คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - -มายา..หญิงผู้เป็นภาพลวงตา- -
" ว่าไง ท่านหมอ " ชายหนุ่มเอ่ยถามอาการด้วยเสียงเบา แต่ทรงอำนาจ
" เรียนเจ้าเมือง แม่นางบาดเจ็บที่ศีรษะจากการถูกกระแทกขอรับ กระผมเย็บแผลไปหลายเข็ม ส่วนบาดแผลตามตัวทายาไม่นานก็หาย คิดว่ากระดูกกระเดี้ยวคงไม่หัก ท่านเจ้าเมือง..ท่านพบนางที่ไหนขอรับ "
" กลางทาง.. กลางถนนเลยแหละ ตอนแรกข้านึกว่าชนกับรถม้า "
" ไม่ นางตกจากที่สูง และต้องสูงมากด้วย ถึงได้กระแทกแรงขนาดนั้น "
" แถบนั้นมีแต่ต้นไม้ นอกจากว่านางจะปีนขึ้นไปบนยอด แล้วนึกว่าตัวเองเป็นนกเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าก็มองไม่เห็นว่านางจะตกจากที่ไหนได้อีก "
" เราคงต้องรอถามนางเอง ..หากว่านางจำเรื่องทั้งหมดได้ " ผู้เป็นแพทย์ประจำตำหนักถอนหายใจช้าๆ
" เออ แล้วอาการความจำเสื่อมนี่ล่ะ " ผู้เป็นเจ้าเมืองรีบถามสิ่งที่ต้องการรู้ทันที
" คงต้องเป็นไปตามลิขิตของพระเจ้า กระผมไม่เคยรักษาการป่วยแบบนี้ " หมอชรายอมรับตามตรง และถึงเขาเคย ใครจะมั่นใจได้ว่า การสูญเสียความทรงจำจะรักษาให้หายได้ทุกครั้งไป
เคยมีคนเล่ากันว่าคนความจำเสื่อมนั้น เกิดเพราะจิตใจหรือร่างกายได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง เป็นความเจ็บปวดหรือเสียใจอย่างหนักสุดที่จะทนรับไหว ระบบร่างกายจึงหาทางเอาตัวรอด ด้วยการดับความทรงจำที่เจ็บปวดนั้นสักพักหนึ่ง จนค่อยมีกำลังจะรับไหว หากเป็นเช่นนั้นจริง การสูญเสียความทรงจำสามารถหายได้เองอย่างนั้นหรือ?
" เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ไปจัดยามา ข้าให้ท่านดูแลจนกว่านางจะหาย ชัดไหม? "
" แน่นอนขอรับ " หมอชราโค้งตัว แล้วลากสังขารออกจากห้องกว้างอย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มเลื่อนบานประตูเปิดสู่อีกห้องหนึ่ง สาวน้อยในชุดสะอาดนอนบนเสื่อทาทามิที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้น หญิงรับใช้สองคนโค้งตัวเมื่อเขาเดินเข้ามา แล้วถอยออกไปพร้อมกับเลื่อนบานประตูปิดอย่างรู้งาน
คาอิลก้าวเข้าไปประชิดร่างที่หลับใหล ดวงตาพลันเหลือบไปเห็นชุดเก่าของนางที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว เสื้อสีเขียวแบบแปลกๆขาดเป็นทาง เขามองอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นรองเท้า มีเพียงผ้าพันแผลสีเกือบขาวอยู่สองผืนใกล้ๆ นางเดินได้เช่นไรเมื่อขาดรองเท้า คงหลุดกระเด็นไปไหนกระมัง?
ผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีขาวขุ่นจนเกือบออกเทาสะท้อนเข้าตา เจ้าเมืองเข้าไปหยิบจับขึ้นมาดู มันไม่มีรอยขาดอะไรเลย หนำซ้ำพอซักแล้วก็เหมือนของใหม่ที่เพิ่งออกจากโรงทอ ผ้าบาง แต่อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาติดใจ สีประหลาดที่เขาไม่เคยเห็น โรงย้อมสีที่ไหนทำได้ถึงขนาดนี้?
