ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #13 : ความยุ่งยาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 894
      0
      2 เม.ย. 52

     



    คาลิโดร่ายิ้มกว้าง แล้วกอดผู้เป็นพ่อ 


    “ข้ารักพ่อมากที่สุดเลยค่ะ”


    “เจ้าสัญญาแล้วนะว่าบทพิสูจน์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย” โคไซนอสกระซิบไม่ให้ข้าราชบริพารได้ยิน พระองค์พาราชธิดากลับสู่เขตพระราชฐานเพียงลำพัง


    “แน่นอนเพคะ ครั้งสุดท้ายแล้ว..”


    “แต่ถึงผู้ชายคนนั้นจะไม่สามารถทำมงกุฎได้ เจ้าก็ยังเป็นภรรยาเขาอยู่ เข้าใจใช่ไหม”


    “เพคะ เสด็จพ่อ ข้าเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว ข้าทราบเพคะ” คาลิโดร่ายังคงยิ้มแย้มได้อย่างร่าเริง จนพระบิดาต้องกำชับต่อ


    “ดังนั้นถ้าเขากลับมา เจ้ายังมีหน้าที่ของภรรยาที่ดีรออยู่ อย่าให้พ่อผิดหวังนะ”


    “เพคะ” ถ้า..เขากลับมาได้นะ “ข้าไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่ ลูกขอตัวก่อนนะเพคะ หลังจากวันนี้ ลูกจะเป็นภรรยาที่ดี เก็บตัวในวิหาร ขอพรให้อาร์ทิมิสคุ้มครองสามีของลูก ถ้าไม่มีข่าวของเขา ลูกจะไม่ออกจากวิหารเด็ดขาด” พูดจบ ร่างบางก็หอมแก้มผู้เป็นบิดา ก่อนเดินตัวปลิวไปยังห้องบรรทมคนละทางกับทางไปวิหาร


     
    คาลิโดร่าปิดประตูห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว ข้างในมีชายผู้หนึ่งยืนรออยู่แล้ว


    “เจ้าหญิง..”


    “เร็วเข้า ทาร์เธเมส ต้องรีบแล้ว” หญิงสาวพูดรัวแทบไม่ได้พักหายใจ เธอเดินไปหลังฉากกั้นเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากชุดแต่งงานสีขาวกลายเป็นชิตอนของบุรุษซึ่งส่วนล่างจะคล้ายกระโปรงยาวไม่ถึงหัวเข่า เผยเรียวขางามจนทาร์เธเมสมุ่นคิ้วขึ้นอย่างไม่ชอบใจ


    “เจ้าหญิง พระองค์ทรงเจริญชันษาแล้วนะพระเจ้าคะ พอสวมชุดบุรุษ อาจจะดู..”


    “แล้วเจ้าจะให้ข้าใส่ชุดสตรีปนเข้าไปในกองทหารได้ยังไงล่ะ” คาลิโดร่าแหวะกลับ ชุดของผู้ชายจะสวมกันแบบคับๆรัดเอว ทำให้หน้าอกของเธอนูนออกมาให้เห็น จนต้องสวมผ้ารัดหน้าอกจนอึดอัด


    “ยังไงเสียกระหม่อมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีที่เจ้าหญิงจะต้องไปทำเอง ให้ทหารในสังกัดของกระหม่อมไปทำก็ได้”


    “ไม่ ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น งานนี้ ข้าจะทำเองให้สำเร็จ มันจะต้องไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้” เจ้าหญิงโต้กลับ “อ้อ แล้วเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ ตระเตรียมสงครามให้พร้อมนะ”


    “เจ้าหญิง!” องครักษ์หนุ่มขึ้นเสียงสูงทันที “ให้กระหม่อมอยู่ที่นี่ ในขณะที่พระองค์ปลอมเป็นชายติดไปกับพวกทหาร จะให้กระหม่อมทำเช่นนั้นได้อย่างไร”


