ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #46 : ความตายมาเยือน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 549
      2
      26 เม.ย. 54






    พลันประตูก็ถูกผลักเข้ามา นาธานเนลถลันเข้ามาข้างใน เขามองเห็นคาลิโดร่ากับไครแซนทียื้อยุดกันอยู่ข้างเตียง คาลิร์เกร็งแขนจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้คมมีดลงมาหา หาอีกฝ่ายก็เต็มไปด้วยโทสะจนไม่สนใจอะไรเลย นาธานเนลเข้ามาดึงร่างของคนร้ายออก ไครแซนทีดิ้นรนไปมา นางมองเห็นทั้งราชาแห่งมิธราและเจ้าหญิงอีกพระองค์อยู่ด้วย จึงรู้ว่าเวลาของนางหมดแล้ว โอกาสของนางกำลังจะหมดลง ถ้าผ่านเวลานี้ไป นางจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว จึงรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย โยนมีดสั้นเปลี่ยนมือที่ไม่ได้ถูกพันธนาการอย่างไม่กลัวอันตรายจากคมมีด ตวัดไปที่คาลิโดร่า


    แขนเรียวบางยกขึ้นมากันคมอาวุธอย่างตกใจ คาลิโดร่ารู้สึกปวดแปลบที่แขนข้างนั้นขึ้นมาทันที แต่โชคดีที่นางถูกคมมีดถากๆ พอแค่เลือดไหลเล็กน้อย ไม่ได้มีบาดแผลร้ายแรงก็ถอนหายใจ แล้วจึงดูคนจากพารอสถูกจับกุมโดยเหล่าทหาร หญิงผู้นั้นถูกบังคับให้ทิ้งมีดลงกับพื้น ตลอดเวลานางหัวเราะราวกับคนบ้า


    “ครี! เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง นางเป็นเจ้าหญิง เจ้าตายได้ เพียงแค่พกอาวุธเข้ามาในห้องนี้ ใครก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้!” ชายหนุ่มตวาดเสียงดัง ถ้า..คนแห่งมิธราไม่สงสัยขึ้นมา พวกเขาอาจมาไม่ทันกาล เมื่อครู่ที่ราชาหนุ่มเอ่ยถึงหนอนบ่อนไส้ที่มิธราโยงมาถึงที่เคลาคัส พระองค์อาจจะได้สิ่งคู่บ้านคู่เมืองคืนในเวลาไม่นาน แต่ก็อยากช่วยกำจัดหนอนที่ดินแดนนี้ก่อน จึงได้พูดคุยและสงสัยเครื่องบรรณาการจากพารอสทุกคน ทว่าคนส่วนใหญ่กระจายไปตามที่ต่างๆ เหลือเพียงสองนางเท่านั้นที่น่าสงสัยที่เขา


    นาธานเนลมองด้วยสายตาผิดหวัง เขาปัดนางออกจากผู้ต้องสงสัยคนแรก นางที่เป็นเหมือนน้องสาว เป็นเด็กน้อยแสนดีที่ช่วยชีวิตเขาจากทะเล ไม่รู้เลยว่าวันนี้นางคิดจะพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไป ถ้าไม่รู้จากนางกำนัลว่าเจ้าหญิงทรงให้ตามไครแซนทีเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว เขาคงยังไม่เอะใจจนทุกอย่างสายเกินไป


    “ข้าไม่ได้หวังให้ใครช่วย ในเมื่อไม่มีใครช่วยข้าเลย” น้ำตาของนางไหลหยด เหมือนพูดกับพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน คนที่นางวางเชื่อมั่นไว้ในมือของเขา


    “ใครสั่งให้เจ้าทำ มีคนขู่เจ้าใช่ไหม”


    “มีแต่คนอยากให้ข้าเลิกความคิดนี้ พี่ชาย แต่ข้าเลิกไม่ได้” นางตะโกนอย่างคุ้มคลั่ง “ข้าเลิกความคิดที่อยากให้ผู้หญิงแพศยาคนนั้นตายไม่ได้ ข้าอยากให้นางเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเจ็บ!”


