ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #45 : ความหึงหวง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 586
      1
      13 เม.ย. 54








    เอราเอิสเห็นจริงตามนั้น ถ้าไม่มีคาลิโดร่าแล้วพระองค์ได้อภิเษกกับเจ้าหญิงตรงหน้า พระองค์จะได้ครองสองนครรัฐ เป็นการลงทุนลงแรงที่น่ายั่วยวนใจไม่น้อย


    “พระองค์จะให้หม่อมฉันช่วยกำจัดเจ้าหญิงคาลิโดร่าให้พ้นทาง นั่นหมายถึงหม่อมฉันจะต้องสังหารพระขนิษฐาของพระองค์”


    “ไม่สังหารเพคะ ถึงอย่างไร คาลิร์ก็เป็นน้องที่หม่อมฉันรักมาก หม่อมฉันไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป”


    สุรเสียงจริงจังของเจ้าหญิงลำดับที่หกแห่งเคลาคัสทำให้เอราเอิสสรวลดัง


    “ฮ่าๆๆๆ นี่ขนาดรัก พระองค์ยังคิดแย่งบัลลังก์ของนางได้ลงคอ ‘รัก’ ของอิสตรีช่างน่ากลัวนัก”


    “ฝ่าบาท..” กลีเคอเรียเม้มพระโอษฐ์แน่น


    “ถ้าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นจริง หม่อมฉันคงต้องระวังพระองค์ลอบสังหารในห้องบรรทมด้วยกระมัง เพื่อปกครองสองนครรัฐด้วยพระองค์เอง”


    “หม่อมฉันเป็นหญิง ไม่คิดกระทำในกิจของบุรุษเช่นนั้นหรอกเพคะ” กลีเคอเรียยังคงเกลี่ยกล่อม นกน้อยบินจากไปแล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงหัวเราะดัง


    “หาก..หม่อมฉันยอมรับในสิ่งที่พระองค์เสนอ หม่อมฉันจะมีโอกาสได้ออกจากวังแห่งนี้หรือไม่”


    พระหัตถ์เรียวกำแน่นขึ้น สีพระพักตร์แย้มยิ้มให้ดูเหมือนไม่เข้าพระทัยในสิ่งที่ราชาหนุ่มดำรัส


    “แผนการชักจูงจิตใจของพระองค์ยอดเยี่ยม”พระหัตถ์ใหญ่ตบเข้าหากันอย่างชมเชย “มอบสิ่งที่สูงค่าเพื่อชักจูงให้กระทำตาม น่าเสียดาย..ถ้าหม่อมฉันไม่เคยเห็นดวงเนตรยามพระองค์มองพระขนิษฐาด้วยความรัก หม่อมฉันคงหลงในกลอุบายแล้ว”


    กลีเคอเรียถอนหายใจ หลังพิงพนักเก้าอี้อย่างจำยอม


    “หมายความว่าพระองค์เห็นด้วยในแผนการใช่ไหม ถ้าหม่อมฉันไม่ได้รักคาลิร์”


    “ขอเก็บคำตอบเป็นความลับของหม่อมฉันดีกว่า” เอราเอิสตรัสต่อด้วยสุรเสียงยั่วเย้า “แต่คำเชิญเดิมยังอยู่ พระองค์สามารถเสด็จมิธราได้เสมอ”


    “หม่อมฉันคงไม่มีโอกาสได้ไป”


    “เพราะพระคู่หมั้น?”


    “เพคะ”


    “หม่อมฉันว่าแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่โชคดี แต่..พระองค์จะไม่ลองให้โอกาสองค์เองบ้าง หม่อมฉันยอมเป็นทางเลือกให้ก็ได้”


    กลีเคอเรียหัวเราะที่อีกฝ่ายเอ่ยอย่างใจป้ำ นางเงยหน้าสบสายตามั่นคงของชายหนุ่ม อายุอานามน่าจะมากกว่านางสิบกว่าปีได้ ใบหน้าคมเข้ม หล่อ..ใช่ นางเอ่ยได้เต็มปากว่าชายตรงหน้ามีส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบแห่งนักรบ ช่วงไหล่หนา และกล้ามเนื้อที่อกคงเป็นมัดๆ เยี่ยงเทพเจ้าแห่งสงคราม ไม่มีส่วนไหนที่ไม่งามสง่า ยิ่งฐานันดรศักดิ์ไม่น้อยกว่าผู้ใด ราชินีของแผ่นดิน หญิงใดเล่าจะไม่ต้องการ


    “ทำไมพระองค์ถึงเลือกหม่อมฉัน?”


