ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =*เทพธิดา*= [[ฤดูใบไม้ร่วงในจิตนาการแห่งความฝัน]]

    ลำดับตอนที่ #2 : - -บทนำ..คำมั่นสัญญาที่สอง- -

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 50





               ‘ไม่แล้วจ๊ะ ไม่มีหญิงใดที่ข้าปรารถนามากกว่าเจ้า  ข้าบอกแล้ว ถ้าข้าบอกว่าหยุด ก็คือหยุดที่เจ้าเท่านั้น จะมิมีหญิงอื่นใดข้างกายอีก นอกจากสาวน้อยแสนดื้อคนนี้ - -หัวใจข้า ให้มากมายเพียงใด  ก็จะมีแค่เจ้าคนเดียว  มายา..ภาพลวงตาของข้า - -แม่เทพธิดา เจ้าพร้อมจะทิ้งสวนเอเดนไว้เบื้องหลังหรือไม่’


               อีกหนึ่งคำมั่นที่ควรจดจำ  เทพธิดาผู้งดงามมิอาจละทิ้งสวนเอเดนอันเป็นที่อยู่ของตนได้ แต่ถ้าหัวใจทั้งคู่รวมกันแล้วปัญหาทุกอย่างก็ง่ายเพียงเส้นผมเส้นเดียว 


               ควมรักต้องใช้เวลาในการสร้าง และใช้ความเข้าใจที่จะเรียนรู้มัน รักนั้นง่ายที่เอื้อนเอ่ยหากยากยิ่งที่จะรักษาให้ยืนยาว บางครั้งโชคชะตาและความบังเอิญก็ชักนำทุกสิ่งให้มาอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ 


               หัวใจคนให้มีเมตตาไมตรีหรืออำนาจความปรารถนากว้างใหญ่เพียงใด แต่พื้นที่จะบรรจุคนสำคัญกลับเล็กนิดเดียว


               และที่หนึ่งของเขาคือเธอ







               ชายหนุ่มเมืองเหนือมองหญิงงามที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าใต้ชุดบางเบาจนเห็นสัดส่วนอิสตรีที่ควรค่าแก่การเชยชม ดวงตาหวานช้อนขึ้นมองสบชุ่มฉ่ำอย่างที่ผู้ชายทุกคนรู้ว่าหมายความเช่นไร  คาอิลเคาะพัดแรงๆเพียงครั้งเดียว หัวหน้าหญิงรับใช้ก็มาเชิญหญิงงามพร้อมหญิงติดตามออกจากห้องรับรองสวนกับนายทหารคนสนิทที่ก้าวเข้ามา เขาโค้งคำนับให้เจ้าเมืองเหนือ


               “ท่านแม่ทัพกิเตน  มาขอพบขอรับ” ซีน  เอ่ยรายงานผู้เป็นนายแล้วรอคำอนุญาต คาอิลผงกศีรษะ  ร่างสูงใหญ่จึงเดินเข้ามาเหมือนรับรู้คำอนุญาตที่ไม่น่าได้ยิน แม่ทัพหัวเมืองเหนือโค้งให้เจ้านายเหมือนที่ซีนทำเมื่อครู่ หากใบหน้าที่เงยขึ้นแฝงไปด้วยประกายหยอกเย้า


               “กระผมเพิ่งเห็นเครื่องบรรณาการใหม่ออกไปเมื่อครู่ ท่าทางจะมาจากเจ้าเมืองตะวันตกสิขอรับ”  เสียงใหญ่ทุ้มดังขึ้น แล้วทรุดนั่งยังตำแหน่งที่นั่งของตนทันที  “งาม..”


