ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ปิดพรีฯ] Badboy Lover ฉีกกฎรักนายจอมโหด

    ลำดับตอนที่ #50 : ไม่เหมือนเดิม {100 %}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.21K
      17
      1 มิ.ย. 60

    นิยายมีการอัพเดทซ้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์
    ********************************

     


    47

    ไม่เหมือนเดิม


         ฉันเดินเข้ามาในบ้านก็เจอเข้ากับปีศาจที่นั่งขาไขว้ห้างอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก

         ฉันไม่ได้เจอเขามาเป็นเดือนเลยนะ พอเห็นเขาแบบนี้แล้วขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเลย มันอยากร้องไห้ออกมาซะเดี๋ยวนี้

         แต่ก็ทำไม่ได้!!!

         เรดด์ตวัดสายตามามองฉันก่อนจะยิ้มบางให้เล็กน้อย แต่ฉันเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาจากห้องนั้นทันที ฉันไม่อยากรู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว อยากให้เรื่องมันจบๆไป แล้วเรื่องแก้แค้นอะไรนั่นฉันก็ให้อภัยเขาแล้วเราสองคนไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก

         ฉันเดินมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน ที่เดิมที่เคยมานั่งตอนงานวันเกิดของเอมม่านั่นล่ะ ตอนนั้นฉันนั่งอยู่กับโฮม

         ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ เรื่องของฉันกับเอมม่าก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เธอไม่ค่อยอยากบอกฉันเท่าไหร่ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงเอาฉันไปทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันไม่อยากคาดคั้นเธอก็เลยไม่อยากถามออกไป ถ้าเธออยากเล่าเธอก็คงเล่ามาเอง

         ฉันนั่งมองถอดสายตาออกไปไกลๆ แล้วนั่งถอนหายใจอยู่อย่างนั้นจนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เรดด์คงกลับไปแล้วล่ะ พอคิดได้อย่างนั้น ฉันก็เลยเดินเข้ามาในบ้าน

         แต่ปรากฏว่าเขายังนั่งอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมก็คือมีเอมม่าและโจ้นั่งรวมอยู่ด้วย ไม่เท่านั้นนะยังมีโฮมนั่งสบทบอยู่ด้วยอีกต่างหาก

         ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงตกใจที่พวกเขามารวมพลกันแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ในเมื่อฉันรู้ความจริงหมดทุกอย่างแล้ว พวกเขาทั้งหมดหันมามองฉันกันเป็นจุดเดียว จากที่หัวเราะพูดคุยกัน พอเห็นฉันเดินเข้ามาต่างก็พากันเงียบไปจนหมด ไม่มีคำทักทายจากโฮมเลยด้วยซ้ำทั้งที่เขาเป็นเพื่อนของฉันแท้ๆ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก 

         ฉันยืนอยู่ตรงนั้นได้ไม่นานแม่บ้านก็เดินถือถ้วยข้าวต้มผ่านหน้าฉันไป พอได้กลิ่นเท่านั้นล่ะ เท้าของฉันก็รีบวิ่งไปยังห้องน้ำทันที เพื่อเอาอาหารเมื่อกลางวันออกให้หมด ฉันทรุดนั่งอยู่ข้างชักโครกอย่างหมดแรง วันนี้ฉันอาเจียนออกมาบ่อยมากเวียนหัวทั้งวัน

         “เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” เอมม่าวิ่งเข้ามาดูฉันทันที แต่พอได้เห็นฉันนั่งทรุดอยู่อย่างนั้นเธอก็เรียกเรดด์เข้ามาดูอาการฉันอีกคน “เรดด์เลเน่เขา...”

