ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #43 : ความรัก เปลี่ยนได้ทุกสิ่งโดยเฉพาะใจคน!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 581
      0
      28 ก.พ. 54




    ‘ข้ารักกษัตริย์โคไซนอสที่มีความเที่ยงธรรม รักราชินีที่มีความเมตตา และรักเจ้าหญิงทุกพระองค์ด้วย หรือว่าท่านไม่..’ นางเอ่ยขึ้นด้วยสายตาหวาดระแวง ทำให้ทาร์เธเมสต้องรีบแก้ตัว


    ‘ใครว่า ข้าเป็นทหารในกองอารักษขาของเจ้าหญิงคาลิโดร่าเชียวนะ’


    ‘จริงเหรอ!’ ดวงตาใสคู่นั้นเปล่งประกายขึ้นมา ‘ข้าได้ยินพระนามของเจ้าหญิงมานานแล้ว จริงหรือที่ว่าพระองค์ทรงได้รับธนูทองคำจากอาร์เทมิส แล้วที่ว่าในสวนของพระองค์มีดอกไม้นานาชนิดที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา แล้วที่ว่าพระองค์สามารถนั่งประชุมในท้องพระโรงเยี่ยงบุรุษได้ล่ะ..จริงหรือคะ’


    ทาร์เธเมสหัวเราะในลำคอ


    ‘จริงบ้าง เท็จบ้าง’ เท็จเพราะมันไม่จริง และจริงเพราะเจ้าหญิงต้องการให้คนอื่นคิดว่าจริง


    ‘ว้าว ท่านโชคดีจัง ได้ทำงานใกล้ชิดพระองค์’ ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายกว่าปกติ มีความยินดีรื่นรมย์แฝงมาโดยไม่อาจซ่อนงำได้ ‘ทำยังไงท่านถึงได้มีโอกาสถวายงานใกล้ชิดคะ’


    ‘ข้าก็แค่..เด็กยาจนคนหนึ่งที่ถูกขายเป็นทาส’ แม้ในยามนี้ ความทรงจำขณะนั้นก็ยังเด่นชัด เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลย ‘และได้มีโอกาสพบเจ้าหญิงก็เท่านั้นเอง เด็กคนหนึ่งที่เสียครอบครัวไป ตอนนี้เจ้าหญิงถึงให้โอกาสข้าตามหา เดิมทีข้าเป็นคนลาชิเดน เลยได้ลองตามหาพ่อแม่ที่หายสาบสูญไปในแถบนี้ หลายเดือน แต่ก็ยังไม่พบเลย’


                    ทาร์เธเมสเอ่ยเล่าให้เรื่องที่เจ้าหญิงประทานอนุญาตให้เขาออกตามหาครอบครัวโดยไม่มีเวลามากำหนด เขารู้ดีว่ามันเป้นไปไม่ได้ แต่ก็อาจลองเสียดวงดู ระยะเวลาผ่านมาหลายเดือนแต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด


    ‘ท่าน..เสียเวลาหลายเดือนเพราะตามหาเหรอคะ’ ดวงตาของนางหม่นลง ประกายเมื่อคู่จืดจางเหมือนสิ้นความศรัทธากับผู้บอกเล่า ‘ท่านกตัญญูนักที่จะตามหาครอบครัว แต่..ไม่คิดบ้างหรือว่ามันยาก และแทบเป็นไปไม่ได้’


    ‘ข้ารู้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ถึงจะได้พบเจอ’


    รีอาเบือนหน้าหนี


    ‘ถ้าข้ามีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ แม้เพียงสักนิด เพียงสักครั้ง ข้าจะไม่ห่างพระองค์เลย เรื่องครอบครัว ข้าไม่เถียงที่ท่านอยากพบเจอ แต่ท่านบอกเองว่าเป็นองครักษ์ของพระองค์ กลับทิ้งพระองค์มาหลายเดือนเช่นนี้ มันเหมือนกับทิ้งหน้าที่ของตนเองหรือไง ทิ้งพระองค์..เพื่อตามหาคนที่ไร้ตัวตน’


    ‘ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะทำยังไง’


