ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แขกผู้มาเยือน
โดรณแห่งโชคชะตา
รัตติกาลราตรีอันมืดมิด
ที่สถิตเหล่าวิญญูผู้หลับใหล
เสียงพร่ำสวดก้องโขดหินฟังเกรียงไกร
หฤทัยพลิ้วไหวกลับวังเวง
    เสียงนั่นอีกแล้ว.. ข้ารู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักที่ถูกจับแต่งกายด้วยชุดที่แสนจะรุ่มร่าม แม้จะงดงามเพียงใดหากไม่อาจทำให้ใจของข้าเป็นสุขได้เลย
    เสียงสวดมนต์ยังคงลอยมาตามสายลมแรงแว่วเข้าหูเป็นระยะๆ..
    แต่ข้าอยากฟังเสียงอย่างอื่นมากกว่า..
    ใช่..พวกเขาสวดมนต์ให้ข้า หากข้ากลับไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น..เกียรติที่ลาภยศเงินทอง หรือสิ่งใดก็ตามแลกมาไม่ได้
    การถูกกักขังเป็นเรื่องทรมานยิ่งนัก.. ข้าโหยหาอิสรภาพ..
    “ท่านเซรีสคะ พิธีพร้อมแล้วค่ะ” สตรีวัยกลางคนสวมชุดนักบวชก้าวเข้ามาในห้อง ข้าพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามนางออกจากห้องไป
    ภาพผู้คนนับร้อยโค้งคำนับข้ายังคงเป็นภาพที่ชินตา และเป็นเช่นนั้นตลอดมาตั้งแต่ข้าจำความได้..
    ข้าใช้มือซ้ายจับไม้เท้าประจำตัวไว้แน่น ก่อนเริ่มพิธีดังเช่นเคยเป็นมาทุกปี
“อำนวยพรประชาราษฎร์สงบสุข
ไร้ซึ่งทุกข์อนาถเหน็ดยากแค้นเข็ญ
ขอทวยเทพอำนวยพรให้ร่มเย็น
จงแลเห็นความเป็นอยู่ของปวงชน”
    เสียงหวานใสเอื้อนวจีไปเรื่อยๆอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเปลี่ยนคำพูดให้กลายเป็นเสียงเพลงไพเราะ ขับขานสะกดทุกผู้คนให้หลงใหล แม้จะเป็นคำพูดที่มิมีผู้ใดเข้าใจเลยก็ตาม
    น่าแปลกนัก.. ถึงแม้เซรีสจะกล่าวธรรมดา หากทุกคนในที่นั้นต่างได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ราวกับนางเดินลงจากแท่นพิธีมากระซิบร้องเพลงข้างๆหูของพวกเขาเลยทีเดียว
    พิธียาวนานผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยโดยที่จิตของข้าไม่วอกแวกไปที่ใดเลยแม้สักนิดเดียว ด้วยสำนึกว่านี่คือ ‘หน้าที่’ ที่พึงกระทำ
    ฝูงชนจำนวนมหาศาลทยอยกันเดินกลับไปยังเรือที่จอดอยู่เพื่อเดินทางกลับไปยัง \'บ้าน\'....
    บ้านของข้า..ไม่สิ..เรียกว่าที่พำนักคงจะถูกกว่า.. เป็นกระท่อมเล็กๆหลังเดียวที่อยู่บนเกาะแห่งนี้.. เกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก และคงไม่มีใครสนใจ..หากไม่มีข้า..
    ผ้าโปร่งสีขาว ถูกคลื่นซัดสาดจนเปียกแฉะ ข้ายืนอยู่บนโขดหินริมชายฝั่งทะเล จ้องมองเวิ้งฟ้าที่ทอดยาวไปไกลแสนไกล ไม่สนใจเท้าและชายผ้าราคาสูงที่เปียกน้ำอยู่แม้สักนิด
    หากไม่ใช่เพราะพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ข้าคงไม่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และคงไม่อ้างว้างดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นแน่..ข้ารำพึงกับตัวเองก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับอะไรบางอย่างสีดำสนิทที่ติดอยู่ในซอกหินริมฝั่ง
    ข้าคอยสังเกตทุกสิ่งรอบเกาะนี้มาเป็นเวลานานหลายปี ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้..
    ดังนั้นคำถามต่อมาในใจของข้าคือความสงสัยที่ขบคิดไม่ออกจนอดไม่ได้ที่จะเขยิบเท้าเข้าไปมองใกล้ๆ
    มนุษย์งั้นรึ!?!
    ชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอางค์ หน้าตาคมเข้มนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้าข้า ชายเสื้อของเขานั่นเองที่ข้าเห็น
    ใจหนึ่งข้าเริ่มสงสารอยากช่วย แต่อีกใจกลับกลัวความเข้าใจผิดต่างๆที่อาจตามมา..
    ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั่นเอง สตรีวัยกลางคนที่สวมชุดนักบวชก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
    \"ท่านเซรีสคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ลูกชายท่านเจ้าเมืองป่วยหนัก อยากให้ท่านไปช่วยรักษาให้ เอ๊ะ!....นั่น....?\" สายตานักบวชหญิงเหลือบไปเห็นชายหนุ่มเข้าพอดี
    \"ช่างเถิดแลมซุส เดี๋ยวเจ้าพาเขาไปรักษาที ข้าจะได้รีบไปรักษาเด็กคนนั้น\" พูดเนือยๆ มองดูแลมซุสที่มีท่าทีตกใจ จ้องมองข้าที ชายหนุ่มที สลับกันไปมา
    ก็แน่ล่ะ.. บุคคลเช่นข้ามายืนอยู่ข้างๆเพศตรงข้ามมันปกติเสียที่ไหนกันเล่า!
    ข้าพยายามไม่สนใจสายตาที่ส่งตรงมา รีบก้าวเดินจากผละออกมาทันที
    ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่กับ \"แลมซุส\"..
    สตราวัยกลางคนเหลือบมองภาระที่เซรีสทิ้งไวให้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ..
**********
TalK With Ar\' =^-^=
หวัดดีค่ะ.. ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการโดรณแห่งโชคชะตานะคะ หุหุ
หลายคนอาจสงสัย ว่าชื่อนี้มันเป็นไงมาไง โดรณแห่งโชคชะตานั้น คำว่า \"โดรณ\" อ่านว่า โด ระ นะ นะคะ แปลว่าประตูซุ้มค่ะ
แปลง่ายๆก็ ประตูซุ้มแห่งโชคชะตาไงคะ ^ ^
ต้องขอโทษคนที่เผลอเปิดมาอ่านตอนแรกจริงๆค่ะ เพราะตอนนั้นดองเอาไว้ตั้งนาน ค้างไว้ที่ 75 % ถึง 2 สัปดาห์!!!!
ตอนนั้นคอมอาร์เจ๊ง ค่ะ โนตบุ๊คก็โดนแม่ยึดไป ความจริงเรื่องนี้กะจะแต่งให้เยอะๆก่อนค่อยลงเน็ต แต่พอแม่ยึดคอมไปกลัวไม่มีที่เซฟ ข้อมูลหาย ก็เลยเอามาลงซะก่อน
ท่านผู้อ่านจะติ จะชม จะว่าอะไรก็ว่ามาเลยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 ของอาร์ค่ะ ก่อนหน้านี้มีทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาว แต่ไม่ต้องไปเปิดหาหรอกนะคะ คือมัน..นามปากกาอื่นน่ะ ^o^
Artasi@ ...
รัตติกาลราตรีอันมืดมิด
ที่สถิตเหล่าวิญญูผู้หลับใหล
เสียงพร่ำสวดก้องโขดหินฟังเกรียงไกร
หฤทัยพลิ้วไหวกลับวังเวง
    เสียงนั่นอีกแล้ว.. ข้ารู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักที่ถูกจับแต่งกายด้วยชุดที่แสนจะรุ่มร่าม แม้จะงดงามเพียงใดหากไม่อาจทำให้ใจของข้าเป็นสุขได้เลย
    เสียงสวดมนต์ยังคงลอยมาตามสายลมแรงแว่วเข้าหูเป็นระยะๆ..
    แต่ข้าอยากฟังเสียงอย่างอื่นมากกว่า..
    ใช่..พวกเขาสวดมนต์ให้ข้า หากข้ากลับไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น..เกียรติที่ลาภยศเงินทอง หรือสิ่งใดก็ตามแลกมาไม่ได้
    การถูกกักขังเป็นเรื่องทรมานยิ่งนัก.. ข้าโหยหาอิสรภาพ..
    “ท่านเซรีสคะ พิธีพร้อมแล้วค่ะ” สตรีวัยกลางคนสวมชุดนักบวชก้าวเข้ามาในห้อง ข้าพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามนางออกจากห้องไป
    ภาพผู้คนนับร้อยโค้งคำนับข้ายังคงเป็นภาพที่ชินตา และเป็นเช่นนั้นตลอดมาตั้งแต่ข้าจำความได้..
    ข้าใช้มือซ้ายจับไม้เท้าประจำตัวไว้แน่น ก่อนเริ่มพิธีดังเช่นเคยเป็นมาทุกปี
“อำนวยพรประชาราษฎร์สงบสุข
ไร้ซึ่งทุกข์อนาถเหน็ดยากแค้นเข็ญ
ขอทวยเทพอำนวยพรให้ร่มเย็น
จงแลเห็นความเป็นอยู่ของปวงชน”
    เสียงหวานใสเอื้อนวจีไปเรื่อยๆอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเปลี่ยนคำพูดให้กลายเป็นเสียงเพลงไพเราะ ขับขานสะกดทุกผู้คนให้หลงใหล แม้จะเป็นคำพูดที่มิมีผู้ใดเข้าใจเลยก็ตาม
    น่าแปลกนัก.. ถึงแม้เซรีสจะกล่าวธรรมดา หากทุกคนในที่นั้นต่างได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ราวกับนางเดินลงจากแท่นพิธีมากระซิบร้องเพลงข้างๆหูของพวกเขาเลยทีเดียว
    พิธียาวนานผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยโดยที่จิตของข้าไม่วอกแวกไปที่ใดเลยแม้สักนิดเดียว ด้วยสำนึกว่านี่คือ ‘หน้าที่’ ที่พึงกระทำ
    ฝูงชนจำนวนมหาศาลทยอยกันเดินกลับไปยังเรือที่จอดอยู่เพื่อเดินทางกลับไปยัง \'บ้าน\'....
