Path To NeverLand - บันทึกลับหนทางสู่เนเวอร์แลนด์ [รับสมัครจากตัวละคร]
ท้องฟ้ามืดครึ้ม จันทราโลหิตเปล่งแสงสว่างบนน่านฟ้า พวกเขาคือเหล่า 'ผู้ฝันหา' บุคคลผู้ค้นหาเส้นทางสู่เนเวอร์แลนด์ เรื่องราวนี้คือบันทึกลับในห้วงลึก ถึงเส้นทางการไปสู่นครจินตนา เนเวอร์แลนด์..
ผู้เข้าชมรวม
188
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ช่วงปูพื้นฐานก่อนเข้าเนื้อหาหลัก - บันทึกลับหนทางสู่เนเวอร์แลนด์จะเปิดให้มีการสมัครตัวละครได้หลังลงฟอร์มในตอนที่ 1 ในตอนแรกนี้จะเป็นการแสดงภาพรวมของเรื่องให้ได้ตัดสินใจ ทั้งนี้ต้องขอย้ำแต่แรกเริ่ม นิยายเรื่องนี้เป็นธีมดาร์คแฟนตาซี เนื้อหาในเรื่องในช่วงพีคสุดอาจมีกระทั่งการขืนใจ การทรมาณ การบรรยาถึงอวัยวะภายใน ฉากน่าสยดสยองจากความผิดปกติทางจิตและอื่น ๆ อีกมากจึงอยากเรียนให้ทราบว่าตัวละครของท่านที่นำมาสมัครอาจถูกทารุณในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งทางกายและใจ แม้จะมีช่วงให้พักผ่อนและฮีลใจแต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นกับตัวละครของท่านเลย
ส่วนที่สอง ตัวละครของท่านจะอยู่ในบทบาทซัพคาร์แรคเตอร์ เนื้อหาจะเล่าวนเวียนเกี่ยวกับตัวละครหลักโดยมีตัวละครของท่านผ่านมาและผ่านไป อาจมีส่วนสำคัญในระยะยาว ช่วงสั้น ๆ หรืออาจได้รับการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เห็นสมควร ทั้งนี้จะไม่มีการนำตัวละครของท่านมาแทนที่ตัวหลักอย่างจริงจังเนื่องจากผู้เขียนกลัวตีความคาร์แรคเตอร์ของตัวละครที่ท่านส่งมาพลาด และเนื้อหาที่จะนำเสนอกับตัวละครหลักหนักเกินไปที่จะทำกับตัวละครอื่น ๆ ภายในเรื่องด้วยระดับเดียวกัน
ส่วนที่สาม การรับสมัครจะมีหลายรอบ สบายใจได้ว่าจะมีโอกาสร่วมสนุกครั้งที่สองแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีการเปิดรับอย่างจำกัดเมื่อถึงจำนวนที่ผู้เขียนพอใจ และสำคัญ โปรดเขียนข้อมูลให้ละเอียดครบถ้วน เพื่อการตีความที่ถูกต้องของผู้เขียน สิ่งนี้จำเป็นมากในหลายส่วนทั้งการแสดงออก ความสามารถ และการวางบทบาท โดยหากมีรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ นอกเหนือจากฟอร์มที่ต้องการระบุ แนะนำให้้เขียนกำกับมาด้วย เช่นในเรื่องความรักสนใจแต่เพศนี้ อยากให้มีรักข้างเดียวไปตลอดเรื่อง ตัวละครนี้เป็นLGBTQ+ ต้องการให้ตายอย่างน่าจดจำ อยากมีบทบาทในสมัยเด็กร่วมกับตัวเอกด้วย มีปมเรื่องอะไร โรคประจำตัว หรืออื่น ๆ ผู้เขียนไม่อาจทำตามความต้องการทั้งหมดได้และอาจตีความพลาดพลั้งไปบ้างแต่ก็จะพยายามเคารพความต้องการของท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
