ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ปิดพรีฯ] Badboy Lover ฉีกกฎรักนายจอมโหด

    ลำดับตอนที่ #45 : เคลือบแคลง {100 %}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.03K
      11
      26 เม.ย. 60

    นิยายมีการอัพเดทซ้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์
    ********************************

     

     

     

    42

     

    เคลือบแคลง

     

         เรดด์ออกไปเจอกับซีน่าแล้ว ที่ฉันยอมให้เขาไปก็เพราะว่าฉันเชื่อใจเขาว่าเขาจะไม่นอกใจฉัน และไม่ทิ้งฉันเหมือนที่เคยทิ้งซีน่า

         ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงคิดแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งโดนเขาย่ำยีมาแท้ๆ ฉันคงเป็นผู้หญิงที่โง่มากก็ได้มั้ง ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองไม่อาจเสียเรดด์ไปได้ ฉันถึงต้องทนอยู่อย่างนี้ไงล่ะ

         ร่องรอยที่เขาทำกับฉันมันยังมีอยู่เต็มตัวฉันไปหมด

         เรดด์ทำฉันรุนแรงมาก

         จนฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาพลาดท่าเสียทีเขาแบบนี้ อีกอย่างฉันอายุยังไม่ถึงเลขสองด้วยซ้ำ เรื่องบ้าๆแบบนี้ไม่น่าจะเกิดกับฉันเลย

         แต่ก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง ถ้าฉันยอมพูดกับเขาดีๆเหมือนที่เวิรด์บอก เรื่องก็คงไม่เกิด ฉันไปยั่วโทสะเรดด์เองล่ะ

         ถือซะว่าฉันชดใช้ให้กับการหลอกลวงเขาว่าตัวเองความจำเสื่อแล้วกัน เราจะได้ไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีก

         ฉันเดินเข้าห้องหนังสือเพื่อที่จะหาหนังสือมาอ่านรอเรดด์กลับมา เขาบอกว่าจะไปไม่นาน

         สายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ตรงมุมสุดของชั้นวาง มันคือหนังสือเล่มที่เรดด์เคยเอาออกมาอ่าน

         แต่พอเอามาดูถึงได้รู้ว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับพวกฆาตกรรมโหดเหี้ยม ฉันนี่ตัวชาไปหมดเลย ไม่นึกว่าเรดด์จะอ่านเรื่องแบบนี้ด้วย

         มันน่ากลัวมากอ่ะ

         ฉันกำลังจะวางมันกลับไว้ที่เดิม แต่ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นออกมาจากหนังสือเล่มนี้พอดี ฉันก้มลงเก็บมันขึ้นมา

         ถึงได้รู้ว่ามันเป็นลายมือของเรดด์ เขาเขียนชื่อของใครบางคนเอาไว้ด้วย ซึ่งฉันไม่รู้หรอกนะว่าเป็นชื่อของใคร

         เขาเขียนมันไว้กลางหน้ากระดาษพร้อมกับขีดกากบาทชื่อนั้นเอาไว้ด้วยหมึกสีแดง

         “เรลานี” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ

         ใช่!ข้อความที่เรดด์เขียนเป็นชื่อเรลานี

         ถ้าให้เดาคงเป็นผู้หญิง เธอคนนี้เป็นใครกันนะทำไมเรดด์ต้องเอามาซ่อนไว้แบบนี้ด้วย แล้วไหนจะทำเครื่องหมายขีดที่น่ากลัวอีกล่ะ

         แต่...แต่ฉันทำไปแล้ว ฉัน...หยุดมันไม่ได้

         คำพูดของเรดด์ในวันนั้นวนเข้ามาในหัวทันที คนที่ชื่อเรลานีคงเป็นคนที่เขาคิดจะแก้แค้น

         แล้วทำไมเรดด์ต้องแก้แค้นด้วย

         เขาเริ่มทำให้ฉันกลัว

         ฉันไม่อยากให้เรดด์ทำเรื่องไม่ดี ฉันเป็นห่วงเขา ถ้าเรื่องเกิดผิดพลาดขึ้นมาฉันจะอยู่ยังไง

         ฉันไม่ต้องการเสียเขาไปตอนนี้หรอกนะ

         ฉันจัดการเก็บหนังสือเข้าที่เดิม เหมือนกับว่ามันไม่เคยถูกเอาออกมาดู ในเมื่อเขาต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ ฉันก็จะทำให้มันเป็นความลับต่อไป

         แต่ฉันจะไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ ฉันจะต้องหาคำตอบให้ได้ ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะต้องเกี่ยวกับฉัน

         ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!

