ศึกแรกของลีโอ - ศึกแรกของลีโอ นิยาย ศึกแรกของลีโอ : Dek-D.com - Writer

    ศึกแรกของลีโอ

    ผมชื่อลีโอ และนี่คือศึกแรกของผมครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    19

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    19

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 68 / 10:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    กิจกรรมรถแห่ชวนเขียน Vol.5

    สงคราม : break the fourth wall : ตัวเอกเป็นหมา


    ผมเพิ่งเปิดฉากแรกของสงครามชิงดินแดนมาหมาด ๆ แน่นอนว่าผลของมันคือชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยพละกำลัง คมเขี้ยว และเสียงตะโกนส่งแรงใจของหญิงสาวผู้หลงรักผมหัวปักหัวปำ แม้จะฟาดไม้ในมือลงมาเพื่อเป็นรางวัลหลังจากนั้นก็เถอะ

    “ลีโอ! เข้าบ้าน!!!”

    ครับ! ผมชื่อ ลีโอ แม้บางครั้งจะถูกเรียกด้วยชื่ออื่นอย่าง ‘โลอี’ หรือ ‘ลีโอตูดบอย’ แต่ยังไงซะผมก็คือผม ผู้ผ่านพ้นวันเกิดครบรอบสองปีได้สองเดือนก็อยากประกาศตัวว่าข้านี้แน่ที่สุดในย่าน

    ยกเว้นคนในบ้านนะ

    ผมก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ในวันที่ความสูญเสียเพิ่งจางหายได้ไม่นานนัก ทุกคนจึงพร้อมเปิดใจรักและดูแลผมเป็นอย่างดี

    มีความสุข

    ‘แม่’ คือผู้เป็นใหญ่ หญิงสูงวัยหกสิบกว่าซึ่งอุ้มผมเข้ามาสู่สถานที่แสนอบอุ่นแห่งนี้ มีหน้าที่คอยตวาดและดูแลเวลา ‘พวกผม’ บาดเจ็บ แม่ใส่ใจมักจะสำรวจความเป็นอยู่หาหยูกยามาทาถูแม้จะเจอแค่รอยข่วนเล็กน้อยก็เหอะ

    “ลีโอมากินข้าว…‘ตัวเอง’...ลีโอหิวแล้ว”

    ‘พ่อ’ หรือที่แม่ชอบเรียกว่า ‘ตัวเอง’ บุรุษคนที่สองผู้มีอำนาจรองลงมา แต่บางครั้งก็ไต่อันดับขึ้นไปได้เหมือนกัน แค่บางครั้งนะเพราะก็เห็นยอมให้แม่ตลอด พ่อมีหน้าที่สรรหาของอร่อยมาให้ แค่ผมทำหน้าอ้อนหรือกระโดดขึ้นไปนั่งรอบนแท่นแดง แม่ก็ตะโกนเรียกแล้ว

    ‘ตัวเอง…ลีโอหิวข้าว’

    ประมาณนี้

    ‘พี่สาว’ คือคนที่หลงรักผมหัวปักหัวปำตามคำกล่าวข้างต้น ตื่นนอนมาก็มักจะวิ่งเข้าหา คอยลูบไล้เอาใจตั้งแต่หัวจนถึงหางแต่ไม่ยอมให้กระโดดกอดเพราะบ่นตลอดว่าผมหนักเกินไป

    ‘มันหนักนะลีโอ!’

    ประมาณนี้

    ‘พี่ชาย’ คือคนที่ผมชอบมากแต่ไม่ค่อยได้ออกมาเล่นด้วยเพราะพี่ป่วย ไอหนัก จนผมต้องชะเง้อหาทุกวันด้วยความคิดถึงขอแค่ได้เห็นหน้าก็พอใจ สมัยยังเด็กผมตัวกระเปี๊ยกเดียว พี่ชายมักจะตื่นมาทุกชั่วโมงคอยอุ้มผมไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่ตีหนึ่งถึงตีสามโดยไม่บ่นเลยสักคำ

    พี่ชายใจดี

    ‘ว่าไงครับ…พี่ลีโอ…’