/ /
เรื่องโดยย่อ
โลกในยุคสมัยปี 206x กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งทางแฟชั่น อุตสาหกรรม เอไอที่เข้ามาทุ่นแรงมนุษย์ การคมนาคม การสื่อสารที่ถูกเปลี่ยนจากมือถือ ป้ายโฆษณา เครื่องมือในชีวิตประจำวันก็แทบกลายเป็นโฮโลแกรมทั้งหมด และในด้านการทหารเองก็มีเทคโนโลยีล้ำหน้าไปหลายสิบปี โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปและใครที่ตามไม่ทันก็ต้องตกเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคมในที่สุด
กระนั้นแล้วก็มีเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับโลกใบนี้อีก ในทุก ๆ สามวันหลังเวลา 20:59 จะเกิดรอยต่อขนาดใหญ่ของมิติเวลาแห่งหนึ่งกับโลกในปัจจุบัน ดวงจันทร์สีแดงฉานจะทดแทนจันทร์ขาวผ่อง โลกทั้งใบเกิดการหยุดนิ่งของเวลาและสะท้อนเป็นมิติเสมือน ผู้คนที่สามารถเคลื่อนไหวในขณะที่กาลเวลาหยุดนิ่งได้จะถูกเรียกขานว่า ‘ผู้ฝันหา’ นอกจากนั้นพวกเขายังก้าวเข้าสู่มิติเสมือนที่ไม่ต่างจากโลกปกติในทุกประการอีกด้วย
มิติเสมือนคือโลกทั้งใบที่ถูกสะท้อนออกมา มีเพียงผู้ฝันหาเท่านั้นที่ก้าวมายังที่แห่งนี้ได้ แต่ถึงจะบอกว่าเหมือนนั้นก็ไม่ทั้งหมด ในบางพื้นที่ของมิติเสมือนนั้นก็มีโอกาสที่ความเสียหายจะไม่ถูกซ่อมแซมกลับมาได้ทัน มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งลอสแองเจลิสนั้นถูกเปลี่ยนเป็นยุคน้ำแข็งด้วยพลังของผู้ฝันหาคนหนึ่งและกว่ามันจะกลับมาเป็นแบบเดิมก็ต้องใช้เวลาถึงสามเดือนด้วยกัน มิติเสมือนนั้นยังมีสิ่งที่แปลกประหลาดอีกมากมายในนั้น ผู้คนที่ไม่อาจขยับในกาลเวลาที่หยุดนิ่งอาจกลายเป็นสัตว์ประหลาด ยังไม่มีใครทราบถึงเหตุผล ข้อจำกัดและอื่นใดว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น หรือพื้นที่ประหลาดที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกก็อาจปรากฏในที่แห่งนี้ได้เช่นกัน แต่ที่แน่นอนคือทุกคนมีเวลาสิบชั่วโมงในมิติเสมือนแห่งนี้ จงมีชีวิตรอดให้ได้จนครบทั้งสิบชั่วโมง หรือไม่ก็ตายอย่างไม่มีใครจดจำ
ลูน่า ดารีอา นีโอน่า หญิงสาวผู้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางเพื่อแสวงหาดินแดนจินตนาเนเวอร์แลนด์ ความลี้ลับอันน่าสงสัย ที่มาที่แปลกประหลาด การเดินทางที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ พบเจอผู้คนมากมายตั้งแต่เหล่าบุคคลในกองทัพไปจนถึงกลุ่มเอกเทศมากมาย สุดท้ายแล้วการเดินทางสู่เนเวอร์แลนด์นี้จะเป็นอย่างไร บันทึกลับที่หลงเหลือไว้นั้นตกทอดจากใครและตั้งใจส่งถึงมือผู้ใดกันแน่ ใครบ้างที่จะมามีส่วนร่วมในการเดินทางนี้ สุดท้ายแล้วจันทราดวงใหม่จะได้เชิดฉายตามต้องการรึเปล่า ขอให้โชคชะตานำพาไปหาคำตอบ…