         ฉันเดินออกมาเปิดประตูให้กับคนที่มาเยือน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่มาเยือนไม่ใช่คนอื่นไกล เธอคือคนที่ทำให้ฉันต้องทะเลาะกับเรดด์ไงล่ะ

         เอมม่า

         เอมม่ามองฉันแปปเดียว เธอก็ทำหน้าตกใจออกมาเหมือนว่าเจอผียังไงยังงั้น ก่อนจะเดินเข้ามาจับตัวฉันเอาไว้ แล้วจับฉันหมุนไปรอบๆเพื่อสำรวจร่างกาย

         เธอทำให้ฉันตกใจอีกแล้ว ไหนจะคำพูดของเธอเมื่อวานและการกระทำของเธอวันนี้อีก ฉันงงไปหมดแล้วนะ

         “ไปโดนอะไรมา?” เอมม่ายิงคำถามใส่ฉันทันที เธอยังคงมีสีหน้าตกใจไม่หาย “เรดด์ทำเธอใช่ไหม?”

         “...”

         ฉันตกใจกับการกระทำของเธอก็เลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเดินเข้ามาก่อนจะล็อกประตูห้อง และจับมือฉันให้มานั่งที่โซฟาและซักฉันต่อ

         “เขาทำอะไรเธอบ้าง?” คนตรงหน้ามีท่าทางร้อนรนยังไงชอบกล “ตอบมาสิ”

         “เอ่อ...คือ”

         เอมม่าเขย่าตัวฉันอย่างแรงเพื่อที่จะให้ฉันตอบคำถามของเธอ แล้วฉันจะต้องตอบคำถามข้อไหนของเธอก่อนล่ะ เพราะเธอถามฉันเยอะมากอ่ะ

         “...ฮึก”

         “คะ...คุณ”

         ฉันถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเอมม่าร้องไห้ออกมาต่อหน้าต่อตาฉันเลย ฉันทำให้เธอไม่พอใจอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้

         ฉันต้องทำยังไงดี

         หมับ!

         เอมม่าดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ไม่รู้จะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์นี้บ้าง

         บอกตามตรงฉันไม่เคยเห็นเอมม่าเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันไม่ได้กอดเธอตอบ และปล่อยให้เธอกอดเอาไว้อยู่อย่างนั้น

         ฉันไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเธอมาหาเรดด์แน่นอน

         เอมม่าผละจากฉัน เธอเช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวกๆ ก่อนจะหันกลับมามองฉันที่นั่งนิ่งไม่ได้พูดหรือปลอบอะไรเธอเลย เธอคลี่ยิ้มบางให้ฉัน ซึ่งฉันก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกันเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

         “บอกฉันได้ไหมไปโดนอะไรมา ทำไมบอบช้ำขนาดนี้”

         คราวนี้เอมม่าเธอพูดเสียงอ่อนลง ไม่ได้ตกใจเหมือนตอนแรก ฉันไม่รู้ว่าควรเล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟังดีหรือเปล่า

         อีกอย่างเอมม่าก็เป็นแฟนเก่าของเรดด์ด้วย ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ชอบใจเมื่อรู้ว่าฉันกับเรดด์เรามีอะไรกันแล้ว

         “...คือ”

         “ฉันจะเป็นคนสุดท้ายที่คิดร้ายกับเธอเลเน่”

         เอมม่าเอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้ ก่อนจะบีบมันเบาๆเพื่อให้ฉันมั่นใจว่าเธอจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