    “ต้องทำได้สิ” คาลิโดร่ายืนประจันหน้ากับอีกฝ่าย สองมือประคองใบหน้าคนตัวสูงให้มองมาที่ตน “สงครามครั้งนี้ เพราะข้ามั่นใจว่าเราจะชนะได้ ข้าจึงวางใจที่จะทิ้งมันไปเพื่อทำอย่างอื่น แต่ข้าจะไม่สบายใจเลยถ้าคนที่เป็นแม่ทัพไม่ใช่เจ้า ข้าไว้ใจเจ้าเท่าชีวิตของข้าเองนะ”


    “พระองค์ไว้ใจคนที่เคยคิดพรากชีวิตของพระองค์ได้อย่างไร” ยามสบดวงตาเปล่งประกายเหมือนลูกแก้วที่เก็บดวงดาราไว้ข้างใน ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าเขาต้องแพ้ 


    “ข้าไม่ได้ไว้ใจคนๆนั้น แต่ข้าไว้ใจเจ้า ทาร์เธเมส อยู่ที่นี่ ชนะการรบกับพารอสให้ได้ ทัพสตรีของข้ามีซินไลเน่ดูแลอยู่ เจ้าออกคำสั่งกับนางได้ ข้าจะกลับมาฉลองความสำเร็จของเจ้า และของข้า..ที่สามารถกำจัดสามีไปได้”


    “เจ้าหญิง.. ถ้าทรงไม่ต้องการอภิเษกถึงเพียงนั้น พระองค์ก็ทำได้นิพระเจ้าคะ ไม่เห็นต้องมาคิดกำจัดทีหลังเลย”


    “ไม่ คำพูดของข้าไม่มีวันคืนคำ ข้ารับปากแล้วจะแต่งก็ต้องแต่ง แต่ข้าจะดิ้นรนนอกกฎเกณฑ์เอง” คาลิโดร่าหัวเราะ แล้วปล่อยมือออกจากใบหน้าคมเข้มสมเป็นทหารแท้


    “ถ้าพระองค์ตัดสินพระทัยเช่นนั้น กระหม่อมจะให้ทหารคนสนิทไปด้วย พวกนี้คงช่วยเหลือพระองค์ได้ อย่าทรง..ทำอะไรที่เป็นอันตรายนะพระเจ้าค่ะ”


    คาลิโดร่ามองใบหน้าของคนกังวลก็ออกทอดถอนใจไม่ได้ เขา..ดีกับเธอ ห่วงเธอถึงเพียงนี้ แล้วจะให้เธอตัดใจต่อเขาได้อย่างไรกัน


    “แน่นอน ข้าจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเองเลย เจ้าก็เถอะ รักษาตัวเองให้ดีๆ ต่อแต่นี้ไป เจ้าหญิงคาลิโดร่าจะอยู่ในมหาวิหารเพื่อสวดมนต์ภาวนาเท่านั้น เจ้าเข้าใจใช่ไหม”


    “พระเจ้าค่ะ”




     
    อีกด้านหนึ่ง ในห้องปิดมิดชิด หากตัวห้องก็ตกแต่งอย่างสวยงามสมฐานะผู้เป็นเจ้าของ ร่างหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่แกะสลักมาอย่างวิจิตรบรรจง ริมฝีปากเอ่ยวาจากับผู้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยงานลับที่มอบหมายซึ่งไม่ควรให้ใครได้รับรู้ เสียงสตรีผู้สูงศักดิ์สั่งความเป็นครั้งสุดท้าย


    “ทำให้แน่ใจนะ สไกซอน เจ้าต้องทำให้แน่ใจว่าคาลิโดร่าจะไม่ได้กลับมาก่อนเวลาอันควร!” นัยน์เนตรอิสตรีลุกวาวหมายมาดว่าอีกฝ่ายต้องทำให้ได้ดั่งที่ตนปรารถนา


    นายทหารร่างใหญ่คุกเข่าด้วยความนอบน้อมและเคารพยิ่ง


    “แน่นอนพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะทำตามทุกสิ่งที่พระองค์ประสงค์”