นัยน์ตากลับไปจ้องร่างที่ยังนอนในท่าเดิม อย่างที่เขาคิด เมื่อยามลอกฝุ่นสกปรกออก นางก็ไม่ต่างจากสาวน้อยวัยน่ารักซะเท่าไร ไม่สิ..น่ารักกว่าอีกหลายคน ..กว่าทุกคนที่เขาเคยเห็นด้วยซ้ำ! เส้นผมยาวกว่าบ่าเล็กน้อยสยายไปตามขอบหมอน สีน้ำตาลหยักศกจนเขาอยากจะลองสอดมือเขาไปไล้เรือนผมด้วยความปรารถนา ริมฝีปากเล็กเผยอหายใจช้าๆ มือใหญ่อดไม่ได้ที่จะลูบไล้เบาๆไปตามขอบปาก ครั้นเจ้าของร่างขยับ เขาก็ชักมือกลับโดยไวแล้วเปลี่ยนเป็นปลุกแทน
จะเรียกอะไรดีล่ะ คนนี้เด็กเกินกว่าที่เขาจะเรียก แม่หญิง เหมือนผู้หญิงมีตระกูลคนอื่นๆ
" สาวน้อย ขี้เซา ตื่นได้แล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากพลาดอาหารเย็น "
ร่างอรชรขยับเล็กน้อย และเขารู้ว่าไม่ใช่เพราะอาหารเย็นที่เอ่ยถึงแน่ๆ แต่เป็นเสียงเขาที่เริ่มทำให้เจ้าหล่อนรู้ตัวว่าแปลกที่
ดวงตาคู่สวยกระพริบช้าๆ จังหวะหนึ่งที่เขามองว่ามันมีประกายอย่างดวงดาว หากแต่เพียงแวบเดียวก็จางหายไป จนคิดได้เพียงตาฝาดไปเท่านั้น ร่างนั้นมองไปรอบๆแล้วสะดุดหยุดลงที่เขา ดวงตาสับสนกลอกไปมาเหมือนยังลำดับความไม่รู้เรื่อง
มือเรียวพยายามยันตัวเองขึ้นมา ผ้าห่มเลิกลงไปกองอยู่บนตัก เชือกที่ผูกเสื้อด้านหน้าหลวมเล็กน้อยเพื่อให้คนที่เคยนอนหลับหายใจได้สะดวก ส่งผลให้มีช่องว่างมองไปเห็นเนินอวบขาว สายตาผู้ชายเช่นเขาก็อดมองไม่ได้ หล่อนกุมขมับอย่างรู้สึกเจ็บ
" ที่นี่? "
" บ้านข้า จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น "
เมื่อสาวเจ้าดึงตัวให้ลุกจากที่นอนได้แล้ว เขาไม่รอช้าสอดมือหมายช่วยพยุง หากใจลึกๆเพียงอยากใกล้ชิด สัมผัสร่างอ่อนมากขึ้น และแน่นอนว่าตำแหน่งใหม่นั้น วิว ก็ดีมากขึ้นเช่นกัน
" เรา? " เธอเอ่ยด้วยความไม่แน่นอน แววตาเลื่อนลอยจนเขาอยากเชยคางให้มองสบ
" ชื่ออะไรล่ะ " เขาลองถามดู
" ชื่อ? " เจ้าหล่อนก็ถามต่ออย่างไร้เดียงสา
ให้ตายสิ! เขาจะทนผู้หญิงปัญญาอ่อนได้นานแค่ไหนกันเชียว
" เจ้านั่นแหละ ชื่ออะไรล่ะ "
" ชื่อ? เรา..ชื่ออะไร "
เฮ้! นั่นมันคำถามของเขา ให้ตอบไม่ใช่มาถามกลับ
" จำอะไรได้บ้างไหม? "
" จำอะไร..คะ? "
โว๊ย!
" ค่อยๆคิด ช้าๆ เกิดอะไรขึ้นบ้าง เจ้าจำอะไรได้บ้าง " แม้ว่าเขาจะโมโหเพียงใด ก็ต้องระงับภายใต้รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร
หญิงสาวหลับตา มือบางกุมขมับ
ในความมืด ใบหน้าของคนคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา เสียงเย้ยหยันของสาวสวยที่คลุมด้วยอาภรณ์บาง สีน้ำตาลคล้ายสีของพื้นดิน ริมฝีปากแสยะยิ้ม อะไรบางอย่างฉุดรั้งขาของเธอ!!
กรี๊ด!!!
" สาวน้อย!? เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า " ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล หญิงสาวส่ายหน้า
" เราจำอะไรไม่ได้เลย " เธอคิดว่าตอบแบบนี้ ดีกว่าตอบความทรงจำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แม้ในขณะนี้เสียงเยาะหยันก็ยังดังสะท้อนอยู่ในหัว
" บ้าน? พ่อแม่เจ้าล่ะ? "
" เราไม่มีพ่อแม่ " อะไรบางอย่างดลใจให้เธอตอบไปเช่นนั้น
" เจ้าจำทางกลับบ้านได้ไหม? "
บ้าน? ทำไมเธอไม่คุ้นกับคำๆนี้เลย เหมือนว่า เธอไม่มีบ้านอย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่.. เธอไม่ได้ใช้คำๆนี้ ที่อาศัยของเธอไม่ใช่บ้าน มันเป็น..