         เอมม่าพูดยังทันจบด้วยซ้ำ เรดด์ก็ถลาเข้ามาหาฉันทันที สีหน้าของเขาดูจะเป็นห่วงฉันมากเลยนะ เรดด์มองสบนัยน์ตาฉันอยู่สักพัก เหมือนว่าเขากำลังจะอ่านฉันจากทางสีหน้า อยากอ่านอะไรก็อ่านไป ต่อนี้ฉันไม่มีแรงเอามากๆเลยอยากพักผ่อนแล้ว

         “ไปหาหมอนะ”

         และนี่ก็เป็นประโยคแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เราไม่ได้เจอกันมา

         อยู่ดีๆน้ำตาของฉันก็ไหลลงอาบสองแก้มทันที ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเหมือนกัน เพียงแค่ได้ยินเสียงของเรดด์มันก็ทำให้ฉันร้องไห้ออกมาแล้วอ่ะ

         เรดด์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉันเหมือนอย่างที่เขาเคยทำ และฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกัน ยอมรับเลยว่าฉันดีใจมากที่ได้เห็นเขาวันนี้ และยังได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ สิ่งที่สำคัญคือเรดด์ยังอ่อนโยนกับฉันไม่เปลี่ยนไป

         ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปหรอกนะ ฉันจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ ฉันจะต้องลืมเรดด์ให้ได้สิ ถึงแม้ว่าฉันจะให้อภัยเขาแล้ว แต่เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับฉันมันก็ยากที่จะลืมมันไปได้เหมือนกัน

         เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

         ฉันเบือนหน้าหนีจากมือของคนตรงหน้าทันที พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ เรดด์เองก็ช่วยประคองนิดหน่อย

         “ฉันไปพักผ่อนก่อนนะคะ” ฉันหันไปพูดกับเอมม่าก่อนจะปลีกตัวออกมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรดด์ทำหน้ายังไง

         ฉันเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งห้องนี้เอมม่าเคยบอกว่าเป็นห้องของเรลานี ฉันเองก็อยากอยู่ห้องนี้เหมือนกัน เพื่อที่จะชดเชยเวลาที่เสียไปของตัวเอง

         ฉันจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมานอนราบอยู่บนเตียง เตียงมันช่างกว้างมากเหลือเกิน ทุกคืนฉันก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี

         นี่ล่ะมั้งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันอ่อนเพลียแบบนี้ ไม่มีคนร้องเพลงกล่อม ไม่มีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น บอกตามตรงเลยว่าฉันยังลืมเรดด์ไม่ได้หรอกนะ

         แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้เขากลับมาเหมือนกัน

         มันต้องใช้ระยะเวลา ฉันก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะลืมเขาได้ เป็นวัน เป็นเดือน หรือว่าเป็นปี แต่ยังไงฉันก็เชื่อว่าตัวเองต้องลืมเขาได้แน่ๆ  เพียงแต่จะนานแค่ไหนก็ไม่รู้

         ก๊อก! ก๊อก! ก็อก!

         เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ฉันต้องลุกไปเปิด และก็พบว่าเป็นเอมม่าที่เดินเข้ามา เธอถือนมอุ่นเข้ามาให้ฉันก่อนจะวางมันลงที่โต๊ะข้างเตียง เอมม่าแสนดีกับฉันตลอดเวลาเลย เธอเป็นพี่สาวที่น่ารักของฉันจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนแรกที่เจอกันฉันถึงได้รู้สึกอบอุ่นเวลาที่เธอกอดฉันหรือกุมมือฉันเอาไว้

         “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

         “ไม่ลงไปคุยกับเขาหน่อยเหรอจ๊ะ”

         เอมม่าเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงชื่อเขา แต่ฉันก็รู้ว่าเธอหมายถึงใคร ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ นั่นเลยทำให้เธอสวมกอดฉันเอาไว้หลวมๆ

         “เรื่องมันแล้วไปแล้วก็น่าจะให้มันจบไปนะ”

         “...”

         “เก็บเอาไว้แบบนี้เรามีความสุขหรือไง”

         เอมม่าพูดเพื่อที่จะให้ฉันคล้อยตามเธอสินะ ฉันรู้เพราะตลอดเวลาที่ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เธอพูดเรื่องนี้กับฉันทุกครั้ง

         แต่ถ้าฉันยังยอมใจอ่อนอยู่แบบนี้ ฉันก็จะไม่มีวันลืมเรดด์ได้นะสิ

         “เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดีอยู่แล้วขอเพียงแค่มีพี่เท่านั้นก็พอ”

         ฉันผละออกจากเอมม่า ฉันไม่ต้องการให้เธอพูดถึงเรื่องของเรดด์อีก เรื่องนี้มันจบไปนานมากแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมา เพื่อทำให้ตัวเองต้องเจ็บอีก แค่นี้ฉันก็รับมันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว

