ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =*เทพธิดา*=[[ฤดูใบไม้ผลิแสนหวาน]]

    ลำดับตอนที่ #2 : - -มายา..หญิงผู้เป็นภาพลวงตา- -

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 49






     



     

              " ว่าไง ท่านหมอ "  ชายหนุ่มเอ่ยถามอาการด้วยเสียงเบา แต่ทรงอำนาจ



             
    " เรียนเจ้าเมือง  แม่นางบาดเจ็บที่ศีรษะจากการถูกกระแทกขอรับ  กระผมเย็บแผลไปหลายเข็ม  ส่วนบาดแผลตามตัวทายาไม่นานก็หาย คิดว่ากระดูกกระเดี้ยวคงไม่หัก  ท่านเจ้าเมือง..ท่านพบนางที่ไหนขอรับ "



             
    " กลางทาง.. กลางถนนเลยแหละ  ตอนแรกข้านึกว่าชนกับรถม้า "



             
    " ไม่  นางตกจากที่สูง  และต้องสูงมากด้วย  ถึงได้กระแทกแรงขนาดนั้น "



             
    " แถบนั้นมีแต่ต้นไม้  นอกจากว่านางจะปีนขึ้นไปบนยอด แล้วนึกว่าตัวเองเป็นนกเท่านั้น  มิเช่นนั้นข้าก็มองไม่เห็นว่านางจะตกจากที่ไหนได้อีก "



             
    " เราคงต้องรอถามนางเอง ..หากว่านางจำเรื่องทั้งหมดได้ "  ผู้เป็นแพทย์ประจำตำหนักถอนหายใจช้าๆ



             
    " เออ  แล้วอาการความจำเสื่อมนี่ล่ะ "  ผู้เป็นเจ้าเมืองรีบถามสิ่งที่ต้องการรู้ทันที



             
    " คงต้องเป็นไปตามลิขิตของพระเจ้า  กระผมไม่เคยรักษาการป่วยแบบนี้ "  หมอชรายอมรับตามตรง  และถึงเขาเคย  ใครจะมั่นใจได้ว่า การสูญเสียความทรงจำจะรักษาให้หายได้ทุกครั้งไป




             
    เคยมีคนเล่ากันว่าคนความจำเสื่อมนั้น เกิดเพราะจิตใจหรือร่างกายได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง เป็นความเจ็บปวดหรือเสียใจอย่างหนักสุดที่จะทนรับไหว  ระบบร่างกายจึงหาทางเอาตัวรอด ด้วยการดับความทรงจำที่เจ็บปวดนั้นสักพักหนึ่ง จนค่อยมีกำลังจะรับไหว  หากเป็นเช่นนั้นจริง  การสูญเสียความทรงจำสามารถหายได้เองอย่างนั้นหรือ?




             
    " เอาล่ะ  ออกไปได้แล้ว ไปจัดยามา  ข้าให้ท่านดูแลจนกว่านางจะหาย  ชัดไหม? "



             
    " แน่นอนขอรับ "  หมอชราโค้งตัว แล้วลากสังขารออกจากห้องกว้างอย่างเงียบๆ





             
    ชายหนุ่มเลื่อนบานประตูเปิดสู่อีกห้องหนึ่ง  สาวน้อยในชุดสะอาดนอนบนเสื่อทาทามิที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้น  หญิงรับใช้สองคนโค้งตัวเมื่อเขาเดินเข้ามา  แล้วถอยออกไปพร้อมกับเลื่อนบานประตูปิดอย่างรู้งาน




                   
    คาอิลก้าวเข้าไปประชิดร่างที่หลับใหล  ดวงตาพลันเหลือบไปเห็นชุดเก่าของนางที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว  เสื้อสีเขียวแบบแปลกๆขาดเป็นทาง  เขามองอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นรองเท้า มีเพียงผ้าพันแผลสีเกือบขาวอยู่สองผืนใกล้ๆ 
    นางเดินได้เช่นไรเมื่อขาดรองเท้า คงหลุดกระเด็นไปไหนกระมัง 


                   ผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีขาวขุ่นจนเกือบออกเทาสะท้อนเข้าตา  เจ้าเมืองเข้าไปหยิบจับขึ้นมาดู 
    มันไม่มีรอยขาดอะไรเลย หนำซ้ำพอซักแล้วก็เหมือนของใหม่ที่เพิ่งออกจากโรงทอ  ผ้าบาง แต่อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาติดใจ  สีประหลาดที่เขาไม่เคยเห็น  โรงย้อมสีที่ไหนทำได้ถึงขนาดนี้? 




