ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #44 : ความในใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 590
      1
      22 มี.ค. 54






     
    ร่างสูงประทับยืน พระหัตถ์ไขว้ที่เบื้องพระปฤษฎางค์ เป็นอิริยาบถที่นายทหารคนสนิทคุ้นชิน


    “พิราบตอบกลับมาว่ายังไง”


    “เดิมที นางยืนกรานว่าเจ้าหญิงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อเราบอกว่าจะนำตัวมาส่งที่เคลาคัส” ในสภาพ..ไร้ลมหายใจ คนสนิทคิดถึงคำขู่นั้น จนทำให้ใบหน้าของอดีตนางกำนัลซีดเผือด นางเข้ามาขโมยสิ่งของสำคัญที่สุด แต่กลับไม่ได้เตรียมใจตายเลยสักนิด ท่าทางคนจ้างวานจะคิดผิดเสียแล้วที่เลือกใช้นาง “หญิงผู้นั้นจึงเปลี่ยนคำพูด ว่าถูกจ้างด้วยเงินค่อนข้างสูงจากแคว้นหนึ่งเพื่อมาใส่ความให้เคลาคัส”


    “แคว้นใด”


    “นางสิ้นใจก่อนจะมีโอกาสได้เอ่ย”


    พระเนตรหรี่ลงเป็นสัญญาณอันตราย แต่แล้วมุมปากกลับกระตุกขึ้นเล็กน้อย


    “เจ้าบอกว่านางสิ้นใจก่อนมีโอกาสเอ่ย..”


    “พระเจ้าค่ะ”


    “แต่สีหน้าเจ้าไม่เดือดร้อนเลยสักนิดที่มีความผิดพลาดนั้น ต่อให้ไม่เกี่ยวกับเจ้าก็เถอะ”


    เอ็กเตอร์ถอนหายใจ ถึงอย่างไรก็มิอาจปกปิดความลับกับนายเหนือหัวได้เลย


    “เราสืบเส้นทางของนางได้ หลายเดือนก่อนนางออกจากเคลาคัสจริง ไม่ว่าจะเป็นในฐานะคนทรยศหรือหนอนบ่อนไส้ก็ตาม แต่การเดินทางของนางมีจุดมุ่งหมายไม่เหมือนคนที่ถูกขับไล่จากบ้านเกิด เส้นทางของนางมุ่งสู่ทิศใต้”


    เอราเอิสยังนิ่งฟัง ถ้าเช่นนั้น แรกเริ่มจุดหมายคงไม่ใช่มิธรา แม้แคว้นมิธราจะอยู่ทางใต้ของเคลาคัส แต่ก็ค่อนไปทางตะวันออก หากเมื่อคนสนิทพูดว่าทิศใต้ นั่นก็หมายความถึงทิศใต้จริงๆ


    “นางไปยังนครพารอสพ่ะย่ะค่ะ”


    เหมือนเมฆดำเริ่มคลี่คลาย ยังทรงรับฟังโดยไม่เปลี่ยนสีพระพักตร์


    “พารอส? ว่ากันว่าฉนวนสงครามครั้งล่าสุดของเคาลาคัสมาจากการประหารเจ้าชายแห่งพารอส”


    “พระเจ้าค่ะ”


    “นางกำนัลผู้นั้น เจ้าหญิงตรัสว่าถูกขับไล่เพราะมอบกุญแจให้แก่เจ้าชายแห่งพารอส ซึ่งก็น่าจะเป็นกุญแจปลอม มิเช่นนั้นคงไขกุญแจแห่งคาลิโดร่าได้แล้ว ดาเมนินไปยังเมืองของเจ้าชายที่ตนเองให้กุญแจปลอม ไม่กลัวตายหรือไร”


    “มิเช่นนั้น นางก็ต้องมีเครื่องต่อรอง” เอ็กเตอร์เอ่ยต่อ “ความรักของแม่ที่มีต่อลูกชาย เป็นเครื่องต่อรองชั้นดีใช่ไหมพระเจ้าคะ”