                “แค่สวย”  เจ้านายส่ายหน้า  “ยังไม่ถือว่างาม”


                “ฮ่าๆๆ แบบนี้นะหรือที่ว่ายังไม่งาม  กระผมว่าน่าจะงามกว่าเครื่องบรรณาการทุกคนที่เคยเห็นเสียอีก  แบบนี้ไม่งาม แล้วแบบไหนสำหรับนายที่ถือว่าเป็นสาวงาม?”  กิเตนแกล้งยั่วแต่ไม่รอให้ชายหนุ่มสูงศักดิ์เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากจัดจ้านก็ชิงตอบเสียก่อน  “คงไม่ใช่แม่สาวน้อยที่หายหน้าหายตาไปหรอกนะ”


                “นางไม่ใช่แม่สาวน้อยแล้ว”  น้ำเสียงเข้มปราม แต่มิอาจทำอะไรแม่ทัพใหญ่ผู้มากด้วยวัยและกลยุทธ์ได้


                “ขอรับๆ”  เขาแกล้งผงกหัวรับผิด  “กระผมลืมไปว่านางเลื่อนฐานะเป็นนายหญิงมาหลายปีแล้ว”


                บานเลื่อนถูกเปิดออก  ซาม่าร์  นำถ้วยน้ำชาเข้ามาให้แก่แขกที่ไม่ได้รับเชิญ แล้วรอจนกระทั่งคาอิลโบกมือไม่มีอะไรจะใช้งานจึงถอยกลับไป  กิเตนจิบชาร้อนชั่วครู่แล้ววางลง ดวงตาประกายคู่นั้นหม่นแสงลง



                “นาย..”  ยามที่บ่าวคนสนิททุกคนเอ่ยคำนี้มันเต็มไปด้วยความภักดีหาที่เปรียบไม่ได้  “นี่ก็ห้าปีมาแล้ว นาย ไม่คิดจะบอกหรือว่านายหญิงเป็นใครกันแน่  พวกกระผมรู้ว่า สายตาของนายไม่มีทางมองคนพลาด  แต่คนที่เข้าใกล้นายจนสามารถเป็นอันตรายได้ง่ายขนาดนั้น จะไม่ให้พวกเรารู้จักนางอย่างแท้จริงบ้างเลยหรือ”


                คาอิลมองสายตาที่เก็บงำคู่นั้นแล้วถอนหายใจให้ดวงตาใสซื่อที่เต็มไปด้วยความจงรักและภักดี ก่อนจะพูดขัดออกมาช้าๆ


                “ครั้งนี้พนันกันไว้เท่าไรล่ะ?”  เสียงของเจ้าเมืองเหนือเหมือนรู้เท่าทัน ทำให้ประกายในแววตากลับมาสดใสดังเดิม  กิเตนยิ้มกว้าง


                “มีอะไรบ้างที่นายไม่รู้”  น้ำเสียงขบขันจากคนข้างกายจนคาอิลเบื่อหน่ายที่พวกตัวดีของเขาทั้งหลายเอานายหญิงไปพนันขันต่อลับหลังอย่างสนุกสนาน  



                ใช่..พนันว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร  



                หากความจริงที่ไม่ปรากฎทำให้วงพนันนี้ยังไม่มีคนได้คนเสีย เจ้าตัวดีแต่ละตัวถึงแวะเวียนมาพยายามถามให้ได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นใครกันแน่  เมื่อสามเดือนก่อนเวเชส..รองแม่ทัพที่ดูแลชายแดนตะวันตกก็เข้ามาชวนเล่นหมากรุก มันว่าว่างไม่มีอะไรทำ จนนึกเข่นเขี้ยวน่าจับขังคุกใต้ดินไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นรอบสองอีก เสียอยู่อย่างว่าถ้าจับมันไปนั่งกินนอนกินในคุก แล้วใครจะทำงาน?