                    นัยน์ตากลับไปจ้องร่างที่ยังนอนในท่าเดิม  อย่างที่เขาคิด
    เมื่อยามลอกฝุ่นสกปรกออก  นางก็ไม่ต่างจากสาวน้อยวัยน่ารักซะเท่าไร  ไม่สิ..น่ารักกว่าอีกหลายคน ..กว่าทุกคนที่เขาเคยเห็นด้วยซ้ำ!  เส้นผมยาวกว่าบ่าเล็กน้อยสยายไปตามขอบหมอน สีน้ำตาลหยักศกจนเขาอยากจะลองสอดมือเขาไปไล้เรือนผมด้วยความปรารถนา  ริมฝีปากเล็กเผยอหายใจช้าๆ มือใหญ่อดไม่ได้ที่จะลูบไล้เบาๆไปตามขอบปาก  ครั้นเจ้าของร่างขยับ เขาก็ชักมือกลับโดยไวแล้วเปลี่ยนเป็นปลุกแทน



           
    จะเรียกอะไรดีล่ะ  คนนี้เด็กเกินกว่าที่เขาจะเรียก แม่หญิง เหมือนผู้หญิงมีตระกูลคนอื่นๆ




             
    " สาวน้อย ขี้เซา  ตื่นได้แล้ว  ถ้าเจ้าไม่อยากพลาดอาหารเย็น "



             
    ร่างอรชรขยับเล็กน้อย  และเขารู้ว่าไม่ใช่เพราะอาหารเย็นที่เอ่ยถึงแน่ๆ  แต่เป็นเสียงเขาที่เริ่มทำให้เจ้าหล่อนรู้ตัวว่าแปลกที่



             
    ดวงตาคู่สวยกระพริบช้าๆ  จังหวะหนึ่งที่เขามองว่ามันมีประกายอย่างดวงดาว  หากแต่เพียงแวบเดียวก็จางหายไป จนคิดได้เพียงตาฝาดไปเท่านั้น  ร่างนั้นมองไปรอบๆแล้วสะดุดหยุดลงที่เขา  ดวงตาสับสนกลอกไปมาเหมือนยังลำดับความไม่รู้เรื่อง 


                      มือเรียวพยายามยันตัวเองขึ้นมา
    ผ้าห่มเลิกลงไปกองอยู่บนตัก เชือกที่ผูกเสื้อด้านหน้าหลวมเล็กน้อยเพื่อให้คนที่เคยนอนหลับหายใจได้สะดวก ส่งผลให้มีช่องว่างมองไปเห็นเนินอวบขาว สายตาผู้ชายเช่นเขาก็อดมองไม่ได้  หล่อนกุมขมับอย่างรู้สึกเจ็บ



             
    " ที่นี่? "



             
    " บ้านข้า  จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น "



             
    เมื่อสาวเจ้าดึงตัวให้ลุกจากที่นอนได้แล้ว  เขาไม่รอช้าสอดมือหมายช่วยพยุง หากใจลึกๆเพียงอยากใกล้ชิด สัมผัสร่างอ่อนมากขึ้น และแน่นอนว่าตำแหน่งใหม่นั้น วิว ก็ดีมากขึ้นเช่นกัน




             
    " เรา? "  เธอเอ่ยด้วยความไม่แน่นอน  แววตาเลื่อนลอยจนเขาอยากเชยคางให้มองสบ



             
    " ชื่ออะไรล่ะ "  เขาลองถามดู



             
    " ชื่อ? "  เจ้าหล่อนก็ถามต่ออย่างไร้เดียงสา



               
    ให้ตายสิ!  เขาจะทนผู้หญิงปัญญาอ่อนได้นานแค่ไหนกันเชียว




             
    " เจ้านั่นแหละ  ชื่ออะไรล่ะ "



             
    " ชื่อ?  เรา..ชื่ออะไร "




               
    เฮ้! นั่นมันคำถามของเขา  ให้ตอบไม่ใช่มาถามกลับ




             
    " จำอะไรได้บ้างไหม? "



             
    " จำอะไร..คะ? "




           
    โว๊ย!




             
    " ค่อยๆคิด  ช้าๆ  เกิดอะไรขึ้นบ้าง  เจ้าจำอะไรได้บ้าง "  แม้ว่าเขาจะโมโหเพียงใด  ก็ต้องระงับภายใต้รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร



             
    หญิงสาวหลับตา  มือบางกุมขมับ




             
    ในความมืด  ใบหน้าของคนคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา  เสียงเย้ยหยันของสาวสวยที่คลุมด้วยอาภรณ์บาง สีน้ำตาลคล้ายสีของพื้นดิน  ริมฝีปากแสยะยิ้ม  อะไรบางอย่างฉุดรั้งขาของเธอ!!




           
    กรี๊ด!!!




             
    " สาวน้อย!?  เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า "  ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล  หญิงสาวส่ายหน้า



             
    " เราจำอะไรไม่ได้เลย "  เธอคิดว่าตอบแบบนี้ ดีกว่าตอบความทรงจำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร  แม้ในขณะนี้เสียงเยาะหยันก็ยังดังสะท้อนอยู่ในหัว



             
    " บ้าน?  พ่อแม่เจ้าล่ะ? "



             
    " เราไม่มีพ่อแม่ "  อะไรบางอย่างดลใจให้เธอตอบไปเช่นนั้น



             
    " เจ้าจำทางกลับบ้านได้ไหม? "



           
    บ้าน?  ทำไมเธอไม่คุ้นกับคำๆนี้เลย  เหมือนว่า เธอไม่มีบ้านอย่างนั้นเหรอ?  ไม่ใช่.. เธอไม่ได้ใช้คำๆนี้  ที่อาศัยของเธอไม่ใช่บ้าน  มันเป็น..