    “สืบรู้หมดแล้ว ก็รีบๆ พูดมา” เอราเอิสเกือบจะหมดความอดทน เมื่อคนสนิทแกล้งอมพะนำไว้


    “ฝ่าบาท สายในวังพารอสของเราบอกว่า เมื่อหลายเดือนก่อน หญิงผู้นั้นมาขอเข้าเฝ้าพระราชินีโดยมีธำมรงค์ของเจ้าชายเป็นเครื่องยืนยัน จากนั้นจึงได้เข้าเฝ้าพระราชินีเพียงลำพัง ความในนั้น เฉพาะคนสนิทเท่านั้นถึงมีโอกาสรู้”


    “แต่เราก็พอจะเดากันได้ใช่ไหม” ร่างสูงวาดนิ้วไปบนโต๊ะ “ในระหว่างที่ราชาพารอสออกสงคราม ราชินีก็ส่งคนทรยศมายังบ้านเมืองเราเพื่อขโมยของ ป้ายความผิดให้แก่เคลาคัส ไม่แน่ว่านอกจากเมืองเราแล้ว ยังมีเมืองอื่นอีกที่ถูกทำแบบนี้ งานนี้เสี่ยงอย่างมาก.. เสี่ยงที่จะต้องเสียสายสืบที่อยู่ในวัง และ..นกต่อต้องใจถึง เพราะแทบไม่มีโอกาสรอด”


    เอราเอิสขบพระทนต์แน่น พระองค์พลาดที่เสียสิ่งคู่บ้านคู่เมืองไป เพราะคำว่าประมาทเพียงครั้งเดียว แต่จะไม่มีอีกแล้ว ดีที่นางผู้นั้นตายไปเสียก่อน มิเช่นนั้นถ้าพระองค์กลับไปลงทัณฑ์เอง นางอาจรู้จักคำว่าตายทั้งเป็น


    “ว่าแต่นั่นยังตอบคำถามไม่ได้ว่าทำไมถึงมีการวางยาในเคลาคัส”


    “ฝ่าบาท กระหม่อมมีข้อสงสัยอยู่อย่าง ไม่แน่ว่าคนทรยศอาจไม่ได้มีเพียงคนเดียว”


    นัยน์ตาของเอ็กเตอร์ฉายวาววับ ใครที่บังอาจแตะตัวเหนือหัวของเขา เขาจะไม่ปล่อยมันผู้นั้นแน่ ต่อให้ต้องบีบให้มั่น คั่นให้ตาย เขาก็จะนำตัวผู้นั้นมาแทบเท้าของเจ้าแผ่นดิน




     
    คาลิโดร่านอนนิ่งภายในพันธนาการของอีกฝ่าย มือใหญ่โอบรัดกายนางเอาไว้ แม้นขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็คงรู้สึกได้ ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดที่ต้นคอด้านหลัง เสียงของหัวใจที่แนบชิด เต้นสม่ำเสมอเหมือนคนกำลังหลับ แต่นางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหลับจริง เมื่อมือที่เคยอยู่สงบ..ที่เพิ่งมาสงบเอาเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเริ่มซุกซนอีกครั้ง ครั้งแรกไล้เบาๆ ไปตามท่อนแขนของนาง แต่เมื่อเจ้าของไม่ได้ว่ากล่าวสิ่งใด มือกำยำนั้นก็ขึ้นสูง แตะแผ่วยังปลายอกก่อนจะรวบทั้งเนินเนื้อ


    เพียะ!