เกี่ยวกับผู้ฝันหา
ผู้ฝันหาคือบุคคลที่สามารถเคลื่อนไหวในกาลเวลาที่หยุดนิ่งได้ พวกเขาอาจเกิดความสามารถนี้ในช่วงวัยที่แตกต่างกัน บ้างก็อายุหกขวบ บ้างก็อายุสิบแปดปีบริบูรณ์ บางกรณีก็มีคนที่ใกล้จากไปสามารถอยู่ต่อเป็นเวลาสั้น ๆ เพราะได้กลายเป็นผู้ฝันหาด้วยซ้ำไป พวกเขาสามารถรับรู้ถึงกันได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่จะประยุกต์ใช้ แต่โดยพื้นฐานเมื่อผู้ฝันหาอยู่ใกล้กันไม่มากเกินกว่าหนึ่งกิโลเมตรก็จะรู้สึกได้ด้วยความรู้สึกเฉพาะตัว บางคนก็อาจหนาว บางคนขนลุก หรือบางคนคิ้วกระตุก สัญญาณเหล่านี้ไม่แน่นอนนักและใช่ว่าจะซ้ำกันไม่ได้
ในโลกที่กาลเวลาหยุดนิ่งผู้ฝันหาไม่ใช้สิ่งมีชีวิตที่วิเศษอะไรขนาดนั้น พวกเขาบางคนไม่สามารถแม้กระทั่งแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในโลกเหล่านั้นด้วยซ้ำไป แต่ก็มีบ้างที่มีเหตุการณ์ที่ผู้ฝันหาสามารถขยับ ใช้พลัง หรือสามารถยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นเวลาสั้น ๆ เช่นกรณีของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ผลักคนออกจากระยะที่เหล็กก่อสร้างจะร่วงลงมาจนเขาปลอดภัยแต่ต่อมาเธอก็ไม่สามารถขยับใครได้อีกเหมือนตอนนั้น กลับกันในมิติเสมือนพวกเขามีพลังวิเศษบางอย่าง ยิ่งเข้าใกล้ ‘เนเวอร์แลนด์’ มากเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกขณะ กระนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ใช่พระเจ้า ในดินแดนที่สามัญสำนึกไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติแบบนี้อะไร ๆ ก็ล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น…
เกี่ยวกับกาลเวลาที่หยุดนิ่งและมิติเสมือน
กาลเวลาที่หยุดนิ่งนั้นไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่มันไม่สำคัญเท่าไหร่นัก โลกที่ถูกหยุดนิ่งไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้หากไม่มีอำนาจมากพอ ในขณะเดียวกันหากยิ่งเข้าใกล้เนเวอร์แลนด์มากเท่าไหร่โอกาสที่ผู้ฝันหาจะได้เป็นพระเจ้าในโลกที่กาลเวลาหยุดนิ่งนั้นก็ยิ่งมากขึ้น หรือแม้แต่การใช้พลังในช่วงเวลาปกติก็มีความเป็นไปได้..
