ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 51







              กาลครั้งหนึ่งแสนเนิ่นนาน ในอดีตที่ผู้คนยังบูชาเทพเจ้า ยังสู้รบบนหลังม้า  แผ่นดินแบ่งแยกเป็นบ้านเมืองนับพันประเทศ มีถนนซึ่งทำจากหิน เสื้อผ้าที่ถักทอด้วยมือ เหล่าเด็กน้อยเลี้ยงแกะอยู่ตามทุ่งหญ้า และกวีมากมายร่อนเร่จากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่ง เพื่อขับขานตำนานวีรบุรุษผู้เกรียงไกร เพื่อขับร้องเรื่องราวของกษัตริย์ผู้เหี้ยมโหด และขณะนี้ เรื่องที่ผู้คนต้องการฟังมากที่สุด คือ ‘สาวงามแห่งเคลาคัส’


              “ใช่สิ นางมีดวงตาดุจนางเหยี่ยวที่แหลมคม เจ้าจะไม่มีวันโกหกสิ่งใดต่อนางได้ ราวนางนั่งอยู่ในใจของพวกเจ้า”


              “นางมีริมฝีปากอวบอิ่มที่ฉะฉาน ยามนางเอ่ยวาจา ทุกเสียงจะเงียบลงเพื่อฟังเพียงแต่นางเท่านั้น ไม่มีเสียงใดอีกแล้วจะหวานเหมือนน้ำผึ้งได้เท่าเสียงของนาง”


              “นางเป็นธิดาองค์เล็กที่กษัตริย์แห่งเคลาคัสรักมากที่สุด และแน่นอน ผู้ใดได้ครอบครอบนาง เท่ากับผู้นั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งเคลาคัสแล้ว”


              “ไม่มีทางเป็นอื่น.. นางงามยิ่งกว่าเฮเลนแห่งทรอย งามล้ำกว่านางพรายที่ส่งเสียงขับขานใต้มหาสมุทรแอตแลนติก และ..จุ๊ๆ พวกเจ้าเงียบไว้ เข้ามาใกล้ๆ ข้าจะกระซิบความลับให้พวกเจ้าฟัง เสน่ห์แห่งนางแม้แต่เทพีอะโฟรไดทิก็มิอาจเทียบได้ ใช่ อย่าเอะไป ถ้าเทพเจ้าล่วงรู้ นางจะตกอยู่ในภยันตราย เทพแห่งความรักไม่เคยต้องการให้ยลโฉมผู้ใดงามกว่านาง”


              ปลายนิ้วดีดพิณขับร้องยกยอสาวงาม เด็กหญิงชายนั่งล้อมวงเพื่อฟังเรื่องราว ผู้ใหญ่ใจดีโยนเงินใส่ย่ามใบใหญ่ที่เปิดปากอยู่  นักดนตรีโค้งตัวแทนการขอบคุณ แล้วเริ่มดีดสายพิณอีกครั้ง ริมฝีปากคลอบทเพลงเยินยอสาวงามผู้อยู่แดนไกล

    แต่ละก้าวย่างกราย  นางเฉิดฉายดุจตะวัน

    ความงามแห่งนางนั้น  ดั่งดวงจันทร์กลบแสงดาว

    ปัญญานางร้ายกาจ  เฉลียวฉลาดแสนแพรวพราว

    เล่ห์เหลี่ยมดุจดั่งราว  ฟ้าสกาวไร้อับจน


     
             “พี่ชายเล่าเรื่องกุญแจที่อยู่บนมือนางสิคะ”  เสียงเด็กผู้หญิงคนนั้นซึ่งนั่งตาใสอยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้น อีกเสียงของเหล่าเด็กทั้งหลายเรียกร้องตามทันที


             “ใช่ๆ เล่ากันว่านางมีแม่กุญแจที่ไม่มีวันไขออก”


             “ผู้ชายมากมายเดินทางไปเพื่อไขกุญแจนี้ แต่ไม่มีใครทำได้”


             ชายในเสื้อคลุมแย้มยิ้ม แล้วกรีดเครื่องดนตรีคู่ใจอีกครั้ง


              “ใช่แล้ว เด็กๆ เจ้าหญิงคาลิโดร่าได้สั่งทำกุญแจแบบพิเศษซึ่งมีเพียงแต่นางเท่านั้นที่รู้ว่าจะเปิดได้ยังไง นั่นคือด่านสำคัญให้เหล่าชายหนุ่มหลายแคว้นดั้นด้นเดินทางตามหาช่างทำกุญแจที่เก่งที่สุด เพื่อจะไขแม่กุญแจที่อยู่บนข้อมือของนาง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ โทษของผู้ริลองคือ..ความตาย”  