         “ลองคิดดูดีๆนะจ๊ะเลเน่ พี่ไม่ได้เร่งอะไรเราหรอกนะ เพราะเรดด์รอเราได้ตลอดทั้งชีวิตของเขา”

         เอมม่าพูดขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แต่ก็ยังหันกลับมาพูดกับฉันต่อ

         “เพื่อชดใช้กับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับน้องสาวของพี่ไง” 


         เอมม่าพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วเธอก็เดินออกไปเลย ทำไมทุกคนต้องเข้าข้างเรดด์กันหมดด้วยนะ ทั้งที่คนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมันคือฉันไม่ใช่เขาเลย ไม่มีใครเข้าข้างฉันเลยสักคน แม้กระทั่งพี่สาวของตัวเองแท้ๆ

     

         วันนี้ฉันเลือกที่จะอยู่บ้าน เพราะไม่อยากออกไปไหน ส่วนมากเอมม่าจะชอบชวนฉันออกไปเดินห้างฯ ซื้อของ ช็อปปิ้งอะไรพวกนี้ จนโจ้ถึงกับงอนแล้วงอนอีกที่เอมม่าไม่สนใจเขาเลย อีกอย่างยังพาลมาโกรธฉันด้วยที่ทำให้เขาไม่ได้อยู่กับแฟนตัวเอง

         วันนี้ฉันก็เลยให้เอมม่าไปเที่ยวกับโจ้ไงล่ะ ส่วนตัวเองก็อยู่เฝ้าบ้าน ทีแรกเอมม่าไม่ยอมท่าเดียว เธอบอกว่าเป็นห่วงฉันอยากดูแลฉันมากกว่าออกไปข้างนอกกับโจ้ แต่พอฉันบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร และยังโดนโจ้เร่งเร้าอีกเธอก็เลยยอม

         ชีวิตของฉันเหมือนกำลังจะเข้าที่เข้าทางแล้วแท้ๆ แต่พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวานนี้มันเลยทำให้ฉันกังวลขึ้นมา

         ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกังวลกับเรื่องอะไรอยู่ รู้แต่ว่ากังวล เหมือนมันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวฉันยังไงยังงั้นเลย

         เซ้นส์ฉันมันบอกอย่างนั้นน่ะ และมันก็ไม่เคยผิดด้วย เหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองกับเรดด์จะต้องได้แยกจากกัน

         มันก็ได้แยกจากกันจริงๆ

         แต่บางทีฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้มั้ง เพราะฉันก็เป็นคนคิดมากแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องมันจบด้วยดีแล้วนะเลเน่อย่าคิดมากสิ เธอต้องเดินหน้าต่อไปนะ

         ครืด!!!

         เสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่บนโต๊ะทำให้ฉันต้องวางหนังสือนิตยสารที่อยู่ในมือลง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าใครโทรเข้ามา

         ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเล่าความจริงให้ฉันฟังหมดทุกอย่างเขาก็หลายหน้าหายตาไปเลย ไม่ยอมติดต่อกลับมาด้วยซ้ำ

         “ฮัลโหล”

         ฉันกรอกเสียงทันทีที่รับสาย ถึงจะโกรธแต่ก็ไม่ได้ขนาดที่ว่าจะไม่ยอมพูดด้วยหรอกนะ เพราะที่เวลล์ทำไปก็เพราะเพื่อนของเขาสั่งนี่นา

         [ที่รักและนี่ก็เป็นประโยคแรกของเวลล์ที่ทักฉันมา

         ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงดีใจมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพราะฉันไม่ได้รักเวลล์ ฉันรักเพื่อนของเขาต่างหาก

         “มีอะไรหรือเปล่า?”

         ฉันไม่อยากพูดเล่นอะไรมาก อยากเข้าประเด็นเลยมากกว่า เพราะถ้าเวลล์โทรมาแบบนี้มันต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่

         [อยากเจอ]

         เวลล์เองก็เข้าเรื่องทันที เขาไม่รีรอแต่อย่างใด อีกอย่างน้ำเสียงของเขาก็ดูเคร่งเครียดด้วย ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่

         “ที่ไหน?”