    บ้านของข้า..ไม่สิ..เรียกว่าที่พำนักคงจะถูกกว่า.. เป็นกระท่อมเล็กๆหลังเดียวที่อยู่บนเกาะแห่งนี้.. เกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก และคงไม่มีใครสนใจ..หากไม่มีข้า..
    ผ้าโปร่งสีขาว ถูกคลื่นซัดสาดจนเปียกแฉะ ข้ายืนอยู่บนโขดหินริมชายฝั่งทะเล จ้องมองเวิ้งฟ้าที่ทอดยาวไปไกลแสนไกล ไม่สนใจเท้าและชายผ้าราคาสูงที่เปียกน้ำอยู่แม้สักนิด
    หากไม่ใช่เพราะพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ข้าคงไม่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และคงไม่อ้างว้างดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นแน่..ข้ารำพึงกับตัวเองก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับอะไรบางอย่างสีดำสนิทที่ติดอยู่ในซอกหินริมฝั่ง
    ข้าคอยสังเกตทุกสิ่งรอบเกาะนี้มาเป็นเวลานานหลายปี ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้..
    ดังนั้นคำถามต่อมาในใจของข้าคือความสงสัยที่ขบคิดไม่ออกจนอดไม่ได้ที่จะเขยิบเท้าเข้าไปมองใกล้ๆ
    มนุษย์งั้นรึ!?!
    ชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอางค์ หน้าตาคมเข้มนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้าข้า ชายเสื้อของเขานั่นเองที่ข้าเห็น
    ใจหนึ่งข้าเริ่มสงสารอยากช่วย แต่อีกใจกลับกลัวความเข้าใจผิดต่างๆที่อาจตามมา..
    ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั่นเอง สตรีวัยกลางคนที่สวมชุดนักบวชก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
    \"ท่านเซรีสคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ลูกชายท่านเจ้าเมืองป่วยหนัก อยากให้ท่านไปช่วยรักษาให้ เอ๊ะ!....นั่น....?\" สายตานักบวชหญิงเหลือบไปเห็นชายหนุ่มเข้าพอดี
    \"ช่างเถิดแลมซุส เดี๋ยวเจ้าพาเขาไปรักษาที ข้าจะได้รีบไปรักษาเด็กคนนั้น\" พูดเนือยๆ มองดูแลมซุสที่มีท่าทีตกใจ จ้องมองข้าที ชายหนุ่มที สลับกันไปมา
    ก็แน่ล่ะ.. บุคคลเช่นข้ามายืนอยู่ข้างๆเพศตรงข้ามมันปกติเสียที่ไหนกันเล่า!
    ข้าพยายามไม่สนใจสายตาที่ส่งตรงมา รีบก้าวเดินจากผละออกมาทันที
    ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่กับ \"แลมซุส\"..
    สตราวัยกลางคนเหลือบมองภาระที่เซรีสทิ้งไวให้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ..
**********
TalK With Ar\' =^-^=
หวัดดีค่ะ.. ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการโดรณแห่งโชคชะตานะคะ หุหุ
หลายคนอาจสงสัย ว่าชื่อนี้มันเป็นไงมาไง โดรณแห่งโชคชะตานั้น คำว่า \"โดรณ\" อ่านว่า โด ระ นะ นะคะ แปลว่าประตูซุ้มค่ะ
แปลง่ายๆก็ ประตูซุ้มแห่งโชคชะตาไงคะ ^ ^
ต้องขอโทษคนที่เผลอเปิดมาอ่านตอนแรกจริงๆค่ะ เพราะตอนนั้นดองเอาไว้ตั้งนาน ค้างไว้ที่ 75 % ถึง 2 สัปดาห์!!!!
ตอนนั้นคอมอาร์เจ๊ง ค่ะ โนตบุ๊คก็โดนแม่ยึดไป ความจริงเรื่องนี้กะจะแต่งให้เยอะๆก่อนค่อยลงเน็ต แต่พอแม่ยึดคอมไปกลัวไม่มีที่เซฟ ข้อมูลหาย ก็เลยเอามาลงซะก่อน
ท่านผู้อ่านจะติ จะชม จะว่าอะไรก็ว่ามาเลยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 ของอาร์ค่ะ ก่อนหน้านี้มีทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาว แต่ไม่ต้องไปเปิดหาหรอกนะคะ คือมัน..นามปากกาอื่นน่ะ ^o^
Artasi@ ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น