    “เพราะพระองค์งดงาม และอ่อนโยน พระองค์อาจไม่แข็งกร้าวห้าวหาญแบบเจ้าหญิงคาลิโดร่า แต่พระองค์ปกครองฝ่ายในได้หมดจดยิ่งนัก เหมาะกับตำแหน่งของราชินีแห่งมิธรา และ..หม่อมฉันเชื่อสายตาตัวเองว่าไม่เคยดูใครพลาด”


    “พระองค์ลืมดำรัสอีกอย่าง อีกเหตุผลคือหม่อมฉันเป็นเจ้าหญิง มีฐานะที่คู่ควรกับราชาเช่นพระองค์” นานครั้งที่เจ้าหญิงในเงามืดจะตรัสอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าหม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชาวบ้าน พระองค์คงไม่ชายเนตรแล หรือไม่ก็เป็นได้แค่นางในเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์คาดหวังสิ่งใด แม้แต่..รักที่จะมอบให้”


    “พระองค์กำลังตรัสทางอ้อมว่าต่อให้พระองค์เป็นเพียงคนธรรมดา คู่หมั้นของพระองค์ก็ยังทรงรักเช่นนั้นหรือ”  


    เจ้าหญิงลำดับที่หกแห่งเคลาคัสสรวลด้วยความชอบพระทัย เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว


    “เพคะ เขาเป็นคนเช่นนั้น จริงอย่างที่พระองค์คาดเดา หม่อมฉันใช้มารยาเมื่อครู่เพื่อลองพระทัยพระองค์ และหม่อมฉันทำเช่นนี้เสมอเมื่อมีใครจะก้าวเข้ามาใกล้..คาลิโดร่า ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เข้ามาในฐานะอะไร หม่อมฉันไม่ไว้ใจทั้งนั้น หลายต่อหลายครั้งที่บางคนหลงในกับดักนี้ เขาเป็นผู้ชายคนแรกเพคะ คนแรกที่ทำให้หม่อมฉันเริ่มศรัทธาในรัก นอกเหนือจากความรักในครอบครัว


    เขารู้ว่าหม่อมฉันเป็นเพียงนางกำนัลคนสนิทของคาลิร์เท่านั้น และเขาเป็นเจ้าชายองค์เดียวของไอดรา จะมีปัญหามากมายถ้าเขาเลือกหญิงไม่มีอะไรเลยอย่างหม่อมฉัน แต่เขาก็เลือก โดยรู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญปัญหามากมาย หม่อมฉันตกหลุมรักคนเช่นนี้เพคะ คนที่มองหม่อมฉันที่ภายใน คนที่เลือกหม่อมฉันที่มีแต่ตัว” กลีเคอเรียประสานพระเนตรกับองค์ราชา ก่อนตรัสเสริม “หม่อมฉันอยากจะถามพระองค์อีกสักครั้ง พระองค์ปรารถนาหม่อมฉันในฐานะที่หม่อมฉันเป็นสตรี หรือเป็นเจ้าหญิง”


    ทั้งคู่กลายจะจ้องตากันอยู่นาน จนเอราเอิสเป็นฝ่ายถอนหายใจก่อน


    “เฮ้อ.. น่าเสียดาย หม่อมฉันคิดว่าจะเจอคนที่ใช่แล้วเชียว”


