คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : PLAYBOY LOVER 07 | {100 %}
หลังจากพาเอสไปกินข้าวเสร็จ เขาก็พาฉันมาที่Prince Intertainment ตามที่สัญญากันเอาไว้ ที่นี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่พี่เวลล์สังกัดอยู่ วันนี้เขาไม่ได้ไปถ่ายแบบที่ไหนแต่ก็ต้องเข้ามาที่นี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องเข้ามาที่นี่แทบทุกวัน ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาก็ได้
อีกอย่างคนที่นี่ก็เคารพเขาอย่างกับอะไรดี ทำราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของยังไงยังงั้นแหละ มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันติดตามเขามาตลอด ไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา
แต่จะว่าไปฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยรู้จักเขาอย่างดีเลยนะ เพราะเขาไม่ยอมบอกอะไรให้รู้ได้รับรู้บ้างเลย มีแต่จะไล่กันอยู่ท่าเดียว ที่ฉันรู้ว่าเขาอยู่นี่ก็เพราะฉันโทรถามพี่โพลผู้จัดการส่วนตัวของพี่เวลล์นั่นล่ะ เขาบอกว่าพี่เวลล์อยู่ที่นี่ฉันก็เลยได้มาตามถึงที่เลย
“มาขอพบคุณเวลล์ค่ะ” ฉันจูงมือเอสไปถามพนักงานต้อนรับที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“ไม่ทราบว่าได้นัดเอาไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าคะ” เธอหันมายิ้มอย่างเป็นมิตร ถ้าฉันตอบว่าไม่เธอคงไม่ให้เข้าพบแน่
อีกอย่างดูท่าทางแล้วที่นี่คงจะเข้มงวดมากกว่าที่สตูดิโอแหงๆเลย ถ้าพี่เวลล์บอกคนที่นี่ว่าห้ามให้ฉันเข้าพบมีหรือที่คนที่นี่จะไม่ทำตาม พี่เวลล์อ่ะมีชื่อเสียงจะตายไป บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางทำให้เขาดับได้หรอก
“เอ่อ...คือว่า” ฉันยืนอ้ำอึ้งอยู่นาน จนเอสที่ยืนอยู่ข้างโพล่งขึ้นมาทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“นัดครับ” ร่างสูงบีบมือฉันแน่นก่อนจะบอกพนักงาน “คุณเวลล์มีธุระจะคุยกับผมเลยให้ผมมาที่นี่ บางทีเค้าอาจจะอยากให้ผมเป็นนายแบบก็ได้”
สุดยอดเลย! ฉันนี่ทึ้งกับความสามารถเอาตัวรอดของเขานะ โกหกได้อย่างแนบเนียนสุดๆ ไม่มีใครจับพิรุธได้แน่ ก็คงไม่แปลกหรอก เพราะเอสเองก็หน้าตาดี แถมหุ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง เข้าขั้นเป็นนายแบบรองจากพี่เวลล์ได้สบายๆเลยล่ะ
“ห้องทำงานของคุณเวลล์อยู่ชั้นสิบเก้าคะ”
“ขอบคุณครับ” เอสส่งยิ้มให้พนักงานคนนั้นไป เธอนี่หน้าแดงลามไปถึงใบหูเลย ดูก็รู้ว่าเขินเอสมากแค่ไหน ผู้หญิงอะไรจะง่ายขนาดนี้ ฉันด่าคนอื่นนะไม่ได้ด่าตัวเอง ฉันมันเป็นข้อยกเว้น
“แต่ตอนนี้คุณเวลล์ไม่อยู่หรอกนะคะ ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้ามา”
“ผมรอได้” พูดจบเอสก็จูงมือฉันเดินเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นที่พนักงานคนนั้นบอก “ดูจากสีหน้าแล้วคงจะดีใจที่จะได้เจอกับเค้าสินะ”
“มันก็แน่อยู่แล้ว อย่าลืมที่เราเตรียมกันมานะ” ฉันกำชับเอสให้พูดตามที่ฉันบอกตอนที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่พอดูจากสีหน้าของเขาแล้วฉันก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้วสิ กลัวว่าเขาจะไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาฉันคงฆ่าตัวตายแน่ๆ