    “มันจบแล้ว ไครแซนที.. มันจบแล้ว” นาธานเนลปล่อยมือออกจากร่างของเด็กสาวที่เขาเคยให้ความคุ้มครอง ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้ในอดีตมันยังคงอยู่ตอนนั้น อดีตที่ไม่มีวันหวนคืน เวลานี้ใครกล้าแตะต้องเมียของเขา เขาไม่ปล่อยไว้แน่! “เจ้าไม่มีวันได้เข้าใกล้คาลิโดร่าอีก”


    ไครแซนทียิ้ม ยิ้มเย็นยะเยือกที่ทำให้คนมองขนลุก


    “ค่ะ ข้าไม่มีทางได้เข้าใกล้เจ้าหญิงอีก และก็ไม่จำเป็นด้วย”


    เสียงเหมือนของหนักหล่นอยู่ด้านหลัง ผสมไปกับเสียงกรีดร้องของกลีเคอเรีย นาธานเนลรีบหันไปมอง ร่างของภรรยาสาวล้มลงไปกับพื้น เหงื่อโทรมทั่วกาย รอยแผลเล็กๆที่แขนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสีดำ


    “ยาพิษ!!”


    “ค่ะ พิษที่ร้ายแรงที่สุด” ดวงตาของไครแซนทีวาววับขึ้นด้วยความสาแก่ใจ นางแสยะยิ้ม “เจ้าหญิงองค์นั้นใกล้สิ้นใจแล้ว พี่ชายไม่มีทางช่วยพระองค์ได้” เสียงหัวเราะของน้องสาวที่เคยรักยิ่งบาดเข้าไปในหัวใจของนาธานเนล ยามเขารีบคุกเข่า ประคองร่างของคาลิโดร่าไว้แนบอก มือของเขาสั่นอย่างไม่อาจระงับได้ “ในที่สุดเรื่องราวของเจ้าหญิงผู้เป็นชนวนสงครามคงจะจบที่ตรงนี้ แต่ไหนแต่ไรชาวเฮเลนส์อย่างเราก็ชื่นชอบเรื่องโศกนาฏกรรมอยู่แล้วนี่คะ วนิพกคงมีตำนานได้ขับร้องอย่างเพลิดเพลิน”


    ไม่มีใครคาด กลีเคอเรียขยับตัว หยิบมีดสั้นที่พื้นขึ้นมา มือหนึ่งบีบที่ท้ายทอยของไครแซนที อีกมือจับมีดจ่อคอด้วยความรวดเร็ว

    “เอายาถอนพิษมาให้น้องข้า!”


    “มะ..ไม่มี” มือที่ท้ายทอยดึงเส้นผมอย่างไม่ปรานีปราสัย จนต้องเงยหน้าเปิดลำคอให้มีช่องว่างมากขึ้น “ไม่มียาถอนพิษ!”


    “อย่ามาโกหก!” ดวงตาของกลีเคอเรียโชนแสงแห่งความเลือดเย็นขึ้นมา ใครจะคาดคิดว่าเจ้าหญิงที่เงียบที่สุด ที่อ่อนหวานที่สุด จะกล้ายกมีดขู่ใคร และด้วยดวงเนตรเลือดเย็นคู่นั้นทำให้ทุกคนเชื่อว่าเจ้าหญิงตรงหน้ากล้าแทงลงไปจริง!


    “อย่า!!” เสียงร้องของหญิงต่างแดนดังขึ้น ร่างอีกผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง ถูกขวางด้วยคนสนิทของราชาเอราเอิส “อย่าเพคะ เจ้าหญิงกลีเคอเรีย ครีพูดความจริง เราไม่มียาถอนพิษ” นางร่ำไห้ด้วยความร้อนรนตั้งแต่ได้ยินว่าเจ้าหญิงคาลิโดร่าเรียนตัวไครแซนทีไปพบ นางก็รีบรุดมาด้วยความรวดเร็ว ไม่คิดว่ามันจะสายเกินไปขนาดนี้