         [ฉันไปบ้านเธอเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่เธอมาแหกอกฉันพอดีโทษฐานให้น้องสาวสุดที่รักออกมาจากบ้าน]

         คำพูดของเวลล์ทำให้ฉันหัวเราะออกมา มันก็จริงอย่างที่เขาบอกนั่นล่ะ เพราะเอมม่าไม่ยอมให้ฉันออกไปไหนคนเดียว ถ้าจะไปเธอจะต้องไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าฉันเป็นน้องสาวคนเดียวของเธอ

         [อยู่บ้านใช่ป่ะ?]

       “ใช่ เข้ามาเลยสิ”

         [อยู่ข้างหลังเธอนี่ไง]

         สิ้นเสียงของเวลล์ฉันก็หันกลับไปทันที ก็เจอเข้ากับเขาจริงๆด้วย ถ้าบอกถึงแล้วจะโทรมาหาฉันทำไม

         เขานี่มันกระล่อนจริงๆเลย เวลล์เดินเข้ามานั่งข้างฉันก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมฉันเหมือนที่เขาชอบทำ

         เพียงเท่านี้มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีมากขึ้นแล้วล่ะ

         “เจ้าเล่ห์นะ” ฉันต่อว่าทีเล่นทีจริง “มาหาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

         “จะบอกว่ามีมันก็มี จะบอกว่าไม่มีก็ไม่มี”

         เขายังคงเล่นลิ้นเหมือนอย่างทุกทีที่เราเจอกัน ทำให้ฉันต้องตีแขนเขาแรงๆทีหนึ่ง ฉันรู้ว่าเวลล์ต้องมีเรื่องแน่

         แต่เขาแค่แกล้งทำเป็นพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อให้ฉันสบายใจซะก่อนไงล่ะ เวลล์เขาแคร์ความรู้สึกฉันมากเลยนะ

         บางทีฉันก็อยากชอบเขาเหมือนที่ชอบเรดด์เหมือนกัน มันคงไม่เจ็บปวดเท่านี้ แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับฉันเสมอ

         ความรักที่เหมือนจะเข้าที่เข้าทางกลับต้องมาจบแบบไม่สวยงามแบบนี้ อยากรู้จริงๆเลยว่าใครเป็นคนขีดเส้นชะตาให้เราต้องเดินตามมันแบบนั้น

         ฉันอยากเลือกที่จะกำหนดเองได้ ไม่ใช่ให้โชคชะตา ฟ้าลิขิตมากำหนดให้ แต่เรื่องแบบนี้มันก็เป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น

         ฉันคงต้องยอมรับมันแล้วล่ะ


          “เข้าเรื่องได้แล้ว”

         “ไอ้เรดด์มัน...”

         “อย่าพูดถึงคนนี้อีก”

         ฉันพูดแทรกขึ้นมาทันที ฉันไม่ต้องการได้ยินเรื่องของเขาอีกต่อไป ถ้าจะลืมต้องลืมให้หมด อย่าได้หลงเหลือเยื่อใยต่อกัน

         ฉันกับเรดด์เราเดินกันคนละเส้นทาง และเส้นทางของเราไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้

         “แต่ว่ามัน...”

         “ก็บอกแล้วไง”

         ฉันขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้าทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย ฉันยอมรับเลยว่าช่วงนี้คุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ หงุดหงิดเป็นประจำ และที่สำคัญประจำเดือนฉันก็ไม่มานานแล้วด้วย เกือบจะเดือนได้แล้วมั้ง

         บางทีฉันควรจะไปหาหมอเหมือนที่เอมม่าบอกนะ แต่ฉันก็กลัวว่าผลตรวจที่ออกมาจะทำให้ฉันช็อก

         เพราะเรื่องของฉันกับเรดด์มันเกิดขึ้นมาแค่ครั้งเดียวเอง มันจะเกิดขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ทีกับเอมม่าและซีน่ายังไม่เคยเป็นเหมือนฉันเลย แล้วฉันจะเป็นได้ยังไง

         ไม่มีทางหรอกฉันไม่ได้ท้องแน่ ช่วงนี้ฉันแค่เครียดไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่าคิดมากแค่นั้น เดี๋ยวประจำเดือนมันคงมาเองล่ะ