    ประมาณนี้

    ‘แม่ของพี่ชาย’ คืออีกคนที่ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนักแต่ผมก็ชอบกระโดดเข้าไปทักทายอยู่เสมอถ้าหาโอกาสได้น่ะนะ

    ‘ลีโอ! เข้ามาทำไมเนี่ย’

    ประมาณนี้

    ผมโตแล้ว ผมเป็นพี่แล้ว

    นั่นคือคำที่ทุกคนมักจะบอกกรอกใส่หูอยู่เสมอ เพราะผมมีน้องน้อยอีกสามชีวิตต้องดูแลซึ่งก็คือลูกของสาวที่ผมหลงรักมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอชื่อ ‘น้ำหวาน’ แต่ทุกคนชอบเรียกว่า ‘หวานหวาน’ นั่นผมก็ชอบนะ จะชื่ออะไรผมก็ชอบหมด

    ผมเกิดไม่ทันแต่ก็เคยได้ยินทุกคนคุยกันถึงความเป็นมาว่าหวานมีแม่ชื่อ ‘น้ำตาล’ ที่มักจะถูกเจ้าของทุบตีไม่เว้นวัน ทุกคนในบ้านต่างสงสารจับใจแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากแอบหย่อนข้าวให้กินถ้าฝ่ายนั้นเผลอ กระทั่งวันที่น้ำตาลตั้งท้องจึงได้รับอนุญาตให้ออกจากกรงขังมาหาเลี้ยงปากท้องเอาเองตามแต่ชะตากรรม

    พ่อกับแม่มักจะให้ข้าวให้น้ำเสมอไม่เคยขาด จนถึงวันที่เจ้าของเดิมมาพาตัวน้ำตาลหายออกจากชีวิตของทุกคน โดยทิ้งแค่น้ำหวานที่ยังเหลือรอดไว้ต่างหน้า

    น้ำหวานไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านแม้ว่าแม่จะพยายามเปิดประตูรั้วต้อนรับหลายครั้ง เธอหลงใหลในอิสระมากไปแต่นั่นก็ยังเป็นเธอที่ผมรักอยู่ดี

    เราจึงโตมาด้วยกันแบบที่ผมอยู่ด้านในเฝ้ามองเธออยู่นอกรั้ว ผมจะไม่ยอมกินข้าวเลยถ้ายังไม่เห็นกับตาว่าเธอได้กินแล้ว พ่อต้องให้เธอก่อนเท่านั้นถ้าไม่อยากถูกแม่บ่น

    ช่วงที่ผมยังเด็กกว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ พ่อมักจะชวนออกไปเดินทุกเช้าหรือตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมจะได้วิ่งเล่นสนุกสนานกับเธอเสมอ

    มีความสุขมาก

    จนวันที่เธอเจอกับ ‘ยูโร’ เจ้าถิ่นบนถนนสายนี้ที่มีลำตัวสีขาวสะอาด ชอบเดินนวยนาดผ่านหน้าบ้านเสมอ มันพิชิตศึกใหญ่และได้รับชัยชนะทุกครั้ง ไม่ว่าจะตัวต่อตัวหรือกระทั่งสามต่อหนึ่งมันก็ไม่หวั่น จนกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งซอย

    แน่ล่ะว่าเธอไม่ได้เต็มใจ

    ผมเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้เลย แม่เองก็เริ่มกังวลเพราะยังไม่ถึงกำหนดพาผมกับน้ำหวานไป ‘หาหมอ’ จึงกลัวว่าเธอจะตั้งท้องซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงในอีกไม่นาน

    น้ำหวานกลายเป็นคุณแม่ลูกเก้าแม้จะเหลือรอดมาได้แค่สาม แม่เต็มใจรับน้องน้อยเข้าบ้านทันทีโดยไม่ลังเล ผมเลยกลายเป็นพี่ชายนับตั้งแต่นั้น น้อง ๆ มีผิวสีเดียวกับน้ำหวานคือสีส้ม

    มีความสุขมาก

    พอเวลาผ่านแม่ก็พาผมกับน้ำหวานไป ‘หาหมอ’ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