                /อะแฮ่ม เพื่อเป็นการเตือนความจำเล็กน้อย ทุกท่านคงจำได้ว่าเมืองเหนือมีชายแดนสามด้านคือเหนือ ตะวันตกและตะวันออก ส่วนทางใต้ติดภูเขาใหญ่ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติ 


               ทิศเหนือมีแม่ทัพกิเตนและที่ปรึกษาผิวคล้ำนูบาซ์..ผู้เชี่ยวชาญภูมิประเทศเป็นอย่างดี เชื่อกันว่าชี้จุดในแผ่นดินตรงไหน ท่านจะตอบได้ทันทีว่าตรงนั้นมีทรัพยากรอะไรสำคัญ พื้นที่ราบลุ่มหรือแห้งแล้ง มีหมู่บ้านอยู่ตรงจุดไหนบ้าง..คอยให้ความช่วยเหลือในการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยของชายแดนเหนือที่มีชนเผ่าน้อยอยู่มาก 


                และเผ่าที่ตั้งตัวเป็นใหญ่จนสามารถรวมทุกเผ่าได้จนได้ชื่อว่าเผ่าเหนือจะต้องส่งเครื่องบรรณาการเป็นทรัพย์สินมีค่ามาถวายทุกปีเพื่อเป็นการแสดงว่ายังเป็นพันธมิตรอยู่ (เมื่อก่อนเคยส่งสาวงามมาถวายเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินแทน ด้วยเหตุผลที่ปัจจุบันบ่าวคนสนิททุกคนยังเอามาล้อเลียนเจ้าเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส คงไม่ต้องให้ข้าพเจ้ากล่าว..ถึงเหตุผลนั้น) ผู้ปกครองเผ่าเหนือที่ดำรงตำแหน่งอยู่ทุกวันนี้ (ได้มาจากการแต่งตั้ง ไม่ใช่เลือกตั้งด้วย) มีความยุติธรรมและไม่เคยรุกรานชายแดนจึงทำให้ได้ส่งเครื่องบรรณาการเพียงครึ่งหนึ่งของที่เคยปฏิบัติมา ยิ่งทำให้จุดยืนความเป็นพันธมิตรของทั้งสองแน่นแฟ้นมากขึ้น



                ทิศตะวันตกดูแลโดยรองแม่ทัพเวเชสและที่ปรึกษาฮิลสะ..ซึ่งเป็นทั้งหัวสมองและเพื่อนคู่ใจ (และเกือบได้เป็นน้องเขย ถ้าเพียงไม่ถูกตัดหน้าจากใครบางคนเสียก่อน)  ชายแดนทางทิศนี้เงียบสงบเนื่องจากใกล้กับชายทะเล ขอเพียงสามารถว่าจ้างโจรสลัดให้ช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆได้ ท่านก็จะว่างงานไปทั้งปีเลยเชียวล่ะ (ใช่..ว่างถึงได้มีเวลาตามก่อกวนคนอื่นไปทั่ว) 


                เวเชสมีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ในเมืองหลวงซึ่งปัจจุบันอยู่ในการปกครองของน้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว คฤหาสน์ที่เจ้าเมืองประทานให้หลังนี้ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่พักพิงแก่หญิงผู้ยากไร้ คอยให้ความช่วยเหลือจัดหาบ้านให้อยู่และมีงานให้ทำเพียงสามารถเลี้ยงตนเองได้ (บางรายที่มีบุตรติดมาด้วยจะได้เรียนหนังสือ)  จนชื่อของมีเชน..สาวงามผู้มีเมตตาแผ่ขจรไปทั่วเมืองเหนือเลยทีเดียว


               บ่อยครั้งที่พี่ชายต้องรีบแล่นกลับมาที่เมืองหลวงเพราะมีสายสืบส่งพิราบสื่อสารบอกว่ามีชายหนุ่มแปลกหน้าริอาจมาจีบหงส์ขาว  หลังจากนั้นชายหนุ่มก็จะหายตัวไปอย่างลึกลับจนทำให้ซีน..หัวหน้าฝ่ายทหารที่คอยดูแลความสงบในเมืองหลวงปวดหัวอยู่บ่อยครั้งที่จับมือใครดมไม่ได้ (ก็รู้ตัวการ แต่ไร้หลักฐาน และที่สำคัญ ฐานะใหญ่เกินกว่าจะแตะต้องได้) 


