ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 วิถีบุรุษ (ครึ่งแรก!)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 56


    ตอนที่ 5 วิถีบุรุษ


        “ที่นี่แหละ ฉันจำได้ ขายของจำพวกใช้ค้างคืนนอกเมือง”

        โทนี่หยุดยืนหน้าตึกหลังเล็ก วอลเปเปอร์บนกำแพงวาดรูปคนหลับอยู่ในถุงนอนกับสัตว์ร้าย  ช่วงหลังคามีสีแดงสลับเขียว ส่วนป้ายหน้าร้านทำเป็นภาพกระโจม บ่งบอกประเภทสินค้าชัดเจน

        ในนั้นวางของเล่นน่าสนุกเพียบ อย่างขลุ่ยใบหญ้าที่เป่าอย่างไรก็ไพเราะ เสื้อยืดที่มีลายเป็นภาพเคลื่อนไหว กับหนูไขลานส่งเสียงล่อสัตว์อสูร ผลเสียคือมักล่อสัตว์อสูรมาทั้งป่า และกระถางต้นไม้ปริศนาสำหรับลุ้นข้อความบอกรักยามดอกไม้บาน แต่ทั้งหมดดูจะขายไม่ออก เลยถูกทิ้งไว้ในมุมลดราคา

        มิเชลเริ่มมีเงินเลยหยิบเอาตามใจชอบ แต่เธอก็โดนเพื่อนสั่งห้ามคว้าของไร้สาระ สุดท้ายจึงได้ซื้อแค่กระโจมหลังเล็ก ถุงนอน สเปรย์ป้องกันสัตว์ร้าย ชุดจุดไฟ ทั้งหมดอย่างละสอง พวกเขาเดินต่อไปยังร้านใกล้ๆ มองหากล่องถนอมอาหารกับกระบอกน้ำเพิ่ม เรื่องรอบคอบแบบนี้โทนี่เป็นคนเสนอ เด็กชายเห็นว่าหากเดินทางหลายวันคงไม่พอ

        คนขายยังแนะให้ซื้อเสบียงตุน เพราะถ้าไม่ใช่อาชีพพ่อครัวจะเสียเวลาปรุงเปล่าๆ มิเชลเลือกไข่ทอด ขนมปังหวาน และมันฝรั่งต้มเนยสุดโปรดเป็นหลัก ส่วนโทนี่ซื้อเน้นไปทางข้าวหน้าใส่เครื่องหลายอย่าง พวกเขาแบ่งตักใส่กล่องถนอมอาหาร กะเอาพอกินสักหกมื้อ

        โทนี่ลากเพื่อนสาวไปต่อร้านขายยา เขาเหมาน้ำยาฟื้นพลังทีเดียวห้าสิบขวดเล็กทั้งที่เป้กับเข็มขัดจุรวมกันได้แค่สามร้อยแปดสิบช่อง มิเชลกลัวกระเป๋าเต็มเร็ว เลยยอมซื้อเฉพาะน้ำยาสี่สีอันที่ช่วยล้มราชาหมาป่าคิเมร่าเท่านั้น

        พอมาดูเรื่องอาวุธ แบบเจ๋งๆ ราคาแพงลิบลิ่ว เด็กชายตุนน้ำยาฟื้นพลังเยอะเกินไปเงินจึงไม่พอ มิเชลพยายามให้ยืมเพราะเธอค่อนข้างพอใจกับกิ่งไม้ที่ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นเลเวลเจ็ดแล้ว พลังโจมตีทางกายภาพมากกว่ามีดสั้นมือใหม่ น้อยกว่าดาบทหารโครงกระดูก แต่สามารถเพิ่มระดับขึ้นได้เรื่อยๆ

        ทว่าโทนี่อิดออด ผลักเงินกลับ พลางเอ่ยปากอยากพึ่งตัวเอง คราวนี้มิเชลเลยโวยใส่ เพราะหากเขาใช้ของห่วยก็ลำบากทั้งคู่อยู่ดี พลังโจมตีเธอไม่มากพอไปซัดกับสัตว์อสูรเองคนเดียว หลังฟังจบ เด็กชายจึงค่อยยอม มิเชลทำหน้าที่เลือกซื้อให้เองเดี๋ยวนั้น และเจ้าอาวุธที่เลือกได้คือ ‘หน้าไม้’

        วินาทีที่เด็กชายรับหน้าไม้​เขาต้องรีบแจ้นไปซื้อลูกดอกตัดหน้าพอเพื่อนทำท่าเตรียมควักเงินจ่ายแทนอีก เธอรู้ว่าโทนี่อยากได้ดาบสวยๆ แต่นักธนูเท่เหมือนกันนะ อย่างลาล่าไง! แถมไม่ต้องคอยเป็นกังวลด้วย พวกกองหลังอ่อนแออยู่ห่างสัตว์อสูรมากเท่าไหร่ มิเชลจะยิ่งสู้อย่างสบายใจ ที่จริง... ​ถ้าโทนี่เก่งเหมือนกลุ่มแพนด้าน้อยกับจั๊งค์คงไม่ห่วงอะไรแล้ว