     
    คาลิโดร่าย่องออกมาจากด้านหลังของโรงครัว บัดนี้เนื้อตัวบางส่วนของเธอเปื้อนด้วยผงถ่านโดยเฉพาะเรียวขาและแขนที่ขาวเกินชายก็ดูมอมแมมแบบเด็กผู้ชายทั่วไป ใบหน้าถูกแต่งด้วยรอยแผลน่าเกลียดซึ่งเธอแปะไว้ช่วงแก้ม แล้วใช้ผ้าพันปิดหน้าตา ให้เห็นรอยแผลโผล่ออกมาเล็กน้อยป้องกันคนสงสัย แต่ก็อำพรางใบหน้าได้เป็นอย่างดี 



             ดวงตาเป็นประกายสดใสขึ้นเมื่อรู้ว่าจะได้ออกไปผจญภัยนอกเคลาคัสอีกครา หลังจากที่เคยออกไปหลายครั้งเมื่อหลายปีก่อน หากเมื่อเจริญวัยก็ไม่สามารถกระทำได้อีก ด้วยหน้าที่และศักติความเป็นเจ้าหญิงทำให้เธอต้องสำรวมกิริยาตลอดเวลา แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่เด็กรับใช้ที่คอยติดตามทหาร จะโลดโผนวิ่งเล่นเช่นไรก็ไม่มีใครมาให้ความสนใจ



    หญิงสาวในคราบเด็กหนุ่มก้าวเดินมาถึงกลุ่มทหารประมาณยี่สิบนายที่เตรียมไว้พรักพร้อม ทหารที่ทาร์เธเมสคัดเลือกผู้มีฝีมือมากที่สุดไว้ สำหรับดูแลพระสวามีของเจ้าหญิงคาลิโดร่า และพร้อมทั้งคนสนิทของเขาเองอีกประมาณห้าคนเพื่อดูแลเจ้าหญิงโดยเฉพาะ


    คาลิโดร่ามองเห็นแต่ไกล พี่สาวที่รักที่สุดของเธอยืนคุยกับนายทหารผู้หนึ่ง เมื่อดูจากยศที่เข็มกลัดซึ่งกลัดผ้าคลุมไว้ก็เป็นยศระดับสูง เจ้าหญิงองค์เล็กรู้สึกคุ้นหน้าชายที่ไว้หนวดเคราผู้นั้นนัก แต่ก็มั่นพระทัยว่าไม่ได้อยู่ในหน่วยองครักษ์ขององค์เอง


    กลีเคอเรียหันมาสบตาของน้องสาว นางรีบไล่นายทหารออกไปรวมกลุ่มกับคนอื่น แล้วกวักมือเรียกคาลิโดร่าเข้าไปในร่มเงาใต้ไม้ยืนต้น


    “พี่คุยอะไรกับผู้ชายคนนั้นคะ” คาลิโดร่ามองตามอย่างตงิดใจ รู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก ต้องเคยเห็นหน้าเป็นแน่ แต่..ที่ไหนล่ะ? กองกำลังทหารตอนเช้าที่เธอมักไปคุมการฝึกกับทาร์เธเมส หรือทหารในวังที่อยู่ประจำจุดต่างๆ


    “ผู้ชายคนนั้น? อ้อ สไกซอนจ้ะ พี่ได้ข่าวมาว่างานนี้เขาเป็นหัวหน้าขบวนคุ้มกันสามีเจ้า เลยมาฝากฝังวานให้เขาดูแลเจ้าด้วย นอกจากคนของทาร์เธเมสแล้ว ควรมีอีกคนที่พอจะเป็นหูเป็นตาให้เจ้าได้บ้าง”


    “เขาไว้ใจได้หรือคะ”


    “แน่นอน” กลีเคอเรียเอ่ยอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากแย้มยิ้ม “ไว้ใจให้ทำงานใหญ่ได้แน่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะดูแลเจ้าอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปวุ่นวายหรอก เพราะพี่เห็นแล้วว่าทาร์เธเมสส่งตัวแทนมาดีแค่ไหน หวังว่าสามีของเจ้าคงจะจับไม่ได้นะว่าทหารดูแลเด็กรับใช้ดีกว่า”


