ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebels คนบ้าระห่ำ แหกกฎสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #5 : Romantic Night(?) II

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 61


     4

    Romantic Night(?) II

     

         ท่ามกลางความเงียบสงบภายในโรงเรียนที่ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณนี้เลย ฉันจึงก้มหน้าลง แล้วหลับตาเพื่อที่จะลืมความโชคร้ายนั้นไป มันเป็นปกติของฉันที่ต้องพบเจอกับความโชคร้าย แต่ก็น่าแปลกที่ฉันไม่ได้พบเจอกับความโชคร้ายในระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือนเต็มๆ ทำไมกันนะ?

     

         " แบล์...นี่เธอจะไม่กลับบ้านใช่มั้ย? " เสียงของเบลลาทริกซ์ดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงที่คอยขัดฉันประจำเมื่อฉันกำลังอยู่ในโลกส่วนตัว

     

         " เบล...ฉันยังกลับไม่ได้หรอก ฉันยังหาคู่เต้นรำไม่ได้เลย "

     

         " ไม่ต้องหาแล้ว ฉันลงชื่อให้เธอเรียบร้อยแล้ว " เบลลาทริกซ์ว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน ฉันจึงมองหน้าเธออย่างงงๆ ก่อนที่จะถามขึ้นว่า

     

         " ใคร? "

     

         " ก็ยูลิคไง "

     

         " เฮ้ย! เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะเบล รู้มั้ยว่าถ้าฉันพาเจ้าสิ่งมีวิตเรืองแสงมางานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าล็อกเกตของเจ้านั่นเกิดเรืองแสงขึ้นมา คนอื่นก็จะถามฉันเกี่ยวกับเจ้านั่น แล้วฉันก็จะตอบไปว่า เขาเป็นทูต แล้วคนอื่นก็จะรู้ว่าฉันเลี้ยงทูตไว้ แล้วก็จะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากตามมา "

     

         " ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะลงชื่อยูลิคเป็นคู่เต้นรำของเธอหรอกนะ แต่ว่าดอลล่าร์ทนเห็นพฤติกรรมของวาซิเนียที่พูดจาดูถูกเธอไม่ไหว ดอลล่าร์ก็เลยพูดขึ้นมาว่า ที่จริงแล้ว เธอก็มีคู่เต้นรำที่ทั้งเต้นรำเก่ง ทั้งดูดีกว่าคาร์เวสโซตั้งเยอะ เขาคนนั้นชื่อยูลิค วาซิเนียก็เลยไม่เชื่อ แล้วดอลล่าร์ก็บอกว่าพรุ่งนี้วาซิเนียจะได้เห็นเองแหละ แล้ววาซิเนียก็บอกว่าจะรอดูแล้วก็ควงคาร์เวสโซออกไป ฉันก็เลยต้องลงชื่อให้เธอกับยูลิคโดยที่ไม่ได้ปรึกษาเธอก่อนน่ะ ขอโทษด้วยนะ  "

     

         " อื่มม์...ไม่เป็นไร " ฉันตัดบท แล้วฉันกับเบลลาทริกซ์ก็เดินไปขึ้นรถกลับบ้าน

     

         พอกลับไปถึงบ้าน ฉัน เบลลาทริกซ์ ยูลิค ดรากเนส อดอล์ฟ ดีซีดอเรต้า เรอัส และมอนสเตลล่าต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยงเต้นรำรุ่นที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้อย่างไม่หยุดปาก

     

         " ยูลิค นายเต้นรำเป็นหรือเปล่า? " เบลลาทริกซ์เอ่ยถามขึ้น

     

         " ไม่รู้สิ ฉันยังไม่เคยเต้นรำเลย " ยูลิคว่า

     

         " งานหนักแล้วล่ะเพื่อน นายต้องหัดเต้นรำให้ได้ก่อนเวลาหนึ่งทุ่มของพรุ่งนี้ เพราะยัยดอลล่าร์ดันไปโม้เรื่องนายไว้กับยัยวาซิเนียไว้เยอะเลย ยัยดอลล่าร์ทำให้นายเดือดร้อนนะ นายว่าอะไรยัยนั่นหน่อยสิ " อดอล์ฟว่า พอพูดจบดีซีดอเรต้าก็ตบหัวอดอล์ฟอย่างแรง ก่อนที่จะหันไปยิ้มหวานให้ยูลิคแล้วพูดว่า

     

         " ขอโทษนะ ยูลิค ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น คือว่า...ฉันทนสัญชาตญาณถ่อยๆ ของยัยร่านวาซิเนียไม่ไหว ฉันไม่ชอบที่ยัยนั่นพูดจาดูถูกแบล์คลีซาว่าแบล์คลีซาไม่มีปัญญาหาคู่เต้นรำได้ ยังกับแกมีปัญญาหาผัวได้อย่างงั้นแหละ อี่ร่านเอ๊ย ใครจะไปเอาคนอย่างแกกันยะ ขนาดสัตว์เดระฉานยังทำตัวดีกว่าแกเลย อย่างน้อยพวกมันก็ไม่อ่อยผู้ชาย หรือยืนโชว์หอยไปเรื่อยแบบแก  เชื่อมั้ยว่าต่อให้จ้างผู้ชายพันคนมารุมข่มขืนยัยนั่น มันก็ยังร่านเหมือนเดิม "  ดีซีดอเรต้าสบถอย่างหัวเสีย เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะพูดต่อว่า " นั่นแหละ เพราะฉันไม่อยากให้ยัยนั่นพูดจาดูถูกแบล์คลีซา ฉันเลยพูดขึ้นมาว่า แบล์คลีซามีคู่เต้นรำที่ทั้งเต้นรำเก่งกว่า และดูดีกว่าคู่เต้นรำของยัยร่านวาซิเนียตั้งเยอะ ยูลิค นายต้องพยายามให้มากๆ นะ อย่าทำให้คำพูดของฉันดูไร้ค่า และไม่น่าเชื่อถือ นายต้องทำให้ได้นะ "