        ทีแรก เขาเลือกแบบห่วยสุดราคาอันละเหรียญมาร้อยดอก มิเชลจึงบอกให้ซื้อเพิ่ม เธอเคยเห็นลาล่าใช้ แค่สองชั่วโมงเอลฟ์สาวซัดไปครบร้อย ถ้าต้องลุยสามวันคงไม่พอแน่ ดีว่าคนขายมีโปรโมชั่นแถมซองใส่ลูกดอกเพราะเหมาของไว้เยอะ ประหยัดเงินไปอีกหน่อย

        “ลูกดอกทำไมมีหลายราคาจัง พลังโจมตีมันจะเยอะกว่ากันรึเปล่า”​เด็กชายตั้งข้อสงสัยกับเพื่อน  อันถูกสุดทำจากไม้ ดูหักง่ายเมื่อเทียบกับลูกดอกโลหะ แต่ลูกดอกโลหะหนักกว่ากันเยอะ

        “มีลูกดอกเวทมนตร์ด้วย!” เธอหยิบแบบที่ทำเป็นรูปทรงคดงอของไม้เท้าขึ้นมา “ไอ้แบบนี้มันจะพุ่งไปข้างหน้าได้รึเปล่าเนี่ย”

        “ช่างเถอะ มีเยอะเกินไป เอาแบบถูกสุดไว้ก่อนละกัน” โทนี่ปิดประเด็นเอง เขาเลือกของได้แล้ว

        “คิดแบบนี้ไม่สมกับเป็นโทนี่เลยนะ ไม่คิดเผื่อไว้หน่อยหรือไง”

        “อืม...​ก็จริง แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ไม่ได้อยากใช้หน้าไม้เป็นหลัก เอาแค่นี้พอ”

        “เอ...​ไม่ถูกใจสินะ งั้นมิเชลหาดาบเผื่อให้อีกเล่มละกัน” เธอแกล้งเดินไปใกล้โต๊ะจ่ายเงิน โทนี่รีบคว้าชายเสื้อเพื่อนไว้

        “ไม่.. ไม่ต้อง! ​อันนี้แหละดีแล้ว ฉันชอบหน้าไม้!”

        เด็กสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่จริงเงินหมดเกลี้ยง ไม่มีปัญญาซื้ออะไรดีๆ เพิ่มแล้ว การแกล้งแหย่โทนี่ผู้จริงจังเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และพอเตรียมตัวเสร็จ ทั้งสองออกมานอกตลาด เช็คสัมภาระ เตรียมมุ่งหน้าสู่ป่าต้นสนดงฟ้า

        *****************************

        เมื่อถึงเวลาออกเดิน มิเชลยืนนิ่ง ปล่อยโทนี่นำเพราะรู้ว่าเขาต้องคลำถูกทางแน่นอน และเธอก็ไม่ผิดหวัง เด็กชายก้มดูแผนที่แป๊ปๆ จากนั้นเงยมองท้องฟ้า สังเกตทิศทางของพระอาทิตย์ยามเช้าแล้วไปแบบมั่นใจ

        ทั้งสองย่ำเท้าผ่านทุ่งหญ้า ระยะทางค่อนข้างไกล บนพื้นมีใบไม้แห้งทับถมขึ้นเป็นชั้น ลากขาแต่ละทีฝุ่นก็ฟุ้งกระจาย มิเชลเผลอเตะมันใส่หน้าโทนี่ไปหนหนึ่ง เด็กชายจามน้ำหูน้ำตาไหลเยิ้ม เธอรู้สึกขยะแขยงเลยพยายามเดินให้เรียบร้อยขึ้น...

        ตอนนี้แดดอ่อน ฟ้าครึ้ม คล้ายจะมีฝนแต่ก็ไม่มี อากาศจึงชื้น โทนี่บ่นว่าอึดอัด ส่วนมิเชลคิดว่าเย็นดี แถมยังช่วยให้เดินผ่านทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาได้สบายกว่า

        สัตว์อสูรประจำถิ่นคือเหล่ากวางป่าจุดสีชมพูขี้กลัว  ฆ่าแล้วให้ค่าประสบการณ์ต่ำ เงินน้อย บวกความเหนื่อยจากทะเลทราย มิเชลเลยแค่มองๆ แล้วปล่อยมันไว้

        จู่ๆ เธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของลมมากกว่าปกติ เหมือนอะไรจะพุ่งมาจากข้างหลัง เด็กหญิงคว้าคอเพื่อนซี้ กระโจนโถมตัวไปด้านหน้า ไม่ยอมเสียเวลาเหลียวมอง