    “เช่นนั้น.. พวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์”


    “ไม่! เจ้าหญิงไว้ชีวิตนางด้วย เอาชีวิตหม่อมฉันไปแทนเถิด โทษทัณฑ์ใดใด หม่อมฉันขอน้อมรับแทน” ชาซิลาคุกเข่าลงเมื่อถูกกั้นไม่ให้ไปถึงตัวอีกฝ่าย “ได้โปรด.. ได้โปรด... ทรงเมตตาด้วย”


    “เราสมควรจะมีเมตตาแก่พวกเจ้ารึ เมื่อคนของเจ้าทำร้ายคนที่เรารักที่สุด”


    นาธานเนลก้มลงช้อนเจ้าหญิงขึ้นนอนบนแท่นบรรทม ร่างกายของนางมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด รอยดำคล้ำแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง เร็วกว่าพิษของงูเห่า ร้ายแรงกว่าพิษของงูจงอาง คาลิโดร่าดิ้น พยายามสะบัดแขนที่ร้อนดั่งถูกไฟลวก หากนาธานเนลจับไว้แน่น ไม่ต้องการให้นางเคลื่อนไหว เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ และชะลอการไหลของพิษ


    “ครี ข้าขอร้อง มอบยาถอนพิษเถอะ แล้วจะให้ข้าทำอะไร ข้าก็ยอมทั้งนั้น”


    “ไม่มีค่ะ” ไครแซนทีส่ายหน้า สิ่งเดียวที่หลงเหลือความรู้สึกผิด คือทำให้คนที่เหมือนพี่ชายต้องเจ็บปวดไปด้วยกับการกระทำของนาง “ข้าพูดความจริง ข้าเดิมพันชีวิตทั้งชีวิตกับการกระทำครั้งนี้ ย่อมไม่หายาพิษที่มียาแก้ไว้ได้แน่”


    ชายหนุ่มครางในลำคอ หากบุรุษอีกผู้หนึ่งตะโกนออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว


    “ตามหมอหลวง! เร็วเข้า!!”


    นาธานเนลมองดูใบหน้างดงามที่ริมฝีปากเริ่มม่วงคล้ำ


    “ไม่นะ.. คาลิร์ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ เจ้าเป็นอะไรไปไม่ได้ทั้งนั้น”


    “บอกข้ามา พวกเจ้าใช้ตัวยาอะไรผสมลงไป” กลีเคอเรียเค้นถาม เรียกทหารเข้ามาจับกุมคนร้ายให้มอบอยู่กับพื้น ปล่อยให้ชายอีกคนดูแลน้องสาวของนาง ซึ่งมั่นใจได้ว่าเขาจะทำหน้าที่นี้ได้ที่สุด “ถ้าเจ้าไม่พูด เจ้าก็ตาย!” เจ้าหญิงตรัสขู่ เมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ ร้อนถึงอดีตนางกำนัลอีกคนที่ทหารของเคลาคัสเข้ามาจับกุมแทนทหารของมิธรา


    “พิษจากแมงกะพรุนเพคะ เจ้าหญิง..” ชาซิลาเห็นว่างานที่ได้รับมาสำเร็จลุล่วงแล้ว ถึงจะผิดแผนไปบ้างที่นางควรจะเป็นคนทำหน้าที่สังหารเจ้าหญิงองค์นั้นเอง เพื่อให้ความผิดตกอยู่กับนางเพียงคนเดียว ใครเลยจะนึกว่าครีจะกล้าพกอาวุธติดตัวไปมาเช่นนี้ “หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าสัตว์ชนิดนี้มีลักษณะเช่นใด เห็นแต่พิษของมันที่เขาว่ากันว่าร้ายแรงมาก ถ้าซึมเข้ากระแสเลือด แทบจะไม่มีทางรอดได้”


    “งั้นเจ้าคงอยากลิ้มรสความทรมานนี้ดูบ้าง” เจ้าหญิงยกมีดจ่อใกล้ลำคอของไครแซนทีมากขึ้น “ไม่อยากรู้หรือไงว่าพิษนี้ทำให้น้องข้ารู้สึกอย่างใด!”