ฉันกับเอสเดินเข้ามาในห้องทำงานของพี่เวลล์ มันเป็นห้องที่ใหญ่โอ้อ่ามาก เขาเป็นเพียงนายแบบเท่านั้นนะ แต่ห้องนี้กลับเหมือนว่าเขาเป็นผู้บริหารอย่างนั้นแหละ อยากจะบ้าตายอะไรจะรวยขนาดนี้กัน ฉันล่ะอยากเป็นแฟนกับพี่เวลล์เร็วๆจัง ผู้หญิงทุกคนในเมืองนี้จะได้อิจฉาที่ฉันที่มีแฟนหล่อ รวย สรุปง่ายๆคือมีดีทุกอยากอ่ะ
ฉันเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน เอสเองก็เดินมานั่งข้างฉัน ก่อนจะมองหน้าฉันแล้วเรียกเบาๆ เสียงนี่สยิวได้ใจดีจริงๆ ฉันไม่เคยอยู่กับเอสในห้องสองต่อสองแบบนี้เลยนะ มันเลยทำให้ฉันประหม่าเล็กน้อย
“วิวาห์”
“อะไร” ฉันพยายามไม่มองหน้าเอส เพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าฉันที่ตอนนี้กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอาย ฉันไม่เคยอายใครมาก่อนเลย และเขาก็เป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น
“ฉันมีเรียนต่อบ่าย อีกนานไหมเค้าจะมา” เรื่องที่เอสชวนฉันคุยทำให้ฉันเบาใจไปได้บ้าง เพราะกลัวว่าเขาอาจจะพูดเรื่องที่ทำให้ฉันไม่ต่อไม่เป็น ฉันเงยหน้ามองหน้าเขาก็เห็นว่าเขาเองก็มองฉันกลับมาเช่นกัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พนักงานข้างล่างก็บอกว่าพี่เวลล์จะเข้ามาอีกครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ”
“แต่ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมาบอกฉันด้วยประโยคเพียงสั้นๆที่ได้ใจความ “ฉันไปล่ะ”
หมับ!
ฉันคว้าแขนเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป มาถึงที่นี่แล้วคิดว่าฉันจะให้เขากลับไปง่ายๆอย่างนั้นน่ะเหรอ คิดผิดแล้วล่ะ
ฉันรู้นะที่เอสอยากรีบกลับเพราะเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่เวลล์มากกว่า และก็ไม่อยากบอกความจริงให้พี่เวลล์ได้รู้ด้วย ดูสีหน้าเขาแค่นี้ก็เดาได้ไม่อยากเลย เอสหันกลับมาก่อนกระตุกยิ้มที่มุมปาก เหมือนว่านี่มันเป็นแผนของเขาอย่างนั้นล่ะ
“อยากให้อยู่?” เอสเลิกคิ้วถามกลับมา เขาดึงตัวฉันให้ไปประชิดตัวเขา ทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามหน้าท้องที่แข็งแกร่งของเขา ทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้องเลย
“เออ!”
“พูดไม่เพราะ”
“อะไรของนายเนี่ย ฉันไม่ตลกกับนายด้วยหรอกนะคนยิ่งซีเรียสอยู่”
ฉันต่อว่าเขาพร้อมกับดันเขาให้ออกห่างจากตัวไปด้วย ซึ่งเขาก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาฉันเสียวสันหลังไปหมด
“ฉันกลับล่ะ” เอสยืนโบกมือให้ก่อนจะเปิดประตู แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปไหนฉันก็ตัดสินใจเรียกเขาเอาไว้ซะก่อน
เรื่องพี่เวลล์ต้องมาก่อนเสมอ ยอมทำตามที่เอสบอกไปก่อนแล้วกัน แล้วค่อยรวบยอดทีหลัง ฉันจะทำให้เขากระอักเลือดเลยคอยดู
“ก็ได้ๆ” เอสชะงักมือที่จับลูกบิดประตูค้างไว้ เขาปล่อยมันก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน “แค่พูดดีๆเท่านั้นใช่ไหม?”