        โทนี่หน้าคว่ำ เศษใบไม้ปลิวกระจาย ส่วนมิเชลแค่เกือบล้ม พอหันหลังกลับก็เห็นลูกธนูสองดอกปักคาพื้น เสริมด้วยกลุ่มผู้เล่นถืออาวุธหกคน ทั้งหกสวมเกราะแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า แว่บแรก​เธอคิดว่าพวกเขาติดสถานะอาชญากร แต่เมื่อลองนึกถึงอิล ตอนที่นักเวทหนุ่มโดนสถานะอาชญากรเพราะโจมตีเธอ ผิวยังเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่วนพวกนี้ไม่ใช่

        ชายคนแรกสืบเท้าเข้ามา มิเชลรีบปัดความคิดทุกอย่างในหัวทิ้ง เด็กสาวเอี้ยวหลบ เอากิ่งไม้กระแทกใส่แขนผู้มุ่งร้าย เธอรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวพวกนี้แปลก ทั้งที่ออกตัวเร็ว แต่กลับไม่ยกดาบขึ้นฟัน เหมือนกำลังรีรอบางอย่าง...

        “มิเชล..​ตัวเธอ...” โทนี่ละล่ำละลัก

        ตัวเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอติดสถานะอาชญากรเสียแล้ว... สถานะนี้ ถ้าตาย เงินครึ่งหนึ่งก็ไหลเข้ากระเป๋าคนฆ่า แถมยังโดนหักอีกห้าเลเวล! เรียกว่ามีแต่ข้อเสีย... เสียงประกาศของระบบดังตามมาบอกวิธีแก้ คือคู่กรณีต้องยอมความหรือรอไปสองอาทิตย์

        “แต่มิเชลไม่ได้..ลงมือก่อน” เด็กหญิงไม่เข้าใจ อาชญากรคือคนเลวที่ทำร้ายคนอื่นก่อน แต่เธอแค่ตอบโต้

        “พวกนั้นต่างหากที่ไม่ได้ลงมือก่อน! มันแกล้งพุ่งเข้ามาใกล้ๆหลอกให้เธอโจมตี!”

        “มีวิธีแบบนี้ด้วย! มิเชลไม่ผิดแต่ต้องเป็นอาชญากร!?”

        เมื่อเห็นเหยื่อทำตามแผน ทั้งหกดูพออกพอใจ คนที่เป็นตัวล่อให้มิเชลติดสถานะอาชญากรเผยอยิ้ม ถึงหมวกเหล็กสีแดงปิดหน้าไปเกือบครึ่ง ก็ยังมองเห็นว่ามีปากหนากว้างกว่าคนอื่น เด็กสาวเลยแอบตั้งชื่อเรียกเองว่า ‘ปากหนา’ เขาใช้กระบองหนามตะปูเป็นอาวุธ และเริ่มรุกไล่กระโจนเข้าใส่ พร้อมกับพรรคพวกช่วยล้อม ปิดทางหนี

        “โทนี่ห้ามช่วยนะ..” เธอกระซิบ

        เด็กชายที่กำลังตั้งหน้าไม้ชะงัก ไม่เข้าใจ

        “พวกนี้เก่งกว่าโทนี่ ถ้าต้องสู้กันโทนี่จะโดนล่อให้เป็นฝ่ายติดสถานะอาชญากร” เธอเรียกเวทจุดไฟขึ้นเผาหญ้าเป็นวงล้อมเพื่อป้องกันตัวเองและเพื่อน “ตอนนี้ยังไม่ไกลจากเมือง โทนี่ต้องหนี”

        “จะให้ทิ้งเธอไว้ได้ยังไงเล่า..”

        “ระหว่างดูแลโทนี่ กับสู้คนเดียวอันไหนจะสบายมากกว่ากัน”

        เขาเงียบ.. คำพูดนั้นแทงใจ... ทว่า ศัตรูเริ่มก้าวข้ามกองไฟมาหาแล้ว มิเชลตวัดกิ่งไม้สะกัดคมอาวุธจากทุกทิศ พวกมันเล็งเธอเป็นพิเศษ เพราะคนฆ่าจะได้เงินในกระเป๋า แต่ขอโทษที... คิดว่าตอนนี้เหลืออยู่สักเท่าไหร่กันเชียว!

        เด็กหญิงหาจังหวะก้มหัวกระโดดถีบท้องคนหนึ่ง เอากิ่งไม้แทงหน้าอก แล้วผลักล้มลงในกองไฟ ใบไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงไม่ดับง่ายๆ เธอเอาเท้าเหยียบกดร่างเขาไว้

        “ข้ามไปสิ! ถ้าสู้ไม่ไหวมิเชลหนีได้! อย่างมากก็แค่ตายในเกม!”