         และมันก็ทำให้ฉันคล้อยตามเผลอพยักหน้าตอบรับเธอกลับไป

         ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้เอมม่าฟัง ซึ่งเธอก็นั่งฟังโดยไม่พูดแทรกหรือขัดอะไร และพอเล่าจบหน้าของเธอก็ฉายแววกรุ่นโกรธออกมาอย่างไม่มีปิดบัง ไหนจะมือที่กำแน่นจะแทบจะจิกเนื้อตัวเองอยู่แล้ว

         เธอโกรธฉันเหรอที่ไม่รักษาคำพูดว่าจะไม่คิดอะไรเกินเลยกับเรดด์ ฉันรู้สึกผิดนะที่กลับคำพูดแบบนี้ แต่เมื่อวานฉันไม่ได้อย่างให้เรื่องมันเกิดขึ้นเลย

         มันรวดเร็วจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ 

     

         “ฉะ...ฉันขอโทษค่ะ”

         ฉันยกมือไหว้คนตรงหน้า เธอจับมือฉันไว้ทันทีเพื่อไม่ให้ฉันไหว้เธอ เอมม่ามองหน้าฉันพร้อมกลับรอยยิ้มเหมือนเดิม ทั้งที่เมื่อกี้เธอยังแสดงท่าทางว่าโกรธเอาเรื่องมากๆ

         “ฉันไม่ได้โกรธเธอจ๊ะ” เอมม่าลูบผมฉันอย่างเอ็นดู “เรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอด้วยซ้ำ”

         “...” ฉันมองเธออย่างแปลกใจ เหมือนเธอรู้อะไรมาแต่ไม่ยอมบอกฉัน

         “เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”

         เอมม่าเม้มริมฝีปากแน่น เหมือนเธอโกรธแค้นแทนฉันเลย ที่จริงเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ

         ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกเหรอ

         “เรดด์เขาบอกว่า...”

         “เธอคิดเหรอว่าเรดด์จะยอมทำตามที่ตัวเองพูด?” เอมม่าพูดแทรกขึ้นมาทันทีก่อนที่ฉันจะทันพูดจบ “อย่าซื่อ เธออ่อนต่อโลกเกินไปแล้วเลเน่”

         “...”

         “คนอย่างเรดด์ทำได้ทุกอย่าง เธอเพิ่งรู้จักเขาไม่เท่าไหร่ไม่ควรเชื่อใจเขาเต็มร้อยเข้าใจไหม?”

         “...”

         “เธอควรเผื่อใจเอาไว้บ้างกับคนคนนี้ ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องมาเจ็บแบบนี้อีกแล้ว”

         “หมายความว่าไงคะ?”

         ฉันอดถามออกไปไม่ได้ สิ่งที่เอมม่าพูดเธอต้องการจะบอกอะไรกับฉัน

          ทำไมต้องมาอ้อมค้อมแบบนี้ด้วย ทำไมไม่บอกออกมาตรงๆเลย ฉันงงไปหมดแล้วนะ อีกอย่างฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย

         “เชื่อใจฉันไหมเลเน่?”

         เอมม่าบีบมือฉันแน่น ฉันไม่ได้ตอบเธอแต่เลือกที่จะมองหน้าเธอกลับไป ทำไมต้องมีแต่คนมาถามคำถามบ้าๆแบบนี้ด้วยนะ ทำเหมือนฉันเป็นหุ่นเชิดให้เดินไปเดินมาอย่างนั้นล่ะ

         “ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ”

         “...”

         “จำคำพูดของฉันเอาไว้ คนที่เธอควรจะกลัวคือคนที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุด”

         เอมม่าปล่อยมือฉัน เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปที่หน้าประตู แต่ก่อนที่เธอจะได้เดินออกไป ฉันก็เรียกเธอเอาไว้ซะก่อน

         มันเหมือนมีบางอย่างที่เอมม่าปกปิดเอาไว้แต่ไม่ยอมบอกฉันให้รู้ และฉันคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องรู้ด้วย

         บางทีเรื่องของเรดด์กับเอมม่าอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้

         เอมม่าหันกลับมามองฉันอย่างแปลกใจ แต่เธอก็ยังคงยิ้มให้ฉันเหมือนเดิม เหมือนกับว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลย

         แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่ฉันอยากรู้มันมีมากกว่าที่จะมาสนใจเรื่องไร้สาระ

         “คุณรู้จักเรลานีไหมคะ?”

         ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันถามเธอออกไป แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องรู้จักแน่ เพราะทันทีที่ชื่อนี้หลุดออกมาจากปากของฉัน เธอก็ดูจะตกใจไม่น้อยเลยล่ะ

         “...”

         “คุณรู้จักใช่ไหมคะ?”

         “...”

         เอมม่าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอปล่อยมือออกจากลูกบิดประตูที่จับอยู่ ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม

         เธอไม่ได้มองหน้าฉันด้วยซ้ำ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธออาจกำลังคิดหาคำโกหกอยู่ก็ได้

         “จะไม่ตอบก็ได้นะคะ” ฉันไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก เพราะฉันเองก็ไม่ใช่คนแบบนั้นด้วย ถ้าเธอไม่อยากตอบฉันก็จะปล่อยเลยไป และไปหาคำตอบเอาเอง

         เอมม่ามีสีหน้าลำบากใจมาก เหมือนเธออยากจะบอก แต่ก็เหมือนไม่อยากให้ฉันได้รับรู้เรื่องพวกนี้ เหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่อยากให้ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันอะไรทำนองนั้น

         ฉันยังคงมองเธอไม่ได้ละสายตาไปไหน เธอเองก็เอาแต่มองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าหนักใจมากแค่ไหน

         “เลเน่” คนตรงหน้าหันกลับมาสบตากับฉัน แววตาของเธอฉายแววกังวลออกมาอยากไม่มีปิดบัง “เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอกนะว่าใครคือเรลานี”

         “...”

         “รู้แค่ว่าการที่เธอไม่รู้อะไรเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว” เธอรู้จักคนที่ชื่อเรลานีจริงๆด้วยสินะ ฉันคลี่ยิ้มบางให้เธอ “อย่าพยายามค้นหาคำตอบ”

         “เหมือนคุณรู้จักเธอคนนี้ดีนะคะ”

         ฉันยิงคำถามกลับไป ทำเอาเอมม่าถึงกับทำหน้าเหวอออกมา เธอคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะพูดแบบนี้ออกมา

         ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอบอกอะไรขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าไม่อยากให้รู้ ฉันก็จะไม่รู้ แต่เชื่อเถอะว่าสักวันฉันก็ต้องรู้อยู่ดี ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉัน

         “เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิด” เอมม่ามองฉันอย่างชื่นชม “ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกเธอ”

         “เลือกฉัน?”

         คำพูดของเอมม่าฟังดูยังไงๆดูนะ ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาห้องนี้แล้ว คำพูดและการกระทำของเธอมันดูแปลก จนฉันไม่ไว้ใจขึ้นมาว่าควรเชื่อเธอดีหรือเปล่า

         “สักวันเธอจะรู้เอง เมื่อถึงเวลาฉันจะเป็นคนแรกที่บอกเธอและหวังว่าเธอคงจะรับมันได้” พูดจบเธอก็เดินออกไปเลย ทิ้งเอาไว้เพียงคำพูดที่ทำให้ฉันประหลาดใจ

         ฉันไม่เข้าใจอะไรสักอย่างที่เธอพูดมา เหมือนเรื่องนี้จะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง และฉันเกี่ยวอะไรด้วย ฉันไม่รู้ว่าจะควรเชื่อใครดี ดูทุกคนที่อยู่รอบตัวฉันก็น่าสงสัยไปกันหมด ถ้าฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ต่อไป จะมีใครมาบอกฉันไหม ก็คงไม่

         ฉันนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนเวลามันล่วงเลยไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว เรดด์ไม่ได้กลับมา เขาคงไปค้างกับซีน่า เพราะเขาเองก็บอกฉันเอาไว้แล้ว

         แต่ที่รอก็เผื่อว่าเขาอาจจะกลับมาก็ได้ ฉันนั่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นมาอีก เรื่องมันจะได้จบๆไปสักที

         ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เรื่องเมื่อวานก็ทำฉันสาหัสเหมือนกัน ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะไม่ราบรื้นไปทุกอย่าง

