พระเอก - พระเอก นิยาย พระเอก : Dek-D.com - Writer

    พระเอก

    อดีต...สู่...ปัจจุบัน ...ย้อนกลับไปยังอนาคต...ของเขา ผู้เคยเป็นพระเอก

    ผู้เข้าชมรวม

    269

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    269

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 51 / 10:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      พระเอก

       

      พื้นห้องขังเย็นเยียบนาบกับกางเกงนักโทษบางๆ ของบุญชิต หากเป็นคนปกติทั่วไปคงรีบลุกไปหาที่นอนอุ่นๆ ซุกกายไปนานแล้ว หากแต่ชายหนุ่มวัยกลางคนยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ความรู้สึกส่วนต่างๆถดถอย จากปลายมือเท้าเข้ามาเรื่อยๆ จากที่รู้สึกรู้สา ก็กลับว่างเปล่า

      และด้วยอาการดังนี้ บุญชิตจึงไม่เดือดร้อนกับพื้นที่ชื้นเย็นนั่นเท่าไรนัก

      น่าแปลก...ในขณะที่ความว่างเปล่านั้นคืบคลานเข้าสู่หัวใจ ความรู้สึกของชายผู้ซีดเซียวคนนี้ กลับเห็นภาพอดีตผุดออกมาเหมือนไม้กระดานที่ปูพื้นถูกรื้อขึ้นทีละแผ่นๆ

      เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ภายใน อดีตเมื่อครั้งเขาเคยเป็นนักแสดงนำผู้มีชื่อเสียง ผู้เดินอย่างสง่าผ่าเผยใต้แสงตะวันนอกกรงขัง

      เป็นพระเอกของใครต่อใคร

       

       

                      เด็กน้อยมองบุรุษชุดแดงในทีวีตาเป็นประกาย

                      ในสายตาของผู้ใหญ่ บุญชิตคนนั้นก็เพียงนักแสดงละครฮีโร่ทั่วไป แต่กับเด็กๆ แล้วเขาคือวีรบุรุษในดวงใจ โดยเฉพาะกับ ดช.คมเดช แล้ว คำว่าแฟนพันธ์แท้ยังน้อยไปสำหรับเขา

                      วันนี้ ก็เหมือนเคย

                      เด็กชายผมชี้ นั่งตาแป๋ว ปากเคี้ยวขนมในมือตุ้ยๆ นึกแปลกใจ เนื้อหาของวันนี้ดูแปลกกว่าที่ผ่านๆมา ตัวเอกซึ่งเป็นผู้ผดุงความ ยุติธรรม พลั้งมือทำร้ายคนทั่วไปจนบาดเจ็บในระหว่างการต่อสู้กับตัวร้าย แม้ไม่ใช่ความผิดโดยเจตนา และที่สำคัญไม่มีใครรู้เห็นว่าเขาเป็นผู้กระทำ แต่ในตอนท้าย เขากลับแสดงตัวออกมายอมรับผิดชอบ ซึ่งนั่นทำให้คนที่ไม่เข้าใจบางคนด่าทอเขาอย่างรุนแรง

       

                      แน่นอนว่าพระเอกของเราหาได้ตอบโต้ไม่

       

                      คมเดชสะเทือนอารมณ์จนกินขนมในมือต่อไปอีกไม่ไหว เด็กชายผลุนผลันวิ่งไปหาแม่ซึ่งกำลังทำอาหารอยู่หลังบ้าน

                      แม่ครับ... เดชขอโทษ

                      ขอโทษแม่ เรื่องอะไร

                      เดชขโมยเงินแม่ไปซื้อขนมมากินครับ...เดชขอโทษ    

                      ความรู้สึกตอนนั้น กะว่าโดนแม่ด่าระเบิดแน่ ฟีลลิ่งเหมือนในหนังเป๊ะ แต่แม่กลับลูบหัวเบาๆ ชื่นชมที่เขาสารภาพผิด

                      แต่เดชต้องช่วยงานแม่ ชดเชยเงินที่เอาไปใช้ตกลงนะ

                      เด็กน้อยพยักหน้า

       

                      เอาวะ โดนลงโทษหน่อยนึงก็ยังดี...