               ปัจจุบันน้องสาวแสนสวยที่งามด้วยกิริยาและน้ำใจยังคงดำรงตนเป็นโสดเพราะความขี้หวงของพี่ชาย (ดูเหมือนเธอเองจะพอใจเช่นกัน ถึงไม่เคยพูดถึงชายหนุ่มที่หายตัวไปอย่างแปลกประหลาดเลยสักคน)



               ส่วนชายแดนสุดท้ายเป็นชายแดนทางทิศตะวันออกซึ่งฟานัน..รองแม่ทัพอันดับสองที่ยังหนุ่มแน่นที่สุดในจำนวนบ่าวคนสนิททั้งหมด และที่ปรึกษาจาเมยา..ชายชราที่มากไปด้วยเล่ห์กลและแผนการศึก..คอยปกปักรักษา 


               ทิศนี้ต่างจากตะวันตกเนื่องจากติดป่าไม้พงไพร ผู้ร้ายชุกชุม อะไรไม่สำคัญเท่าสัตว์ร้ายก็มากมายเหลือคณา ฟานันจึงสั่งให้คนต้อนสัตว์ป่าร้ายเหล่านั้นให้เข้าป่าลึกจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อชาวบ้านและทหารของตน (หากเป็นอันตรายต่อกองโจรที่ชอบซุ่มตามป่าเขา)  


               ชายหนุ่มอนาคตไกล(ที่ไม่สามารถไกลได้กว่านี้ถ้ากิเตนหรือเวเชสไม่ร่วงจากตำแหน่งเสียที) ชอบที่จะดูแลความวุ่นวายให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยตนเองอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่เขามักลาดตระเวณเยี่ยมเหล่าชาวบ้านชาวป่าชาวเขาและ..หญิงงามตามเรือนของพวกเธอ  บางทีก็จะเข้าป่าเพียงลำพังและกลับออกมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มที่ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนสงสัยแต่ไม่กล้าปริปากถาม ยิ่งพิศวงเมื่อการเข้าป่าแต่ละครั้งรองแม่ทัพที่สองมักจะได้สมุนไพรรักษาที่มีสรรพคุณยอดเยี่ยมกลับมาด้วย (ไม่น่าถามไปเอามาจากไหน ไม่รู้ว่าเขาเต็มใจให้ หรือไปรีดไถ่มา) 


               และยิ่งทิศตะวันออกอยู่ห่างจากตะวันตกเป็นระยะทางค่อนข้างมาก ไม่มีทางตัดตรงต้องอ้อมไปเมืองหลวงก่อนจะไปมาหาสู่กันได้  ทำให้เขาไม่ต้องเจอหน้าตัวก่อกวนบ่อยนัก (ไม่บอกก็น่าจะรู้ว่าใคร)


               จากที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้เมืองเหนืออยู่ดีมีสุขเสมอมา ถ้าไม่นับโรคระบาดที่คร่าชีวิตประชาชนไปมากเมื่อหลายสิบปีก่อน เมืองนี้ก็ถือว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง


               จบการรายงานสภาพอากาศ..สวัสดีค่ะ/




               “มายา  ก็คือมายา นางจะเป็นใครไม่สำคัญ รู้เพียงนางเป็นหญิงที่นายของพวกเจ้ารักก็พอ”  เสียงเข้มของบุรุษสูงศักดิ์ทำให้กิเตนโค้งตัว


                “ขอรับ กระผมจะจำเอาไว้”


                “แล้วที่มีที่นี่มีเรื่องอะไร ไอ้ข้ออ้างไม่ได้ความของพวกนั้นข้าฟังจนเบื่อแล้วนะ”  คาอิลกระดกจอกเหล้าปล่อยให้ของเหลวร้อนไหลบาดคอซึมไปทั่ว แล้วหมุนจอกเมรัยเล่น  “อย่าเลียนแบบเวเชส เจ้าเล่นหมากรุกไม่เป็น ไปหาคนสอนให้เป็นเสียก่อนเถอะ  แล้วก็เจ้าฟานันบอกว่าตามโจรที่หลบหนีเข้ามาในเมืองหลวง  ทางชายแดนเหนือมีหลงมาบ้างไหม?”