    ‘ข้าจะทำงานใกล้ชิดพระองค์เพื่อตอบแทนพระคุณ และ..ข้าจะสร้างชื่อเสียง’ นางเอ่ยด้วยความแน่วแน่ ‘ข้าจะสร้างชื่อเสียงให้นามของข้าระบือไปไกล ถ้าคนในครอบครัวรู้ เขาจะต้องมา ข้าจะอยู่ตรงนั้นรอพวกเขาด้วยความเชื่อมั่น’


    ราวกับภูเขาที่หนักอึ้งอยู่ในใจเขาค่อยๆ พังลงมา ไม่มีประโยชน์ที่จะตามหาคนที่ไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด แต่ให้รออยู่กับที่ เฝ้ารอด้วยความอดทนว่าเขาจะมา



     
    “คำพูดของเจ้า เหมือนเปิดดวงตาของข้าอีกครั้ง” ทาร์เธเมสโอบลาดไหล่เปล่าเปลือยในอ้อมแขน ให้ความอบอุ่นอย่างที่ผ้าห่มไม่อาจให้ได้ รีอาถอนหายใจอย่างเป็นสุข “ข้ากลับมาหาเจ้าหญิง ยามเห็นพระพักตร์ของพระองค์เหมือนข้าได้เห็นบ้าน เห็น..ครอบครัว คนบ้านแตกจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้”


    มือเรียวลูบใบหน้าของสามีช้าๆ


    “ท่านบอกเสมอว่าท่านไร้ครอบครัว”


    “ใช่ และเจ้าก็บอกจะเป็นครอบครัวให้ข้า” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงตอนนั้น มันเหมือนเขากำลังถูกขอแต่งงานเลยเชียวล่ะ


    “สามีที่รัก ข้าเป็นครอบครัวให้ท่านแล้ว และกำลังสร้างสมาชิกคนใหม่ด้วย” มือของนางดึงมือใหญ่มาลูกที่ท้องสาวซึ้งไร้เสื้อผ้ากางกั้น ความร้อนที่สัมผัสให้เขาวูบวาบเลยทีเดียว วูบขึ้นมาถึงหัวใจ


    “เจ้าหมายความว่า..”


    “ถ้าเป็นชาย ข้ายอมให้เป็นทหารเหมือนท่าน แต่ถ้าเป็นหญิง ท่านต้องใช้เส้นสายให้นางเข้าไปเป็นนางกำนัลให้ได้ด้วย ท่านไม่ให้ข้าไปทำงานในวัง ก็ต้องให้ลูกสาวของเราไป”


    ทาร์เธเมสหัวเราะลั่นห้องนอน นางยังโกรธเคืองเขาไม่หาย แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว ที่เขาไม่ยอมให้นางไปทำงานในวัง รับใช้ใกล้ชิดเจ้าหญิง เพราะฝ่ายในนั้น ผู้ชายอย่างเขาแม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าออกได้สะดวกนัก แล้วเรื่องอะไรเขาต้องทนถึงขนาดนั้นด้วย


    “ได้ ข้าตกลง ถ้าเป็นชาย ข้าจะฝึกให้มันเป็นทหารไม่แพ้พ่อ ถ้าเป็นหญิง เด็กคนนี้จะเป็นนางกำนัลที่ถวายงานได้ดีที่สุดจนทุกพระองค์โปรดปราน”


    รีอาซุกหน้ากับซอกคอของชายหนุ่ม ลำแขนกลมกลึงก็โอบคอของเขา


    “ท่านดีใจไหม..”


    “ดีใจที่สุด ขอบคุณที่ให้ครอบครัวแก่ข้า”


    “ท่านจะรักเด็กคนนี้ใช่ไหม”


    “มากเท่าที่ความรักจะมีให้ได้ ชีวิตและจิตวิญญาณข้ามีไว้เพื่อเจ้าหญิงและแผ่นดิน แต่ความรักทั้งมวลข้าให้เจ้ากับลูกของเรา”


    นางบรรจงจุมพิตเขาที่แผ่นอกด้านซ้าย ตำแหน่งหัวใจ ชีวิตของนางโชคดีนัก แม้ไม่ร่ำราย แต่มีแผ่นดินให้อาศัย มีบ้านให้พักผ่อน และมีสามีที่รักนางยิ่ง เท่านี้เอง..นางก็ไม่ปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่านี้แล้ว


    ชีวิตหนึ่งสั้นนัก จะแสวงหาความยากลำบากไปทำไม


    กอบโกยความสุขที่ไขว้คว้าได้ แล้วชีวิตจะไม่รู้จักคำว่ายากจน


     
    ................................................