         “ถ้าจะมาพูดถึงเรื่องนี้นายกลับไปได้เลย” ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพูดกับเวลล์เพื่อให้เขาเข้าใจ

         เวลล์เองก็พยักหน้ากลับมาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าเขาเข้าใจฉัน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านก็มีแต่เขานี่ล่ะที่อยู่ข้างฉันมาตลอด รับรู้ความรู้สึกของฉันไม่ว่าฉันจะคิดอะไรทำอะไรเขาก็จะคอยเตือนสติฉันอยู่ตลอดเวลาเลย

         “เออ!ไม่พูด” เวลล์กุมมือฉันเอาไว้ “ฉันแค่ไม่อยากให้มันเป็นเหมือนกันฉันเท่านั้นเอง”

         ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้าทันที ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา ทำไมเรดด์ต้องเป็นเหมือนเวลล์ด้วย

         เรื่องของฉันกับเรดด์มันเหมือนเรื่องของเขาตรงไหนกัน อีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเวลล์สักเท่าไหร่ด้วย เขาไม่ค่อยได้บอกฉัน เพราะกลัวว่าฉันจะเก็บเรื่องของเขาไปคิดมากอีก

         “ไม่อยากให้มันโดนเทเหมือนฉันไง” เวลล์เริ่มอธิบายต่อ “แม่ง!มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับมาตลอดเดือนนึงเลยนะ ไหนจะมากวนฉันแม่งทำเรื่องบนเตียงอีก”

         “...”

         “ฉันอยากให้เธอเข้าใจมันหน่อย มันจะตายห่าอยู่แล้ว”

         ฉันเองก็ไม่ต่างจากเรดด์หรอกนะ ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ถ้าจะให้ฉันกลับไปคงไม่ได้หรอก

         เพราะสิ่งที่เขาทำกับฉันมันเกินกว่าที่จะให้กลับไปเหมือนเดิมได้ ใครไม่มายืนอยู่จุดของฉันไม่มีวันเข้าใจหรอกว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน

         เวลาที่ฉันมองหน้าเขา ภาพของพ่อกับแม่และภาพของตัวเองที่ต้องลำบากมาตั้งแต่เด็กๆก็ฉายเข้ามาให้ต้องเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

         ฉันอยากลืมเรื่องเลวร้ายพวกนี้ออกไปให้พ้นๆหัวของฉันซะ ฉันไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว รู้ไหมว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่ต้องนึกถึงเรื่องราวในอดีต

         ถ้าวันที่ฉันคิดฆ่าตัวตาย แล้วเกิดว่ามันไม่ใช่รถของเรดด์แต่เป็นรถของคนอื่นที่ขับมาด้วยความเร็วไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ฉันคงไม่ได้มานั่งคุยกับเวลล์อยู่ตรงนี้แน่

         ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดยังไง จะให้อภัยแล้วกลับไปรักกันเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่สำหรับฉันฉันให้อภัยเขา

         ...แต่ไม่สามารถที่จะกลับไปรักกันได้

         ฉันยังลืมเรื่องที่เขาทำกับฉันไม่ได้ เมื่อไหร่ที่ฉันลืมมันได้เราก็จะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น อีกอย่างเรื่องที่ฉันพลาดท่าเสียทีให้เขาฉันจะคิดซะว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

         “เรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าที่เธอคิดเลเน่”

         เวลล์บีบมือฉันกลับมาเบาๆ เพื่อที่จะให้ฉันมั่นใจว่าคำพูดของเขาที่พูดมาทุกคำเชื่อถือได้ 

         “เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ”


         “หมายความว่าไง?” ฉันเลิกคิ้วถามทันที

         ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางงั้นเหรอ?