       

       

      คมเดชในชุดสีกากีเข้มมองเหม่อ ผ่านที่ปัดน้ำฝนที่โยกเยกแข่งกับสายฝนกระหน่ำภายนอก

      ชายหนุ่มเพิ่งเข้าทำงานเป็นตำรวจได้เพียงครึ่งปี แม้ของจริงจะไม่เหมือนที่คิดไว้ทุกอย่าง แต่เขาก็คิดว่าพอยอมรับได้  เพราะอย่างน้อยก็ได้ทำงานอย่างตอนเด็กๆเคยฝันไว้

      ทว่า... บททดสอบแรกของความเที่ยงธรรมมาถึงเร็วกว่าที่คิด ตำรวจหนุ่มไม่คิดเลยว่า การต้องจับกุมตัวคนที่คุ้นเคยกันมาก่อนนั้น สร้างความลำบากใจเพียงไร

      มองไปข้างตัว ผู้ต้องหานั่งนิ่งคล้ายหลับใหลสู่ภวังค์ลึก เหมือนไม่แยแสความเย็นของโลหะที่ล๊อกข้อมือทั้งสองไว้

      ใจหนึ่งคิดว่านี่คงเป็นเพียงบททดสอบขั้นแรกเท่านั้น หากผ่านมันไปไม่ได้  คงไม่อาจทำอาชีพนี้ต่อไปได้แน่ อีกใจหนึ่งคิดอยากทำอะไรห่ามๆ ออกไป โดยแสร้งทำเป็นลืมว่าผลกระทบนั้นจะรุนแรงแค่ไหน

      อย่างเช่น...ถ้าเขา ทำเป็นว่ารถเกิดอุบัติเหตุ ชนต้นไม้ แล้วผู้ต้องหาอาศัยจังหวะนั้นหลบหนี??

       

      คมเดชถอนหายใจในความคิดบ้าบอ ของตัวเอง เหลือบมองตุ๊กตาพลาสติกของฮีโร่ชุดแดงซีดยังคงแกว่งในรถ นึกสงสัยตัวเองว่ามาถึงจุดนี้ได้ เพราะไอ้ตัวนี้หรือเปล่าหนอ

      ภาพเด็กน้อยเล่นต่อสู้กับเพื่อนๆยังแจ่มชัดในความทรงจำ ทั้งๆที่ชอบตัวเอกขนาดนั้น แต่เมื่ออยู่กับเพื่อนๆ ด.ช.คมเดชไม่เคยได้เล่นเป็นพระเอกเลย

      นึกๆดูก็น่าขำ ที่เขาไม่อาจเลือกบทบาทของตัวเองได้ในตอนนั้น บางครั้ง ในสังคมหรือ ท่ามกลางคนหลายจำพวก มนุษย์ก็ไม่อาจเลือกได้อย่างใจ แต่ครั้งนี้ ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป

       

      ภาพตนเองในอดีตทำให้คมเดชรู้สึกมุ่งมั่นและแน่วแน่มากขึ้น ไม่ลังเลอีกต่อไป

       

      เหลือบมองชายที่นั่งข้างๆอีกครั้ง เหมือนเขาจะได้สติกลับมาอีกครา อดสะท้อนใจไม่ได้ เมื่อคนที่เขาเคยถือเป็นแบบอย่างกลับต้องกลายเป็นฝ่ายผู้ร้ายเสียเอง

       

       

      ...จากสัมผัส... เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในรถ

      สลึมสลือลืมตา ภาพพร่ามัวที่ปรากฏขึ้นเป็นวัตถุสีแดงแกว่งไกว เพ่งมองดูดีๆ นั่นมันตัวเขาเองที่แขวนอยู่ตรงนั้น

       

      ตัวเขาในอดีต...

       

      บุญชิตพยายามเรียกสติกลับมาเต็มที่ เจ็บแปลบที่ต้นคอแต่ฝืนมองมองไปทางคนขับ ใจเต้นรัวแล้ววูบหล่นลงท้องน้อย ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งกำลังขับรถ พอรู้ตัวว่าถูกจ้องชายในชุดสีกากีก็หันมายิ้มให้เล็กน้อย

      อยู่บนรถตำรวจ? ทั้งๆที่เมื่อสักครู่เขาน่าจะหลุดพ้นจากโลกนี้ไปแล้ว?

      "ทำไมผมไม่ตาย..."