    น้องหนึ่งมีชื่อว่า ‘ไลอ้อน’ เธอได้เชื้อปู่มาเยอะกว่าใคร ‘อเมริกันบูลลี่’ ตัวเล็กกว่าน้องทั้งสอง ขาสั้นแต่ล่ำจนแม่ตั้งชื่อเล่นให้ว่า “ล่ำบึก” นิสัยของไลอ้อนคือชอบแหย่ให้พวกเราโมโหแล้วหันไปรุมงับก่อนจะวิ่งกลับเข้าบ้านไปฟ้องพ่อ แน่นอนว่าพวกเราที่เหลือก็โดนดุไปตามระเบียบ กระทั่งผมหาหนทางจัดการกับเธอได้นั่นคือต้องทำทุกอย่างให้ไวและเงียบเชียบ ไลอ้อนจะมีความสุขมากถ้าได้นอนขาชี้ฟ้าซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

    น้องสองมีชื่อว่า ‘สโนว์ไวท์’ ชื่อนี้พี่ชายเป็นคนตั้งให้เพราะตอนเกิดมีสีขาวแต้มช่วงอกกว่าใครเพื่อน แถมยังสวยกว่าด้วย แม้จะมีโลกส่วนตัวสูงจนเรียกขานกันว่า ‘คุณนาย’ ก็ตาม เธอมีนิสัยกล้าหาญ มักจะปรี่เข้าไปตามล่าสัตว์ร้ายที่ย่างกรายเข้าบ้านคนเดียวบ่อย ๆ ผมคิดว่าเธอกล้ากว่าผมมากในเรื่องนี้

    ‘ชีร์ต้า’ น้องสาวสุดท้ายผู้ชอบเลียนแบบทุกการกระทำของผมราวฝาแฝด เธอสูงใหญ่ คิดว่าอีกหน่อยก็สูงกว่าผมแล้วล่ะ ความสามารถพิเศษคือชอบเก็บจานข้าวเอาไปแลกอาหารอีกรอบ บางครั้งก็เข้าสวนเก็บสมุนไพรไปฝากพ่อกับแม่ด้วย

    “แม่…ชีร์ต้าคาบชามมาแลกข้าวแล้ว”

    ประมาณนี้

    ทุกวันของผมช่างสุขสันต์

    “ลีโอเป็นพี่แล้วนะ ช่วยแม่ดูแลน้องด้วยนะลูก”

    ครับแม่!

    แต่วันนี้บ้านแสนสุขของผมกำลังจะเปลี่ยนไปเพราะเจ้าพวกนั้นด้านนอกเพิ่งล่วงล้ำมากางอาณาเขตถึงประตูรั้ว วินาทีที่พวกมันยกขา สายตาจับจ้องใบหน้าด้วยความเย้ยหยัน ผมก็รู้ได้เดี๋ยวนั้นเลยว่าพวกมันสมควรโดน

    ผมไม่ปล่อยไว้แน่

    นับตั้งแต่วันนั้นผมก็กดเก็บความต้องการแรงกล้าเอาไว้ คอยจับจ้องมองเวลาพวกมันวิ่งผ่าน ผมทั้งตะโกนด่าและท้าทายแต่มันก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

    แต่แล้ววันที่รอคอยก็มาถึงเมื่อพี่ชายกำลังจะออกนอกบ้านและพี่สาวชะล่าใจปิดประตูไม่ทันฝีเท้าว่องไวของผม ทันทีที่ลอดผ่านรั้วสู่อิสรภาพ แม้เสียงตะโกนเรียกดังตามหลังมาแต่แน่ล่ะว่าผมไม่สนใจ คุณคงรู้นะว่าจุดหมายปลายทางของการจ้ำไม่คิดนี้จะไปจบที่ใด

    ใช่ครับ! หน้าบ้านหลังสุดท้าย...ท้ายซอยนั่นเอง

    อ้อ! ลืมบอกว่าบ้านผมอยู่หลังที่สองนะ คุณก็นับเพิ่มอีกสามหลังแล้วกันถ้าอยากรู้ว่าศัตรูผมอยู่หลังที่เท่าไหร่ ซอยของเรามีบ้านไม่เยอะแต่อาณาบริเวณบ้านก็กว้างตั้งห่างกันเหลือเกินกว่าจะวิ่งถึงก็แอบเหนื่อยแล้ว