     
    “คาลิร์.. พี่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ” กลีเคอเรียบ่นออกมาในวันหนึ่ง หลังจากงานต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างแดนผ่านมาเป็นอาทิตย์ นิสัยช่างสังเกตและความละเอียดอ่อนของนางทำให้อดเอ่ยกับน้องสาวไม่ได้ “พี่ว่าดูเหมือนราชาเอราเอิสจะ..ระวังตัว..มากเกินไปหน่อยนะ”


    คาลิโดร่าคิดตาม หลังการพูดคุยครั้งสุดท้าย นางหลงคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่เรื่องกลับไม่ได้เป็นดั่งคาด ราชาเอราเอิสทำตัวเหินห่างมากขึ้น มีพิธีการมากขึ้น และที่สำคัญ..ให้คนสนิททดสอบพิษในพระกระยาหารทุกครั้งต่อหน้าพวกนางอย่างไม่ไว้หน้า


    เกิดอะไรขึ้น?


    “ข้าไม่ทราบสิคะ อาจจะเป็นเรื่องปกติของพระองค์ก็เป็นได้” นางปลอบตนเองและพี่สาวไปพร้อมกัน “แต่ข้าก็อดห่วงไม่ได้ ตอนแรกข้านึกว่าข้าคิดอยู่คนเดียว แต่ถ้าพี่ทักมาแบบนี้ คงไม่ดีแน่ถ้าเราจะปล่อยไป ข้าจะลองไปปรึกษานาธานเนลดูก่อน เผื่อว่าเขาจะมีวิธีการดีๆ”


    กลีเคอเรียมองน้องสาวที่เดินออกไปก็ถอนหายใจช้าๆ นางจะรู้ไหมนะว่าตัวนางค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จากที่ไม่เคยฟังใคร ไม่เคยพึ่งใคร กลับยอมไปขอความเห็นจากสามีก่อน ดูท่าความรักเปลี่ยนแปลงคนได้จริงๆ


    เจ้าหญิงที่ห้าแห่งเคลาคัส ผินพระพักตร์ไปทางพระบัญชรที่เปิดกว้าง เจ้าหญิงในเงามืดเหมือนดวงจันทร์ซึ่งโดนแสงอาทิตย์ร้อนแรงนามคาลิโดร่ากลบจนสิ้น พระองค์ตอบข้อสงสัยในพระทัยองค์เองได้เป็นอย่างดี


    ใช่..ความรัก เปลี่ยนได้ทุกสิ่งโดยเฉพาะใจคน!



     
    คาลิโดร่าเดินมาหยุดที่หน้าห้องของตนเอง นางกำนัลหน้าห้องสะดุ้งโหยงขึ้นมาอย่างผิดปกติ


    “เอ่อ..เจ้าหญิง วันนี้เสด็จฯ กลับเร็วจังเลยเพคะ” เสียงเอ่ยดังกว่าปกติ


    คนถูกถามพยักหน้ารับ และจำได้ว่านางกำนัลผู้นี้คือหนึ่งในเครื่องราชบรรณาการจากพารอส จึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงมาเฝ้าหน้าห้องของตน ในเมื่อปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเฝ้าเวลาเจ้าของห้องไม่อยู่ ถึงนาธานเนลจะอยู่ข้างใน แต่เขาไม่เคยต้องการเรียกใช้นางกำนัลเลยสักครั้ง


    หญิงสูงศักดิ์ผลักบานทวารเข้าไป ทรงเห็นพระสวามีนั่งอยู่บนแท่นบรรทม หญิงอีกหนึ่งนั่งอยู่กับพื้นหันมาด้วยความตกใจ อุทานแผ่วเบา


    “เจ้าหญิง..” ไครแซนทีลุกลี้ลุกลน นางมีใบหน้าแดงก่ำจนถึงลำคอ คาลิโดร่าปรายเนตรมองจนถึงต้นคอของหญิงผู้นั้นแล้วกำหัตถ์แน่น “หม่อมฉันขอตัวเพคะ”