        “แต่...”

        “โทนี่บ้า! ชักช้า!” คนที่เธอแอบตั้งฉายาไว้ว่า ‘ปากหนา’ กำลังพุ่งใส่โทนี่ มิเชลรีบดึงแขนเพื่อนหลบแล้วผลักออกนอกกองไฟ เด็กสาวโดนหัวตะปูจากกระบองเฉี่ยวแขน ค่าพลังชีวิตลดนิดหน่อย

        เช่นนั้นแล้ว โทนี่จึงยอมถอยกลับเมือง เขาก้มหน้าวิ่ง ใบหน้าร้อนผ่าว อับอายและรู้สึกแย่ ข้างหลังถูกพวกเกราะแดงพยายามไล่ตาม แต่มิเชลเรียกเวทจุดไฟดักไว้อีกครั้ง เศษใบไม้คลุ้งฝุ่นน่ารำคาญมามีประโยชน์เอาตอนนี้

        “โว้ยย! ไอ้ตัวเล็กมันหนีไปแล้ว เจ้านั่นมันคือคนฆ่าหมาป่าคิเมร่าไม่ใช่เรอะ!” หนึ่งในหกโวยวาย กองไฟขวางทางทำให้ตามไม่สะดวก

        “หมาป่าคิเมร่า..? พวกคุณคือคนเลวชอบขโมยของที่เจสสิก้าเตือนไว้สินะ” เธอถาม

        “ที่จริง ฉันว่าแกคือคนฆ่าตัวจริงมากกว่า อย่างไอ้หนูนั่นดูแล้วไม่มีทาง” ปากหนาฟาดกระบองลงมาอีกครั้ง มิเชลถอยหลบ แต่ข้างๆมีอีกสองคนพุ่งมาขนาบ พอไม่มีที่ให้หลบจึงเสียหลัก  หงายหลังล้มก้นกระแทกพื้น

        กลุ่มเกราะแดงรีบเข้ารุม เด็กสาวลุกไม่ทัน เธอขยำใบไม้แห้งใส่หน้าพวกคนฉวยโอกาส แล้วกลับตัวเปลี่ยนเป็นท่าคลาน จากนั้นถีบพื้นกระโจนมุดผ่านช่องว่างที่เหลือเพียงน้อยนิด  มิเชลเอากิ่งไม้อันจิ๋วหลิวป้องกันคมดาบยักษ์ เท้าก็พยายามจ้ำหนี

        ปากหนาเอานิ้วเกี่ยวชายเสื้อแล้วดึง เธอกางสองขาทรงตัวกันล้ม หันกลับมาถือกิ่งไม้จ่อคอหอยศัตรู และพอจะทิ่มลงไปกลับลังเลขึ้นมา คงเพราะคนตรงหน้าเป็นผู้เล่น ผู้เล่นที่มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน

        ทว่าฝ่ายโน้นไม่ใจดีด้วย พอเห็นท่าดีจึงรีบจัดกลุ่มล้อมกรอบ เด็กหญิงเจอทางตัน ซ้ายขวาหน้าหลังมีแต่ศัตรู แถมยังยืนเบียดชิด หันคมอาวุธชี้ใส่ ปากหนาดันปลายกระบองหนามกระทุ้งท้อง มิเชลกรีดร้อง ที่ผ่านมาเคยโดนหนักๆ แค่ไฟฟ้าช๊อตของหมาป่าคิเมร่า แถมยังได้โทนี่ช่วยฟื้นพลังทันที แป๊ปเดียวก็หายเจ็บ

        พอเผลอกุมท้อง พวกที่เหลือเลยได้จังหวะซ้ำ ค่าพลังชีวิตเธอลดฮวบฮาบ เธอถูกรุมตีจากอาวุธหลากประเภท ทั้งดาบ ขวาน กระบอง มิเชลนอนขดตัวงอเป็นกุ้ง ส่งเสียงร้องครวญคราง มืออีกข้างยกป้องหัวโดยสัญชาติญาณ แถมเผลอโยนกิ่งไม้ทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

        สักพักปากหนาใช้แว่นขยายส่องดูค่าเลือด เขาบอกพรรคพวกให้ยั้งอาวุธ อีกเพียงนิดเดียว เด็กสาวกำลังจะตายจริงๆ ราชาหมาป่าเร็วหฤโหด แต่มีเพียงสี่ขาหนึ่งกราม ต่างจากโดนหกคนสิบสองมือตีกรอบรุม เรื่องโดนฝูงสัตว์อสูรไล่ต้อนก็เคย ทว่า พวกมันเป็นแค่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งคงรูปแบบโจมตีตายตัว ง่ายต่อการหลบและสู้กลับ ไม่เหมือนเจอกับผู้เล่นด้วยกันอย่างกลุ่มชายเกราะแดง

        “ส่งไอเทมที่ได้จากภารกิจหมาป่าคิเมร่ามา อย่างน้อยเลเวลจะได้ไม่ลด”

        ถ้าฆ่าเธอจะได้แค่เงิน... แต่พวกมันหวังของรางวัลจากภารกิจนั้นสินะ...

