คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : PLAYBOY LOVER 06 | {100 %}
วันต่อมา
“ไอ้บ้าเอสมันอยู่ไหน?”
ฉันร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าคณะวิศวฯ ที่ฉันต้องมาร้องตะโกนอยู่ที่นี่ก็เพราะว่ามันเป็นคณะที่ไอ้บ้านั่นมันเรียนอยู่ยังไงล่ะ
การตามตัวเขาไม่อยากนักหรอก เพราะใครๆก็รู้จักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี ก็เล่นเที่ยวไปหม้อผู้หญิงทั่วมหาวิทยาลัย ใครๆก็รู้จักเขาไปหมดล่ะ
“แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ยไอ้บ้าเอส”
พอนึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วมันก็ทำให้ฉันหงุดหงิดทันทีเลย พี่เวลล์ยอมไปส่งฉันที่คอนโดแต่เล่นไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ
อีกอย่างเขาคงจะเกลียดฉันเข้าไส้แล้วล่ะมั้งเนี่ย ที่แท้รอยบ้านั่นมันก็เป็นรอยที่ไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่างเอสมันทำเอาไว้ให้ มิน่าล่ะทำไมเขาถึงได้พูดอะไรที่มันประหลาดออกมา
‘แสดงความเป็นเจ้าของ แฟนจอมปลอมเธอจะได้รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว’
ทำไมฉันถึงไม่เอะใจอะไรเลยนะ พี่เวลล์จะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ใครจะไปคิดล่ะว่าเอสจะกล้าทำกับฉันแบบนั้นได้ เรื่องมันไม่น่าเป็นแบบนี้เลย
ฉันจะทำยังไงดี คดีเก่ายังไม่หาย นี่ยังจะมาเกิดคดีใหม่ขึ้นมาอีก บ้ามาก ปีนี้เป็นปีชงของฉันหรือเปล่า ไม่มีหน้าไปเจอพี่เวลล์อีกแล้วล่ะ
เมื่อวานเขาไม่ไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมาก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันตรงไหนหรอกนะ เพราะสายตาของเขาที่มองฉันก็เหมือนกับรังเกียจกันอย่างกับอะไรดี
“น้องมาร้องอะไรแถวนี้?” ฉันหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาสะกิดไหล่ฉัน ก่อนจะผงะออกด้วยความตกใจ เพราะเขาไว้หนวดไว้เคราอย่างกับโจรผู้ร้าย ดูก็รู้เลยว่าเป็นรุ่นพี่ เพราะหน้าบ่งบอกซะขนาดนี้ คงไม่ใช่รุ่นเดียวกับฉันแน่
“ฉันมาตามหาเพื่อนน่ะค่ะ”
ฉันยกมือไหว้รุ่นพี่ และบอกความต้องการของตัวเอง เขาพยักหน้าเล็กน้อยไม่นานก็ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก เขาหันมาจ้องฉันอย่างดีใจเหมือนได้เจอดาราเกาหลีอะไรทำนองนั้น เล่นเอาฉันงงไปเลย
“มะ...มีอะไรเหรอคะ?”
“น้องวิวาห์ใช่ป่ะ?”