              กิเตนหัวเราะกับข้ออ้างที่เพื่อนๆสรรหาเพื่อได้เข้าพบเจ้านาย บุรุษร่างใหญ่หนวดเคราครึ้มแสยะยิ้ม


               “ถ้ากระผมบอกว่าเอาสาวงามมาถวายล่ะขอรับ รับรองว่างามกว่าแม่สาวที่เพียงออกไปเมื่อครู่”


               คาอิลมองดวงตาเป็นประกายของบ่าวตนแล้วโบกมือไล่


               “เอาสาวงามมาถวาย หรือจะมาเอาสาวงามไป?  ถ้าชอบนักก็เอาไปเลย อย่าทิ้งไว้ที่นี่เปลืองงบประมาณดูแล เกะกะด้วย”


               “เอ่..แล้วถ้าไปเกะกะแถวๆที่นอน นายจะว่ายังไง”


               “กิเตน อย่าหาเรื่องให้ข้าเดือดร้อน  มายาไม่อยู่ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้เรื่องอะไรนะ”  คาอิลปรามเมื่อเห็นสายตาของคนสนิทมีแววใคร่รู้  “จนป่านนี้ข้ายังจับคนส่งข่าวให้นางไม่ได้เลย นาง..มีสายสืบในคฤหาสน์นี้ที่เยี่ยมจริงๆ”


     
              /ก็แหม..สายสืบพวกนั้นใช่คนเสียที่ไหนล่ะ ท่านเจ้าเมือง  ลองไปควานหาแถวๆสวนไม้ดอกเขตหวงห้ามซี อาจจะเจอสายสืบเหล่านั้นก็ได้  ฮิๆ ถ้าพวกมันยอมออกมาปรากฏกายให้เห็นนะ/



               “นายหญิงรู้หมดทุกอย่างในเวลาที่นางไม่อยู่เลยรึ”  น้ำเสียงของกิเตนมีแววประหลาดใจ รู้เพียงว่านายหญิงสาวน้อยของพวกตนจะมาอยู่กับเจ้านายเพียงปีละฤดูเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะวางสายสืบเอาไว้ด้วย ถ้ารอดจากการรู้เห็นของชีค..บ่าวคนสนิทที่ดูแลเรือนใหญ่ได้ แสดงว่าสายสืบนั้นต้องเก่งพอตัว


               “ใช่..ดังนั้นเจ้าอย่ามายุอะไรหน่อยเลย เดี๋ยวเจ้าจะถูกนางหมายหัวเปล่าๆ”


               กลัวหรือที่ลูกน้องถูกหมายหัว.. เปล่า..กลัวตนเองถูกลูกหลงกับความคิดที่ไม่ใช่ของตนต่างหาก


               “ฮ่าๆๆ ไม่นึกว่าสาวน้อยจะกลายเป็นแม่เสือร้ายได้ แบบนี้ซีถึงจะปราบนายอยู่!”