มิติเสมือนคือโลกที่ถูกสะท้อนออกมา เหตุการณ์แปลกประหลาดส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดขึ้นในชั่วโมงที่สองเป็นต้นไป ตั้งแต่ผู้คนที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด พื้นที่ที่ถูกบิดเบือนจนไม่เหมือนโลกใบเดิม สามัญสำนึกบางอย่างที่ถูกเปลี่ยนเช่นแรงโน้มถ่วงไม่ใช่การดึงเข้าหาจุดศูนย์กลางของโลกแต่เป็นการผลักออกไป การเอาชีวิตรอดจึงนับว่ายากเป็นอย่างยิ่ง แต่เพราะยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ผู้ฝันหาก็จะยิ่งเข้าใกล้เนเวอร์แลนด์มากขึ้น มันจึงเป็นราคาที่หลาย ๆ คนจะยอมเสี่ยงเพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ และเมื่อครบกำหนดเวลาสิบชั่วโมง ทุกคนจะถูกดีดออกไปจากมิติเสมือนและกลับสู่โลกปกติ เคยมีกรณีที่บางคนไม่สามารถกลับไปยังตำแหน่งแรกของตัวเองได้ทันจนถูกดีดไปอยู่กลางทะเลก็มีเช่นกัน
เกี่ยวกับเนเวอร์แลนด์
ชี้ชัดแล้วว่าเนเวอร์แลนด์คืออะไร จากคำบอกเล่าของ ‘ผู้ฝันหาแดนสุขาวดี’ อันเป็นบุคคลที่ค้นพบเนเวอร์แลนด์เป็นคนแรกได้กล่าวเอาไว้ว่า เนเวอร์แลนด์คือดินแดนแห่งจินตนา มันเป็นดินแดนที่รวมแก่นแท้ของนามธรรมทั้งหมดเอาไว้ในสถานที่เดียวกัน แม้แต่เขาเองก็ยังได้เพียงแง้มดูเศษเสี้ยวแสงสว่างจากดินแดนแห่งนั้นเท่านั้น ผู้ใดที่่เข้าถึงเนเวอร์แลนด์ได้ ผู้นั้นอาจมีอำนาจเหนือพระเจ้าไปแล้วก็ได้ อีกทั้งเนเวอร์แลนด์ยังเป็นต้นกำเนิดพลังของผู้ฝันหาทั้งมวลอีกด้วย
แก่นแท้ของนามธรรมคือสิ่งที่เป็นจริงของชื่อนั้น ๆ หากพูดถึงสีม่วง คนหนึ่งอาจคิดถึงม่วงลาเวนเดอร์ อีกคนอาจคิดถึงสีม่วงอมแดง แต่ในเนเวอร์แลนด์นั้นสีม่วงมีเพียงความหมายเดียว รูปลักษณ์เดียวที่สีม่วงเป็นจริง ๆ หาใช่มโนภาพที่มนุษย์ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อนิยามมัน ในความเป็นจริงม้าอาจมีหกขาสี่ตาสามหางไม่ใช่แบบที่อยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้ ใครเล่าจะรู้และบอกได้?
เกี่ยวกับพลังของผู้ฝันหา
พลังของผู้ฝันหาสะท้อนออกมาจากความต้องการลึก ๆ ในจิตใจของบุคคลนั้น ๆ และถูกแบ่งแยกออกไปในแต่ละส่วนของเนเวอร์แลนด์อีกที โดยพลังนั้นจะยึดโยงกับต้นกำเนิดของนามธรรม ความเข้าใจของเจ้าตัวและรูปแบบที่สะท้อนออกมาเป็นรูปธรรมผ่านประสบการณ์อีกที ดั่งเช่น ‘ผู้ฝันหาภูมิปัญญา’ ที่แม้จะไม่สนใจเรื่องทางโลกแต่ก็ต้องการเรียนรู้โลกใบนี้จากในใจลึก ๆ ของตัวเอง โดยความต้องการนี้เชื่อมต่อกับดินแดนแห่งภูมิปัญญาของเนเวอร์แลนด์ แรกเริ่มเธอคนนี้ตีความภูมิปัญญาว่าคือความรู้ที่มนุษย์สั่งสมมาแต่โบราณ เมื่อพลังของเธอถูกตีความออกมาเป็นรูปธรรมมันจึงออกมาในรูปแบบหนังสือที่รวมความรู้ของโลกไว้ แต่พอได้ตีความใหม่และเข้าใจนามธรรมของภูมิปัญญาไปเรื่อย ๆ แล้วสิ่งที่เคยเป็นหนังสือก็กลายเป็นดั่งต้นไม้โลกที่รับข้อมูลข่าวสารมาตีความและคาดเดาอนาคตได้ในที่สุด ยิ่งเข้าใกล้เนเวอร์แลนด์มากเท่าไหร่รูปธรรมก็ยิ่งเจือจางและผิดเพี้ยนจนสามัญสำนึกปกติไม่สามารถใช้ได้