     

         " ฉันว่าคำพูดของเธอมันดูไร้ค่า และไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่ตอนที่เธอด่าวาซิเนียแล้ว " อดอล์ฟว่า ดีซีดอเรต้าจึงมองอดอล์ฟตาขวาง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

         " ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรยัยนั่นมากเท่าไหร่นี่ แค่ว่าแค่นิดเดียวเอง " ดีซีดอเรต้าร้องเสียงสูงพลางยิ้มอย่างผู้ชนะท่ามกลางสายตาเอือมระอาของอีกเจ็ดคนที่เหลือ

     

         " ฉันว่าปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ว่ายูลิคจะเต้นรำได้หรือไม่ได้ แต่อยู่ที่ล็อกเกตของยูลิคมากกว่า นี่ยูลิค ตอนงานเลี้ยงนายช่วยถอดล็อกเกตนั่นเก็บไว้ได้มั้ย? " ฉันว่า

     

         " แบล์คลีซา เธอลืมไปแล้วหรอว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนที่ยูลิคมาอยู่ที่บ้านของเราวันแรกน่ะ ที่เขาหมดสติไปเพราะอะไร ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่ได้สวมล็อกเกตนั่นหรอกหรอ? " เบลลาทริกซ์ว่า

     

         " ล็อกเกตนี่ต้องมีพลังบางอย่างแฝงไว้เพื่อให้ผู้สวมมันได้รับพลังงานอย่างเต็มที่ และล็อกเกตนี่จะไม่ให้พลังงานแก่คนทั่วไปเด็ดขาด ล็อกเกตนี่เป็นขององค์กรลับของเหล่าทูตจากเบื้องบน ดังนั้นมันจะให้พลังงานแก่ผู้ที่เป็นทูตเพื่อจะได้แสดงสัญชาตญาณของความเป็นทูตนั้นออกมาอย่างชัดเจน "  เรอัสว่า แต่ฉันไม่เข้าใจสำนวนการพูดแบบนักวิชาการที่เขาใช้พูดเลยแม้แต่น้อย

     

         " ล็อกเกตอันนี้จะให้พลังงานแก่ผู้สวมใส่ที่เป็นทูตเพื่อให้เขาแสดงออกถึงสัญชาตญาณของทูตงั้นหรอ? " มอนสเตลล่าทวนคำแล้วทำท่าทางราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนักก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า " อื่มม์...ฉันเริ่มจับประเด็นได้แล้ว ยูลิค ล็อกเกตของนายมักจะเรืองแสงเมื่อไหร่? "

     

         " ทุกครั้งที่ฉันตกใจ และเจอเหตุการณ์ฉุกเฉิน กับตอนที่ร่างกายของฉันได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักน่ะ " ยูลิคว่า

     

         " สบายใจได้เลยว่าพรุ่งนี้ล็อกเกตของเธอจะไม่เรืองแสงอีก ขอแค่ให้เธอทำใจให้สบาย อย่าตื่นเต้นจนเกินไป และระวังตัวไม่ให้ร่างกายของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอีก ส่วนพวกเราก็จะช่วยกันภาวนาไม่ให้เธอเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินอีก " เบลลาทริกซ์ว่า

     

         " เฮ้ย! วางใจได้เลย ถ้านายมากับพวกเรา รับรองว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนายแน่ๆ " ดรากเนสว่าพลางตกบ่ายูลิค นี่เป็นประโยคสุดท้ายของบทสนทนาในวันนี้ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปนอน

     

         ตอนแปดโมงเช้าของวันต่อมา พวกเราต่างก็อยู่รวมกันบนดาดฟ้าเพื่อซ้อมเต้นรำ คู่ของดรากเนสกับเบลลาทริกซ์นั้นดูสมบรูณ์แบบมาก ทุกลีลาการเต้นของพวกเขาร่างพลิ้วไหวราวกับนักเต้นรำมืออาชีพ คู่ของเรอัสกับมอนสเตลล่าก็เช่นกัน แต่ถ้าพวกเขาไม่เน้นหลักวิชาการ และไม่เก็งมากจนเกินไป การเต้นรำของพวกเขาก็จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ ส่วนคู่ที่เห็นจะมีปัญหามากที่สุดก็คือคู่กับอดอล์ฟกับดีซีดอเรต้า เพราะว่า พวกเขามัวแต่ด่าไปเต้นไป ภาพรวมที่ออกมาจึงดูไม่ค่อยดีมากนัก

     

         " นี่ นายน่ะ หยุดเหยียบเท้าฉันได้แล้ว "

     

         " ก็ฉันทำตามที่เธอบอกแล้ว เธอจะเอาอะไรอีกล่ะ? เธอบอกให้ฉันก้าว ฉันก็ก้าวแล้วนี่ไง "

     

         " ไอ้บ้า ฉันบอกให้นายก้าวถอยหลัง ใครใช้ให้นายก้าวไปข้างหน้ากันล่ะยะ ไอ้บ้าเอ๊ย นายทำให้ฉันดูห่วยมากเลยนะ รู้มั้ย? "

     

         " เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอกน่า ก้าวเท้าก็ผิดจังหวะแล้วยังมีหน้ามาสอนฉันอีก "

     

         " ที่ฉันก้าวผิดจังหวะก็เพราะนายกระทืบเท้าดังเกินไปจนทำให้ฉันไม่ได้ยินเสียงเพลงน่ะสิยะ "

     