    “เจ้าหญิง..” นาธานเนลครางชิดใบหู สูดกลิ่นหอมของเส้นผมรวยรินที่ทำให้ไม่สามารถห่างจากนางได้เลย “ทำไมมือหนักจัง”


    “ฮึ ใครกันแน่” นางกล่าวอย่างเง้างอน เมื่อร่างกายของนางถูกมือหนักหน่วงคู่นี้ทำจนมีรอยช้ำเต็มตัว แต่ดูจากสายตาคนทำ ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด มีแต่ความอิ่มอกอิ่มใจ


    “ก็ข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ พระองค์น่ารักจะตาย” ริมฝีปากที่สร้างความสุขมาทั้งคืนกดลงยังกกหูของหญิงสาว ก่อนจะระลงต่ำ คาลิโดร่าต้องทุบไปที่ท่อนแขนอีกหลายๆ ครั้ง


    “ตอนนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ทีตอนเจอกันครั้งแรกในวัง ไม่เห็นเจ้าจะอยากแตะต้องข้าเลยสักนิด ตอนเจ้าไขกุญแจให้ข้า พยายามไม่แตะถูกข้อมือข้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ” ว่าพลางก็ขยับหน้าหนีจุมพิตร้อนๆ ของเขา แต่อ้อมกอดที่กักตัวนางไว้ ไม่ว่าจะประทุษร้ายกี่ครั้ง ก็ไม่ยอมคลายลงสักนิด นาธานเนลหัวเราะเบาๆ


    “ก็ข้ากลัวอดใจไม่ไหวนี่น่า..” ชายหนุ่มสารภาพสิ้น “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พระองค์งดงามดั่งที่พวกวนิพกเยินยอ ข้านึกว่าพวกนั้นจะพูดเกินจริงเสียอีก แต่พอเห็นพระพักตร์ใจข้าก็เต้นระรัวแล้ว ขืนถูกเนื้อตัวพระองค์อีก ได้เข่าอ่อนขายหน้าคนในวังแย่”


    หญิงสาวหน้าแดง เขินอายกับคำสารภาพนั้นจนไม่ทันระวัง ให้หมาป่าที่รออยู่แล้วเข้าตะครุบใส่ ใบหน้าคมเข้มชะโงกเหนือร่างกายของนาง


    “นี่ แรงยังไม่หมดหรือไง นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”


    “ใครว่า ถ้าได้อยู่กับพระองค์ ข้าไม่เคยเหนื่อยเลย รู้สึกว่ามีแรงเหลือเฟือที่จะทำอะไรมากกว่าเข้าประชุมขุนนางกับพระบิดาอีกนะ” นาธานเนลเรียกขานกษัตริย์โคไซนอสว่าพระบิดาตามพระประสงค์ของพระองค์


    “พอได้แล้ว ข้าไม่มีแรงเหลือเฟือหรอกนะ” คาลิโดร่าบิดตัว เมื่อสามีเห็นว่าภรรยาสาวไม่ยอมเล่นด้วย ก็ลุกให้โดยง่าย


    “งั้น..ขอแค่ช่วยอาบน้ำให้ก็พอ ดีไหม”


    คนถูกถามจ้องตาคนถาม สายตาพราวระยับแบบนั้น คิดอะไรแผลงๆ ล่ะไม่ว่า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ แค่นางลุกจากเตียงให้ได้ก่อนเป็นพอ คาลิโดร่าอนุญาตให้ไม่ต้องมีนางกำนัลเข้ามาช่วยนางสรงน้ำเหมือนเช่นทุกครั้ง มีแต่สามีตามเข้ามาช่วยจัดการให้ โดยไม่รู้เลยว่าห้องสรงน้ำจะเดือดระอุยิ่งกว่าบนแท่นบรรทม


    นับว่านางตัดสินใจพลาดจริงๆ




     
    “ช้า!” องค์ราชาแห่งมิธราตรัสบริภาค ทุกๆ วันในพระกระยาหารมื้อเที่ยง พระองค์จะเสวยกับตัวแทนของเคลาคัสคือเจ้าหญิงสองพระองค์และพระสวามีองค์เล็ก ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง มีวันนี้ที่สามีภรรยาคู่นั้นมาสายผิดปกติ