        “ถ้าทำได้ขนาดนี้... ทำไมไม่ไปฆ่าหมาป่าเอง..?” เธอถาม เสียงสั่นเพราะความเจ็บ

        “นั่นสินะ เพราะทางนี้ก็แปลกใจว่าพวกแกฆ่ามันด้วยวิธีไหน เจ้าหมาป่านั่นเร็วมาก พลังโจมตี พลังเวทมนตร์สูง อย่างกับว่าสร้างมาเชือดผู้เล่นอย่างเดียว... ทางเข้าก็ซับซ้อน คงมีแต่ไอ้โง่ที่พยายามเสียเวลาทำภารกิจนั่นเป็นวัน” ปากหนาเขยิบเข้ามาใกล้ พรรคพวกเกราะแดงอีกคนเอาดาบจ่อคอเธอไว้ “ไอเทมล่ะ ไอเทมจากหมาป่า”

        “หางหมาป่าไม่มีหรอก ให้เจสสิก้าไปแล้ว...”

        “ของรางวัลจากภารกิจล่ะ ไอเทมลับพิเศษที่เขาลือกัน”

        เธอนึกย้อนกลับไป ในถุงรางวัลมีเงินแปดพันเหรียญ แต่เอาไปซื้อของหมดแล้ว ค่ากระโจมกับหน้าไม้รวมกันตั้งเจ็ดพันสอง ไอเทมพิเศษอะไรไม่เคยเห็น

        “ใช้ม...” มิเชลชะงักก่อนพูดจบประโยค ถ้าบอกไปว่าใช้หมดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น..? พวกเขาจะปล่อยเธอหรือ..? พวกคนเลวไม่ทำตามสัญญาหรอก...

        “รีบพูดมา” ปากหนาชักโมโห

        “ไอเทม..มัน” เธอพยายามเค้นนึก...

        เอาอะไรดีนะ คิดสิ...คิด อะไรก็ได้.. ต้องรีบพูดขึ้นมาสักอย่าง..แล้วก็รีบจุดไฟหนีไปเลย..

        “ไม่มีไอเทม ไอเทมคือ...คือ.. คือ... รหัสผ่าน..ของ... เอ่อ..ถ้ำภูเขาไฟ..เอ้ย ถ้ำสมบัติ.. ใช่.. ถ้ำสมบัติ ในนั้นมีเงินเยอะมาก... เจสสิก้าที่เป็น NPC บอกเองกับปากเธอเลย!”

        ถึงพูดออกมาเอง แต่... ใครเชื่อคงโง่น่าดู... หวังว่าปากหนาจะโง่นะ

        ชายปากหนาใช้เท้ากระแทกเธอลงกับพื้น ถลึงตาใส่ สบถเสียงดัง

        “อย่ามาเล่นปั้นเรื่อง รีบๆบอกมา”

        มิเชลนอนแผ่บนกองใบไม้แห้ง มองเห็นว่านอกจากปากหนา คิ้วก็บาง หางตาก็ตก.. ขนาดพยายามให้น่ากลัวยังดูตลกขนาดนั้น... และพอเริ่มสงสัยว่าควรเอา ‘คิ้วบาง’ ไปใส่ส่วนไหนของชื่อ ‘ปากหนาตาตก’ ก็ค่อยนึกถึงสถานการณ์ย่ำแย่ตรงหน้า เด็กสาวรีบปัดความคิดไร้สาระทิ้งอีกรอบ เธอเลิกนิสัยใจลอยแบบนี้ไม่ได้สักที....

        “จริงๆนะ... ในนั้นมีเงิน เยอะมาก ใช่แล้ว... อาวุธลับพิเศษที่ว่าคงอยู่ที่นั่นแหละ” เด็กสาวแถต่อแบบไร้ความน่าเชื่อถือ เมื่อเธอเริ่มพูดมาแล้ว... เลยต้องสานเรื่องราวต่อไป ส่วนในหัว พยายามตั้งสมาธิ เริ่มท่องเวทจุดไฟ

        ปากหนาควักขวดยาสีม่วงเทใส่ตัวเธอ มิเชลดิ้น.. อาการเวียนหัวพะอืดพะอม เหมือนกับตอนเจอดงเห็ดปล่อยกลิ่นหวานปะแล่มในบึงอสรพิษ เวทจุดไฟที่กำลังแอบร่ายขาดกลางคัน

        “พิษจะไม่ทำให้ถึงตาย ถึงเลือดเหลือหนึ่งแล้วแต่อาการพิษไม่หายไปหรอกนะ ถ้ายอมให้ของมาดีๆ จะมียาแก้พิษให้”

        “อือ...” เธอรู้สึกอยากอ้วก อยากให้หัวตั้งตรง แต่ถูกเหยียบอยู่ สมาธิที่ตั้งใจจะใช้เรียกเวทจุดไฟก็กระเจิงหมด เด็กสาวพยายามฝืนร่ายเวทใหม่

        ขอเวลาอีกนิดเดียว... เวทจุดไฟ แล้วจะได้หนี....