      
               “ค่ะ”



               เสียงที่โผล่มาจากด้านหลังทำให้ชายร่างใหญ่สะดุ้งตัวขึ้น แม่เสือสาวยืนอยู่ที่บานเลื่อนซึ่งเปิดกว้างไว้ ค่อยๆเดินก้าวมาช้าๆจุมพิตแม่ทัพใหญ่ที่แก้มซึ่งสากไปด้วยหนวดเครา


               “ถ้ามายาไม่แน่จริง ก็เอานายไม่อยู่ซิค่ะ”  แววตาของเจ้าหล่อนมีประกายบางอย่างที่ทำให้คนมองอดเอ็นดูไม่ได้ สาวน้อย..ที่ผู้ชายต่างอยากปกป้องและทนุถนอม หากลึกลงไปใต้ความเบาะบางซ่อนความแกร่งไว้มิยอมให้ผู้ใดทำลายได้  “กลับมาแล้วค่ะ” 


               เจ้าหล่อนหมุนตัวเดินไปไม่กี่ก้าวก็กอดเจ้าเมืองไว้แน่น พร้อมกับแตะแผ่วกับริมฝีปากใหญ่  คาอิลคว้าตัวจูบรับขวัญก่อนจะยอมปล่อยโดยไม่เกรงใจบุคคลที่สาม  สาวน้อยหันกลับไปยังแม่ทัพร่างสูงที่ลุกขึ้นยืน  


               “ไม่ต้องห่วงนะคะ มายาไม่มีวันเป็นอันตรายกับนายแน่ ..ไม่มีวัน”


               กิเตนยิ้มกว้าง ใช่..สายสืบของเจ้าหล่อนคงดีจริงๆ ถึงได้ข่าวรายข่าวถูกต้องฉับไวเช่นนี้  บุรุษร่างสูงโค้งตัวให้เจ้านายและนายหญิงก่อนจะเดินออกจากห้อง


               “เดี๋ยว แล้วธุระเจ้าล่ะ?”  คาอิลรั้งตัว เขาต้องการคุยธุระให้เสร็จไปเพื่อคืนนี้จะได้ไม่มีตัวก่อกวนใดใดมาขัดจังหวะเขากับแม่สาวเนื้อหวานที่คงร่วมบรรเลงเพลงรักทั้งคืนแน่  แม่ทัพแห่งชายแดนเหนือยิ้มกว้าง


               “ธุระเสร็จแล้วขอรับ กระผมแค่อยากพบหน้านายหญิง 2-3ปีครั้งก็ยังดี”





               ร่างบางอ่อนระทวยอยู่ใต้เปลวเทียนเล่มเล็ก เหงื่อผุดตามใบหน้าค่อยๆถูกคนข้างบนเช็ดให้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับริมฝีปากที่แตะผะแผ่วยังกลางหน้าผาก


               “เห็นว่าเจ้าเมืองอื่นส่งสาวงามมาให้เป็นของรางวัลที่ นายชนะการประชันคำกลอนระหว่างเจ้าเมืองด้วยกันเมื่อเดือนที่แล้ว”


               คาอิลอมยิ้ม  ข่าวของเจ้าหล่อนเที่ยงตรงจริงๆ น่าจับไปฝึกเป็นหน่วยข่าวกรองเสียจริง


               “ใช่จ๊ะ”


               “แล้วนายจะทำยังไงกับ- -”


               ยังพูดมิทันจบก็ถูกปิดปากด้วยฝีมือคนเอาแต่ใจ


               “หึงหรือ?”


               “เปล่า แค่สงสารแม่สาวเหล่านั้น”


               “อย่าห่วง ก็บอกแล้วไง มีมายาคนนี้แล้ว จะไปมีคนอื่นอีกได้ยังไง”


               “แล้วผู้หญิงเหล่านั้น?”


               “ก็ต้องดูว่าทำงานบ้านงานเรือนได้หรือเปล่า ไม่งั้นก็ส่งไปเป็นของกำนัลแก่ทหารที่ชนะศึก  ข้าว่ากิเตนคงอยากได้เหมือนกัน”  น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ หากหญิงงามที่ทอดกายอยู่บนที่นอนมุ่นคิ้ว


               “ผู้หญิง..ต้องเป็นของกำนัลเสมอหรือคะ?”


               “มายา..”