         แสดงว่ามันต้องมีเรื่องที่ฉันยังไม่รู้อีกใช่ไหม ทำไมเรื่องมันถึงได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนี้นะ มีอะไรทำไมไม่พูดออกมาเลย จะอมพะนำเอาไว้ทำไมในเมื่อเรื่องมันมาถึงขึ้นนี้แล้ว

         “อยากรู้ก็ลองติดต่อไปที่นี่ดู”

         เวลล์ทิ้งเบอร์ติดต่อของใครคนหนึ่งเอาไว้ให้ฉัน ใบหน้าของเขาปรากฏรอมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่มีปิดบังเลย

         คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของเบอร์นี้เป็นใคร วางแผนกันมาเป็นขบวนรถไฟเลยล่ะสิ

         “เรดด์สินะ”

         ฉันทิ้งเบอร์โทรนั่นไว้ข้างตัว เวลล์เองก็ได้แค่ยักไหล่กลับมา เขาไม่ได้ตกใจด้วยซ้ำที่ฉันรู้ว่าเป็นเรดด์

         แต่ก็นะเวลล์ไม่เคยสะทกสะท้านอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา ที่เขามาพูดกับฉันวันนี้ก็แค่อยากช่วยเพื่อนเท่านั้นเองทำไมฉันจะไม่รู้

         “ไม่อยากโทรจะทิ้งไว้ตรงนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าอยากจะเก็บไว้เพื่อที่จะรู้ในสิ่งที่เธอไม่รู้ค่อยกดโทรไปแล้วกัน” เวลล์ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมาพูดกับฉันอีกครั้ง “คิดดูดีๆนะเลเน่ ถ้าเธอเสียมันไปเธอจะไม่เสียใจใช่ไหมที่เลือกแบบนี้”

         “...”

         “เธอกับมันจะไม่มีวันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต้องการแบบนี้ป่ะ ถ้าต้องการก็ไม่ต้องกดโทรไป ปล่อยให้แม่งมันตายอยู่นั้นล่ะ”

         “...”

         “สักวันมันคงลืมเธอได้ เหมือนที่เธอลืมมันว่ะ”

         “...”

         “รีบตัดสินใจก่อนที่อะไรๆจะสายไปกว่านี้ เวลามันไม่คอยใครหรอกนะ” พูดจบเวลล์ก็เดินออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงฉันที่คิดตามคำพูดของเขา

         ฉันหยิบเบอร์โทรนั่นขึ้นมาดูก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋า จริงอย่างที่เวลล์บอกถ้าฉันไม่คิดที่จะโทรซะอย่าง การที่เก็บเบอร์เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร

         แต่ถ้าฉันอย่างรู้ความจริงบางอย่างก็แค่กดโทรหาเขาเท่านั้นเอง แต่คำพูดของเวลล์ก็เริ่มทำให้ฉันคิดมากขึ้นมาแล้วสิ 

         เรดด์จะลืมฉันเหมือนที่ฉันอยากลืมเขาเหรอ? เวลล์ต้องการจะสื่ออะไรกับฉันกันแน่ ทำไมต้องมาทำให้ฉันไขว้เขวแบบนี้ด้วย

         ทั้งที่ฉันอยากจะลืมแท้ๆ

         เดี๋ยวดิ...มีเรื่องอยากบอก ขอโทษ จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว ยกโทษให้กันได้ป่ะ?

         คำพูดของเรดด์และภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เราเคยทำร่วมกันเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของฉัน

         ทั้งที่อยากจะลืมแต่กลับจำได้ทั้งหมด

         ไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่ฉันจำไม่ได้ ทุกอย่างปรากฏเด่นชัดอยู่ในหัวของฉันอย่างชัดเจน ฉันพยายามที่จะสลัดมันทิ้งไป แต่พอยิ่งสลัดภาพนั้นทิ้งมากเท่าไหร่

         มันก็ผุดขึ้นมาให้เห็นและได้ยินมากขึ้นเท่านั้น


         ‘ฉันให้คำตอบเธอไม่ได้หรอกนะ เพราะไม่อยากผิดคำพูดอีก แต่อยากให้รู้ไว้อย่างนึง...ที่ฉันทำไปทั้งหมดแม่งห่วงเธอทั้งนั้น

         คำพูดนี้ของเรดด์เหมือนมันจะเป็นคีย์เวิรด์ของเรื่องทั้งหมด แต่ก็คงไม่ใช่ ฉันแค่คิดไปเองมากกว่า เพราะที่เขาพูดแบบนี้เหมือนต้องการจะสื่อว่าที่เขาทำเรื่องพวกนี้ลงไปก็เพราะเป็นห่วงฉัน 