        ปากหนารอดูผลจากพิษ อีกสักพักเลือดจะเหลือหนึ่ง จากนั้นจิ้มเบาๆ ครั้งเดียวก็ตาย ข่าวลือเรื่องไอเทมลับพิเศษของราชาหมาป่าหนาหูมาก นอกจากคู่นี้ก็ไม่มีใครทำภารกิจสำเร็จแล้ว อย่างไรเขาต้องเค้นคอเอามาให้ได้

        แต่มิเชลยิ้มกระหยิ่มในใจ เด็กหญิงร่ายเวทถึงท่อนสุดท้าย... เจ้าคนเลวปากหนาตาตกคิ้ว...คิ้วอะไรก็ช่างเถอะ.. ต้องเจอกับไฟเธอหน่อย...

        ปากหนากลอกตาแล้วคว้าคอเธอเขย่าทันที

        “แกมันนักเวท ฉันรู้จักพวกนักเวทตอนทำหน้าตาแบบนั้น!”

        บวกด้วยอาการติดพิษ เวทจุดไฟที่กำลังร่ายจึงขาดอีกครั้ง เด็กสาวสำลัก พ่นเอาน้ำลายปนเลือดออกมา เธอพยายามฝืนความเจ็บเพื่อเงยหน้าขึ้นมอง ขณะนั้นดวงตาเริ่มหรี่ ใกล้ปิดเต็มที ค่าพลังชีวิตมิเชลเหลือน้อยแล้ว แต่ตราบใดที่เขาไม่โจมตีใส่ เธอก็จะไม่ตาย

        “ฆ่าเลยเถอะ ไม่ไหวแล้ว” มิเชลพูดเสียงแผ่ว “ของรางวัลคือเงินแปดพันเหรียญ ฆ่าซะก็จะได้เงินทั้งหมด”

        เธอคิดว่ามันคือทางหนีที่ดีที่สุดแล้ว เงินในกระเป๋าเหลือน้อยแต่ไม่จำเป็นต้องบอก จะลดไปห้าเลเวลก็ช่างมัน หลังจากนี้ค่อยเพิ่มใหม่ได้

        ทุกคนเงียบกริบ ทำหน้าคล้ายจะประชุมกัน และได้ข้อตกลงอย่างรวดเร็ว ปากหนาเป็นคนลงดาบ เขาเงื้ออาวุธเตรียมฟัน มิเชลหลับตาลง เธอไม่อยากเห็นภาพก่อนตายสักเท่าไหร่ พ่อไม่เคยเล่าเรื่องการตายในเกม แต่เขาปล่อยให้เธอเล่น มันก็คงปลอดภัยมากพอที่จะไม่ตายจริงๆ แน่นอน

        มิเชลรออยู่ ทว่าไม่มีทั้งเสียงฟันและความเจ็บปวดอื่นๆ นอกจากอาการติดพิษ เธอรู้สึกว่าปากหนาเงื้อดาบนานเกินไป สุดท้ายจึงแอบเปิดตาดูหนึ่งข้าง

        ร่างบางปราดเปรียวยืนขวางระหว่างเด็กหญิงกับพลพรรคเกราะแดง พวกเขารีบโต้คืนด้วยอาวุธแต่ไม่ทัน สตรีปริศนาใช้เพลงหมัดประหลาดลอบตอดขาทุกคนจนหักเรียบร้อยแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มิเชลเห็นผู้เล่นอื่นเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้ เธอเบิกตามองสาวความไวสูงอย่างระทึก

        กลุ่มเกราะแดงห้าคนหล่นไปนอนโอดโอยบนพื้น ยกเว้นแต่ปากหนา เขาหลบทัน หญิงสาวปาดเส้นผมสีส้มที่ตกลงมาบังหน้าออก จากนั้นตั้งท่าเตรียมสู้ อาวุธเธอคือสนับมือ ทำจากผ้ายีนส์และเหล็ก
     