         ฉันนี่มันตัวซวยชัดๆเลย

         ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะเถียงหัวชนฝาว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นกับตัวฉัน แต่ตอนนี้ความคิดฉันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าอะไรก็เหมือนจะถาโถมเข้ามาหาฉันหมดเลย โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีทุกอย่าง

         ฉันนั่งอยู่ที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่น ไม่ได้เดินเข้าไปนอนในห้อง เพราะถึงเข้าไปฉันก็นอนไม่หลับอยู่ดี อย่างที่เคยบอกว่าถ้าไม่มีเรดด์มานอนกอดฉันก็จะนอนไม่หลับ

         แต่เหมือนทุกอย่างจะดับวูบไป พอมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งมาเรียก

         “เลเน่”

     

         ฉันลืมตาขึ้นมาก็เจอเข้ากับใครคนหนึ่ง มันเหมือนกับภาพสะท้อนกลับมาที่ฉัน เหมือนว่าฉันกำลังส่องกระจกมองดูตัวเอง

         เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันคนนี้เธอดูคล้ายฉันไปหมด ไม่เรียกว่าคล้ายหรอก เรียกว่าเหมือนกันอย่างกับแกะเลยก็ว่าได้

         “เลเน่”

         เธอเรียกฉันอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มบางให้ ฉันขยี้ตาตัวเองเพื่อมองดูเธอคนนี้อีกครั้ง แต่ไม่ว่าขยี้ตากี่รอบเธอก็เหมือนฉันหมดทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมเหมือนทุกอย่างจริงๆ

         “เธอเป็นใคร?” ฉันเอ่ยถามร่างบางออกไป นี่มันต้องเป็นความฝัน 

         ใช่!มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ เรื่องจริงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่จะมีฉันถึงสองคนแบบนี้

         “คนที่เธอก็อยากรู้ว่าใคร”

         เธอก้าวเข้ามาหาฉันก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ฉันไม่ได้ถอยไปไหน ได้แต่ยืนมองเธออยู่อย่างนั้น

         ฉันพยายามบอกกับตัวเองว่านี่มันก็แค่ความฝัน พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

         “เธอเป็นคนที่อยู่ในจิตนาการของฉันเท่านั้น”

         “ไม่ใช่!

         เธอสวนขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ เวลาที่ฉันโกรธฉันน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ มันเย็นยะเยือกเหมือนได้เผชิญหน้ากับยมทูตยังไงยังงั้นเลย

         “ฉันอยู่ในนี้ของเธอ”

         ร่างบางชี้นิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายของฉัน พร้อมกับจิ้มมันลงเบาๆ แต่นั่นฉันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านเข้ามาที่หน้าอกข้างซ้ายเหมือนมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

         มันเจ็บจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ฉันทรุดนั่งลงต่อหน้าเธอ เธอเองก็ย่อตัวลงมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน ฉันเงยหน้ามองเธอมือก็กุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้

         “เธอคือฉัน ฉันคือเธอ”

         “มะ...ไม่”

         ฉันคัดค้าน เธอจะมาเป็นฉันได้ยังไง ฉันก็เป็นฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องเอาใครมาเป็นฉันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าเหมือนฉันก็ตาม

         “เธอไม่ใช่...ฉัน”

         ทันทีที่พูดจบรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็หายไป เธอมองฉันด้วยแววตาที่วาวโรจน์เหมือนโกรธแค้นกันมาเป็นชาติ

         แต่ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะ เพราะมันก็แค่ความฝัน พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ตื่นสิเลเน่เธอต้องตื่นเดี๋ยวนี้

         “เธอหนีมันไม่พ้น” เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอยห่างจากฉัน ความเจ็บปวดที่หน้าอกข้างซ้ายก็ทุเลาลง ทำให้ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงได้อีกครั้ง “เธอจะต้องเจอกับฉันในนี้”

         คนตรงหน้าทาบมือกับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันดูเหมือนทำให้โลกสดใสขึ้นมามากเลยล่ะ

         จากที่มีควันสีขาวลอยคละคลุ้ง และโดยรอบของเราเป็นสีดำ กลับกลายมาเป็นวิวทิวทัศน์ที่มีต้นไม้ดอกไม้เต็มไปหมด และมีน้ำตกที่สูงชันและสวยงามตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้า