    เหมือนหญิงรับใช้เอ่ยกับนาธานเนลเพียงผู้เดียว สายตาที่นางใช้มองอย่างอ้อยอิ่ง และชายหนุ่มยิ้มรับ ทำให้หัวใจของคาลิโดร่าคล้ายมีเปลวไฟสุมอยู่ในอก หลังจากที่ประตูปิดลงอีกครั้ง ความเงียบปกคลุมเข้ามาในห้อง นาธานเนลเดินเข้ามา


    “วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า พระองค์กลับเร็วว่าปกตินะ”


    หญิงสาวหลับตาลง ถ้า..ไม่กลับเร็วเช่นนี้ นางจะมาได้เห็นภาพบาดตาเมื่อครู่ไหม และอยากรู้นัก หากนางเข้ามาอย่างเงียบๆ โดยไม่มีเสียงสุนัขเฝ้ายามข้างนอก ข้างในกำลังทำอะไรอยู่ ยิ่งคิด หัวใจยิ่งฟุ้งซ่าน หากเขามอบจุมพิตที่ร้อนแรงให้หญิงอื่น ประทับตราตามร่างกายเหมือนที่นางเห็นบนลำคอของเครื่องบรรณาการเมื่อครู่ นางคงขาดใจเป็นแน่


    “ทำไมผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้คะ” คาลิโดร่าสงบสติเอ่ยถามเสียงเรียบ


    “ข้ารู้จักกับนางมาก่อน นางคงอยากหาเพื่อนคุยถึงได้มาหาในเวลาว่าง” นาธานเนลตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็รู้สึกสนุกดีที่ได้คุยกับนาง เหมือนวันเก่าๆ ย้อนมา ที่ข้ายังออกเรือแล่นไปตามเมืองต่างๆ เพื่อสะสมความรู้ อาจารย์ข้าเขียนตำราเกี่ยวกับการเดินเรือ ข้าถึงได้ใช้ประโยชน์จากมัน”


    เมื่อคิดถึงบุรุษที่เคารพรัก น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความชื่นชม อาจารย์ของเขามีชื่อเสียงระบือไปไกล และด้วยความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอด ทำให้เขาเปิดโลกกว้างกว่าผู้ใด ยามเล่าเรื่องเหมือนได้ยินเสียงคลื่นลม และกลิ่นไอท้องทะเล


    “ข้าแล่นเรือไปในที่ต่างๆ บางครั้งก็ไปเพียงลำพัง บางครั้งก็โดยสารเรือสำเภาขนาดใหญ่ ได้รู้จักผู้คนหลากหลายรูปแบบ ท่องเที่ยวไปในทะเลกว้างใหญ่จนเห็นขอบฟ้าตัดกับผืนทะเล พระองค์จะรู้สึกเลยว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุด เวลาที่พระองค์อยู่กลางทะเล อาจจะเบื่อ แต่เมื่อใดที่ห่างทะเล พระองค์จะรู้สึกโหยหามันอีกครั้ง..”


    ดวงตาเขาเปล่งประกายระยับยามเอ่ยถึงการผจญภัยที่คาลิโดร่าไม่เคยวาดฝัน นางแทบไม่เคยออกไปไกลจากเคลาคัส โลกของนางคือบ้านเมืองนี้ เขาแต่งงานกับนาง ชีวิตของเขาก็ถูกผูกเข้ากับดินแดนแห่งนี้แล้ว


    ถ้าเขารักอิสระ ก็เหมือนนางเอานกมาขังกรง ถ้าวันใด.. นกเกิดคิดถึงท้องฟ้า เขาจะจากนางไปใช่ไหม?


    “คาลิร์? เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” นาธานเนลเอ่ยเล่าเรื่องของตนอยู่ดีๆ ใบหน้าแสนหวานก็หม่นหมองลง ชายหนุ่มแนบหน้าผากตนเข้ากับหญิงสาว “ตัวร้อนหรือเปล่า หรือไม่สบายตรงไหน เจ้าถึงกลับห้องเร็ว จะพักผ่อนหน่อยไหม คนดี”


    ถ้อยน้ำเสียงที่ปลอบประโลมดึงให้สติของหญิงสาวกลับมา คาลิโดร่าโอบแขนรอบคออีกฝ่าย ดึงใบหน้าเขาลงมาประกบจุมพิตอย่างรวดเร็ว