         ตายไม่ได้นะเว้ย...ไม่รู้ไงว่าเธอเป็นสิ่งต้องห้ามของฉัน

        ‘เธอคือสิ่งที่ฉันสูญเสียไปไม่ได้

         เพราะฉันเป็นของเธอ เพราะเธอเป็นของฉัน เพราะเราเป็นของกันไม่มีวันจะเปลี่ยนไป

         ‘แอบห่วงเธอรู้ไหม ไม่ใช่ว่าไม่รัก ที่ทำไปนั้นตัวฉันคนนี้ก็เจ็บเหมือนกัน

         คำพูดของเรดด์ยังคงดังเข้ามาในหูของฉันอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าต้องการให้ฉันตัดสินใจเดี๋ยวนี้ว่าจะเอายังไงกับเรื่องที่ยังค้างคาอยู่

         ที่จริงแล้วฉันคิดว่าเรื่องของฉันกับเรดด์มันจบลงด้วยดีแล้วนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสายตาของคนอื่น แต่ฉันก็ไม่อยากรื้อฟื้นมันอีกแล้ว

         ฉันไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับคนที่เขาจะไม่ทำให้ฉันต้องเสียใจเหมือนเรดด์

         ฉันนั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะเดินไปที่หน้าบ้าน เพราะเสียงรถของโจ้ขับเข้ามาจอดในบ้าน

         พอเอมม่าเปิดประตูลงจากรถเธอก็ตรงดิ่งเข้ามาสวมกอดฉันทันที เหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันมานานหลายปี

         “อยู่คนเดียวเหงาไหมจ๊ะ”

         “ไม่ค่ะ” เอมม่าประคองฉันให้เดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน เธอคงดูออกมาว่าฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ “วันนี้ไปเที่ยวสนุกไหมคะ” 

         “เที่ยวห่าไรพี่สาวเธอชวนกลับอยู่ตลอดเวลา”

         โจ้เดินเข้ามาก็บ่นขึ้นมาทันที ทำให้เอมม่าต้องหันไปมองค้อนแทบจะทันที

         “เออ!ดูสิแตะต้องเธอไม่ได้เลยว่ะ อะไรจะหวงนักหนานี่ผัวป่ะแคร์กันบ้างดิ”

         “โจ้!

         เอมม่าเดินกลับไปตีแขนโจ้แรงๆหลายที ทำให้ฉันหลุดขำออกมา ถึงโจ้จะบ่นอะไรแบบนี้แต่ก็รักเอมม่าเหมือนเดิม

         เขาไม่เคยทำร้ายพี่สาวฉันเลย ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจก็ตาม ส่วนมากโจ้จะตามใจพี่สาวฉันยิ่งกว่าอะไรดี

         ฉันก็เลยไม่ได้คิดมากกับคำพูดของเขาเท่าไหร่

         “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ อยากพักผ่อน”

         ฉันเดินเลี่ยงออกมาเพื่อที่จะให้พวกเขาได้มีเวลาคุยกัน สงสารโจ้เหมือนกัน ตลอดเวลาที่ฉันกลับเข้ามาอยู่ในบ้านเอมม่าปฏิเสธโจ้ทุกอย่าง

         ไม่ว่าเขาจะชวนไปดูหนัง กินข้าว เธอก็ไม่ยอมไป

         จนทำให้โจ้น้อยใจอยู่บ่อยครั้ง


          พอพ้นจากสายตาของทุกคน ฉันก็หยิบเบอร์โทรขึ้นมาดูอีกครั้งอย่างชั่งใจว่าจะกดโทรไปดีหรือเปล่า เพราะกลัวว่าเขาจะคิดว่าฉันอยากเจอเลยโทรเข้ามา

         ฉันแค่อยากรู้เรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นกับฉัน ไม่ใช่ว่าเล่ามาแค่ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ทำให้ต้องมาคาราคาซังกันต่อไป

         ฉันอยากเคลียร์ให้หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฉันกับเรดด์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของฉันกับเอมม่า

         ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นพี่สาวแท้ๆของฉันก็ตามเธอก็ไม่เคยเล่าถึงเรื่องอดีตให้ฟังมากไปกว่าเรื่องของเรลานีพี่สาวฝาแฝดของฉันอีกคน