    คาลิโดร่าค้อนให้พี่สาว


    “ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าจะอยู่หลังแถวคอยดูแลม้ากับสเบียง แต่พี่เตือนมาก็ดี ข้าจะกำชับทหารพวกนั้นอย่าใส่ใจข้าเป็นพิเศษ เดี๋ยวแตกตื่นกันหมด ข้าไปแล้วนะคะ”


    คาลิโดร่าโบกมือลาแล้วรีบก้าวไปด้านหลังแถวเพื่อรวมกลุ่ม เธอเป็นเด็กรับใช้ให้ซิลลาซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทที่สุดของทาร์เธเมส 


    กลีเคอเรียยกมือค้างในขณะโบกมือลาน้องสาว ริมฝีปากคลี่รอยยิ้ม ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่เจ้าหญิงองค์เล็กซึ่งกลืนไปกับคนอื่นอย่างรวดเร็วด้วยส่วนสูงที่แตกต่าง


    “ลาจ๊ะ น้องรัก.. ขอเจ้าโชคดีกับการเดินทางครั้งนี้”


    สายตาเจ้าหญิงที่หกแห่งเคลาคัสตวัดมองดูชายร่างใหญ่ที่ยืนคุยกับเธอเมื่อครู่ เขาพยักหน้าเมื่อเธอส่งสัญญาณเป็นครั้งสุดท้ายให้ รู้สึกโชคดีที่คำพูดเจรจาความเมื่อครู่ลอยไปตามสายลมก่อนที่น้องสาวจะได้ยิน


    ‘คนกลุ่มนั้นที่ติดสัญลักษณ์ผิดแปลกไปห้าคนนั้น เป็นคนของทาร์เธเมสส่งมาดูแลคาลิโดร่าโดยเฉพาะ ระวัง..พวกนั้นจะทำให้งานเรายุ่งยาก จำไว้ สไกซอน ถ้างานสำเร็จจะมีรางวัลอย่างงาม!’
     
    ............................................
     
    “แน่นอน บางครั้งทวยเทพก็เบื่อหน่ายที่จะอยู่แต่บนโอลิมปัส เพื่อเสวยอาหารทิพย์และดื่มน้ำอมฤต”


    เสียงของผู้เล่านิทานในโรงละครลอยสูงต่ำ สะกดผู้คนที่เข้าชมให้เคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องราวของเทพเจ้า บนยอดโอลิมปัสที่ไม่เคยมีมนุษย์ต้อยต่ำเหยียบย่างขึ้นไปได้ ที่ซึ่งเสียงพิณทองของอพอลโลก้องกังวานสร้างความเบิกบานใจ ยังมีเหล่าเทพธิดาเกรซทั้งสามร่ายรำด้วยมนต์เสน่ห์ตรึงตราเหล่าทวยเทพ


    “ซูสจึงมองหาการผจญภัยครั้งใหม่ในโลกมนุษย์ พระองค์ชวนสหายที่ฉลาดหลักแหลมและเจ้าความคิดที่สุดในหมู่เทพเจ้าไปท่องเที่ยวกับพระองค์ด้วยคือเฮอร์เมส ทั้งสองพระองค์เดินทางไปยังหมู่บ้านหนึ่ง ปลอมองค์เป็นคนเร่รอนเคาะตามประตูบ้านธรรมดา เคาะประตูคฤหาสน์งดงาม และเคาะประตูกระท่อมผุพังเพื่อขอแบ่งปันอาหารและที่พักแรม แต่ทว่า..ไม่มีผู้ใดเลยที่จะยินดีต้อนรับ มนุษย์ขับไล่ไสส่งและปิดประตูใส่หน้าพวกเขาทุกครั้งไป ผ่านบ้านเรือนมาเป็นร้อยๆหลัง มนุษย์แสดงแต่ความรังเกียจในบุคคลที่ยากจนทั้งสอง 