    “คนเราสามารถหาที่ใช่มากกว่าเดิมได้ทุกเมื่อเพคะ ถ้าคนนี้ใช่สำหรับพระองค์ในวันนี้ วันหน้าพระองค์จะไปเจอคนที่ใช่กว่า” หญิงสาวโบกมือเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพูดอะไร “อย่าเถียงสิเพคะ ครั้งแรกที่พระองค์พบผู้หญิงถูกพระทัย เหมือนเช่นที่พระองค์พบหม่อมฉัน พระองค์ไม่คิดหรือเพคะว่าคนนี้ ‘ใช่’ สำหรับพระองค์แล้ว แต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานเข้า เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วพบว่ามันไม่ใช่ พระองค์คงคิดว่าไม่ผิดที่จะเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่พระองค์ก็จะเจอสิ่งที่ดีกว่าขึ้นไปอีกเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หม่อมฉันว่าสิ่งสำคัญคือการถนอมคนที่ใช่ในวันนี้ให้ตราบนานเท่านานต่างหาก คือรักแท้ กลับไปถนอมยอดหญิงที่พระองค์มีเถอะเพคะ หม่อมฉันได้ข่าวมาว่าก็หลายนางพอดู ดูแลนางให้เหมือนกับครั้งแรกที่พระองค์เห็นหน้าของพวกนาง”


    “หม่อมฉันแพ้แล้ว..” เอราเอิสเอ่ยอย่างจำยอม “พระองค์มีทัศนคติที่ดียิ่งนัก ถ้าพระองค์ยังไม่มีพระคู่หมั้น หม่อมฉันคงจะลองดูสักตั้ง”


    “ลองอะไรกัน?” นาธานเนลเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่สดชื่น แจ่มใส เขาโค้งศีรษะเล็กน้อยให้แก่ราชาหนุ่ม “ขออภัยที่หม่อมฉันมาสาย”


    “คาลิร์ล่ะเพคะ”


    “นางรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงให้เราเสวยกันก่อน เสร็จแล้วหม่อมฉันจะรีบกลับไปดูนาง” นาธานเนลยังอดแปลกใจไม่หาย ถึงเขาจะไม่ยอมให้นางพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เขารู้สึกว่า ‘ไม่ค่อยสบาย’ ของนางเป็นแค่คำลวงที่จะอยู่ในห้องต่อเท่านั้น


    “น่าเสียดาย หม่อมฉันนึกว่าวันนี้มีเรื่องจะถามไถ่เจ้าหญิงสักเล็กน้อย”


     นาธานเนลเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย




     
    คาลิโดร่าแกล้งนอนนิ่งอยู่ในห้องบรรทมอยู่ชั่วครู่ เมื่อคู่ชีวิตเดินออกไป นางจึงลุกขึ้นยืน รีบแต่งตัว วันนี้นางตั้งใจแล้วว่าจะสะสางทุกอย่างไม่ให้ค้างคาใจ จึงเอ่ยกับนางกำนัลคนสนิทให้ไปตามไครแซนทีมาพบ หญิงสาวเม้มริมฝีปาก นางอาจดูใจร้าย แต่นางจะไม่ยอมเสียคนที่รักให้ใครทั้งนั้น ด้วยสิทธิ์อันชอบธรรมที่เขาเป็นสามีของนาง!


    “หม่อมฉัน ไครแซนทีเพคะ” หญิงผู้เป็นเครื่องบรรณาการหยุดยืนที่หน้าห้องบรรทม คาลิโดร่าปรายสายตาให้เหล่านางกำนัลคนสนิทถอยออกไปปิดประตู รออยู่ด้านนอก


    “มาที่นี่สิ” เจ้าหญิงแห่งเคลาคัสออกโอษฐ์ ทำให้ไครแซนทีค่อยๆ คุกเข่าคลานเข้าไปหา “มีเรื่องอยากจะถามเจ้าสักหน่อย เมื่อวานคุยอะไรกับพระสวามีของข้าบ้าง” 


    ไครแซนทีไม่นึกว่าหญิงสูงศักดิ์จะตรัสถามตรงๆ เช่นนี้ขึ้นมา นางนึกว่าต่างฝ่ายจะต่างเก็บงำความคิด แล้วสักวันมันจะเหมือนภูเขาไฟที่ร้อนระอุจนระเบิดออกมาแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งสองฝ่าย