" โอ๊ย!! " หญิงสาวแผดเสียงด้วยความเจ็บปวด มือบางจับศีรษะไว้แน่นมากขึ้น เพื่อกดความความเจ็บปวดที่แล่นปะทุราวระเบิด
" สาวน้อย! " ร่างสูงขยับตัวอย่างทำอะไรไม่ถูก สักพักเมื่อร่างบางสงบลง มือใหญ่ก็เอื้อมลูบหัวให้เบาๆ สัมผัสอ่อนโยนจนเจ้าของหัวต้องเอนสิ่งที่ถูกลูบลงกับไหล่คนลูบราวหาที่พักพิง " ถ้าคิดแล้วเจ็บ ก็ยังไม่ต้องคิด อยู่ที่นี่ไปก่อน "
" รบกวน? " หญิงสาวพูดช้าๆ หากเขารู้ว่าหมายความอย่างไร
" ไม่หรอก จะไม่มีใครว่าเช่นนั้น! " เขารู้ว่าเขาหมายความตามที่พูด สำหรับที่นี่..คำพูดของเขาเป็นดั่งประกาศิตที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
" งั้นอยู่ " ศีรษะบางขยับเล็กน้อย มือใหญ่ลูบไล้ช้าๆ กันมิให้เจ้าของยกมันขึ้นจากไหล่เขา
" ชื่อล่ะ จะให้เรียกสาวน้อยตลอดไปหรือ? "
" อะไรก็ได้ "
ดูเจ้าหล่อนจะว่าง่ายทุกอย่าง เขาไม่เคยเห็นคนป่วยแบบนี้ แต่คิดว่าคงไม่ว่าง่ายแบบนี้แน่ นางไม่ทุรนทุรายอยากกลับบ้าน หรืออย่างน้อยก็ต้องสับสนว้าวุ่นว่าตัวเองเป็นใคร
หรือนางจะเป็นสายจากเมืองอื่นเข้ามาสอดแนม โดยแกล้งทำเป็นคนจำเสื่อม
คามิลมองคนที่ซุกอยู่กับอก แววตาใสซื่อจนเขาอยากจะเขย่าให้เลิกมองเช่นนั้น ไม่เหมือนเสแสร้ง แต่ถ้าเสแสร้ง แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร
" ชอบอะไรล่ะ จะตั้งชื่อตามนั้น "
" ไม่รู้ "
อย่างน้อย นางก็แสดงเป็นคนความจำเสื่อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
" งั้น.. " ร่างสูงมองไปนอกหน้าต่าง
ใจหนึ่งเขาคิดถึงนกกางเขนที่บินว่อน ลูริ เขาอยากใช้ชื่อนั้น มันหมายถึงอิสระและความศรัทธา
ยู อืม..ชื่อนี้ก็ไม่เลวนัก ยอมเยี่ยมไม่แพ้ใคร และก็อ่อนโยน สาวน้อยตรงหน้าดูเป็นเช่นนั้น นางอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
พลันสายตาของเขาก็เหลือบเห็นดอกไม้เล็กๆที่ขึ้นใกล้ชานห้อง ดอกไม้สี่กลีบแสนสวยที่เขาปลูกไว้หลายปีโดยไม่เคยออกดอก กลับเริ่มคลี่กลีบบางแย้มรับฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งเข้ามาไม่กี่วัน ริระ อืม..ดอกริระสีขาว หมายถึง ความรื่นรมย์ของฤดูใบไม้ผลิ หล่อนมาพร้อมกับการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ ชื่อนี้ใช้ได้ดี
แต่แล้วอะไรบางอย่างที่หลุดริมฝีปากของเขาก็คือ
" มายา.. "
" มายา? " สาวน้อยทวนคำ
" ง่ายมาก อยู่ดีๆเจ้าก็โผล่มา ไม่แน่ว่า สักวันเจ้าอาจหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ได้ เหมือนคนไม่มีตัวตน ..มายาไงล่ะ "
" เรา..ชื่อ..มายา " เธอชี้ไปที่ตัวเอง แล้วหัวเราะชอบใจ
ริมฝีปากอุ่นจนร้อนจุมพิตเบาๆกลางหน้าผาก
" นอนซะ อยู่ที่นี่ก่อน ชั่วคราว "
เขาคลุมผ้าห่มจนถึงคอ ไม่นานเธอก็หลับอย่างง่ายดายตามที่เขาบอก
ต้องให้เวลา ให้นางพักผ่อนก่อน แล้วค่อยถามความเป็นมาอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มคิด เขารู้ยังมีเวลาอีกนาน ไม่ต้องรีบร้อน
................................................
ความคิดเห็น