    น้ำหวานวิ่งตามส่งกำลังใจ เธอฉีกยิ้มให้ราวอยากเห็นผมได้ชัยมากกว่าพ่ายแพ้ แน่ล่ะว่าผมจะไม่ยอมให้เธอผิดหวังแน่

    ยูโรอยู่ตรงนั้น มันกำลังยืนรอด้วยความจองหองคงเพราะรู้ว่าเจ้าของจะต้องคว้าไม้มาช่วยสู้ถ้าเห็นว่าฝ่ายตัวเองเพลี่ยงพล้ำ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมหวาดกลัว ผมยังคงวิ่งเข้าใส่จนสามารกระโจนถึงตัวได้ในที่สุด

    มันยกมือปัดป้องและหมายจะทำร้ายแต่ผมว่องไวกว่ารีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ก่อนจะอ้าปากอยากส่งผ่านทุกความเคืองแค้นลงบนเรือนร่างสีขาวสะท้อนแดดที่แม้ไม่เคยอาบน้ำแต่ก็ยังเงาวับจนน่าอิจฉา

    ผมทำสำเร็จถ้าไม่นับอีกสองครั้งที่ล้มเหลวจนได้แผล แน่นอนว่าเจ้าของยูโรรีบวิ่งโร่เข้าใส่พร้อมไม้ท่อนเบ้อเร่อในมือ คงนึกหวั่นใจว่าลูกชายของตนจะปราชัย ต้องนอนเน่าใต้ฝ่าเท้าผมเป็นแน่

    เขาพยายามช่วยสู้ แล้วผมจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อต้าน ลำพังแค่แรงโถมมหาศาลของศัตรูก็เต็มกลืน แต่เสียงสวรรค์จากทิศทางที่ผมเพิ่งวิ่งผ่านก็ดังลั่นซอย ปลุกไฟในหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง

    “ลีโอ!!!”

    ผมเหลือบมองเห็นพี่สาวถือไม้วิ่งเข้าสู่สนามรบด้วยความห่วงใย ผมต้องฮึดสู้เพราะรู้ว่าถ้าพ่ายผู้เป็นที่รักจะได้รับอันตรายไปด้วย ยูโรคงฝังคมแค้นลงบนต้นแขนหรือท่อนขาของพี่สาวเป็นแน่

    ยอมไม่ได้เด็ดขาด

    เราสู้กันอีกครั้งอย่างสูสีแม้อายุของยูโรจะแก่กว่าจนเรี่ยวแรงเริ่มหดหาย มันไม่ได้แคล่วคล่องว่องไวเหมือนก่อนแล้ว แต่คงต้องยอมรับเลยว่าประสบการณ์ช่วยได้เยอะเพราะมันยังเก่งเอาเรื่อง ในขณะที่…นี่คือศึกแรกของผม ชั้นเชิงก็ยังไม่มาก ฟันก็ไม่ค่อยคมเพราะผมชอบกัดแทะสิ่งที่ไม่ควรอยู่เรื่อย

    “แม่! ลีโอเคี้ยวก้อนหิน”

    “แม่! ลีโอกัดเหล็กอีกแล้ว”

    ประมาณนั้น

    ผมอาศัยแค่เพียงแรงใจเข้าว่า นั่นเพราะผมเป็นพี่ใหญ่จึงจำต้องปกป้องคนในบ้านและเหล่าน้อง ๆ เอาไว้จากคมเขี้ยวที่หมายขย้ำหรือสายตาแทะโลมเหล่านั้น แม้พ่อกับแม่จะพาน้อง ๆ ไป ‘หาหมอ’ ครบกันแล้วก็ตาม

    ผมจำต้องสู้ครับ และแน่นอนว่า

    ผมชนะ!!!


    คุณรู้มั้ยว่าผมมียี่สิบนิ้วด้วยนะ 

    แถมที่ก้นของผมมันยังขดกันเป็นวงทั้งสองข้างเลยด้วย 

    ขอได้รับคำขอบคุณจากผม...ลีโอตูดบอยนะครับ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×