         " อ้าว...เธอหูไม่ดีเองนะ มาโทษฉันได้ยังไง ปกติพวกนักเต้นต้องหูดี หรือไม่ก็แม่นจังหวะไม่ใช่หรอ พวกที่เป็นมืออาชีพจริงๆ น่ะ ไม่ต้องเปิดเพลงก็ยังเต้นได้เลย "

     

         " นี่! ถ้านายยังไม่หยุดพูดนะ ฉันจะจับนายโยนลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้เลย กรี๊ดดดดดด! ไอ้บ้า หยุดเหยียบเท้าฉันซักที!!! "

     

         จนเวลาล่วงเลยไปถึงสองชั่วโมงแล้ว ฉันก็ยังคงได้แต่นั่งดูพวกเขาทั้งหกคนซ้อมเต้นรำกันอยู่ เพราะว่ายูลิคยังไม่ขึ้นมาเลย เขาไปไหนกันนะ?

     

         " ขอโทษนะที่ให้รอนาน คือว่า...ฉันไปทำความเข้าใจกับเพลงพวกนี้มาน่ะ ก็เลยมาช้า " ยูลิคเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉัน ให้ตายสิ...ทำไมเวลาที่ฉันคิดถึงเขาปุ๊บ เขาก็โผล่หน้ามาปั๊บเลยนะ

     

         จากนั้นยูลิคก็ยืนมือมาให้ฉัน ฉันจึงดึงมือของเขา ลุกขึ้น แล้วเดินไปตรงกลางดาดฟ้า ทันทีที่เพลงถูกเล่นขึ้น เราจึงเริ่มเต้นทันที ฉันพยายามฟังเสียงเพลงเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ พยายามควบคุมตัวเองให้ก้าวเท้าไปตามจังหวะเพลง หนึ่ง...สอง...สาม...หนึ่ง...สอง...สาม ฉันนับเลขในใจพลางก้าวเท้าไปด้วย พวกเราเต้นรำกันด้วยความนุ่มนวล และด้วยความสมบรูณ์แบบอย่างไร้ที่ติ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ข้อผิดพลาดในการเต้นรำของฉันได้หายไปหมดแล้ว ฉันสามารถเต้นเพลงเร็วได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่หลุดเลยแม้แต่น้อย ที่จริง...ไม่ใช่เป็นเพราะทักษะของเต้นของฉันได้ดีขึ้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะยูลิคสามารถเต้นรำได้อย่างสมบรูณ์แบบต่างหาก ทั้งท่วงท่า ลีลา อารมณ์ จังหวะ และความนุ่มนวล ทุกอย่างล้วนแต่ลงตัว

     

         " สุดยอดจริงๆ ยูลิค นายคงฝึกซ้อมมาอย่างดีสินะ ขอบคุณนะที่ช่วยทำให้คำพูดของฉันไม่ดูไร้ค่า และดูน่าเชื่อถือ " ดีซีดอเรต้ากรีดร้องด้วยน้ำเสียงแหลมสูง

     

         " ความจริงแล้ว...ฉันไม่ได้ลองฝึกเต้นรำเลย แล้วสองชั่วโมงที่ฉันมาสาย ฉันก็ไม่ได้ไปเรียนรู้เรื่องเพลงเลยด้วย แต่ฉันสามารถเต้นรำได้ในทันทีที่เพลงเริ่มบรรเลงขึ้นน่ะ " สิ้นคำยูลิคว่า จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงในทักษะการเต้นรำขั้นเทพของยูลิค

     

         " เพื่อน นี่นายเป็นอัจฉริยะหรอเนี่ย? ฉันเพิ่งเคยเห็นความสามารถของนายจริงๆ ก็ครั้งนี้แหละ มันโคตรเทพเลยว่ะ เทพจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว " อดอล์ฟว่า

     

         " คงเป็นผลมาจากล็อกเกตที่ยูลิคสวมอยู่สินะ ล็อกเกตอันนี้มีพลังบางอย่างในการควบคุมให้ทูตสามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ " เรอัสว่า " ดังนั้น...ทูตที่สวมล็อกเกตอันนี้อยู่จะทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างสมบรูณ์แบบ "

     

         " อื่มม์...ฉันก็ว่างั้นแหละ " มอนสเตลล่าว่า " ยูลิค ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ยว่าช่วงเวลาสองชั่วโมงนั้นที่นายหายไป นายไปทำอะไร? "

     

    " ฉันพยายามที่จะรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเองน่ะ และต้องการที่จะรู้เรื่องที่ยังติดค้างอยู่ในหัวของฉันเกี่ยวกับกุญแจดอกหนึ่งที่สามารถนำฉันกลับไปยังที่ที่ฉันมาได้ " ยูลิคว่า " ฉันรู้เพียงอย่างเดียวว่าฉันต้องไปเอากุญแจดอกนั้นมาจากผู้ชายที่ชื่อฟาร์เวล เดอ โฮพิโอให้ได้ "

     

    " กรี๊ดดดดดดดดด!!! ฟาร์เวล เดอ โฮพิโอ นี่นาย อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาหรอ? ถามฉันได้เลยนะ ฉันเป็นแฟนคลับของเขา ฉันคลั่งเขามาสามปีแล้ว กรี๊ดดดดด!!! " ดีซีดอเรต้ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

     

    " คือ...ฉันอยากรู้ว่า ฟาร์เวล เดอ โฮพิโอเกี่ยวข้องกับกุญแจดอกนั้นยังไง? "

     

    " แล้วกุญแจดอกนั้นมันเป็นยังไงน่ะ? ใช่กุญแจที่ฟาร์เวลใช้ถ่ายหนังเรื่องกุญแจเปิดมิติมรณะหรือเปล่า? เรื่องนั้นน่ะ ฉันกรี๊ดเขาทั้งเรื่องเลยนะ เขาเท่ห์มาก กรี๊ดดดดด!!! "