    พวกเขาเดินทางจนถึงเพิงเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ยากจนข้นแค้นกว่าที่เคยพบมา หากเมื่อเคาะเรียก ประตูกลับเปิดกว้าง หญิงชายชราต่างยินดีที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้าให้เข้าสู่ตัวบ้านด้วยมิตรไมตรี แม้ทั้งสองสามีภรรยาจะเป็นคนยากจน แต่ก็ต้อนรับเทพเจ้าในคราบคนจรด้วยอาหารที่พวกเขามี และเหล้าองุ่นที่เจือจางไม่ผิดจากน้ำเปล่า อย่างไรก็ตามสองสามีภรรยาก็ยิ้มแย้มสร้างความสนุกสนานให้ซูสและเฮอร์เมสเป็นอย่างมาก อ่างใส่น้ำเครื่องดื่มไม่พร่องเลยไม่ว่าพวกเขาจะดื่มกินมากเพียงใด จนสองสามีภรรยาเอะใจและตื่นตระหนก เมื่อรู้ว่าพวกเขาอยู่ต่อหน้าทวยเทพแล้ว


    เทพเจ้าลงโทษดินแดนคนใจหยาบด้วยการสาปให้ดินแดนทั้งหมดหายไป เมื่อสองสามีเหลียวไปมองรอบบ้าน ก็มีเพียงทะเลสาบกว้างใหญ่ห้อมล้อมอยู่ ส่วนพวกเขาเทพเจ้าตอบแทนจิตใจเอื้อเฟื้อและความมีเมตตากรุณาด้วยพรตามแต่จะร้องขอ หากทั้งสองต้องการเป็นเพียงนักบวชเฝ้าวิหาร และปรารถนาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ขออย่าให้มีฝ่ายใดต้องอยู่ตามลำพัง เทพเจ้าให้ตามที่ขอ 


    ดังนั้นเมื่อกาลเวลาผันผ่าน ทั้งคู่ชราภาพลงไปมาก ในขณะที่ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ยากจนแต่ก็มีความสุข ต่างเห็นว่าอีกฝ่ายมีใบไม้งอกออกมาจากตัว มีเปลือกไม้ห่อหุ้มรอบกายอยู่ และพวกเขาก็กลายเป็นต้นไม้ที่เคียงคู่กันเสมอมา


    หนึ่งคือต้นโอ๊ก อีกหนึ่งคือต้นลินเดน เชื่อกันว่าในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าไร้นาม มีต้นไม้นี้ปรากฏตามตำนาน เติบโตอยู่ในป่านั้นเรื่อยมา ลำต้นอวบใหญ่ขนาดหลายคนโอบ สูงตระหง่านมอบความอุดมสมบูรณ์แก่ป่าเป็นหลักฐานที่เทพเจ้าเสด็จเยือนโลกมนุษย์เพื่อสะสางความดีและความชั่วร้าย


    ผู้เล่านิทานจบเรื่องราวด้วยการโค้งรับเสียงตบมือ


    “เทพเจ้าย่อมช่วยเหลือจิตใจที่งดงาม และจะลงโทษอย่างทารุณกับผู้ไร้น้ำใจ ขอทุกท่านทั้งหลายเมตตาแก่แขกผู้มาเยือนเสมือนมิตรสหาย บริจาคทานแก่คนยากไร้ แล้วหัวใจท่านจะเปี่ยมไปด้วยความสุขยากจะหาสุขใดเทียบได้”
     
    …………………………….
     




    == = = ==  = = == = = = = = = = =

    ไปงานหนังสือ กลับมาที แทบตายค่ะ
    เพราะไปคนเดียว กลับคนเดียว ขากลับนั่งรถเมล์ ต่อรถกระป๋องอีก 
    หนังสือสองแขน แต่ละข้างก็สิบเล่มได้  ไหล่จะหลุด T-T

    >>> http://my.dek-d.com/Ashura/blog/?blog_id=10003418

    ความเสียหายจากงานหนังสือค่ะ 555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×