    “ไม่มีอะไรมากเพคะ พระชามาดาเพียงแต่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของหม่อมฉันเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนเราคุ้นเคยกันมา บิดาหม่อมฉันให้เขาพักอาศัยอยู่ด้วยกันหลายเดือน เป็นเรื่องธรรมดาที่พระชามาดาอยากจะทราบข่าวคราวทางบ้านบ้าง เพราะพระองค์จากบ้านมาหลายปีเหมือนกันเพคะ”


    เจ้าหญิงกำพระหัตถ์แน่น นางเกลียดที่อีกฝ่ายเอ่ยเจรจาอ่อนหวานดุจว่าพวกเขาทั้งสองเป็นมากกว่าพี่น้องอย่างที่นาธานเนลเคยบอก


    “เช่นนั้น พระสวามีของข้าก็รู้ข่าวคราวหมดแล้ว ต่อไปคงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องถามไถ่เพิ่มเติม ข้าอยากให้เจ้าไปช่วยงานในวิหารมากกว่า คนทางนี้ก็มีอยู่เยอะแยะจนใช้งานได้ไม่หมดอยู่แล้ว”


    “เจ้าหญิง เกิดพระชามาดาถามหาหม่อมฉัน”


    “เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขา เขาจะถามหาเจ้าทำไม” นางอดนึกถึงรอยจูบที่ต้นคอของอีกฝ่ายไม่ได้ ถ้านาธานเนลรักชอบหญิงตรงหน้าจริงๆ นางจะทำเช่นไร ถ้า..เขาเรียกให้นางถวายการปรนนิบัติ แค่คิด..ก็ปวดร้าวไปทั้งทรวง



    “บางครั้งพระชามาดาคงอยากมีคนคุยด้วย หรือช่วยดูแล” น้ำเสียงนั้น ลักษณะการพูดบอกให้รู้โดยไม่ต้องคิดต่อว่าดูแลอย่างไร “ถ้าได้คนที่คุ้นเคยกันมา ก็น่าจะดีกว่านะเพคะ”


    อารมณ์หึงหวงแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ คาลิโดร่าประทับยืน เจ้าหญิงลำดับที่เจ็ดพยายามอย่างที่สุดเพื่อระงับพระอารมณ์ แต่ก็มิอาจทำได้


    “สวามีของข้า ข้าดูแลเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้นางกำนัลช่วย! เจ้าจงเตรียมตัวเข้าวิหารเถอะ!”


    ไครแซนทีตกตะลึงกับการตัดสินใจที่เด็ดขาด ทว่าเพียงชั่วครู่เท่านั้น ใบหน้าก็แปรเปลี่ยน


    “เจ้าหญิง พระองค์บังคับหม่อมฉันเองนะเพคะ” เดิมทีนางตั้งใจจะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คู่สามีภรรยาแตกแยกทีละเล็กละน้อย ให้ผู้หญิงที่เหมือนหงส์ตัวนี้เจ็บลึกไปถึงกระดูกเมื่อผู้ชายถูกแย่งไป แต่เมื่อคิดจะขับไสกัน ก็หมดเวลาแล้วที่จะเล่นละคร นางไม่มีทางเข้าวิหารโดนทิ้งเรื่องที่ต้องการทำไว้แบบนี้หรอก ไครแซนทีชักมีดสั้นออกมา


    “บังอาจ! พกอาวุธในเขตพระราชฐาน เจ้าอยากถูกตัดหัวหรือไง” คาลิโดร่าตวาดอย่างไม่กลัวเกรง นางฝึกอาวุธมาโดยตลอด ถ้าเทียบกับผู้ชาย แรงนางอาจไม่เท่า แต่ถ้าผู้หญิงด้วยกัน นางก็มั่นใจว่าไม่แพ้หญิงที่ดูแรงน้อยตรงหน้าแน่


    “หม่อมฉันไม่กลัวความตาย ไม่เคยกลัวเลยนับตั้งแต่เหยียบเข้าดินแดนแห่งนี้ ที่หม่อมฉันยังไม่ลงมือ เพราะนึกว่าเจ้าหญิงอย่างพระองค์จะเหมือนเจ้าหญิงคนอื่นๆ ยอมเจ็บปวดที่สามีไปมีเล็กมีน้อยอีกมากมาย แต่ไม่พูดจาให้เขาระคายหู”


    “นาธานเนลมีข้าแค่คนเดียวเท่านั้น!”