“อ้อนด้วย”
ไม่พูดเปล่าแต่เขายังรวบตัวฉันเข้าไปหาพร้อมกับกอดรัดร่างฉันเอาไว้แน่น ทำให้ฉันขยับไปไหนไม่ได้ ตกใจมากนะที่เขาทำแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่ามันยิ่งทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันมันเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“หัวใจเธอเต้นเร็วจัง”
“ปะ...ปล่อย”
เอสไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก แต่กลับดันตัวฉันให้เดินถอยหลับจนไปชนเข้ากับขอบโซฟาจนเสียหลักล้มด้วยกันทั้งคู่ ดีนะที่ล้มใส่โซฟาไม่ใช่พื้น แต่ก็อย่าคิดว่ามันจะดีอย่างที่เข้าใจ เพราะเอสล้มทับตัวฉันอยู่
แต่มันไม่หนักเท่าไหร่เพราะเขาเอาแขนยึดไว้ได้ทัน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เขาคร่อมร่างฉันอยู่ยังไงล่ะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่เวลล์มาเห็นสภาพเราสองคนแบบนี้อะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้เอสอธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุเขาก็ไม่มีวันเชื่อหรอก
หัวใจฉันเต้นแรงอีกแล้วอ่ะ ฉันเอามือทาบหน้าอกข้างซ้ายตัวเองเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เอสได้ยินมันไปด้วย
แปลกมากจริงๆที่เขาคนนี้มามีอิทธิพลกับฉันได้ นอกจากพี่เวลล์แล้วก็ไม่มีใครอีกเลยที่ทำให้ฉันใจเต้นแรง
แต่พอเอสเข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยน เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้น เขาทำให้ฉันอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาทำให้ฉันมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ฉันรู้สึกกับพี่เวลล์คนเดียวมาตลอด ไม่คิดเลยว่ามันจะมารู้สึกกับอีกคนแบบนี้ นี่ฉันเป็นอะไรไป ไม่เข้าใจตัวเองเลย
เอสจับมือของฉันข้างหนึ่งขึ้นมาทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา ซึ่งฉันสัมผัสมันได้ว่าตอนนี้มันเต้นแรงแค่ไหน เต้นแรงกว่าฉันซะอีก
ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะจริงจังกับฉันขนาดนี้ เราเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวเองนะ ไม่แปลกหรอกฉันเองก็เป็นเหมือนเขานี่แหละ เจอพี่เวลล์ครั้งแรกหัวใจฉันก็แทบจะเด้งออกมาเต้นข้างนอก
“รู้ยังว่าฉันรักเธอ”
เอสมองสบนัยน์ตาฉันเข้ามา ดวงตาของเขาเป็นประกายสวยมาก ฉันเพิ่งได้จ้องเขาแบบชัดๆก็วันนี้นี่ล่ะ เขาหล่อมากๆจริงนะผู้ชายคนนี้ ดีไม่ดีเข้าขั้นสูสีกับพี่เวลล์ได้เลย
“ถ้ารู้แล้วก็ช่วยรับมันไปที”
“อะ...เอส”
ฉันไม่รู้จะบอกเขาไปว่ายังไงดี ฉันไม่สามารถรับอะไรจากเขาได้ คนเดียวที่ฉันจะรับจากเขาได้ก็มีแต่พี่เวลล์เท่านั้น แต่ถ้าให้ฉันพูดออกไปมันก็ดูจะเป็นการทำร้ายเขาอีก แค่นี้ฉันก็ทำร้ายเขามากเกินพอแล้ว ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บเพราะคำพูดของฉัน
ฉันรักพี่เวลล์ และนี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่สามารถรักใครได้อีก หัวใจของฉันตอนนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้ใครแล้วด้วย อีกอย่างการที่ฉันมาทำอะไรกับเอสแบบนี้ที่ห้องของพี่เวลล์ก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะความรู้สึกบ้าๆที่เกิดขึ้นมากับเอสอีกล่ะ ฉันไม่อยากรู้สึกผิดต่อพี่เวลล์ไปมากกว่านี้
ฉันตอบรับความรู้สึกจากเอสไม่ได้หรอก!