     

    " มันเป็นกุญแจดอกเดียว เก่าๆ สีทองเหลือง มีตราประทับรูปกางเขนมีปีกสีม่วงแดง "

     

    " เสียใจด้วย เพราะกุญแจดอกที่นายกำลังพูดถึงนั้น มันไม่ได้อยู่ในหนังที่เขาแสดง แต่ฉันคิดว่าฉันเคยฝันเห็นกุญแจที่มีลักษณะแบบนั้นนะ เห็นเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เอง มันปรากฏขึ้นในสถานที่ที่ฉันคุ้นเคย แล้วฉันก็รู้สึกว่ากุญแจดอกนั้นมันอยู่ใกล้ฉันมาก "

     

    " ดอลล่าร์...เธอคิดว่าเรื่องที่เธอฝันนั้นน่ะ มันจะเป็นลางที่เตือนเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตหรือเปล่า? " มอนสเตลล่าถามขึ้น

     

    " ฉันรู้สึกว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้นะ เพราะว่า ภาพในฝันนั้นมันเหมือนจริงมาก "

     

    " แล้วเราจะมีโอกาสได้เจอฟาร์เวล เดอ โฮพิโอมั้ย? " ฉันถาม

     

    " ฉันไม่เคยฝันถึงเรื่องแบบนั้น " ดีซีดอเรต้าว่า " แต่ฉันได้ยินคนที่โรงเรียนพูดกันนะว่ายัยจีเฟียซน่าจะควงฟาร์เวลเป็นคู่เต้นรำของเธอคืนนี้ "

     

    " อื่มม์...งั้นพวกเรามาวางแผนกันเถอะ " ดรากเนสว่า จากนั้นพวกเราก็ร่วมกันคิดหาวิธีเพื่อที่จะชิงกุญแจมาจากฟาร์เวล

     

    + + + + + + + + + + +

          

         ในเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม พวกเราทั้งแปดคนซึ่งสวมสุภาพสีดำ และสวมหน้ากากแฟนซีสีเงินต่างพากันก้าวเท้าด้วยความสง่างามเพื่อเดินไปลงชื่อที่จุดลงทะเบียนซึ่งอยู่หน้าห้องโถงลากรานเดซซาเนโรว์

     

         ขณะนี้ เวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงสิบห้านาทีแล้ว พวกเราก็ยังคงไม่เข้าไปในบริเวณงาน แต่กลับนัดหมายกันเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำสำหรับค่ำคืนนี้

     

         " ทุกคนจำไว้นะว่าที่เรามางานเลี้ยงเต้นรำรุ่นในคืนนี้ จุดประสงค์หลักของพวกเราคือไม่ได้มาเพื่อเต้นรำ แต่มาเพื่อจับตาดูฟาร์เวล แล้วพยายามเข้าหาตัวฟาร์เวลเมื่องานเลี้ยงจบลง ดังนั้น...อย่าให้เราเพลิดเพลินกับการเต้นรำมากจนเกินไปจนทำงานไม่สำเร็จล่ะ " ดรากเนสว่า แล้วพวกเราทั้งเจ็ดคนจึงพยักหน้ารับทันที

     

         " อีกสิบห้านาทีงานก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันว่าให้พวกเรารีบเข้าไปในงานกันก่อนดีกว่านะ เพื่อจะได้ไม่ให้กลายเป็นจุดสนใจจนเกินไป " มอนสเตลล่าเอ่ยขึ้น

     

         " รอบคอบดีนี่ " อดอล์ฟเอ่ยขึ้น

     

         " แบล์...งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะ " เบลลาทริกซ์พูดขึ้น คำพูดของเบลลาทริกซ์ทำให้ฉันสับสน

     

         " เธอจะไปไหนน่ะเบล? " ฉันถามขึ้น

     

         " ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ได้บอกเธอก่อนน่ะ คือว่า...ศาสตราจารย์แอนนาซาร่าขอร้องให้พวกเราทั้งหกคนไปเต้นรำบนลานเจิดจ้าจรัสแสงซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงนะ ซึ่งลานนั้นจะมีคนเต้นรำอยู่ทั้งหมดห้าคู่ ซึ่งอีกสองคู่ก็จะเป็นคู่ของฟาร์เวล และคู่ของเพื่อนร่วมห้องของฉันซึ่งเขาตกลงว่าจะช่วยเราด้วย แบล์...ฉันขอให้เธอเต้นรำให้ดีที่สุดนะ เพราะว่าหลังจากเต้นเพลง come away with me เสร็จแล้ว ก็จะมีการคัดเลือกคู่ที่โดดเด่นที่สุดมาเต้นรำบนลานเจิดจ้าจรัสแสงกับพวกเรา ถ้าเธอได้รับเลือก แผนการของเราก็จะทำได้ง่ายขึ้น โชคดีล่ะ " เบลลาทริกซ์ตัดบทก่อนที่จะเดินเข้าไปในงานทางประตูอีกบานพร้อมกับอีกห้าคน

     

         " พร้อมมั้ย? " ฉันถามเจ้าสิ่งมีชีวิตเรืองแสง เจ้านั่นจึงพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่เราจะเข้าไปในงานแล้วมองหาพื้นที่ว่างสำหรับการเต้นรำ แต่ก็โชคไม่ดีนัก ที่ที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่ดีนัก เพราะว่าคู่ของวาซิเนียกับคาร์เวสโซก็ใช้พื้นที่เต้นรำบริเวณนั้นเหมือนกัน

     

         " ไง! แบล์คลีซา " วาซิเนียทักฉันด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่เป็นมิตร ฉันจึงได้แต่ยิ้มตอบไปตามมารยาท