    ถ้านกตัวนี้รักอิสระ นางก็จะสร้างนิสัยที่ทำให้นกติดอยู่ในกรงทอง ไม่สามารถไปไหนได้ ต่อให้ต้องเด็ดปีกเด็ดหาง นางก็จะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด ด้วยความเป็นคนที่ต้องได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา ทำให้นางกล้ามากขึ้น กล้าดึงชายเสื้อของเขาเข้าหา กดลำตัวของตนเสียดสี ร่างกายร้อนจนแทบลุกเป็นไฟ


    “คาลิร์.. คาลิร์..” นาธานเนลพึมพำชิดริมฝีปากของคนรัก ไม่รู้ว่าวันนี้นางไปทำอะไร หรือทานอะไรมา ถ้ารู้..เขาจะหาให้นางทานทุกวันแน่!


    “รัก..รักข้าคนเดียวเท่านั้น” หญิงสาวเอ่ยเสียงแหบพร่าขณะเคลื่อนไหวไปที่ลำคอของเขา ประทับตีตราจองเช่นที่เขาเคยทำ “มีแต่ข้าคนเดียว”


    นาธานเนลมิอาจคาดเดาสิ่งใดได้เมื่อเป็นการกระทำของหญิงตรงหน้า วินาทีหนึ่งนางเป็นอิสตรีสูงส่งและเย่อหยิ่ง อีกนาทีถัดมานางเหมือนเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่แสนเอาแต่ใจ ทว่าเวลานี้ เขาพบว่ามีอีกบุคลิกที่ซุกซ่อนอยู่ภายในและหวังว่าจะไม่มีใครเคยเห็นนอกจากเขา นางเป็นยิ่งกว่านางพรายป่าซึ่งล่อลวงผู้คนให้หลงติดกับดักด้วยมนตรา ปลายนิ้วที่กรีดตามร่างกายทำให้เส้นขนของเขาลุกชันราวกับตอบรับสัมผัสนั้น ไม่ว่านางจะแตะต้องแห่งใด ตรงนั้นต้องร้อนเป็นไฟ ไม่ใช่แค่ปลายนิ้วที่นางใช้เป็นอาวุธ หากอีกสิ่งก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน


    บางสิ่งที่นุ่มนวลและชื้นนิดๆ ไล่ตามปลายนิ้วไปอย่างไม่ลดละ ทำให้เขาถึงขนาดครางออกมาได้อย่างไร้การควบคุม ยินยอมมอบกายถวายนางจนหมดสิ้น แต่เมื่อนางไล่รุกมากกว่าเดิม จนถึงเส้นขีดคั่นบางๆ อารมณ์ดิบเถื่อนที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในมันกำลังจะพังประตูออกมา เขาขังมันไว้มาโดยตลอดด้วยอยากให้เจ้าหญิงรู้สึกดีในรสเพศสัมผัส เขามีแต่ความนุ่มนวลและอ่อนโยนให้แก่นาง บางเวลาที่เกินเลยไปบ้างเพราะกลิ่นกายและอาการตอบรับของนางทำให้เขาฉวยโอกาสมากขึ้นทุกที แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมทุกครั้งไป ทว่าเวลานี้นาธานเนลไม่สามารถอดทนได้อีก


    “หยุด คาลิร์..” ชายหนุ่มแทบเอ่ยเป็นคำไม่ได้เลย สิ่งที่นางทำยิ่งกว่าการลงทัณฑ์ทรมานใดๆ ทั้งสิ้น มันทำให้เขาเจ็บปวดด้วยแรงปรารถนา ปรารถนาจะได้มากกว่านี้ ปรารถนาจะเป็นเจ้าของในทุกสิ่ง ปรารถนาจะเติมเต็มนางด้วยร่างกายของเขาทั้งหมด นาธานเนลกระตุกผมที่ท้ายทอยของภรรยา ให้แหงนเงยรับจุมพิตของเขา ทว่าสาวเจ้ากลับสะบัดหน้าหนี ดวงตาของนางโชนประกายแสงยิ่งกว่าเดิม


    “หยุดเหรอ” นางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายั่วเย้า ด้วยสีหน้าของนางปีศาจที่หลุดจากสรวงสวรรค์