รู้จักชื่อฉันด้วยอ่ะ สาบานเลยนะว่าฉันไม่รู้จักพี่เขา เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางไปสุงสิงกับคนแบบนี้แน่ มีหวังพ่อกับแม่เล่นฉันตายเลยถ้าคบกับคนที่ท่าทางอันธพาลแบบนี้
“พี่รู้จักฉันด้วยเหรอคะ?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
ตั้งแต่ที่ฉันมาเรียนฉันไม่เคยย่างก้าวเข้ามาที่คณะนี้เลยนะ แล้วจะรู้จักฉันได้ยังไง อีกอย่างพอรุ่นพี่คนนี้ตะโกนเสียงดังถามชื่อฉัน คนที่อยู่ในระแวกนี้ต่างพากันให้ความสนใจฉันเป็นอย่างดีเลยล่ะ คนพวกนั้นพากันเดินมามองดูหน้าฉันอย่างสนอกสนใจฉันซะเหลือเกิน
ฉันเริ่มกลัวแล้วนะ มันเรื่องอะไรกัน
“ตัวจริงเสียงจริงเลยเว้ย” พี่แกตะโกนกระโดดโลดเต้น ก่อนจะหันมาพูดกับฉันต่อด้วยความดีใจที่ตัวเองทายถูก “ได้เจอตัวจริงจนได้ ตัวจริงนี่น่ารักกว่าในรูปอีกนะ”
“รูป? รูปอะไรคะ?” งงมากนะตอนนี้ ฉันมีรูปอะไร อินสตาแกรมก็ไม่เล่น เฟสบุ๊คไม่ต้องพูดถึงไม่แตะเล่นด้วยซ้ำ แล้วจะไปเอารูปฉันมาจากไหน “อีกอย่างพี่รู้จักฉันด้วยเหรอคะ?”
“ทำไมจะไม่รู้จัก น้องดังมากเลยนะในคณะพี่ไม่มีใครไม่รู้จักน้องหรอก”
นี่งงยิ่งกว่า คนในคณะวิศวฯรู้จักฉันหมดทุกคนด้วย อยากจะบ้าตาย ได้ข่าวว่าตัวเองไม่ค่อยเข้าเรียนด้วยซ้ำไป แล้วจะมารู้จักอะไรฉันขนาดนั้น
“นี่ไงรูปของน้องติดเต็มคณะพี่เลยนะ”
รุ่นพี่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ฉัน ฉันรีบเปิดอ่านทันทีด้วยความอยากรู้ แต่ภาพที่ฉันได้เห็นตรงหน้ากลับทำให้ฉันเข่าอ่อนยวบ ทรุดนั่งที่พื้นอย่างอ่อนแรง เป็นไปได้ยังไง ฉันไปมีรูปพวกนี้ได้ยังไง ไม่จริง
มันไม่ใช่เรื่องจริง
แควก!!!
ฉันฉีกกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะโยนมันทิ้งไปให้ห่างจากตัว เพราะไม่อยากเห็นมันมากที่สุด ถ้าพี่เวลล์เห็นเข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น
จากที่ไม่มีหวังอยู่แล้วยิ่งไม่เห็นหนทางสว่างเลยแหละ มือแปดด้าน ใครกล้าทำแบบนี้กับฉัน ไม่เข้าใจเลยว่าจะอะไรกับฉันนักหนา ฉันไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้นนะถึงต้องมาทำกับฉันแบบนี้
“น้องคิดว่ามันมีแผนเดียวไง เค้าติดไว้ทั่วคณะพี่แล้ว” รู้แล้วไม่ต้องย้ำให้เจ็บช้ำไปมากกว่านี้ได้ไหม
ภาพที่ฉันเห็นมันเป็นภาพที่เอสก้มลงมาทำอะไรบางอย่างกับต้นคอฉันจนมันเกิดรอยยังไงล่ะ และมันก็ชัดมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาพนั้นคือฉัน อีกอย่างภาพแบล็คกราวก็เป็นภาพของห้องเรียนด้วย
คิดดูสิว่ามันจะเลวร้ายมากแค่ไหน ทุกคนต้องคิดว่าฉันกับเอสมีอะไรกันในห้องเรียนแหงๆ เพราะภาพมันมีแค่ฉันกับเอสที่ยืนอยู่ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย เพราะมีมี่ก็ยืนถัดไปอีกมุมหนึ่ง
“ไมใช่แค่คณะพี่หรอกนะที่ติด เพราะในโลกโซเชียลเต็มไปหมดเลย น้องก็น่าจะรู้ว่าเอสมันฮอตแค่ไหน”
ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือพี่เวลล์จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่เล่นลงในโลกโซเชียลขนาดนี้ มีหรือที่คนอย่างพี่เวลล์จะไม่รู้ เพราะรายนั้นอ่ะเขาเป็นคนของสังคมยังไงก็ต้องติดตามอยู่แล้ว
“มาหาเค้าเหรอตัวเอง” ฉันหันไปมองที่มาของเสียงก็เจอเข้ากับไอ้ตัวปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปหาเอสทันที ดูก็รู้ว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่กลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด เพราะเจ้าตัวยังยิ้มกรุ้มกริ่มกลับมา ราวกับว่าดีใจซะเหลือเกินที่มันเกิดเรื่องนี้ คนที่ทำเรื่องแบบนี้ก็คงจะเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด
เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียว แต่เขากลับมาทำกับฉันได้มากมายขนาดนี้เลย ฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเขานั่นล่ะ เพราะงั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะต้องให้เขาไปบอกเรื่องนี้กับพี่เวลล์ด้วยตัวเองให้ได้
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นฉันขอจัดการกับไอ้บ้านี่ให้หายแค้นก่อน กล้าดียังไงมาทำกับฉัน นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้าเขาคิดหรือเปล่าว่าท่านจะมองฉันแบบไหน
“แกตาย!!!”