         เธอเดินมาจูงมือฉันให้ออกเดินไปกับเธอ ก่อนจะพบว่าเรามายืนอยู่ตรงหน้าผาที่สูงเกือบเสียดฟ้า

         ภาพน้ำตกที่สวยงามหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันพยายามสลัดมือออกจากการเกาะกุมของเธอ แต่เธอกับจับมันไว้แน่นจนไม่สามารถสลัดออกไปได้

         “ปะ...ปล่อยนะ”

         ฉันร้องออกมาด้วยความกลัว มันเป็นฝันที่น่ากลัวมาก ฉันไม่เห็นเคยฝันอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ฝันว่ามีตัวฉันอีกคนและกำลังที่จะพาตัวเองมาตายแบบนี้

         ตื่นเดี๋ยวนี้เลเน่ เธอต้องตื่นมาจากฝันร้ายนี่สักที

         “เราเป็นคนคนเดียวกันแล้ว” เธอมอบรอยยิ้มที่ฉันไม่ต้องการมาให้

         “...”

         “ไปกับฉัน” 

     

       “มะ...ไม่ไป ฉันจะกลับ” ฉันขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่าจะขัดขืนยังไง เธอก็ไม่ยอมปล่อยฉัน “เธอเป็นใคร?”

         ในเมื่อขัดขืนไปก็ไม่มีประโยนช์ ฉันควรจะได้รู้ว่าคนที่หน้าเหมือนฉันคนนี้เป็นใคร มาจากไหน

         เพราะฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีฝาแฝด และไม่เคยอยู่ในจิตใต้สำนึกของฉันด้วย แต่จู่ๆฉันกลับมาฝันเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

       “ฉันคือเธอ เธอคือฉัน”

         ฉันอึ้งไปอีกรอบ เพราะไม่ว่าจะถามยังไงเธอก็ยังยืนยันว่าเป็นตัวฉัน ทั้งๆที่มันไม่ใช่ ถึงแม้ว่าเธอจะมีทุกอย่างที่เหมือนกับฉันก็ตาม แต่ฉันไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนี้ เธอคนนี้ดูน่ากลัวมาก

         เธอดูพร้อมที่จะฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นเลยล่ะ

         “ฉันคือฉัน เธอคือเธอ เราไม่ได้เป็นคนคนเดียวกัน” ฉันตัดสินใจพูดออกไปตามที่ตัวเองคิด “ฉันไม่รู้ว่าเธอมาหาฉันด้วยเรื่องอะไร”

         “...”

         “แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้ ถ้าจะตายทำไม่ตายคนเดียวเอาฉันมาเกี่ยวข้องด้วยทำไม”

         “เพราะเธอคือฉัน”

         อีกครั้งที่คนตรงหน้ายังยืนยังคำตอบเดิมว่าฉันเป็นเธอ และเธอเองก็เป็นฉัน

         “ฉันไม่ได้จะทำร้ายเธอ”

         “...”

         กลายเป็นฉันเองที่เงียบ การที่พาฉันมาที่หน้าผานี่ไม่ได้ว่าจะพามาฆ่าเหรอ ตลกมากมันเป็นตลกร้ายซะด้วย

         “เธอมองลงไปสิ”

         ฉันทำตามอย่างว่าง่าย พอมองลงไปมันกลับเป็นแม่น้ำสายเล็กๆที่ไหลผ่านเอื่อยๆเท่านั้น ไม่ใช่หน้าผาอีกต่อไป แต่ที่หน้าแปลกกว่านั้นคือเงาที่สะท้อนกลับในแม่น้ำกลับไม่มีเงาของอีกคนที่ยืนอยู่ข้างฉัน

         มันมีเพียงเงาของฉันที่สะท้อนกลับมา เหมือนว่าเธอคนนี้ไม่มีตัวตน ซึ่งนั่นมันก็ใช่อยู่แล้ว