     

         " ไม่คิดจะแนะนำคู่เต้นรำของเธอให้ฉันรู้จักหน่อยหรอ? " วาซิเนียว่า เพราะฉันไม่อยากจะยุ่งกับเธอ ฉันจึงไม่สนใจคำพูดของเธอ วาซิเนียจึงพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่เป็นมิตรว่า " หึ...หยิ่งนักนะ คิดว่าตัวเองดีนักหรือไง? เมื่อวานยัยดอลล่าร์อวดฉันใหญ่เลยนะว่าคู่เต้นรำของเธอน่ะเต้นรำเก่งมาก อยากรู้จังว่ามันจะจริงหรือเปล่า "

     

         " เดี๋ยวก็ได้เห็นเองแหละ " ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับนิสัยที่ชอบดูถูกคนอื่นของวาซิเนีย ฉันจึงตอบเธอไป

     

         " ดี...งั้นเรามาแข่งกันดีกว่ามั้ยว่าใครจะได้ไปเต้นรำบนลานเจิดจ้าจรัสแสงหลังจากจบเพลง come away with me "

     

         " ตกลง " ฉันตัดบทแล้วจึงหันไปมองที่ล็อกเกตของยูลิคด้วยความกังวล ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้ล็อกเกตนั่นไม่เรืองแสง ขอให้เป็นอย่างนี้ไปจนถึงงานเลี้ยงเลิก ต้องขอบคุณนิสัยที่ชอบดูถูกคนอื่นของวาซิเนียนะ ที่ทำให้ฉันมีความตั้งใจในการเต้นรำมากขึ้น

     

         " เรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงเต้นรำรุ่นครั้งที่หนึ่งร้อยสิบสามของโรงเรียนเชเรสโซโบดักซ์ฟาวล์ค่ะ โอกาสนี้ พวกท่านจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่แสนจะโรแมนติก เคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองของบทเพลงอันแสนหวาน และประทับใจในทุกท่วงท่าของการเต้นรำค่ะ " พิธีกรงานเลี้ยงเต้นรำเอ่ยขึ้น เธอคือเอนมิทริส เพื่อนร่วมห้องของเบลลาทริกซ์ ผู้ซึ่งชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่ว

     

         " ทุกท่านครับ ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม เราขอให้ทุกท่านมองไปที่ลานเจิดจ้าจรัสแสงซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงแห่งนี้ ซึ่งพื้นของลานแห่งนี้ถูกสร้างให้เป็นรูปดาวห้าแฉก ส่องแสงระยิบระยับตลอดทั้งคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ามองมากครับ แต่สิ่งที่น่ามองกว่านี้ก็คือบรรดานักเต้นรำเกียรติศักดิ์ทั้งห้าคู่ที่จะขึ้นมาเต้นรำบนลานแห่งนี้ในอีกสักครู่นี้นะครับ ขอเชิญพบกับพวกเขาได้เลยครับ " พิธีกรงานเลี้ยงเต้นรำอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขาคือโจนาธาน หนุ่มผมบลอนด์ เพื่อนร่วมห้องของเบลลาทริกซ์ สิ้นคำโจนาธานก็มีผู้ชายร่างสูงกับผู้หญิงร่างบางขึ้นมายืนประจำตำแหน่งบนลานเจิดจ้าจรัสแสง

     

         " คู่แรกนะคะ จะเป็นคู่ของอาชญากรหนุ่มอัจฉริยะ'ครีเนลล์' และสาวเปรี้ยวขาแดนซ์'แอมโบว์'ค่ะ "  พอเอนมิทริสพูดจบ ก็มีเสียงกรี๊ดดังไปทั่วทั้งห้องโถง เมื่อเสียงกรี๊ดเงียบลง ดรากเนสกับเบลลาทริกซ์ก็เดินออกมา

     

         " และคู่ที่สองนี้นะครับ จะเป็นคู่รักที่ใครหลายคนต่างก็อิจฉาในความฮอตของพวกเขา ดรากเนส และเบลลาทริกซ์ครับ " พอโจนาธานพูดจบ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับอดอล์ฟ และดีซีดอเรต้าได้เดินออกมา

     

         " คู่ที่สามนะคะ จะเป็นคู่ของเจ้าชายอีโรติก'อดอล์ฟ' และสาวมั่นไฮโซ'ดีซีดอเรต้า'ค่ะ " จากนั้นก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง ต่อมา...เรอัส และมอนสเตลล่าก็เดินออกมา

     

         " และคู่ที่สี่นี้นะครับ จะเป็นคู่เด็กเรียนครับ เรอัส และมอนสเตลล่านั่นเองครับ มาลุ้นกันนะครับว่า นอกจากพวกเขาจะเรียนเก่งแล้ว พวกเขายังจะเต้นรำเก่งอีกหรือเปล่า? " แน่นอนว่า เสียงกรี๊ดก็ยังคงตามมาหลังจากที่โจนาธานพูดจบ แต่คราวนี้เสียงกรี๊ดกลับดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฟาร์เวล และจีเฟียซน่าได้เดินออกมา และดีซีอเรต้าก็เป็นบ้าจนแทบจะกรี๊ดออกมา

     

         " และคู่สุดท้ายในค่ำคืนนี้ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานนี้เลยนะคะ เมื่อสาวฮอตผู้มีดีกรีความแรงเกินร้อยอย่างจีเฟียซน่าควงชายหนุ่มผู้สมบรูณ์แบบผู้มีดีกรีความฮอตอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างฟาร์เวลมาโชว์สเต็ปแดนซ์ขึ้นเทพให้เราได้เห็นกันในค่ำคืนนี้ "

     