               “สุดท้าย นายก็คิดว่าผู้หญิงไม่มีหัวใจ จะจับวางที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นสินะ”


               “มายา ฟังข้า”  คาอิลจับใบหน้าของสาวน้อยที่เริ่มไม่พอใจให้มองตา  “กับผู้หญิงบางคน ข้าพร้อมให้ทางเลือกเสมอ  ข้าบอกแล้ว ต้องดูว่าพวกนางสามารถทำงานบ้านงานเรือนได้หรือเปล่า ถ้าทำได้และอยากทำ ข้าก็จะปล่อยให้พวกนางทำมาหากินทางนี้  ข้าไม่ได้มองพวกนี้เป็นของรางวัล หากมองชีวิตของพวกนางด้วย 


               มายา.. ผู้หญิงบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อสู้ชีวิต พวกนางถูกฝึกมาให้รับคำสั่ง  งานบางอย่างพวกนางไม่อยากจะแตะต้องให้เสียเกียรติ เชื่อสิในบรรดาผู้หญิงทั้งหลายที่ถูกส่งมา ต้องมีพวกไม่อยากทำงาน ตั้งใจจะมาสบายอย่างเดียว  คนแบบนี้ข้าไม่เลี้ยงหรอกนะ จำได้ไหม..กฎของข้า..คนไม่ทำงานย่อมไม่มีข้าวกิน  พวกนางทำงานไม่เป็น และไม่อยากจะทำด้วย  นางคิดว่าหน้าที่ของผู้หญิงคือเป็นเมียเป็นแม่ มีลูกเยอะๆเพียงพอแล้ว ก็สมควรให้นางไปทำงานพวกนั้นจริงไหม?  ทหารของข้าแม้ไม่ใช่พวกรักเดียวใจเดียวนัก แต่จะไม่มีพวกทารุณกรรมหรือข่มเหงหญิงไม่มีทางสู้แน่  ข้าให้โอกาสทุกคนเสมอ.. พวกนางต่างหากที่เป็นคนเลือกโอกาสนั้น  


               ใช่..ว่าผู้หญิงทุกคนจะเห็นอิสระและการทำงานเป็นเรื่องวิเศษทุกคน บางคนพร้อมจะอยู่ในกรอบที่ถูกตราขึ้น ถ้านั่นเป็นทางที่สบายที่สุด  หญิงบางคนอาจแกร่งและทำอะไรได้เหมือนผู้ชาย ข้ารู้ว่ามี และพร้อมจะให้โอกาสเสมอ แต่บางคนผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น  มายา..เข้าใจข้าไหม?”


               “ข้า..ไม่แน่ใจเท่าไรค่ะ คาอิล โลกมนุษย์ยังมีอะไรอีกมากที่ข้ายังไม่เข้าใจ”


               “เจ้าเรียนรู้ได้เสมอ มายาของข้าหัวไวนี่หน่า”  ว่าพลางจุมพิตดื่มด่ำที่ริมฝีปากบางดุจกลีบของดอกบัว กลิ่นหอมโชยอ่อน กลิ่นของไม้ดอกที่น่าหลงใหลและน่าค้นหา หัวใจจมอยู่กับเสน่ห์ที่ไม่ว่านานเพียงใดก็ไม่เคยจืดจาง จะเมื่อห้าปีที่แล้ว จะวันนี้ หรืออีกสิบปีข้างหน้า  เขาก็ยังเห็นสาวน้อยในทุกอิริยาบทข้างกายของเขา  ตั้งแต่ได้พบเจอ..หลังจากวันนั้นก็มิอาจจินตนาการถึงวันที่ข้างกายจะไม่มีนางได้  เมื่อเจอคนที่ใช่แล้ว จะแยกจากกันได้อีกหรือ?