    “เอ่อ.. ปกติคาลิโดร่าเป็นคนตรงต่อเวลามา อาจจะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อน หม่อมฉันให้นางกำนัลไปตามแล้ว ถ้าไม่สะดวกจริงๆ เราเสวยกันก่อนก็ได้เพคะ” กลีเคอเรียพยายามไกล่เกลี่ย เมื่อได้ยินเสียงหวาน ชายสูงศักดิ์จึงจ้องมองพระพักตร์ซึ่งมีส่วนโค้งละมุนให้ความรู้สึกนุ่มนวลกับสายตา นางงามเย็นชื่นตา ประกอบกับฐานันดรที่มีก็ไม่น้อยหน้าใคร ถ้าผูกมิตรได้ มิธรากับเคลาคัสคงเชื่อมสัมพันธไมตรีกันได้ไม่อยาก


    “ที่จริง เราเสวยเพียงแค่นี้ก็ได้” สุรเสียงทอดอ่อนให้คนฟังจับความนัยได้ นางเพียงแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานเหมือนเช่นทุกครั้ง รอยยิ้มที่พระองค์ไม่เคยอ่านได้ บางคนเคยว่ารอยยิ้มอิสตรีเหมือนเรียวดาบ พระองค์เห็นจะจริงก็คราวนี้เอง


    “เดี๋ยวใครจะว่าเคลาคัสต้อนรับไม่ดี”


    “เช่นนั้นพระองค์ไม่อยากออกนอกเคลาคัสบ้างหรือ มิธราก็งดงามไม่แพ้ดินแดนแห่งนี้”


    “หม่อมฉันไม่ทราบสิเพคะ” นางไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ


    “ถ้าหมอ่มฉันทูลเชิญเสด็จประพาสที่มิธรา พระองค์มีความเห็นอย่างไร”


    กลีเคอเรียมองพระเนตรขององค์ราชาค้นหาความหมายในคำดำรัสประโยคนั้น แล้วจึงยกหัตถ์โบกเป็นสัญญาณให้นางกำนัลถอยออกจากห้องเสวยเล็ก เอราเอิสเห็นสัญญาณจึงพยักพระพักตร์แก่คนสนิทของตนให้ออกจากห้องเช่นกัน เจ้าหญิงทอดพระเนตรมองความว่างเปล่าของห้อง มีเพียงลมหายใจของสองพระองค์เท่านั้น นางกำลังกระทำในสิ่งที่หญิงมีคู่หมั้นแล้วไม่ควรทำ..อยู่เพียงลำพังกับบุรุษในที่รโหฐาน


    “นั่นขึ้นอยู่กับว่าพระองค์ทูลเชิญหม่อมฉันในฐานะอะไร” กลีเคอเรียตอบกลับ ชายหนุ่มรู้ว่านางไม่ไล่หญิงรับใช้ออกเพียงตอบคำถามเพียงเท่านี้แน่


    “ในฐานะพระราชอาคันตุกะของหม่อมฉัน”


    “เช่นนั้นคงไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ถ้าพระองค์จะเชิญหม่อมฉันเพียงองค์เดียว หม่อมฉันมีพระคู่หมั้นแล้วเพคะ”


    “ผู้ชายคนนั้นคงโชคดีมากที่ได้ดอกไม้งามไว้ในครอบครอง” ราชาหนุ่มตรัสเกี้ยวพาราสี


    “หม่อมฉัน.. ไม่ทราบสิเพคะ” กลีเคอเรียเบือนหน้าหนีประกับหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ นกน้อยตัวหนึ่งบินเข้ามาเกาะที่ขอบพระบัญชร "หม่อมฉันพบพักตร์พระคู่หมั้นแทบจะนับครั้งได้ เรา..ยังไม่รู้จักกันดีด้วยซ้ำ ถ้า..เขาเป็นคนเลวร้ายกว่าที่คิด ถ้าเขามีภรรยาอยู่แล้วที่เมืองของเขา หม่อมฉันจะสู้หน้าคนอื่นได้เช่นใด”