             
    " โอ๊ย!! "
      หญิงสาวแผดเสียงด้วยความเจ็บปวด มือบางจับศีรษะไว้แน่นมากขึ้น เพื่อกดความความเจ็บปวดที่แล่นปะทุราวระเบิด



             
    " สาวน้อย! "  ร่างสูงขยับตัวอย่างทำอะไรไม่ถูก  สักพักเมื่อร่างบางสงบลง  มือใหญ่ก็เอื้อมลูบหัวให้เบาๆ  สัมผัสอ่อนโยนจนเจ้าของหัวต้องเอนสิ่งที่ถูกลูบลงกับไหล่คนลูบราวหาที่พักพิง  " ถ้าคิดแล้วเจ็บ  ก็ยังไม่ต้องคิด  อยู่ที่นี่ไปก่อน "



             
    " รบกวน? "  หญิงสาวพูดช้าๆ หากเขารู้ว่าหมายความอย่างไร



             
    " ไม่หรอก  จะไม่มีใครว่าเช่นนั้น! "  เขารู้ว่าเขาหมายความตามที่พูด  สำหรับที่นี่..คำพูดของเขาเป็นดั่งประกาศิตที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม



             
    " งั้นอยู่ "  ศีรษะบางขยับเล็กน้อย  มือใหญ่ลูบไล้ช้าๆ  กันมิให้เจ้าของยกมันขึ้นจากไหล่เขา



             
    " ชื่อล่ะ  จะให้เรียกสาวน้อยตลอดไปหรือ? "



             
    " อะไรก็ได้ "




           
    ดูเจ้าหล่อนจะว่าง่ายทุกอย่าง  เขาไม่เคยเห็นคนป่วยแบบนี้  แต่คิดว่าคงไม่ว่าง่ายแบบนี้แน่  นางไม่ทุรนทุรายอยากกลับบ้าน  หรืออย่างน้อยก็ต้องสับสนว้าวุ่นว่าตัวเองเป็นใคร



               
    หรือนางจะเป็นสายจากเมืองอื่นเข้ามาสอดแนม  โดยแกล้งทำเป็นคนจำเสื่อม




     
            
    คามิลมองคนที่ซุกอยู่กับอก  แววตาใสซื่อจนเขาอยากจะเขย่าให้เลิกมองเช่นนั้น  ไม่เหมือนเสแสร้ง  แต่ถ้าเสแสร้ง แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร



             
    " ชอบอะไรล่ะ จะตั้งชื่อตามนั้น "



             
    " ไม่รู้ "




               
    อย่างน้อย  นางก็แสดงเป็นคนความจำเสื่อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ




                   
    " งั้น.. "  ร่างสูงมองไปนอกหน้าต่าง

     

    ใจหนึ่งเขาคิดถึงนกกางเขนที่บินว่อน  ลูริ  เขาอยากใช้ชื่อนั้น มันหมายถึงอิสระและความศรัทธา 


                   ยู
    อืม..ชื่อนี้ก็ไม่เลวนัก  ยอมเยี่ยมไม่แพ้ใคร และก็อ่อนโยน  สาวน้อยตรงหน้าดูเป็นเช่นนั้น  นางอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ 


                        พลันสายตาของเขาก็เหลือบเห็นดอกไม้เล็กๆที่ขึ้นใกล้ชานห้อง
      ดอกไม้สี่กลีบแสนสวยที่เขาปลูกไว้หลายปีโดยไม่เคยออกดอก  กลับเริ่มคลี่กลีบบางแย้มรับฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งเข้ามาไม่กี่วัน  ริระ อืม..ดอกริระสีขาว หมายถึง ความรื่นรมย์ของฤดูใบไม้ผลิ  หล่อนมาพร้อมกับการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ ชื่อนี้ใช้ได้ดี 


                        แต่แล้วอะไรบางอย่างที่หลุดริมฝีปากของเขาก็คือ



                     "
    มายา.. "



             
    " มายา? "  สาวน้อยทวนคำ



             
    " ง่ายมาก อยู่ดีๆเจ้าก็โผล่มา  ไม่แน่ว่า สักวันเจ้าอาจหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ได้  เหมือนคนไม่มีตัวตน ..มายาไงล่ะ "



             
    " เรา..ชื่อ..มายา "  เธอชี้ไปที่ตัวเอง  แล้วหัวเราะชอบใจ




             
    ริมฝีปากอุ่นจนร้อนจุมพิตเบาๆกลางหน้าผาก



             
    " นอนซะ  อยู่ที่นี่ก่อน  ชั่วคราว "



             
    เขาคลุมผ้าห่มจนถึงคอ  ไม่นานเธอก็หลับอย่างง่ายดายตามที่เขาบอก



               
    ต้องให้เวลา ให้นางพักผ่อนก่อน  แล้วค่อยถามความเป็นมาอีกครั้งหนึ่ง  ชายหนุ่มคิด เขารู้ยังมีเวลาอีกนาน ไม่ต้องรีบร้อน




    ................................................







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×