    ไครแซนทีเม้มริมฝีปากแน่น ไม่เคยวาจาอ่อนวอน แต่ชาซิลาทำเช่นนั้นไม่ได้


    “เจ้าหญิง ได้โปรด.. เห็นแก่..แก่เด็กในท้อง ไว้ชีวิตครีด้วยเถอะเพคะ”


    กลีเคอเรียชะงักไปชั่วขณะ


    “เจ้า..กำลังท้องรึ”


    “เพคะ” ไครแซนทีกัดฟันพูดออกมา มือเรียวบางกุมหน้าท้องไว้ ด้วยเป็นท้องสาวและอายุครรภ์ยังไม่มาก ทำให้แทบไม่เห็นหน้าท้องที่นูนออกมา “หม่อมฉันตั้งท้องลูกของเขา คนที่น้องสาวของพระองค์สังหารอย่างเลือดเย็น! หม่อมฉันรู้ว่าเขาก็มีส่วนผิด แต่..” น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ยามคิดว่า เจ้าตัวน้อย หากมีโอกาสลืมตาดูโลกก็ไม่มีวันได้เห็นบิดาผู้ให้กำเนิด “ถ้าหม่อมฉันไม่โทษเจ้าหญิง ไม่แค้นเจ้าหญิง หม่อมฉันก็ไม่รู้จะแค้นสิ่งใด ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม”


    กลีเคอเรียเผลอวางมีดลงกับโต๊ะ นางกล้าที่จะฆ่าคนที่ทำให้น้องสาวของนางเจ็บปวด แต่ไม่ใช่เด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาซึ่งยังไม่ได้ลืมตาดูโลก เป็นจังหวะเดียวกับแพทย์หลวงรุดเข้ามาในห้องบรรทม ปกติแล้วพระวิสูตรต้องรูดปิดสนิท แต่วันนี้พิธีการไม่จำเป็น เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แพทย์หลวงรีบแตะที่ข้อมือเพื่อตรวจหาชีพจร พร้อมดูรอยแผลที่ดำสนิท เส้นเลือดสีเขียวนูนขึ้นมา


    ชีพจรเต้นช้าลงเรื่อยๆ ตรงข้ามกับหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรง พิษที่เป็นดุจเปลวดพลิงไหลไปตามกระแสเลือด แม้นาธานเนลจะใช้ผ้าพันตรงข้อศอกเพื่อให้พิษไม่ไหวเวียน แต่ดูท่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก ริมฝีปากของผู้ถูกพิษม่วงคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด หัวใจที่ว่าเต้นรุนแรงเมื่อครู่ก็ดุจเครื่องจักรที่ทำงานเกินกำลัง และกำลังหยุดชะงัก


    แพทย์หลวงทำได้เพียงแค่คุกเข่าลงกับแท่นบรรทม วางท่อนแขนที่เริ่มเย็นไว้บนร่างซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง


    “พระชามาดา เจ้าหญิง..คงเหลือเวลาอีกไม่มาก”


    “ไม่!” นาธานเนลจับหัวไหล่ของคาลิโดร่าไว้แน่น หากไม่กล้าเขย่า “เจ้าทิ้งข้าไม่ได้นะ คาลิร์!!”


    กลีเคอเรียยืนอยู่ด้านหลัง ทำได้เพียงเอ่ยช้าๆ


    “ทหาร นำตัวไส้ศึกทั้งคู่ไปขัง พร้อมกับทาสจากพารอสทั้งหมด ถ้าใครช่วยให้เจ้าหญิงฟื้นได้ ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม ถ้าใครขัดขืน ฆ่าได้ทันที!”


                    “พระเจ้าค่ะ!”


