยู่ที่งานในมืออีกข้าง
หมู่บ้านทางเหนือคิดแข็งข้อจนเขาเตรียมทัพไปปราบก็ยอมหย่าศึก คิดว่าอีกไม่กี่วันคงส่งคนที่เจรจา ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องทำศึกสองด้าน ทางตะวันออกยังไม่ได้เบาะแสเผ่าพันธุ์ยักษ์เลย คงมีจำนวนน้อย เห็นชาวบ้านว่าเพิ่งพบแค่ตัวเดียว
ยักษ์สาวออกอาละวาด แปลก..ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมี ทำไมถึงเพิ่งมามีในเดือนนี้ ชายหนุ่มเริ่มเพ่งความสงสัย แต่ยังไงเขาก็ต้องหาวิธีจัดการ เมื่อมันฆ่าชาวบ้านไปหลายคน
เฮ้อ..อีกข่าว ข่าวดีหน่อย พืชพันธุ์ที่ทำท่าว่าจะตายแหล่มิตายแหล่ก็ฟื้นตัวขึ้นมา จนคิดว่าน่าจะออกผลได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ก็ฤดูร้อนนี้
เมื่อข้าวพร่องจนหมด มือใหญ่ก็วางตะเกียบลง พลางลุกขึ้นเหมือนปกติ หากเมื่อสายตาไปสะดุดกับร่างบาง
ให้ตายสิ เขาลืมไปเลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย - -เวลาทำงานทีไรลืมทุกที
“ ทำไมไม่ทานข้าว? ไม่อร่อยหรือไง ”
“ มิได้ค่ะ นาย ดิฉันทานแค่นี้ก็พอ ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ข้าวพร่องไปไม่ถึงครึ่ง ไม่สิ ไม่ถึงหนึ่งในห้าด้วยซ้ำ
“ ทานน้อยแล้วจะมีแรงทำงานหรือไง ”
“ ก็เมื่อวานก็ทานแค่นี้ ยังทำงานได้นี่ค่ะ ”
“ มิน่าล่ะ ถึงผอมแบบนี้ ข้าชอบแบบมีน้ำมีนวลหน่อย ทานให้ได้มากกว่านี้ก็ดีนะ ” ชายหนุ่มโน้มหน้าแตะแก้มแดงเบาแล้วจึงเดินเลยออกไป ทิ้งให้ใบหน้าของคนข้างหลังเป็นสีจัด
ใจพองโตราวหลุดจากอก ชีพจรไม่เป็นจังหวะยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ใครจะไปยอมรับ แผ่นอกกำยำนั่นให้รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามริมฝีปากหยักแตะก็ร้อนรุ่มไปทั่ว
เตือนใจตัวเองไว้..อย่าหลงระเริง เราก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว หญิงสาวเหม่อมองออกไปข้างนอก เตือนใจตนเองอย่างที่เคยได้ยินหลายคนพูดลับหลัง
ก็แค่ของเล่น..ไม่ได้มีราคามากไปกว่านี้
ความคิดเห็น