         " รับรองว่ากลับบ้านไป ต้องนอนหลับฝันดีกันแน่นอนครับ " โจนาธานว่า

     

         " โจนาธานค่ะ คุณเห็นเหมือนกันหรือเปล่าคะว่าทั้งห้าคู่ได้ยืนประจำตำแหน่งของตัวเองเป็นรูปดาวห้าแฉกแล้ว แค่ทำไมยังเหลือพื้นที่ว่างไว้ตรงกลางลานอยู่ล่ะคะ? "

     

         " สงสัยเขาคงเหลือที่ไว้ให้เราไปเต้นมั้งครับ "

     

         " งั้นหรอคะ? "

     

         " ล้อเล่นครับ ถ้าพวกเขาเห็นเราเต้นคงจะฝันร้ายกันน่าดู " โจนาธานว่า " เอาล่ะครับ ผมกำลังจะบอกทุกท่านว่า ที่ว่างบนลานเจิดจ้าจรัสแสงแห่งนี้จะเป็นที่สำหรับคู่เต้นรำที่โดดเด่นที่สุดของงานในวันนี้ ซึ่งคู่นั้นจะเป็นผู้โชคดีที่จะมีโอกาสได้ขึ้นมาเต้นรำท่ามกลางความร้อนแรงของพวกเขาทั้งห้าคู่เมื่อเต้นเพลงcome away with meเสร็จ คุณก็อาจจะได้รับสิทธิ์นั้น ถ้าหากคุณทำดีพอ "

     

         " ตอนนี้สองทุ่มแล้วนะคะ เราต้องรีบเต้นรำให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน ก่อนที่เวทย์มนต์จะจางไป เอาล่ะคะ ขอเชิญทุกท่านพบกับนักร้องเกียรติศักดิ์ในค่ำคืนนี้...รีเวร่า! " สิ้นคำเอนมิทริส ทั้งโจนาธาน และเอนมิทริสก็ได้ลงจากเวทีไป แล้วเด็กสาวผู้มีผิวสีขาวซีดเจ้าของนามรีเวร่าก็ได้ถือไมโครโฟนเดินขึ้นมาบนเวที

     

         รีเวร่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเบลลาทริกซ์ เธอเป็นคนสวย เรียนเก่ง แต่เย็นชา ไม่สนใจโลกภายนอก ดังนั้น...จึงไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งกับเธอมากนัก

     

         พอดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น รีเวร่าก็สลัดคราบสาวเย็นชาออกแล้วสวมวิญญาณสาวนักรักทันที รีเวร่าโยกตัวไปตามจังหวะเพลง และทำอินโทรดักชั่นที่ประสานกับคีย์เพลงได้อย่างลงตัว

     

         เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น คู่เต้นรำทุกคู่ในงานจึงเริ่มที่จะขยับเท้า ฉันพยายามที่จะเคลื่อนไหวให้นุ่มนวล และพลิ้วไหวที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ถูกรบกวนให้เสียสมาธิจากวาซิเนีย เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันถูกทำให้เสียสมาธิแล้ว ฉันก็จะเต้นผิดจังหวะทันที

     

    Come away with me in the night 
    Come away with me 
    And I will write you a song 

    Come away with me on a bus 
    Come away where they can't tempt us 
    With their lies 

    I want to walk with you 
    On a cloudy day 
    In fields where the yellow grass grows knee-high 
    So won't you try to come 

    Come away with me and we'll kiss 
    On a mountaintop 
    Come away with me 
    And I'll never stop loving you 

    And I want to wake up with the rain 
    Falling on a tin roof 
    While I'm safe there in your arms 
    So all I ask is for you 
    To come away with me in the night 
    Come away with me

     

         เมื่อเพลงจบลง รีเวร่าก็ลงไปจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังเกรียวกราว เพราะการเต้นรำที่สมบรูณ์แบบของยูลิคทำให้ฉันสามารถที่จะเต้นรำได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาดได้จนถึงจบเพลง หวังว่า...การเต้นรำของพวกเราจะดีพอที่จะทำให้เราสามารถขึ้นไปยืนตรงจุดนั้นได้ และทันใดนั้น แสงไฟสุกใสสีเทาฟ้าก็ได้ส่องมาที่ใบหน้าของฉันกับยูลิค

     

         " หึ...ทักษะการเต้นของเธอก็แค่ธรรมดา แต่ที่เธอถูกเลือกก็เพราะคู่เต้นรำของเธอดีเกินไปต่างหาก " วาซิเนียพูดเหน็บแนมฉัน ซึ่งคำพูดของเธอก็ได้เรียกสติของฉันให้กลับคืนมา

     

         " เราทำได้! " ฉันร้องแล้วควงยูลิคขึ้นไปยืนตรงกลางลานเจิดจ้าจรัสแสง เบลลาทริกซ์ยิ้มให้ฉัน แล้วดรากเนสก็ส่งซิกส์ให้ฉันเป็นนัยน์ว่า 'เพลงต่อไปอย่าตั้งใจเต้นให้มากนัก ให้มองไปที่เป้าหมายให้ดี' ฉันจึงพยักหน้ารับเป็นนัยน์ว่า'ตกลง'

     

         เมื่อวาทการของวงออเครสตร้ายกมือขึ้นนับจังหวะ ผายมือออก แล้วโบกไม้บาตองขึ้นลงเป็นจังหวะ จากนั้น...เครื่องสายทั้งหมดก็เริ่มที่จะบรรเลงเพลง Jazz suite No.2 ของShostakovichขึ้น พวกเราทั้งหมดจึงเริ่มที่จะเต้นรำ

     