    “ฝ่าบาท ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์จะอภิเษกออกไป พระองค์ตรัสแก่พระบิดาได้ หม่อมฉันเชื่อว่าพระบิดาของพระองค์คงไม่พระทัยร้าย หักหาญน้ำพระทัยของธิดาแห่งตนเป็นแน่” ความอ่อนแอของสตรี คือสิ่งที่บุรุษต้องการที่จะปกป้อง ราวกับเป็นอำนาจและความชอบธรรมที่บุรุษควรกระทำ  ยามที่หญิงผู้หนึ่งเผยความอ่อนแอเช่นนี้ ทำให้ชายผู้ยิ่งใหญ่ปรารถนาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่


    “เพคะ พระบิดาคงไม่บังคับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็ไม่อาจอยู่ในวังแห่งนี้ได้อย่างสุขพระทัย พระเชษฐภคินีองค์อื่นๆ ก็อภิเษกด้วยเหตุผลทางการเมือง แม้ทุกพระองค์จะรักใคร่กลมเกลียวเป็นอย่างดีกับพระสวามี แต่เหตุผลเริ่มแรกก็เพื่อแผ่นดิน น้องคนเล็กของหม่อมฉันก็เฉลียวฉลาดพอที่จะดูแลเคลาคัสสืบต่อพระบิดาได้ ถ้ามีแต่หม่อมฉันที่ไม่เอาไหน ให้อภิเษกกับผู้ชายที่พระบิดามารดาเห็นว่าสมควร ยังต่อต้าน หม่อมฉันจะมองหน้าใครได้อีก”


    “เจ้าหญิง..”


    “เพราะคาลิโดร่าเก่งกาจ หม่อมฉันถูกเปรียบเทียบกับพระขนิษฐาองค์นี้อยู่เสมอ” พระเนตรเศร้าสร้อยยังจ้องจับอยู่ที่นกน้อยตัวเดิมซึ่งเห็นมนุษย์ไม่มีการเคลื่อนไหว ก็ใจกล้าเข้ามามากกว่าเดิมเพื่อหาเศษอาหาร “เราแตกต่างกันมาก มาก..จนหม่อมฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”


    “เช่นนั้น ถ้าเปลี่ยนพระคู่หมั้น ฝ่าบาทเห็นเป็นเช่นใด หม่อมฉันให้ฝ่าบาทเรียนรู้ตัวหม่อมฉัน เช่นเดียวกับที่หม่อมฉันเรียนรู้จากฝ่าบาท เราอาจจะมีทางเลือกให้แก่กันมากกว่านี้”


    “ฝ่าบาท..” กลีเคอเรียสูดลมหายใจเข้าเมื่อได้รับโอกาสเช่นนี้ จากเมืองที่ถือว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้เคลาคัส แม้จะอยู่ห่างไกลออกไป แต่ก็ถือว่าสามารถสร้างพันธมิตรที่น่าเกรงขามเมืองหนึ่ง “หม่อมฉันเป็นเพียงเจ้าหญิงองค์หนึ่ง เมื่ออภิเษกไป หม่อมฉันแทบไม่มีอะไรตอบแทนพระองค์เลย”


    “เจ้าหญิง?”


    “หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทมากกว่านี้ ตอบแทนน้ำพระทัยของพระองค์” น้ำเสียงของหญิงสาวแปรเปลี่ยน จากความนุ่มละมุนเป็นเย็นยะเยียบ “เวลานี้รัชทายาทคือคาลิโดร่ากับพระสวามี ถ้าไม่มีนางสักคน ตำแหน่งรัชทายาทจะเป็นของหม่อมฉัน เมื่อนั้นหม่อมฉันจะตอบแทนความมีน้ำพระทัยของพระองค์ได้ ฝ่าบาท.. หม่อมฉันจะมอบแผ่นดินนี้แก่พระองค์ถ้าทรงรับปากจะช่วยหม่อมฉัน”







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×