              เสียงชายหนุ่มเหี้ยมขึ้นเพื่อให้เด็กน้อยหวาดกลัว


              “มีชายมากมายจากทั่วสารทิศต้องตายเพราะอาจหาญคิดว่าจะสามารถไขกุญแจบัลลังก์ของเคลาคัสได้ โอ้..คงมีแต่นางผู้สร้างเท่านั้นที่จะรู้ว่าแม่กุญแจนี้จะไขได้อย่างไร เล่ากันว่านางมีกุญแจดอกพิเศษเพื่อไขสิ่งนี้ เป็นกุญแจที่มีรูปทรงประหลาด และไม่มีวันเลียนแบบได้”


              เรื่องเล่าที่ขจรไปไกล เจ้าหญิงคาลิโดร่าเบื่อหน่ายต่อการสู่ขอมากมาย นางผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดจนสามารถออกว่าราชการแทนพระราชาได้ จึงสั่งทำแม่กุญแจขึ้นมาแล้วคล้องอยู่รอบข้อมือของนางให้เห็นเด่นชัด จากนั้นนางจึงประกาศ ผู้ใดมีกุญแจที่สามารถปลดพันธนาการนี้ของนางได้ นางจะยอมอภิเษกสมรสกับคนผู้นั้น และหากไม่สามารถทำได้ ชายผู้นั้นจะถูกลงทัณฑ์ด้วยความตาย ความยิ่งใหญ่ของแม่กุญแจนี้ทำให้เกิดสุภาษิตเหยียดหยามคนที่คิดจะทำในสิ่งที่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ว่า ยากดุจไขกุญแจแห่งคาลิโดร่า


              “เชื่อกันว่านางเกลียดผู้ชาย ไม่มีชายใดที่นางปรารถนาจะครองคู่  แม้พี่สาวทั้งห้าของนางจะแต่งออกเรือนไปจนหมดสิ้น พี่สาวคนที่หกหมั้นหมายแล้ว เหลือเพียงแต่นางเท่านั้นที่ไร้คู่ครอง แต่นางไม่เคยหวั่น บัลลังก์แห่งเคลาคัสสามารถยิ่งใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายมาร่วมปกครอง”


              “นางจะอยู่คนเดียวไปจนตายหรือฮะ”


              “ไม่แน่ เด็กน้อย อาจมีชายใดที่มีสติปัญญาล้ำเลิศยิ่งกว่านาง ก้าวออกมาพิชิตนางก็ได้ เมื่อนั้นบทเพลงของเหล่าวนิพกจะขับขานเพลงผู้พิชิตสาวงามแห่งเคลาคัส”


              “ว้าว.. ข้าอยากเป็นชายคนนั้นจัง ชื่อข้าจะถูกขับร้องไปไกลใช่ไหมฮะ”


              “แน่นอน ถ้าเจ้าสามารถไขกุญแจแห่งคาลิโดร่าได้ แต่เจ้าก็รู้ มันแลกด้วยความตาย”


              นักดนตรีเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย แล้วโค้งให้เหล่าผู้ฟัง


              “กลับบ้านได้แล้วเด็กๆ พรุ่งนี้เราจะมาฟังเรื่องราวของผู้ชนะอย่างเฮอร์คิวลิสกันบ้าง หรือถ้าพวกเจ้าชอบการผจญภัย ข้ามีเรื่องตื่นเต้นที่จะแล่นไปพร้อมกับเรืออาร์โกมาเล่าให้ฟัง แต่วันนี้ ลาก่อนล่ะ เด็กน้อยทั้งหลาย”


              นักดนตรีเร่โบกมือลาเด็กๆ แล้วก้มลงเก็บย่ามของตนเองที่เริ่มมีเศษเงินให้พอเลี้ยงชีพได้ไปวันๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นฟ้า มองออกไปยังกำแพงเมืองที่ตนร่อนเร่เดินทางมาหากิน ไกลออกไป ข้ามทุ่งหญ้าเขียวขจี ข้ามหุบเขาเหวลึก สู่ปราการหินบนภูเขาสูงที่ไม่เคยมีทัพใดหักหาญได้ สาวสวยซ่อนอยู่ใต้กำแพงหนา ความงามซ่อนไว้ใต้หนามแหลมคม..



    .......................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×