         มันเป็นเพลงที่มีการเต้นรำแบบเคลื่อนที่ไปมา ทำให้ฉันมีโอกาสที่จะได้เต้นรำอยู่ข้างคู่ของฟาร์เวลอยู่บ่อยครั้ง และมีโอกาสที่จะได้เห็นเขาอย่างชัดเจน ฉันพบว่า ฟาร์เวลเป็นคนที่มีเสน่ห์เหลือร้าย เป็นคนที่มีความสามารถสูง และบางที...เขาอาจจะเป็นคนรอบคอบที่ต้องระวังตัวดีเป็นพิเศษก็เป็นได้

     

         งานเลี้ยงเต้นรำรุ่นได้สิ้นสุดลงเมื่อเวลาสามทุ่ม แต่แผนการของพวกเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้น

     

         ดีซีดอเรต้าได้ทำการแยกฟาร์เวลออกจากจีเฟียซน่าโดยการพาจีเฟียซน่าออกไปคุยกันข้างนอกเป็นการส่วนตัว ส่วนเรอัส และมอนสเตลล่าก็ดูลาดเลาอยู่ในบริเวณงานเลี้ยง และพวกเราอีกห้าคนที่เหลือก็แอบสะกดรอยตามฟาร์เวลไปอย่างเงียบๆ

     

         ด้วยความมืดของบรรยากาศกลางคืน ทำให้เรามองเห็นร่างของฟาร์เวลได้ไม่ชัดเจน แม้ว่าฟาร์เวลจะเป็นคนที่มีออร่าจัดแค่ไหนก็ตาม และแผนการของพวกเราก็ได้เกิดความยุ่งยากขึ้น เมื่ออดอล์ฟบอกว่า เห็นฟาร์เวลเดินไปเข้าห้องน้ำ และดรากเนสบอกว่า เห็นฟาร์เวลเดินไปที่รถแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปตามหาฟาร์เวลตามจุดที่พวกเขาคิดว่าฟาร์เวลคงจะอยู่ที่นั่น ส่วนฉัน เบลลาทริกซ์ และยูลิคก็ช่วยกันตามหาฟาร์เวลอยู่ในบริเวณงานเลี้ยงต่อไป

     

    ( Adolph's part )

     

         ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษๆ ผมกำลังเดินเข้าในไปห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องโถงลากรานเดซซาเนโรว์เพื่อเข้าไปเอาคำตอบเรื่องกุญแจจากฟาร์เวล ผมว่าคนอย่างหมอนั่น เห็นนิ่งๆ แบบนั้นแต่ก็ลวงคนเก่งเหมือนกันนะ ขนาดเมื่อกี้ตอนที่พวกผมสะกดรอยตามมันไปก็ยังเห็นมันเดินอยู่ข้างหน้าอยู่เลย เผลอแปปเดียว หมอนั้นก็เดินกลับไปเข้าห้องน้ำแล้ว เอาล่ะ...ปฏิบัติการไล่ล่าหากุญแจได้เริ่มขึ้นแล้ว ณ. บัดนี้!!!

     

         แอด!!!

     

         ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู อ๊า~ โชคดีชะมัดที่หมอนั่นยังอยู่ เอาล่ะ...รอให้มันเก็บจูมุคุงเข้าไปในกางเกงของมันซะก่อนแล้วค่อยไปถามมัน ไอ้นี่...สะบัดจูมุคุงนานชะมัด คงจะอยากอวดสิท่า ขนาดของผมใหญ่กว่าของมันตั้งหลายเท่า ผมยังไม่คิดจะอวดเลย หึ...ไอ้นี่ เจอของกูซะก่อนแล้วมึงจะรู้สึก

     

         ในที่สุด...หมอนั่นก็เก็บจูมุคุงเข้าไปในกางเกงซักที สงสัยคงจะได้ยินผมพูด(ในใจ)สินะ จากนั้น...ผมจึงเดินเข้าไปรวมตัวมันไว้จากด้านหลัง แล้วพยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวที่สุดว่า

     

         " ฟาร์เวล ฉันรู้นะว่านายเกี่ยวข้องกับกุญแจดอกนั้น มันเป็นกุญแจเก่าๆ สีทองเหลือง ประทับตรารูปกางเขนมีปีกสีม่วงแดง เพียงแค่นายบอกฉันว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วฉันจะปล่อยนายไปโดยที่ฉันจะไม่ทำอะไรนายเลย "

     

         ...เงียบ...

     

         " เงียบทำไมวะ? ตอบฉันมาสิว่ากุญแจดอกนั้นอยู่ที่ไหน ฉันเอาจริงนะเว๊ย อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ "

     

         ...เงียบ...

     

         " อยากลองดีนักใช่มั้ย เอาสิ...เอาเลย จะได้รู้กันไปเลยว่าใครมันจะแน่กว่ากัน " ผมว่าพลางเลื่อนมือของตัวเองให้ต่ำลง เมื่อกี้ผมล็อคเอวของหมอนั่นไว้ ถ้าเลื่อนมือลงมาต่ำอีกหน่อยล่ะ ผมก็จะได้จับจูมุคุงของมัน ฮ่าฮ่า!!! ช่างเป็นโอกาสดีอะไรเช่นนี้

     

         อ๊า~ จูมุคุงของของหมอนั่นนุ่มชะมัดเลย! ผมเพิ่งรู้ว่าการเป็นดาราดัง นอกจากจะต้องดูแลรูปร่างหน้าตา บุคลิก และรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ยังจะต้องดูแลรักษาจูมุคุงเป็นพิเศษอีกด้วย โอ๊ว~ จูมุคุงของหมอนั่นช่างน่ารักน่าอมอะไรเช่นนี้!!! ว่าแล้วก็ลูบๆ คลำๆ จูมุคุงของหมอนั่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

     