         เพราะว่าเธอเป็นเพียงภาพในจิตนาการของฉันเท่านั้นเองนะ

         พอเงยหน้าขึ้นมาคนข้างๆกลับหายไปแล้ว หายไปตอนไหนไม่รู้ แต่แล้วจู่ๆหน้าอกข้างซ้ายของฉันก็เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง

         ครั้งนี้มันเจ็บปวดกว่าครั้งแรกซะอีก

         ฉันนั่งกุมมันอยู่อย่างนั้น เหมือนกำลังจะขาดใจเลยล่ะ มันเจ็บปวดเหลือเกิน เหมือนมีใครมาชำแหละมันอย่างนั้นล่ะ

         “เธอไม่ได้เจ็บคนเดียวเลเน่”

         ฉันพยายามมองหาตัวของเธอ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาได้ยินเพียงแค่เสียงเท่านั้น

         “ทุกครั้งที่เธอเจ็บ ฉันเจ็บมากกว่า”

         “...”

         “เจ็บเจียนตายที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

         “...”

         ฉันเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ ภาพก็พร่ามัวไปหมดเหมือนว่าตัวเองกำลังจะวูบไป

         ฉันพยายามตั้งสติเพื่อฟังเสียงนั่น ฉันเชื่อว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้มันต้องมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่แน่

         “ฉันคือคำตอบของเรื่องทั้งหมด”

         “เธอ...เธอเป็นใครกันแน่”

         ฉันกัดริมฝีปากพูดออกไป ทั้งที่เจ็บเจียนตาย มือก็ยังคงกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็อยากรู้อะไรให้มากกว่านี้

         “ฉันคือคนที่เธอตามหา”

         เสียงมันเหมือนดังออกมาจากข้างในตัวฉันเลย เหมือนมันเป็นความคิดของฉันเอง

         เหมือนว่าฉันกำลังพูดอยู่กับตัวเอง

         ฉันพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก เพราะตอนนี้ฉันทรมานเหลือเกิน ฉันแทบไม่มีเรี่ยวแรงให้เดินต่อไปข้างหน้า

         แต่แล้วภาพของใครคนหนึ่งก็ปรากฎตรงหน้าขึ้นมา เป็นผู้ชายสูงโปร่ง และมีอีกคนที่เดินตามเขามาด้วย เป็นผู้หญิงที่สง่างามดุจนางพญา

         เรดด์กับซีน่า

         “อะ...อะไรกัน”

         ทำไมความฝันของฉันถึงมีซีน่าเข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะ เรื่องบ้าที่สุดเลย ทำไมฉันยังไม่ตื่นอีกนะ ฉันตบหน้าตัวเองแรงๆ แต่ก็รู้สึกเจ็บไปหมด

         มันเหมือนเป็นเรื่องจริงเลย 

         ภาพของเรดด์กับซีน่าค่อยๆเลือนรางหายไป พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่งที่มีอายุมากพอสมควร

         พวกเขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น ซึ่งฉันไม่เคยได้รับมันเลยตั้งแต่จำความได้

         พ่อกับแม่ของฉันเอง

         ไม่รู้ทำไมฉันสัมผัสได้ว่าสองคนนี้เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของฉัน ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน

         “พ่อ แม่” พวกท่านเข้ามาสวมกอดฉันทันที อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้รับเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ฉันได้รับมันแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับจากความฝันก็ตาม

         “อย่ารื้อฟื้นเรื่องเลวร้ายเลยนะจ๊ะลูกรัก” แม่พูดขึ้นมา ท่านมองฉันอย่างซาบซึ้ง เหมือนที่ฉันกำลังมองท่านอยู่เหมือนกัน

         “ให้มันตายไปพร้อมกับคนที่ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เถอะลูก”

         พ่อพูดขึ้นมาบ้าง น้ำตาแห่งความดีใจมันก็ไหลลงมาอาบสองแก้ม ฉันโผเข้ากอดพวกท่านอีกครั้ง

         ฉันไม่รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไรแต่ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว แค่นี้ฉันก็มีความสุขมากแล้ว เพียงแค่พวกท่านกลับมาหาฉัน ยืนเคียงข้างฉันแบบนี้

         ไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรฉันก็ไม่กลัวอีกแล้วล่ะ

         “หะ...ให้หนูไปอยู่ด้วยนะ”