‘ผู้ฝันหาอันธการ’ คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด เขาเคยมีประสบการณ์โดนพ่อแท้ ๆ ทารุณให้ถูกขังอยู่ในห้องมืด ๆ ไม่เคยเห็นแสงไฟของโลกภายนอกและถูกทุบตีเสมอ ความต้องการของเขาคือการทำให้พ่อของเขาได้รับประสบการณ์แบบเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้เขารู้จักเพียงความมืดและความเจ็บปวด รูปธรรมของความมืดที่เขาตีความจึงเป็นกรงเล็บที่กรีดเอาเลือดเนื้อของเป้าหมายออกมาอย่างเจ็บปวดที่สุด แต่เมื่อเขาใช้ชีวิตในมิติสะท้อนไปเรื่อย ๆ พลังของเขาก็กลายเป็นการสร้างอาณาเขตเสมือนที่มีเพียงความมืดมิดอันเงียบงัน ไม่หลงเหลือความสามารถในการโจมตีทางกายภาพอีกต่อไป เปรียบดั่งเวทมนตร์ในนิยายเมื่อเทียบกับผู้ฝันหาคนหนึ่งที่มีพลังเป็นดาบธรรมดา และเมื่อผ่านไปอีกครึ่งปีเขาที่ได้มีชีวิตอิสระและลืมความเจ็บปวดในอดีตก็ไม่สามารถใช้พลังนี้ได้ในที่สุด
พลังของผู้ฝันหานั้นไม่แน่นอนเพราะความต้องการนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งความคิด การตีความ ประสบการณ์ เหตุการณ์ที่นามธรรมอันเป็นต้นกำเนิดพลังเปลี่ยนไปจนต้องเริ่มทำความเข้าใจใหม่ตั้งแต่ศูนย์ก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ หรือกระทั่งการสูญเสียตำแหน่งผู้ฝันหาไปก็ยังมี ทั้งยังมีโอกาสตั้งมากมายที่นามธรรมของคนหลายคนอาจซ้ำกัน ไม่มีรูปธรรมที่แน่นอน หรือบ้างก็แปลกประหลาดไปเลยอย่าง ‘ผู้ฝันหาช้อนอันใหญ่’
ยิ่งเข้าใกล้เนเวอร์แลนด์ความเป็นมนุษย์ก็ยิ่งหายไป พวกเขาอาจดูเหมือนคนบ้าที่ไม่เข้าใจสามัญสำนึกปกติของโลกจนทำอะไรประหลาด ๆ แต่ใครจะพูดได้ล่ะ เป็นพวกเขาที่บ้าเพราะบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือเป็นคนธรรมดาที่ตีตราว่าพวกเขาบ้าเพียงเพราะไม่เข้าใจมี่พวกเขาเห็นความเป็นจริงกัน…
ฝ่ายต่าง ๆ ภายในเรื่องและตำแหน่งที่สามารถลงได้
1.ขบวนพาเหรดของคนเขลา
ก่อตั้งโดย ‘ลูน่า ดารีอา นีโอน่า’ ไม่มีใครทราบถึงจุดประสงค์อันแท้จริงของกลุ่มนี้ ทราบเพียงแต่มันเป็นกลุ่มเอกเทศเล็ก ๆ ที่ไม่สังกัดฝ่ายไหนและมีสมาชิกเท่าไหร่ พวกเขามักปรากฏตัวในหน้ากากแปลกประหลาดเพื่อก่อกวนและทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ ในบางทีแม้จะมีทีเล่นทีจริงแต่พวกเขาก็ยังแสดงให้เห็นความเคารพและจำยอมต่อลูน่าอยู่จึงยังพอพูดได้ว่าสภาพภายในนั้นเหมือนองค์กรบางอย่าง