      "มีคนแจ้งว่าพี่นอนสลบอยู่ตรงกองขยะ เลยกะว่าจะพาส่งโรงบาล...แต่ดูเหมือนพี่จะไม่เป็นไรมาก"

      บุญชิตเริ่มรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดกลับมา ความเจ็บแปลบคืบคลานไปทั่วเมื่อเขาเริ่มขยับตัว ชายผู้รอดตายเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกล๊อกมือแน่นหนา ดูเหมือนว่าความตายจะยังไม่สมกับความผิดที่เขาทำ โชคชะตาจึงส่งเขามาสู่มือตำรวจอย่างน่าขัน

      "ถ้ายังแย่ๆตรงไหนบอกผมได้นะ จะได้ไปทางโรงบาลก่อน"

      บุญชิตรู้สึกมืดมนอย่างบอกไม่ถูก มองวูบหนึ่งที่พวงมาลัย แล้วกวาดสายตาไปข้างนอก

      ฝนตกหนัก ถนนเปลี่ยวแบบนี้ แค่กระชากพวกมาลัยลงข้างทาง เขาอาจหนีรอดได้ อย่างแย่ที่สุด ก็ตายก่อนถูกจองจำ ...หรือนั่นอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าหนีก็เป็นได้

      ทดลองขยับแขนดู  เมื่อพบว่าเคลื่อนไหวได้ปกติดี ...เขาก็เริ่มเกร็งมือ...

       

      "พี่มีโอกาสหนี แต่ พี่ก็ไม่หนี..?"

       

      บุญชิตสะดุ้งแทบตัวลอย

      "นั่นคือตอนที่ 49ซึ่งเป็นตอนที่ผมชอบที่สุด ...รู้มั้ย...ผมเป็นแฟนหนังของพี่มาตั้งแต่เด็ก หนังที่พี่เล่นทำให้ผมได้มาเป็นตำรวจอย่างทุกวันนี้"

      ตำรวจหนุ่มพูดเรื่อยๆราวกับเป็นคนรู้จักกับเขามานาน ชายหนุ่มผู้รอดตายนั่งอึ้ง แค่นตอบแผ่วเบา

      "มันก็แค่อดีต จริงๆผมก็แค่นักแสดงตกอับคนหนึ่ง"

      "เมื่อโตขึ้นหน่อยผมก็ควรคิดอย่างนั้น แต่พอผมรู้ว่าพี่เป็นคนเขียนบทเองด้วย ผมก็ลืมความประทับใจตอนเด็กๆไม่ลง"

      "แล้วตอนนี้ล่ะ..."

      ชายเครื่องแบบเงียบไปครู่หนึ่ง

      "พี่อาจเปลี่ยนไปมากกว่าที่ผมคิดก็จริง แต่มันไม่สำคัญหรอก"

      "ทั้งๆที่..."

      "คนเราผิดพลาดกันได้ ...แต่จะยอมรับมันหรือเปล่าเท่านั้น พี่เป็นคนสอนเรื่องนี้ให้ผมไม่ใช่หรือ"

      อดีตนักแสดงหนุ่มนิ่ง ตำรวจนี่มันบ้าแน่ๆ แต่น่าขันยิ่งนัก ดูเหมือนคนที่ทำให้มันบ้าจะเป็นเขาเอง

      ความบังเอิญอาจส่งมันมาให้เขาเป็นของขวัญก่อนเข้าคุกล่ะกระมัง

       

      "ผมน่ะ อยากเลียนแบบพี่หลายอย่างนะ แต่ยังไงก็ทำไม่ได้จริงๆ อย่างตอนเด็กๆ พอผมดูตอนที่ 49จบ

      ผมรีบวิ่งไปสารภาพกับแม่เลย ว่าผมขโมยเอาตังค์ท่านไปซื้อขนมกินเล่น "

      "คุณก็ทำสำเร็จแล้วนี่"

      คู่สนทนาสั่นหน้า

      " จริงๆผมไม่ได้ขโมยหรอกครับ ป่านนี้แล้วผมยังไม่ได้บอกแม่เลยว่าโกหกท่านเรื่องนั้น "

      ตำรวจหนุ่มหันมานยิ้มเศร้าๆกับเขา

      " พอทำผิดจริงๆแล้ว การยอมรับมันยากกว่าที่คิด "

      อดีตตัวเอกหนังแปลงร่าง พูดอะไรไม่ออก

      ที่กระจกมองหลัง... ฮีโร่ในชุดแดงแกว่งไกวอยู่ตรงนั้นราวกับสิ่งลี้ลับกำลังเยาะเย้ยในความตกต่ำของเขา...

      ความบังเอิญส่งหมอนี่มาทำไมหนอ เพื่อให้เขายืดอกยอมรับ และชดเชยความผิดงั้นหรือ

      เรื่องแต่งที่เขาเคยเขียนบทให้ตัวเองเล่น ย้อนกลับมาสอนตัวเองอย่างเจ็บแสบทีเดียว

       

      ...เขาตัดสินใจได้แล้ว...

       

      บุญชิตเอนกายลงพิงเบาะ หลับตา ราวกับพร้อมรับทุกสิ่งทีเกิดขึ้นหลังจากนั้น 

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×