“เอสคือฉัน...อื้อ”
ฉันที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หรือระวังก็ถูกเอสประกบปากลงมาทันที การกระทำของเขาทำให้ฉันกลืนคำพูดที่จะปฏิเสธเขาไปจนหมดสิ้น ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่ต่อต้านเขาได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นฉันเตะผ่าหมากมันไปนานแล้ว แต่กับคนคนนี้ฉันกลับทำไม่ลง
เอสไม่ได้จูบฉันแบบลึกซึ้งหรอกนะ มันเป็นเพียงการประกบปากลงมาเท่านั้น หรือพูดง่ายๆก็คือปากแตะปากอ่ะ เขาคงไม่อยากได้ยินสิ่งที่ฉันจะพูดออกมาล่ะมั้ง
ฉันเข้าใจความรู้สึกเขานะ เพราะตอนนี้ฉันเองก็เป็นเหมือนเขาเหมือนกัน พี่เวลล์ก็ปฏิเสธความรู้สึกของฉันเหมือนอย่างที่ฉันจะปฏิเสธความรู้สึกของเอสไงล่ะ
“ทำอะไรกัน!!!”
O_O เฮือก
สะ...เสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยว่าเป็นเสียงของใคร ฉันดันตัวของเอสให้ลุกออกจากตัวฉันทันที ซึ่งเขาก็ยอมลุกออกอย่างว่าง่ายก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ฉันนี่สิพอเห็นหน้าคนที่เข้ามาใหม่ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก เพราะไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาเร็วขนาดนี้
พี่เวลล์มองหน้าฉันนิ่งใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย ทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดหรือทำอะไร เรื่องเก่ายังเคลียร์กันไม่รู้เรื่องเลย นี่ยังจะมาเรื่องใหม่อีกแล้วเหรอ ทำไมฉันถึงได้ซวยขนาดนี้ อยากจะรู้จริงๆว่าใครเป็นคนขีดเส้นชะตาฉันเอาไว้ถึงต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้
“พะ...พี่เวลล์”
ฉันเดินเข้าไปหาเขา แต่เขากลับถอยห่างจากฉันเหมือนว่าร่างกายฉันมันสกปรกจนเขาไม่อยากเข้าใกล้ เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่อย่างเงียบๆ
“คุณสินะที่ชื่อเวลล์”
เอสเดินเข้ามาโอบไหล่ฉันเอาไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำเอาฉันตกใจรีบผลักเขาออก แต่แรงเขากลับมีมากกว่าฉันเลยทำให้เขาโอบไหล่ฉันเอาไว้ได้สำเร็จ พี่เวลล์มองหน้าฉันอยู่สักพักก่อนจะเลื่อนสายตาลงต่ำมองมือของเอสที่โอบไหล่ฉันเอาไว้
“เอสทำอะไรของนาย เอาแขนออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันที่เห็นท่าไม่ดีหันไปต่อว่าเขาอย่างโกรธจัด ไหนบอกว่าจะมาบอกความจริงให้พี่เวลล์เข้าใจฉันไงล่ะ แต่นี่กลับมาทำให้เขาเข้าใจผิดกว่าเดิมน่ะสิ
“มาทำอะไรที่ห้องฉัน?” พี่เวลล์เลื่อนสายตามาปะทะกับฉัน เขายืนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้ซีเรียสกับภาพที่เห็นตรงหน้า
หึงบ้างก็ได้นะฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะว่าเขาไม่ได้รักหรือรู้สึกดีกับฉันเลยสักนิด
“ฉันจะมาเคลียร์กับพี่เวลล์ไงคะ” ฉันปัดแขนเอสที่โอบไหล่ฉันออกได้สำเร็จ เอสเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาแค่ยืนอยู่เฉยๆฟังที่ฉันคุยกับพี่เวลล์อย่างเดียว
“เคลียร์? เรื่องอะไร?” ร่างสูงขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่ง “ถ้าเป็นเรื่องเดิมๆไม่ต้องหรอกนะ เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธออยู่แล้ว เธอจะไปนอนกับใครที่ไหนยังไงมันก็เรื่องของเธอ”
“ไม่ใช่นะคะพี่กำลังเข้าใจฉันผิด” ฉันรีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกับลูกกระเดือกอยู่แล้ว ทำไมเขาเข้าใจไปแบบนั้นกัน
“เรื่อง?”