ในความเป็นจริง กลุ่มนี้มีเพียงลูน่าและคนที่เธอใช้กำลังบังคับขู่เข็ญมาอีกหกถึงเจ็ดคน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นชนชั้นปลายแถวที่ไม่ได้เก่งกาจกันมากมาย จุดประสงค์ของกลุ่มเองก็ไม่ได้มีเพราะมันไม่ใช่กลุ่มที่เธอคิดจะตั้งขึ้นมาอย่างจริงจังด้วยซ้ำ ดั่งชื่อคนเขลา ตอนนี้เธอแค่ใช้มันบังหน้าและทำอะไรตามใจอยากเท่านั้นเอง
- เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งภายในเรื่องไม่ใช่กลุ่มที่มีมาอยู่แล้วแต่ต้น คนที่สนใจลงสมัครมาอยู่ในกลุ่มนี้จึงจะได้รับเชิญเป็นสมาชิกในเนื้อเรื่อง ไม่ได้สังกัดอยู่ตั้งแต่เริ่มแบบตัวประกอบภายในกลุ่ม ว่าง่าย ๆ มันจะกลายเป็นกลุ่มที่มีเป้าหมายจริงจังต่อเมื่อมีคนอยากอยู่กลุ่มเดียวกับตัวเอกจำนวนหนึ่งและดำเนินเนื้อเรื่องไปสักระยะแล้วนั่นเอง โดยจะรับแค่บุคคลที่อายุไม่เกิน 20 ปีและไม่สังกัดอยู่ในกลุ่มไหนก่อนหน้านั้น
2.กองพันทหารราตรี
ก่อตั้งโดย ‘ผู้แสวงหาการทารุณ มอร์แกน’ กองพันทหารราตรีเปรียบเสมือนทหางรับจ้างที่มีสมาชิกกลุ่มหลักราวร้อยคนและอาจถึงพันเศษ ๆ หากนับกองกำลังอื่นในสังกัด พวกเขาทำงานเบ็ดเตล็ดหลายอย่างตราบใดที่ได้เงินดีพอ คุ้มกัน สังหาร สอนวิชา เป็นแรงงาน สืบข้อมูล ขอแค่มีเงินและข้อเสนอที่น่าพึงพอใจพวกเขาก็พร้อมทำงานให้โดยไม่สนใจอะไรนอกเหนือจากนั้นทั้งสิ้น
ภายในไม่มีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ทว่าคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มหลักมักจะได้รับอภิสิทธิ์ที่มากกว่าคนทั่วไปในกลุ่มหลายอย่าง และยังมีโอกาสเห็นหน้าคร่าตาหรือรับงานโดยตรงจากผู้นำสูงสุดอย่างมอร์แกนอีกด้วย จุดประสงค์ของกลุ่มนี้หาใช่การเข้าสู่เนเวอร์แลนด์เหมือนกลุ่มส่วนใหญ่ พวกเขาเพียงต้องการเงินตราและแสวงหาการฆ่าฟันอย่างไม่รู้จักพอดี บ้างก็แค่ต้องการฆ่าเพื่อความสนุก บ้างก็ต้องการเงินเพื่อครอบครัวหรือใครบางคน หรือไม่ก็เป็นแค่เดนมนุษย์ที่อยากหาอะไรทำอย่างที่ไม่สามารถทำด้านนอกนั้นได้ คนส่วนใหญ่ในกองพันเป็นทหารปลายแถวที่แม้แต่เอาตัวรอดในมิติสะท้อนก็ยังหืดขึ้นคอ บางส่วนเป็นคนที่มีฝีมือปกติ หายากหน่อยก็คนที่มีแววจะเติบโตได้มาก กลับกันในกลุ่มหลักเต็มไปด้วยหัวกะทิที่มากประสบการณ์และมีฝีมือชั้นนำในโลกมิติสะท้อนทั้งสิ้น และผู้นำสูงสุดอย่างมอร์แกนเองก็ยังเป็นหนึ่งในสิบของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันอีกด้วยเช่นกัน
- ตำแหน่งที่เปิดรับคือทหารใหม่ เป็นบุคคลที่ไม่จำกัดว่าจะมีความเป็นมาอย่างไรหรือจุดประสงค์แบบไหน บังคับอย่างเดียวคือเป็นคนที่พึ่งผ่านการรับสมัครเข้ามาในกองพัน
3.สถาบันมนตรา บลานเช่