        ความเจ็บปวดกับอาการพะอืดพะอมชวนอ้วกหายไป โทนี่โผล่จากข้างหลังช่วยแก้พิษกับฟื้นพลังให้ เขาดึงแขนเธอลุกขึ้นยืน มิเชลกระโดดกอดเพื่อนทันที พอหันดูอีกครั้ง ตัวหญิงสาวปริศนากลายเป็นสีแดงเพราะติดสถานะอาชญากรแล้ว

        “คนนั้น.. กลายเป็นสถานะตัวแดงเพราะมาช่วยมิเชลหรือเปล่า..” เธอถามเพื่อน

        โทนี่พยักหน้า เอามือตบหัวปลอบ ฉากนี้เป็นภาพที่ดูประหลาดเล็กน้อย เพราะผู้ชายตัวโตกำลังก้มโค้งลงมาเพื่ออ้อนคนตัวเตี้ยกว่า เมื่ออ้อนเสร็จเรียบร้อย มิเชลจึงคว้าอาวุธขึ้นจากพื้น เตรียมรบอีกครั้ง

        “โทนี่...คอยฟื้นพลังให้มิเชลด้วยนะ” มิเชลกระโจนกลับเข้าสนามรบ โทนี่ยืนได้ค้างสักพักจึงรีบตามไปร่วมวงด้วย เขาเพิ่งจะปรับอารมณ์ตามเธอทัน

        สตรีปริศนาเก่งมาก เธอใช้เพลงมวยประหลาดทำหมวกเกราะฝ่ายโน้นแตก และเพราะหมวกแตก เลยได้เห็นว่าปากหนาไม่มีข้อดีเหลือบนใบหน้า นอกจากปากหนาตาตกคิ้วบางแล้วยังหัวเถิก..! ตอนสร้างตัวละคร เขาคิดอย่างไรกันนะ...

        มิเชลกำลังเข้าไปช่วย แต่สาวปริศนาสั่งห้ามใครยุ่งในศึกดวลเดี่ยวกับปากหนา และให้รีบจัดการคนที่เหลือทิ้ง เพราะทักษะทำศัตรูขาหักอยู่ได้ไม่กี่นาที หากปล่อยไว้จะลำบากเอง เด็กหญิงหยิบอาวุธ... ในใจลังเล... พลังโจมตีเธอต่ำ หากต้องเอากิ่งไม้หวดจนพวกเขาตาย คงเหมือนกับการที่ตนโดนทรมานเมื่อครู่

        ระหว่างลังเล ลูกดอกหลายลูกพุ่งปักใส่กลุ่มคนเกราะแดง ทั้งห้าถูกยิงเป็นเม่นในเวลาไม่นาน พวกเขาร้องโอดโอยได้สักพักก็นอนนิ่ง แน่ชัดว่าตายสนิท มิเชลมองโทนี่ ไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะชิงลงมือก่อน

        “แก้แค้นให้แล้วนะ” เขาบอกเธอ ตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงกระพริบ โทนี่ติดสถานะอาชญากรแล้วเหมือนกัน

        มิเชลมองเพื่อน ตาค้าง

        “ก็เธอกลัวพวกนี้อยู่นี่.. เห็นไม่ขยับเลย ขอโทษนะ.. เธอเก่งเลยนึกว่าจะหนีตามมาทีหลัง... กลัวมากสินะ”

        โทนี่เข้าใจไปคนละเรื่อง มิเชลคิดว่าความเจ็บปวดในเกมน่ากลัว พอจะทำคนอื่นเจ็บบ้างจึงไม่กล้า ทว่าเด็กชายไม่ได้โหดร้ายเลย เขาจัดการแผล็บเดียวจบ พวกเกราะแดงโดนฝูงลูกดอกปักล้มตายอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น เธอยังดีใจที่ถูกเป็นห่วง จนต้องโค้งตัวกอดหมับ ยกเพื่อนตัวลอย

        “เฮ้ย.. ทำอะไร    !”

        เธอไม่ตอบ แต่เอาหัวถูกับหน้าเพื่อนเพื่ออ้อนอีกหลายๆ ครั้ง

        “พอ.. พอ น่าเกลียดที่สุด” โทนี่ดันเธอออก “แล้วเธอไม่เป็นห่วงคนนั้นแล้วเรอะ เมื่อกี้ยังตั้งท่าจะไปช่วยเขาอยู่เลย”

        “จริงด้วย!” มิเชลหันขวับ มองย้อนกลับไปหาหญิงสาวทันที

        สตรีปริศนากำลังถือแต้มนำ เธอมีรูปร่างเล็ก ส่วนสูงมากกว่าโทนี่เพียงนิดเดียว อาจเพราะแบบนี้จึงหลบหลีกเก่ง รู้จักมุดไปมุดมา กระบองหนามฝ่ายโน้นได้แต่วืด เขาโดนยำข้างเดียวจนเละ อันที่จริง ดูจากฝีมือแล้ว ถ้าหนึ่งต่อหนึ่ง แค่ปากหนามิเชลคงชนะ แต่กับเจ้าหล่อน คิดว่าเสมอหรือแพ้