“ก็เรื่องรอยแดงที่ต้นคอฉันยังไงล่ะคะ”
“แล้วไง?” นี่สิพี่เวลล์ตัวจริง ถามคำตอบคำ ถ้าไม่ถามก็จะไม่ตอบ
“เอสเป็นเพื่อนฉันเองค่ะ เขาแกล้งฉันมันก็เลยเป็นรอยอย่างที่พี่เวลล์เห็น”
“แกล้งแบบไหนถึงได้เป็นรอยขนาดนั้น?”
พี่เวลล์มองหน้าฉันด้วยแววตากรุ่นโกรธ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาโกรธฉันด้วยเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาพูดกับฉันเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่ใช่เหรอ
ฉันหันไปมองเอสที่ยืนผิวปากเล่นอยู่ข้างฉันให้บอกความจริงกับพี่เวลล์ไป แต่ดูท่าว่าคงจะไม่ได้ผลแล้วล่ะมั้ง เพราะการกระทำของเขาเมื่อกี้มันก็ฟ้องอยู่แล้วว่ายังไงซะเขาก็ไม่ยอมทำตามที่เราตกลงกันไว้
แต่จะมาให้พี่เวลล์เข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้แน่
“เอสนายบอกพี่เวลล์ไปสิว่านายทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” เอสหันกลับมามองฉันทันทีก่อนจะแสยะยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ออกมาให้ฉันได้เห็น
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก...ก็แค่ดูด”
“อะ...เอส” ฉันอยากฆ่าตัวตายก็ตอนนี้แหละ นี่เขาคิดอะไรอยู่ทำไมถึงพูดแบบนี้ออกไป ไหนบอกว่าจะช่วยฉันไง แล้วนี่อะไรไม่ต่างจากการฆ่าฉันให้ตายทั้งเป็นเลยนะ
“เธอบอกให้ฉันบอกเค้าไม่ใช่ไงว่าทำอะไรกับเธอไว้บ้าง ฉันก็บอกตามความจริงแล้วจะเอาอะไรอีก”
ฉันมองหน้าเขาด้วยความผิดหวัง ฉันไม่น่าเชื่อใจเขาขนาดนี้เลย ฉันหันไปมองพี่เวลล์ก็เห็นว่าเขามองหน้าฉันนิ่งเหมือนเดิม
“พี่เวลล์คะมันไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจเลยนะ”
“เธอคิดว่าฉันเข้าใจว่าอะไร?” พี่เวลล์ถามกลับทันทีที่เห็นว่าฉันพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ
“เอสนายจะทำกับฉันแบบนี้ใช่ไหม?” ฉันหันไปต่อว่าเอสที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาว น้ำตาฉันตอนนี้คลออยู่รอบดวงตาเตรียมจะไหลแล้วด้วย “จะทำแบบนี้กับฉันจริงๆเหรอ”
“เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าเราจูบกัน ผมไม่ได้ขืนใจวิวาห์เลยสักนิด” เอสไม่ฟังที่ฉันต่อว่าเขา แต่เขากลับเลือกที่จะเดินเข้าไปหาพี่เวลล์พร้อมกับพูดประโยคที่น่าเกลียดนั่นออกมา “ถ้าคุณไม่เข้ามาป่านนี้เราคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”
“...” พี่เวลล์เงียบและนิ่งมาก แม้แต่เอสเองยังแปลกใจเลย
“เราไม่ได้จูบกันนะคะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที เรื่องอะไรจะยอมรับมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด ที่ฉันไม่ได้ปฏิเสธเอสก็เพราะว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก
“เธอเรียกมันว่าอะไร?” พี่เวลล์โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาสุดๆ
“เอ่อ...ก็แค่ปากแตะปากเท่านั้น”