    “เพคะ เขามีพระองค์คนเดียว” ไครแซนทีถอดปลอกมีดออก เผยให้เห็นมีดสั้นเล่มคมที่ตลอดทั้งมีดเคลือบด้วยน้ำยางสีดำ “ช่วงเวลาที่พูดคุยกับหม่อมฉัน เขาเอ่ยถึงพระองค์อย่างยกย่องชื่นชม พระองค์ไม่สมควรจะได้เขาไปเลยจริงๆ เขาดีเกินกว่านั้น!”


    “เจ้า!” คาลิโดร่าโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ความคิดที่จะเรียกทหารหายไปสิ้น “ทำเช่นนั้น พารอสและเคลาคัสได้มีปัญหากันแน่”


    “เรามีปัญหากันอยู่แล้ว ตั้งแต่พระองค์ใช้เสน่ห์ยั่วยวนเจ้าชายไธเทลิส” ไครแซนทีเอ่ยด้วยเสียงดุดัน เจ็บปวด “พระองค์สั่งประหารเขา พระราชาและราชินีมีโอรสเพียงพระองค์เดียว เสียเขาไปก็เหมือนสูญสิ้นทุกอย่าง”


    “เขารนหาที่เอง!”


    “นั่นก็เพราะมารยาของพระองค์ เพราะปีศาจที่อยู่ในตัวของพระองค์ทำให้ผู้ชายหลงใหล” ไครแซนทีตวัดมีดไปมา คาลิโดร่าหลบหลีกอย่างชำนาญ ก่อนจะพยายามหาทางเข้าแย่งอาวุธในมือ “เขาเป็นของหม่อมฉัน เขารักหม่อมฉัน แต่เพราะพระองค์ทำเสน่ห์ให้เขาไขว้เขวจนเขาต้องตาย!”


    ปลายมีดตวัดอย่างมีเป้าหมายด้วยความรุนแรงทำให้อีกฝ่ายหลบอย่างเฉียดฉิว


    “หม่อมฉันเฝ้ารอ รอทุกวันให้เขากลับมา แต่พระองค์กลับสังหารคนที่หม่อมฉันรักที่สุด หม่อมฉันอยากให้พระองค์เจ็บ เจ็บปวดที่ถูกคนที่เรารักทรยศเพราะมารยาของผู้หญิง!”


    “ข้าไม่เจ็บ เพราะนาธานเนลไม่เคยทรยศข้า มีแต่เจ้าเท่านั้นที่อยู่กับความเจ็บปวดในอดีต”


    ยิ่งได้ยินก็ยิ่งแค้นใจนัก มีแค่นางคนเดียวหรือไงที่เจ็บเจียนตายเช่นนี้ นางรักเขา รักจนยอมให้ทุกสิ่งอย่าง แม้นจะอยู่อย่างพระชายาไม่ได้ เพราะนางเป็นแค่สาวชาวบ้าน แต่ฐานะของนางก็ไม่ด้อยกว่าหญิงคนอื่นของเจ้าชายไธเทลิส ราชาราชินีก็เมตตานาง รักนางราวกับลูก นางหนีร้อนไปพึ่งเย็น ได้เจอสถานที่ที่เหมือนบ้านหลังจากตกนรกมาแล้ว แต่หญิงตรงหน้าก็ทำลายมันสิ้น เจ้าชายถูกประหาร พระราชาสิ้นในสนามรบ เหลือแต่องค์ราชินีที่ตรอมพระทัยอยู่ทุกวี่วัน นางจึงเอ่ยปากร้องขอแกมบังคับมาจัดการหญิงที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจคนนี้


    ถึงต้องตายวันนี้ นางก็ไม่คิดเสียดาย! หญิงสาวทุ่มแรงทั้งหมดกระโจนใส่เจ้าหญิงก่อนจะแทงมีดสั้นลงไป






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×