         " ทำห่าไรของมึงเนี่ย ไอ้โรคจิต!?! " เสียงแหบห้าวของคนตรงหน้าดังขึ้น ผมจึงรีบปล่อยมือจากจูมุคุงของหมอนั่น แล้วรีบถอยหลังไปทันที (ถึงแม้ว่ายังอยากจะจับต่อก็ตาม)

     

         " อ้าว...มึงไม่ใช่ฟาร์เวลหรอวะ? " ผมรีบร้องถามคนตรงหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าผมหน้าแตกเสียแล้ว

     

         " ไม่ใช่เว๊ย มึงพูดถึงเรื่องกุญแจห่าไรวะ กูไม่รู้เรื่อง แล้วมาจับจวยกูหาเหี้ยไรเนี่ย? " พอไอ้ห่านั่นพูดจบ มันก็หันหน้ามาทันที วินาทีนั้นผมจึงรู้ทันทีว่า ไอ้หน้าเถื่อนนี่ไม่ใช่ฟาร์เวล แต่เป็นสติงเวลล์ เจ้าพ่อแบล็กลีสท์อันดับสามของโรงเรียนแห่งห้องเดอะ เดวิล คลาส ถ้าใครไปหาเรื่องไอ้ห่านี่ก่อน มันก็จะไม่ปล่อยให้คนคนนั้นมีชีวิตอีกต่อไป

     

         ซวยอะไรอย่างนี้วะกู ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันไม่ใช่ฟาร์เวล ก็แม่งเล่นไว้ทรงผมทรงเดียวกัน ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน แถมท่าทางการเดินก็ยังเหมือนกันอีก จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ยังไงล่ะ

     

         " ขอโทษว่ะสติงเวลล์ พอดีว่ากูเข้าใจผิดนิดหน่อย อ่ะ...กูให้จับคืนเลยก็ได้ " ผมว่าแล้วยื่นลูกชายสุดที่รักสุดสวาทโคตรพ่อโคตรแม่ใหญ่ไปให้มันจับ แต่เหี้ยนี่มันไม่ยอมจับ มัวแต่ยืนอ้าปากค้างอยู่นั่นแหละ สงสัยเกิดมามันคงไม่เคยเห็นของใครใหญ่เท่านี้มาก่อนละมั้ง

     

         " กูไม่ยอมลดตัวไปจับของมึงหรอกเว๊ย " ไอ่ห่าสติงเวลล์ตะคอก มันคงแค้นผมน่าดู ฮ่าฮ่า! สะใจฉิบหายเลยว่ะ

     

         " ทำไม ของกูใหญ่นะ " ผมว่า แล้วมันก็เงียบ " เอ่อ...ไม่จับก็ตามใจ มึงก็ยกโทษให้กูซะนะ "

     

         " ไม่เว๊ย มึงต้องให้กูฆ่ามึงก่อน " มันว่าแล้วมองผมตาขวาง ผมจึงยิ้มบางๆ ที่มุมปากก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

     

         " เฮ้ย! เพื่อน กูว่ามึงดื่มหนักไปหน่อยว่ะ พักผ่อนบ้างก็ดีนะ " ผมว่าแล้วใช้ตีนถีบหน้าไอ้ห่านั่นจนมันสลบตีน ก่อนที่จะล้มลงไปนอนกับพื้นอย่างน่าสมเพชร  แล้วผมก็รีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันที

     

         แค่ออกแรงเพียงนิดเดียวก็ทำให้ไอ้ห่าสติงเวลล์สลบได้ เป็นเพราะว่าในช่วงตอนกลางคืนผมจะมีพลังมากเป็นพิเศษน่ะสิ นี่ผมไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุจริงๆ นะ ก็ใครใช้ให้มันทำให้ผมเสียเวลาก่อนล่ะ

     

    ( End  Adolph's Part )

     

     

    ( Darkness's Part )

     

         ผมใช้สายตาจับจ้องไปที่รถยุโรปสีดำคันใหญ่ของเป้าหมาย และรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อวิ่งตามรถคันนั้นให้ทัน

     

         ผมรวบรวมความกล้า และความบ้าทั้งหมดในการวิ่งตามรถคันนั้นอยู่บนถนนกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมกำลังจะประสบความสำเร็จแล้วเมื่อเห็นว่าเป้าหมายกำลังนั่งอยู่ในรถคันนั้นจริงๆ

     

         และดูเหมือนว่าข้อบกพร่องของผมจะเป็นอุปสรรคสำหรับแผนการในคืนนี้ เมื่อรถคันที่ขับอยู่ในเลนข้างๆ ได้ชักไฟรถขึ้น ทำให้ผมแสบตาเป็นอย่างมากเนื่องจากอาการแพ้แสงแดด และเป็นเพราะว่าผมเป็นพวกผู้ใช้พลังมืด จึงทำให้ผมไม่มีภูมิต้านทานในเรื่องแสงสว่างเลย

     

         ขณะที่แสงไฟจากรถคันนั้นได้ส่องเข้ามาที่ร่างผม ผมจึงได้แต่หรี่ตาลงเพื่อไม่ให้เกิดการแสบตามากจนเกินไป เมื่อรถคันนั้นขับผ่านไปแล้ว ผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ถนนแล้วพบว่ารถของเป้าหมายได้หายไปแล้ว

     

         เฮ้อ~ ผมคงพลาดแล้วจริงๆ

     

    ( End  Darkness's Part )

     

         ในที่สุด...แผนการของพวกเราในคืนนี้ก็ได้เสร็จสิ้นลง พวกเราทั้งหมดได้รับแต่ความล้มเหลวเมื่อยังไม่มีใครเข้าหาตัวฟาร์เวลได้เลย เอาล่ะ...พรุ่งนี้พวกเราจะวางแผนกันใหม่ หวังว่า...พวกเราคงจะทำสำเร็จนะ

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×