    หยุด.. เขาจะให้นางหยุดได้อย่างไร ในเมื่อส่วนล่างของเขากำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ด้วยฝีมือของพรายตัวน้อยที่นั่งทับเขาอยู่ นางจงใจนั่งที่หว่างขาของเขาเพื่อให้บางสิ่งสัมผัสกันเอง บางสิ่งที่กำลังเรียกร้องด้วยแรงดึงดูดระหว่างกันอย่างรุนแรง


    “ข้าหมายถึงหยุดที่จะทำให้ข้าหมดความอดทน คาลิร์ ไม่งั้นคืนนี้..ทั้งคืน พระองค์ต้องวิงวอนขอความเมตตาจากข้าแน่”


    เมื่อได้ยินคำพูดดั่งสบประมาท ปลายเล็บแหลมกรีดที่อกของชายหนุ่มให้เขาสะดุ้งขึ้นมา เลือดไหลซิบๆ เวลาอาบน้ำคงปวดแสบปวดร้อนไปอีกนาน คาลิโดร่าคิดอย่างสาแก่ใจ


    “ข้าไม่เคยต้องอ้อนวอนใคร!”


    ว่าพลางขยับตัวเล็กๆ บางสิ่งนั้นยิ่งเสียดสีกันมากกว่าเดิม มันเรียกร้องที่จะถูกปลดปล่อย ความอดทนซึ่งเคยถูกโซ่ตรวนซึ่งเรียกว่าความยับยั้งชั่งใจเริ่มปริแตก หญิงตรงหน้าไม่รู้ด้วยซ้ำกำลังเล่นอยู่กับไฟ นางไม่รู้จักเพลิงสวาทที่แท้จริง แต่เขารู้ ทุกครั้งที่มองสาวเจ้าสรงน้ำในสระ ทุกครั้งที่มองนางทอดกายบนพื้นพรมด้วยอารมณ์แสนสุข หลายครั้งที่มองนางหวีผมแล้วส่งสายตามาให้ผ่านกระจก ทุกๆ อิริยาบถของนางทำให้เขาปรารถนาจะ ‘รัก’ นางให้มากกว่าเดิม ไฟนั่นเผาไหม้เขาแล้ว และตอนนี้นางก็กำลังหยอกเย้าไฟนั้นให้ลวกมือของนางเอง


    นาธานเนลอดส่งเสียงคำรามไม่ได้ เมื่อนางกดร่างลงแนบสนิท เหมือนจงใจแกล้ง แล้วโน้มตัวลงมาให้ดอกบัวคู่ที่งดงามที่สุดอยู่หน้าสายตาของเขา อาหารทิพย์อันโอชาของบุรุษเพศ อุณหภูมิในห้องบรรทมยิ่งร้อนระอุ ความเจ็บด้วยรอยข่วนที่อกขาดหายไป


    เมื่อเวลานี้ ตอนนี้ โซ่ตรวนนั้น สะบั้นแล้ว!


    ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรอีก นอกจากพลิกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กดร่างบางให้อยู่ในวงแขน กระชากเพียงครั้งเดียว ผ้าชิตอนที่นางสวมอยู่ก็หลุดขาดติดมือ เผยให้เห็นเรือนร่างขาวโพลนตัดกับเส้นผมยาวสลวย เขาพูดเสียงต่ำด้วยความดุดัน


    “ข้าจะทำให้พระองค์วิงวอนได้แน่ คืนนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้นอน!”


    เสียงโต้ตอบของคาลิร์ขาดหาย เมื่อริมฝีปากใหญ่ฉกลงมาปิดด้วยความรวดเร็ว ทุกส่วนกายแนบชิดจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน เหมือนปลายลิ้นที่พัวพันจนแยกไม่ออก เขารุกไล่ราวจะเผด็จศึกในการรบเพียงครั้งเดียว ทุ่มทุกอย่างที่มีหมดหน้าตัก ทำให้นางครวญคราง ทำให้นางบิดเร่า ทำให้นางสั่นสะท้าน กัดชิมกายาของนางทุกสัดส่วน หลังจากนั้นพายุก็โถมเข้าใส่ กวาดทุกอย่างตรงนั้นให้กลืนไปกับพายุลูกนั้น และมันเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน เสียงร้องสอดประสานยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้กระทำ ระยะเวลาถูกลบเลือนสิ้น   


    และเป็นดังคำสัญญา นางไม่มีโอกาสที่จะหลับเลย..ทั้งคืน


    ...................................................................


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×