เออ!ใช่แล้ว เมื่อกี้เขาไม่ได้เรียกว่าจูบหรอก มันเป็นแค่การสัมผัสของร่างกายของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นเองนะ ไม่ได้เรียกว่าจูบเลยสักนิด พี่เวลล์จะต้องเข้าใจฉันสิ เพราะเขาเองก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาตั้งเยอะตั้งแยะ ประสบการณ์มากมีด้วย เขาเห็นแค่นั้นก็น่าจะดูออกนะว่าอะไรเป็นอะไรอ่ะ
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกเธอจะทำอะไรกัน แต่นี่มันห้องฉันถ้าอดอยากปากแห้งมากนักโรงแรมแถวนี้ก็มี” พี่เวลล์พูดด้วยเสียงที่ทรงพลัง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวไม่พอใจมากแค่ไหนที่เห็นฉันกับเอสอยู่ในห้องของเขาแบบนี้
“พี่เวลล์ได้โปรดเชื่อฉันเถอะค่ะ” ฉันคุกเข่าต่อหน้าพี่เวลล์พร้อมกับพนมมือไหว้เพื่อขอให้เขาเชื่อฉัน ดิดดูสิว่าพ่อแม่ตัวเองฉันยังไม่ทำถึงขนาดนี้เลยนะ
“เฮ้!ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะวิวาห์” เอสร้องตะโกนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าฉันคุกเข่าพนมมือไหว้พี่เวลล์แบบนี้
“นายไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เพราะนายคนเดียว” ฉันตวาดใส่หน้าเอสพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างกับสายน้ำ ฉันไม่สามารถเข้มแข็งได้จริงๆ ฉันโกรธเอสที่เขาทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ โกรธตัวเองที่ไม่เข้มแข็งให้มากกว่า
“วิวาห์” >>> พี่เวลล์ เอส
ทั้งสองคนเรียกชื่อฉันขึ้นมาพร้อมกัน
เออ!ดูเอาไว้นี่ไงล่ะน้ำตาของวิวาห์ ที่ทุกคนต่างพากันบอกว่าฉันเข้มแข็ง เป็นผู้หญิงที่สตรอง ปกติแล้วฉันเข้มแข็งจะตาย เจอเรื่องอะไรที่ร้ายแรงฉันก็ไม่เคยร้องไห้ออกมาเลยสักครั้ง แต่นี่มันเกินความสามรถของฉันจริงๆ เรื่องความรักมันทำให้เราอ่อนแอได้นะ
“พี่เวลล์ได้โปรด...ฮึก”
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะวิวาห์”
เอสพยายามฉุดฉันให้ลุกขึ้น แต่ฉันก็ขืนตัวเองเอาไว้ไม่ยอมลุกไปไหน พี่เวลล์เองก็ได้แต่มองหน้าฉันนิ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ นั่นยิ่งทำให้น้ำตาฉันไหลออกมามากกว่าเดิม
“ฉันกับเอสไม่ได้มีอะไรกันจริงๆนะคะพี่เวลล์ ฉันไม่โกหกพี่อยู่แล้ว” ฉันเขยิบเข้าไปใกล้พี่เวลล์ก่อนจะกอดขาเขาเอาไว้ ฉันตอนนี้คงดูน่าสมเพชมากเลยสินะ ไม่เหลือเคล้าของความเป็นคุณหนูลูกท่านทูตเลย
“วิวาห์ฉันบอกให้เธอลุกขึ้นไง” เอสเดินเข้ามากระชากแขนฉันให้ปล่อยขาพี่เวลล์ ทำให้ฉันได้กลับไปยืนข้างเอสอีกครั้ง แต่ฉันก็ยังคงดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเอสแล้วไปนั่งกอดขาพี่เวลล์
“พี่ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าถ้าฉันรักคนอื่นฉันจะลงทุนตามตื๊อพี่ทำไมตั้งสองปี...ฮึก”
“...” พี่เวลล์ก็ยังคงเงียบมองหน้าฉันเหมือนเดิม เขาเหมือนไม่มีชีวิตอยู่เลยตอนนี้