               สาวน้อยผู้ไม่ใช่ภาพลวงตา หญิงงามที่สอนให้รู้ว่ารัก..คือการครอบครองและแบ่งปัน  ผู้หญิงกับผู้ชายอาจแตกต่างกัน แต่ทั้งสองก็เกิดมาเพียงคู่กันเสมอ  ความต่างที่จะเติมเต็มกันและกัน



               “พรุ่งนี้เราออกไปขี่ม้าเล่นกันไหมจ๊ะ”  เมื่อเจ้าหล่อนเบะปากอย่างน่าเอ็นดู เขาก็อดกดจมูกลงที่แก้วนวลไม่ได้  “ข้าขี่เจ้าซ้อน ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”


               “ไม่เอา”  ภูตสาวเอ่ย หล่อน..ภูตแห่งฤดูใบไม้ผลินาม..ฮารุ เกลียดการขี่ม้าเป็นที่สุด ไม่ว่าจะถือบังเหียนหรือเป็นแค่คนนั่งเฉยๆ  ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพาหนะชนิดนี้ทำไมมนุษย์นิยมนัก น่ากลัวจะตายไป  สู้การเหาะหรือหายตัวของพวกเราไม่ได้เลยสักนิด


               “ก็ได้ๆ งั้นเจ้านั่งในรถม้า  ข้าจะพาไปเที่ยวทุ่งหญ้า ดีไหม?”


               ฮารุแสร้งแกล้งคิดก่อนชั่วครู่และพยักหน้าตกลง


               “เราไปเยี่ยมฮาเรนซ์กับเฮรอเซน  ด้วยดีไหมคะ?”


               “ไม่เอา ไกลไป  ที่สำคัญ ข้าอยากอยู่กับเจ้าตามลำพังนะจ๊ะ ที่รัก”


                ดวงตาประกายแวววับทำให้ใบหน้านวลแดงขึ้นเหมือนเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง  ริมฝีปากเข้มก้มประทับตีตราจับจองตลอดไป


               “เทพธิดาตัวน้อยของข้าอยากฟังนิทานไหม?”  เสียงหวานกระซิบอยู่ข้างหูเหมือนคำพลอดรักที่หาไม่ได้จากบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า ร่างบางถูกกอดกระชับขึ้นอีกจนไม่มีที่แม้แต่ให้อากาศลอดได้  


               หญิงสาววางมือไว้ที่หัวใจของเขา ซุกใบหน้ากับอกกว้างแกร่งที่กว่าจะได้มาก็ยากลำบากแทบตาย พลางผงกศีรษะเบาๆ ให้เสียงทุ้มหวานเล่านิทานที่เป็นเหมือนตำนานให้ฟัง นิทาน..ที่เหมือนเทพนิยายอาจไม่มีจริง แต่..ก็งดงามเสมอ  โลกนี้อาจโหดร้าย แต่ก็มีสิ่งดีงามคอยค้ำจุน 


               ลมหายใจของสาวเจ้าเริ่มแผ่วเบา ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอ  คาอิลหยุดเสียงเมื่อรู้ว่าแม่สาวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เขาห่มผ้าให้สูงอีกจนถึงคอ แล้วหลับตาลงบ้าง 


               เพียงเวลาที่มีนางอยู่..ล้ำค่าเสมอ


                                                            ................................





    ** * *** * * *******


    หมดสงกรานต์.................................จะหาเวลาที่ไหนมาปั่นต่ออีกดีล่ะเนี่ย T^T


    สงกรานต์ตั้งแต่วันศุกร์จนป่านนี้อาชูร่ายังไม่ได้ออกจากบ้านเลยสักกะก้าว นั่งกินนอนกินอยู่หน้าจอคอมอย่างเดียว


    หวังว่าจะสนุกกันนะคะ^^
    อย่าลืมเม้นๆ เป็นกำลังใจให้กันด้วย (แทบตายแหนะ ปวดตาไปหมดเลย  อยากอ่านนิยายที่เราซื้อมาบ้าง แต่ข่มใจ ปั่นให้เพื่อนๆได้อ่านกันก่อน)


    อาชูร่าอาจจะหายไปอีกก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเวลาไม่อำนวยจริงๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×