        นอกจากความเร็ว เธอเคลื่อนไหวอย่างฉลาด สาวหมัดมวยรู้ว่าควรโจมตีจากตรงไหนแล้วขยับ  ไม่ใช่ไหลไปก่อนแล้วค่อยมองหาโอกาสแบบมิเชล ขนาดท่วงท่าต่อสู้ยังดูสวยงาม อาจเพราะชุดกี่เพ้าสีชมพูผ่าสูง พอยกขาเตะจากใต้กระโปรงที่สั้นเหนือเข่า จึงทั้งเท่บวกเซ็กซี่ และถูกเด็กหญิงนับขึ้นแท่นสุดปลื้มอันดับหนึ่ง ได้คะแนนแซงลาล่าหลายแต้ม

        ทว่า พอปากหนาเจียนตาย เธอกลับปล่อยเขาง่ายๆ คงเพราะฝ่ายโน้นหมดสภาพแล้ว ทั้งสองมีคุยกันเล็กน้อย มิเชลฟังไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ส่วนพวกเกราะแดงคนอื่น ร่างที่ตายเพิ่งจะเริ่มเลือนหายไป

        “ขอบคุณครับที่อุตส่าห์มาช่วยพวกผม” โทนี่วิ่งโร่ไปขอบคุณ เขาเป็นคนตามเธอมาช่วย

        “ไม่เป็นไร”

        “คุณรู้จักปากหนา... เอ๊ย.. คนเมื่อกี้” เธอรีบแก้คำพูด... ปากหนาเป็นฉายาตั้งเองรู้เองคนเดียว

        “ก็นิดหน่อย พวกเกราะแดงมันทำตัวเป็นอันธพาลเพราะถือว่าพวกมาก ตอนนี้เกมเพิ่งเปิด ยังไม่ค่อยมีกลุ่มใหญ่ๆเข้ามาเล่นพร้อมกัน” หญิงสาวเล่าพลางยกมือปาดเส้นผมสีส้มขึ้น เปิดเห็นใบหน้าขาวใส นัยน์ตาสีแดงกลมโต เวลาคุยมิเชลต้องก้ม เพราะเจ้าหล่อนสูงแค่ระดับคางเธอ

        “แล้วติดสถานะ...อาชญากร จะไม่เป็นอะไรเหรอ” น้ำเสียงมิเชลกระอักกระอ่วน รู้สึกผิด

        “ไม่ตายในสองอาทิตย์นี้ก็พอ”

        “แต่เวลาเข้าเมือง..อาจจะมีคนอยากได้เงินในกระเป๋า แล้วช่วยกันจัดการคุณ” โทนี่ถามบ้าง

        “ใครจะจัดการใครล่ะ” เธอยิ้ม ท่าทางมั่นใจ

        มิเชลรู้สึกว่านอกจากฝีมือ หญิงสาวยังมีทรงผมที่เท่ไม่แพ้กัน เส้นผมสีส้มซอยไล่ระดับดูเป็นจุดเด่นสุดของเธอ เพราะด้านหน้ายาวลงมาถึงเนินอก แต่ช่วงหลังสั้นเพียงครึ่งคอ ทั้งหมดรับกับชุดกี่เพ้าสไตล์จีน

        คุยกันสักพัก ความสัมพันธ์ทั้งสามอยู่แค่ถามคำตอบคำ มิเชลกับโทนี่เป็นฝ่ายถาม ส่วนเธอตอบ การสนทนาจึงน่าเบื่อ สุดท้ายหญิงสาวชิงบอกลาก่อน กระทั่งชื่อยังไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่จะพูดเรื่องพวกคนเกราะแดง

        เธอมองขาหญิงสาวปริศนาค่อยๆก้าวจากไป สายตามองต่ำ ทำท่าเหมือนอาลัยอะไรอยู่ โทนี่รู้สึกถึงอารมณ์หดหู่ของเพื่อนจึงถามอย่างเป็นห่วง แต่คำตอบที่ได้รับคืนมาช่างน่าเขกหัวสิ้นดี

        "คิดว่าขามิเชลจะสวยแบบนั้นบ้างหรือเปล่า" เธอทำตาละห้อย "...โทนี่อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มิเชลจริงจังนะ! ขาเขาสวยจริงๆ!"

        ************************************

















     
     
     
        ************************************



    Rewrite ล่าสุด
    -> ลบฉากบรรยายที่คิดว่าโหดจนไม่ใช่เกมส์ออก พยายามทำให้อยู่ในระดับวรรณกรรมเยาวชนที่เด็กอ่านได้ครับ =w=




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×