         แต่ฉันไม่ได้อยากรู้แค่เรื่องนี้หรอกนะ ที่จริงแล้วฉันเองก็อยากเจอเรดด์เหมือนกัน ยอมรับเลยว่าตั้งแต่ที่เจอกับเขาเมื่อวาน มันก็ทำให้ฉันอยากเจอกับเขาอีก

         เขาไม่ได้มาหาฉัน ไม่ได้มาตอแยกับฉัน เหมือนเขาต้องการที่จะลืมฉันเหมือนฉันที่กำลังจะลืมเขาเลย

         แค่คิดมันก็ทำให้ใจของฉันกระตุกวูบทันที

          สักวันมันคงลืมเธอได้ เหมือนที่เธอลืมมันว่ะ...รีบตัดสินใจก่อนที่อะไรๆจะสายไปกว่านี้ เวลามันไม่คอยใครหรอกนะ

         คำพูดของเวลล์ทำให้ฉันต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โทรตามที่เขาเอาไว้ให้

         แต่ก็ยังไม่กล้ากดโทรออกอยู่ดี ทำไมฉันถึงเป็นคนไม่กล้าแบบนี้นะ ทีเรื่องอย่างอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย

         ทำไมต้องมาเป็นแต่กับเรดด์ด้วย

         ฉันสูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง มือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นไปหมด กลัวว่าโทรเข้าไปแล้วเขาจะไม่รับ หรือบางทีโทรเข้าไปแล้วเกิดเป็นเสียงของผู้หญิงจะทำยังไงล่ะ

         เธอแค่อยากรู้ความจริงนะเลเน่ทำไมต้องมาคิดเรื่องแบบนี้ด้วย บอกเองไม่ใช่หรือไงว่าไม่ต้องการที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว

         เพราะงั้นห้ามคิดแบบนี้อีกเด็ดขาด เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็จัดการกดโทรออกทันทีด้วยใจที่เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง

         [ครับ]

         เพียงไม่นานปลายสายก็ตอบรับกลับมา มันเป็นเสียงของเรดด์จริงๆด้วยอ่ะ เขาไม่ได้ให้คนอื่นรับแทน

         และฉันก็รู้ว่าเขารู้ว่ามันเป็นเบอร์ของฉัน

         “...”

         ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะยังสั่นๆอยู่ ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำและคำพูดที่ตั้งใจจะพูดกลับเขากลับกลืนลงคอทันทีที่ได้ยินเสียงตอบกลับมาแบบนี้

         [ครับ]

       อีกครั้งที่เรดด์ตอบกลับมาเมื่อไม่ได้ยินฉันตอบกลับไป อย่าตื่นเต้นเลเน่ ห้ามตื่นเต้นเด็ดขาดจำไว้ เธอต้องทำได้

         “วะ...เวลล์”

         ฉันรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าเสียงของตัวเองสั่นจนคนปลายสายรับรู้ได้

         บ้าที่สุดเลย

         ทำไม่ต้องสั่นแบบนี้ด้วยนะ แค่พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรู้แค่นั้นก็จบ งี่เง่ามากเลยเลเน่

         [นี่ไม่ใช่เบอร์เวลล์พูดจบเรดด์ก็กดตัดสายทิ้งทันที

         ไม่รอให้ฉันได้พูดอะไรออกไปเลย


    -100 %-



    -เรดด์ไม่ธรรมดา-

    อยากกลับไปคืนดีกับเมีย แต่ดันมากดตัดสายใส่แบบนี้

    ชาตินี้ก็หาเมียไม่ได้หรอกนะ แต่ก็คงไม่แปลกเพราะเลเน่เรียกชื่อเวลล์ไม่ใช่เรดด์

    นางคงอยากจะบอกว่าเวลล์บอกให้โทรมา แต่ดันพูดไม่ออก

    ก็นะ!ขอแสดงความเสียกับเลเน่ด้วยจ๊ะ 5555555555555

    เม้นท์เท่าที่ใจรีดเดอร์มีต่อนายเรดด์กับหนูเลเน่เลยงับ

    เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพต่อให้เยย   



    -LOVER SET- 

       

      REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796

    WELL : คลิก  https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796  

     

     

    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×