         “มันยังไม่ถึงเวลาจ๊ะ” แม่ลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน “เราไม่เคยทิ้งลูก เราอยู่ข้างลูกเสมอ แม่อยากให้นูรู้ว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับหนูมันไม่ใช่เพราะดวงซวย แต่มันเป็นเพราะพรหมลิขิต”

         “ลูกทำดีที่สุดแล้ว”

         “จะไม่ทิ้งหนูไปไหนใช่ไหมคะ...ฮึก”

         ฉันเช็ดน้ำตาตัวเองออก เพราะอยากเห็นหน้าพ่อกับแม่ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนลางหายไปตลอดกาล

         “จะอยู่กับลูกตลอดไปจ๊ะ”

         สิ้นเสียงของแม่ภาพทุกอย่างก็หายไป กลับมาอยู่ตรงจุดเดิม ที่นี่มืดไปหมด ควันสีขาวยังลอยคละคลุ้งไปทั่ว ฉันยังยืนอยู่ตัวคนเดียว พวกท่านหายไปแล้ว แต่เพียงไม่นานนักหรอก เธอคนนั้นก็เดินกลับมาหาฉัน คนที่ฉันไม่ต้องการให้เธอมาเป็นฉัน

         “รู้แล้วใช่ไหมว่าใครคือคนที่รักเธอ”

         “ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการจะสื่ออะไรกับฉัน” ฉันมองหน้าร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากฉัน “แต่ฉันก็ยังยืนยังคำเดิมว่าฉันไม่ต้องการให้เธอมาเป็นฉัน และฉันก็ไม่อยากเป็นเธอด้วย”

         คนตรงหน้าเอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้ ฉันไม่ได้สะบัดออก เพราะตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ออกมา ร้องออกมาอย่างหนักเลยล่ะ เหมือนว่าคำพูดของฉันทำให้เธอเสียใจเอามากๆ

         “ฉันอยู่ในนี้ของเธอเสมอ” เธอชี้นิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายของฉันเหมือนเดิม “ที่ที่เธอไม่เคยนึกถึงมันเลยเลเน่”

         “...”

         “ฉันคือคนที่กุมความลับเรื่องทั้งหมดเอาไว้” เธอลูบแก้มฉันเบาๆ เราสองคนมองสบตากัน เหมือนว่าตัวเองได้ส่องกระจกยังไงยังงั้นเลย

         “เธอชื่ออะไร”

         ฉันเลือกที่จะไม่ถามคำถามเดิม แต่เลือกที่จะเปลี่ยนคำถามใหม่ เพราะถ้าถามว่าเธอเป็นใคร เธอก็จะตอบกลับมาแค่ว่า เธอคือฉัน เพราะงั้นฉันจะไม่ถามแบบนั้น

         คนตรงหน้ายิ้มออกมา เหมือนเธอดีใจที่ฉันถามออกมาแบบนั้น เธอดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้หลวมๆพร้อมกับลูบผมฉันขึ้นลง เพื่อที่จะให้ฉันผ่อนคลายกับชื่อของเธอที่กำลังจะบอกออกมาในช้านี้

         “เธอต้องดีใจที่ได้รู้ชื่อของฉัน”

         “...”

         “ฉันชื่อเรลานี”  

     

    -100 %-

    -บางคนถึงกับอ้าปากค้าง-

    ว่าเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง เอาแล้วไง ยิ่งกว่าโคนันหรือเปล่าล่ะ

    เลเน่ยังต้องเจอเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิตอีก บอกเลยว่านี้มันแค่ครึ่งหนึ่งของเรื่องที่เธอจะเจอ

    เพราะเธอจะเจอมากกว่านี้อีกหลายเท่า เตรียมใจเอาไว้ให้ดี

    เพราะเรื่องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเธอคิดเอาไว้ก็ได้ 55555555555555555555

    เม้นท์เป็นกำลังให้กันหน่อยน้าาาาาา

    เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพต่อให้เยย

     

     

     

     

     

    -LOVER SET- 

       

      REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796

    WELL : คลิก  https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796  

     

     

    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×