ก่อตั้งโดย ‘ผู้ฝันหาแดนสุขาวดี’ อันเป็นผู้อำนวยการรุ่นแรกสุด และปัจจุบันนี้มี ‘ผู้ฝันหาการแสวงบุญ’ เป็นผู้อำนวยการรุ่นที่ 32 ทั้งยังเป็นท็อป 5 ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปอีกด้วย สถาบันนี้ตั้งอยู่ในหอนาฬิกาลอนดอน มีจุดหมายที่จะรับคนรุ่นเยาว์ซึ่งมีพรสวรรค์มาบ่มเพาะและช่วยกันตามหาหนทางสู่แดนจินตนาเนเวอร์แลนด์ แบ่งออกเป็นหกชั้นปีโดยผู้ที่จะเริ่มเข้ารับการศึกษาในปีแรกต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่มากกว่า 17 ปี การศึกษาภายในโรงเรียนเน้นไปทางภาคปฏิบัติที่จะให้นักเรียนได้เข้าใจนิยามของนามธรรมต่าง ๆ ในแบบตัวเองและภาพรวมของเนเวอร์แลนด์
ชนชั้นในหอนาฬิกาแบ่งกันจากความสามารถของคนในแต่ละชั้นปีโดยไม่ข้ามไปยังชั้นปีอื่น ผู้ที่มีความสามารถถึงขั้นจะได้รับสมญานามตามสิ่งที่ตัวเองฝันหา ได้รับอภิสิทธิ์มากมายทั้งห้องเรียนนอกเวลา การเรียนการสอนตัวต่อตัวกับอาจารย์ การทำกิจกรรมนอกสถานที่ เวลาพักที่มากกว่าและการดูแลอย่างเอาใจใส่ โดยหนึ่งชั้นปีจะมีไม่เกิน 20 คนต่อห้องและมีไม่เกิน 12 ห้อง ยิ่งตัวเองสูงยิ่งไม่มีค่าต่อสถาบันมากเท่านั้น โดยคุณค่านั้นจะถูกตีราคาในช่วงต้นเทอม กลางเทอมและท้ายเทอม มีสามภาคเรียนในหนึ่งปี ทั้งนี้สถาบันมนตราบลาเช่ก็ไม่ได้เลวร้ายมาก เนื่องจากความหลากหลายของความสามารถและความเป็นไปได้ที่ล้นเหลือ ตราบใจที่ไม่ได้ทำตัวเหลวแหลกก็จะพอมีที่ของนักเรียนอย่างแน่นอน
- เปิดรับนักเรียนปี 1 อายุไม่เกิน 15 - 17 ปี
- นักเรียนปี 2 อายุไม่เกิน 16 - 18 ปี
- อาจารย์ประจำวิชา อายุไม่เกิน 23 - 45 ปี
4.กลุ่มแยกย่อยต่าง ๆ
กลุ่มเหล่านี้มีตั้งแต่ขนาดเล็กสามคนถึงขนากลางเกือบครึ่งร้อย แม้จะเทียบไม่ได้กับกลุ่มอื่น ๆ แต่พวกเขาเองก็ยังเป็นผู้ฝันหาที่รอคอยการเติบโตเช่นกัน
- กลุ่มนี้จะมีความเป็นอิสระมากที่สุดเพราะไม่จำกัดอายุและความสามารถตราบใดที่มันสอดคล้องและออกมาดูพอเหมาะพอดี ในความหมายแยกย่อยนี้ท่านสามารถคิดกลุ่มของตัวเองได้เลย อาจจะกำหนดมาว่าอยู่คนเดียวหรือเคยเป็นอาจารย์ในบลานเช่แต่เกษียณออกมาแล้ว ทั้งนี้บังคับว่าไม่ได้เป็นกลุ่มใหญ่และมีอำนาจมากนักในตอนนี้ หากผ่านเนื้อเรื่องไปสักระยะกลุ่มอาจมีการขยับขยายและมีความสำคัญมากขึ้นตามแต่สถานการณ์ไป แต่ต้องกำชับว่ากลุ่มที่มีบทบาทสำคัญอื่น ๆ เองที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากก็จะอยู่ในหมวดนี้เช่นเดียวกัน อาจมีการขยับโยกย้ายไปมาได้หากผู้เขียนเห็นว่ามันสมควร
ผลงานอื่นๆ ของ Arcana_LostStory ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Arcana_LostStory
ความคิดเห็น