                    ร่างงามระหงก้าวช้าๆ มาหยุดที่ข้างแท่นบรรทม หัวใจไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ว่าจะเสียน้องสาวคนนี้ไป


                    “มันต้องมีทางแก้ไขสิ ต้องมียาถอนพิษ”


    เอ็กเตอร์แอบย่องเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วหันไปสบตากับเจ้าเหนือหัว พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ พวกเขามีสมุนไพรสำหรับรักษายาพิษมากมาย แต่ทว่าไม่มีใครรู้จักพิษจากแมงกะพรุน ถิ่นที่พวกเขาอยู่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขาสูง แทบไม่เคยเห็นทะเลกันด้วยซ้ำ


    ดวงตาหญิงสาวปรือขึ้นช้าๆ ริมฝีปากด้านชา พยายามขยับจะเอ่ยบางสิ่ง นาธานเนลต้องแนบหูเข้าไปหา


    รัก.. รักที่สุด.. ขอบคุณ..อโฟรดิทิที่ทำให้ข้าเจอท่าน..


    เสียงตึงตังดังเข้ามาในห้องบรรทม องค์กษัตริย์และราชินีแห่งเคลาคัสรีบรุดเข้ามายังแท่นบรรทม เนื่องจากทหารไปแจ้งข่าว


    วัลเนอาอุทาน ก้มลงมองบุตรีที่นางรักที่สุด แก้วตาของนาง คาลิโดร่าทำได้เพียงปรือตา แล้วพยายามยิ้มให้ ผู้เป็นมารดาปวดใจเหลือแสน


    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้น!” โคไซนอสตะโกนลั่น ทว่าไม่มีผู้ใดมีคำตอบให้พระองค์ แพทย์หลวงตัวสั่นด้วยเกรงพระอาญา แต่พวกเขาไม่สามารถยื้อชีวิตของเจ้าหญิงได้จริงๆ พิษนั้นลามเลียไปทั่วพระวรกาย จนในไม่ช้าก็ดับลมหายพระทัย






     
    ข่าวการเสียชีวิตของเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักแพร่ไปทั่วราชวัง และไม่นานประชาชนต่างก็ทราบข่าวนี้อย่างถ้วนหน้า ผู้คนสวมใส่ชุดสีเข้มเพื่อไว้อาลัยแด่เจ้าหญิงแห่งเคลาคัส


    ภายในราชวังมีแต่เสียงร่ำไห้ ความโศกเศร้าเป็นดั่งอากาศที่กระจายไปทุกซอกของตัวปราสาท ห้องครัวปราศจากเสียงเอะอะเหมือนดั่งเคย คอกม้าไร้คนเหยียบย่างอย่างคึกคัก ทหารทุกผู้นายมีแต่แววตาเลื่อนลอย คนรับใช้รับคำสั่งอย่างไร้ความรู้สึก


    กลีเคอเรียสวมชุดสีขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด..ที่จริงต้องกล่าวว่า เก้าอี้ที่คาลิโดร่าเคยโปรด เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ราชาจากมิธราเสด็จฯ กลับ หลังจากที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ และความจริงก็กระจ่างชัด เมื่อสืบสวนคนของพารอส พบว่าทุกแผนการที่กระทำ หวังจะให้หลายประเทศแตกหักกับเคลาคัส แม้แต่ยาพิษที่ราชาเกือบได้รับก็มาจากนางเช่นกัน ความผิดมากมาย แต่มิอาจลงโทษประหารแก่นางได้ กษัตริย์โคไซนอสทองสั่งสร้างห้องใต้ดิน มีท่อเล็กๆโผล่พ้นดินขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้อากาศระบาย และคุมขังหญิงผู้นั้นจนกว่านางจะคลอดทารก แล้วจึงจะประทานเชื้อสายพารอสองค์สุดท้ายกลับคืนมาตุภูมิ ทว่าผู้หญิงนั้นไม่ตายไม่ได้ เพราะราชินีวัลเนอาลั่นวาจาจะสังหารนางด้วยหัตถ์ของพระองค์เอง และถ้าพารอสไม่หยุดแค่นี้ กองทัพใหญ่จะเคลื่อน จนเมืองจะเหลือเพียงแต่นาม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×