“ฉันรักพี่นะคะ รักพี่คนเดียวมาตลอด” ฉันไม่ยอมปล่อยมือออกจากขาของคนตรงหน้า ไม่ว่าเอสจะทำยังไงฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเด็ดขาด พี่เวลล์เองก็ไม่ได้สะบัดขาออกไปจากฉัน เขายืนให้ฉันกอดอยู่อย่างนั้น
“เธอทำแบบนี้ได้ไงวะวิวาห์”
เอสมองหน้าฉันด้วยความผิดหวัง ฉันสิผิดหวังในตัวเขามากกว่า ถ้าเขาไม่พูดอะไรแบบนั้นฉันคงไม่ต้องมานั่งกอดขาผู้ชายร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้หรอก ฉันกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าอะไรเลย ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่ตัวเองรัก น่าสมเพชใช่ไหมล่ะ
“เธอทำเหมือนตัวเองไม่มีค่า ที่เที่ยวไปขอความรักจากคนอื่น”
คำพูดของเอสทำให้ฉันเงียบไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั้นแหละฉันมันเป็นผู้หญิงไม่มีค่า ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง วันๆเอาแต่ไล่ตามผู้ชายเพื่อหวังให้เขามารัก ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีวันทำสำเร็จ แต่ฉันรักเขารักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน
เอสไม่ได้มาเป็นฉันเขาไม่มีวันเข้าใจฉันหรอกว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องเห็นคนที่เรารักเดินควงคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เว้นแต่ล่ะวัน
ฉันเองก็อยากจะหลุดพ้นสถานะแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันรักพี่เวลล์มาก ฉันไม่สามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีก นอกจากผู้ชายตรงหน้าฉันคนนี้
“ฉันจะทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ขอแค่พี่เวลล์เข้าใจฉันก็พอ” ฉันเงยหน้ามองพี่เวลล์ ก็เห็นว่าเขาเองก็ก้มหน้าลงมามองฉันเหมือนกัน “ฉันไม่เคยนอกใจพี่เลยนะคะ”
“วิวาห์เธอจะมานั่งคุกเขากอดขาผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิดไง?” เอสพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวดที่เห็นฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉันเองก็เจ็บปวดไม่ต่างไปจากเขาหรอก
ทันทีที่พี่เวลล์ได้ยินสิ่งที่เอสพูดเมื่อกี้เขาก็ละสายตาไปจากฉัน ก่อนจะหันไปจ้องอีกฝ่ายเขม็ง แล้วพูดประโยคที่ทำเอาฉันกับเอสอึ้งกันไปตามๆกัน เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงออกมาเลยว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นความจริง เพราะการกระทำของเขาช่างสวนทางกับคำพูดสิ้นดี
เม้นท์เท่าที่ใจรีดเดอร์มีต่อพี่เวลล์กับน้องวิวาห์เลยงับ
เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพให้เยย
REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796
WELL : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796
-ฝากเพจอีกสักที-
ความคิดเห็น