ฉันกระโจนเข้าไปใส่เอสทันที ก่อนจะขึ้นขี่หลังเขาและรัวกำปั้นใส่ไม่ยั้ง พร้อมกับบิดหูเขาไปด้วย หมั่นไส้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้ขอไม่เก็บความเป็นกุลสตรีไทยไว้แล้วกัน
แต่ดีนะที่เอสไม่ได้เหวี่ยงฉันให้ตกจากหลังเขา เพราะถ้าเขาคิดจะทำแบบนั้นเขาก็ทำได้ไม่ยาก เพราะตัวฉันก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ออกจะตัวเล็กด้วยซ้ำ
“ทำบ้าอะไรของเธอวะวิวาห์” เอสดันตัวฉันให้ลงจากหลังเขาก่อนจะหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ ตีสองหน้าชะมัดผู้ชายอะไรร้ายกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ ทำอะไรเอาไว้นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชายสักนิด” ฉันร้องตะโกนใส่หน้าเขา ซึ่งเขาเองก็ดูเหมือนจะไม่แคร์อะไรทั้งนั้น เขาจะแคร์อะไรล่ะ ก็คนที่เสียหายมันเป็นฉันนี่นาไม่ใช่เขา “ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?”
“เธอไม่อายไงคนมองหมดแล้ว”
ฉันหันไปมองตามที่เขาบอก ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรให้อายไปมากกว่านี้แล้วล่ะ เพราะภาพที่มันโชว์หราอยู่ในโซเชียลน่าอายกว่าเยอะ
ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ฉันก็คิดว่าเราสองคนอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แต่ฉันคงคิดผิดแล้วล่ะ เพราะเราสองคนเหมาะสมที่จะเป็นคู่กัดกันมากกว่า
“นายคิดว่าฉันจะเหลืออะไรให้อายอีกเหรอ?”
“เธอพูดเรื่องห่าไรของเธอวะวิวาห์” คนตรงหน้าเลิกคิ้วถามกลับมาอย่างหงุดหงิด เขาคงจะเจ็บที่ฉันทุบตีเขาอ่ะ เพราะฉันเองก็ใส่ไม่ยั้งแรงเหมือนกัน ดีนะที่เขาไม่ต่อยหน้าฉันกลับมา “ฉันไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้นะเอส เรื่องออกจะใหญ่” ฉันยืนเท้าเอวต่อว่าเขาต่อ “ทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
“อ้อ!ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็...” เขายืนเอามือล้วงกระเป๋าก่อนจะก้มลงมากระซิบบอกฉันที่ข้างหู “ฉันก็บอกเธอไปแล้ว”
“บะ...บอกอะไร?”
ฉันถามกลับไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก เพราะหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก อีกอย่างคนอื่นๆก็มองมาที่เราเป็นจุดเดียว ทำให้ฉันไม่กล้าโวยวายใส่เขา ถ้าเขาบ้าดีเดือดจูบฉันต่อหน้าคนอื่นจะทำยังไงล่ะ
“ฉันจะจีบเธอ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นฉันก็ถอยห่างจากเอสทันที ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจอะไรเขานะ เขาน่ะหล่อลากไส้เลยล่ะ แต่ที่ฉันต้องถอยห่างจากเขาเพราะฉันตกใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
“ผิดตรงไหนวะ เธอเองก็ยังไม่ได้มีแฟน ส่วนฉันก็มีสิทธิ์ที่จะจีบเธอไม่ใช่ไง”
“แล้วมาใช้วิชามารแบบนี้เหรอ?” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาอีกรอบ
บอกเลยว่าตอนนี้ฉันเดือดมาก เขามีสิทธิ์ที่จะจีบฉัน แต่ไม่มีสิทธิ์มาแสดงความเป็นเจ้าของฉันแบบนี้ ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะไปรักคนอื่นได้เหมือนกัน ทำไมเขาไม่เข้าใจอะไรบ้างเลย
เขามาทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันโกรธมากกว่าเดิมซะอีก ฉันไม่เคยโกรธใครเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยทำให้ตัวเองดูแย่ในสายตาคนอื่นแบบนี้ด้วย แต่ฉันเสียความรู้สึกกับผู้ชายคนนี้จริงๆ
“นายมันเลวจริงๆเลยเอส”
“ถ้าเป็นคนดีแล้วแม่งไม่ได้เธอ ฉันก็ยอมเป็นคนเลวว่ะ” เอสสวนขึ้นมาทันที ฉันควรดีใจใช่ไหมที่มีคนมาชอบฉันแบบจริงๆจังๆแบบนี้
แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ด้วย วิธีจีบผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เห็นต้องมาใช้วิธีนี้เลยก็ได้นี่นา
“อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ทำให้คนอื่นรู้แล้วว่าเธอเป็นของฉัน”
“นะ...นายทำเกินไปแล้วนะ”
“เกินไปตรงไหน?” เขาเดินต้อนฉัน ทำให้ฉันต้องก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ จนเขาเอื้อมมือมาจับข้อมือฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้ฉันถอยหนีไปจากเขา “บอกมาสิ ว่าไอ้การที่ฉันแสดงความจริงใจกับเธอแบบนี้มันทำให้เธอไม่พอใจ”
“...”
ฉันอยากจะบอกเขาไปนะว่าฉันไม่พอใจ แต่พอเห็นสายตาเขาที่มองมาที่ฉันแล้ว มันทำให้ฉันกลืนคำพูดพวกนั้นลงคอจนหมด หัวใจตอนนี้ก็เต้นแรงไม่เป็นส่ำอย่างกับว่ามีคนทำสงครามกันอยู่ข้างในอย่างนั้นแหละ
แววตาของเอสที่มองมาอย่างอ่อนโยน ห่วงหา ซึ่งฉันไม่เคยได้รับจากพี่เวลล์เลยตลอดสองปีที่ผ่านมา
“เธอบังคับให้ฉันเลิกชอบเธอไม่ได้หรอกนะวิวาห์” เอสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันทำให้ปลายจมูกของเขาชนกันเข้าอย่างพอดิบพอดี เขาไม่รู้เลยใช่ไหมว่ามีคนยืนมองเราอยู่อ่ะ “และฉันเองก็ไม่ได้บังคับให้เธอมาชอบฉันด้วย”
“...” ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะถ้าฉันคิดที่จะพูดอะไรตอนนี้รับรองได้เลยว่าปากของเราชนกันแน่นอน อยู่ใกล้กันขนาดนี้มันทำให้ฉันหายใจลำบาก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกเหมือนฉันเลยสักนิดนะ
“คนเรามันเลือกรักได้ด้วยเหรอวะ?”
เอสปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระก่อนจะจูงมือฉันให้เดินตามเขาไปที่สวนหย่อมข้างคณะที่มีโต๊ะไม้ตัวยาววางอยู่ และที่นี่ก็ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย เขาเอนหลังพิงกับต้นไม้เอามือล้วงกระเป๋า แววตาของเขาดูเจ็บปวดยังไงไม่รู้ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“อะ...เอส” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงเบาหวิว เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรทำไมต้องมาดราม่าตอนนี้ด้วย ฉันยิ่งเครียดอยู่นะ ไม่อยากจะเครียดหนักกว่าเดิม
“ถ้าเลือกรักได้ฉันเองก็อยากเลือกคนที่เค้ารักเราเหมือนกัน”
มันก็จริงอย่างที่เอสพูดนะ คนเรามันเลือกรักได้ด้วยเหรอ? ถ้าเลือกได้จริงๆทุกคนก็คงอยากจะรักคนที่เรารักที่สุด และอยากให้เขารักตอบด้วย
แต่ความจริงก็คือเราเลือกรักไม่ได้ เพราะถ้าเลือกได้คงไม่มีใครที่ต้องเสียใจอกหัก ร้องไห้ฟูมฟายหรอก ดูอย่างฉันสิทั้งที่รู้ว่าพี่เวลล์เกลียดฉันอย่างกับอะไรดี แต่ฉันก็ยังดันทุรังที่จะรักเขาต่อไป ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ได้อะไรกลับมาเลย ก็คนมันรักไปแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ นอกจากทำใจและยอมรับผมของมัน
“เธอเองก็คงไม่ต่างจากฉัน” เอสที่เห็นว่าฉันนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาก็เดินเข้ามานั่งข้างฉันก่อนจะเอื้อมมือมาปัดผมที่ปรกหน้าไปไว้ข้างหลังให้ฉันอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ฉันไปเหมือนเขาตรงไหน
“นายพูดอะไรของนายฉันไม่เข้าใจ”
“ไปรักคนที่เค้าไม่รักเรา”
ฉึ๊ก!
คำพูดของเอสทำให้ฉันไปต่อไม่เป็นเลย ฉันรู้มาตั้งนานแล้วล่ะว่าพี่เวลล์ไม่ได้มีใจให้ฉัน แต่ฉันก็พยายามหลอกตัวเองมาตลอดว่าสักวันหนึ่งจะเปลี่ยนใจเขาได้
แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนเสือให้เป็นแมวได้อยู่ดี แต่ฉันก็มีความสุขนะถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความสุขจอมปลอมก็ตามที แค่ได้เห็นหน้าคนที่เรารักทุกวันมันก็ทำให้เราดีใจจนไม่หวังอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
“ฉันไม่ท้อหรอกนะ”
ฉันหันไปพูดกับเอสอย่างมุ่งมั่น คนเราต้องมีความหวังสิ ถ้าไม่มีความหวังนั่นก็เท่ากับว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรมันก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จของฉันคือการได้พี่เวลล์มาเป็นแฟน ต่อให้มันจะยากแค่ไหนฉันก็ต้องทำให้ได้
“สักวันพี่เวลล์จะต้องมาเป็นแฟนฉัน”
“ฉันก็ไม่ท้อเหมือนกัน”
เอสยื่นมือมากุมมือฉันเอาไว้ ฉันเองก็ไม่ได้สะบัดหนีไปไหนปล่อยให้เขาจับอยู่อย่างนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ปล่อยให้เขาทำแบบนี้ แต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้บอกได้เลยว่ามันรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ เพราะไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับฉันมาก่อน
“ฉันจะต้องเอาเธอมาเป็นแฟนให้ได้”
“แต่ว่าฉัน...”
“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยดิ” เอสพูดแทรกขึ้นมา เหมือนเขาไม่ต้องการที่จะฟังว่าฉันกำลังจะพูดอะไรต่อจากเขา ซึ่งฉันเองก็เลือกที่จะไม่พูดออกมาเหมือนกัน เพราะไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ
ฉันเลื่อนมือออกจากมือของเอส ก่อนจะตอบเขากลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ฉันไม่อยากรู้สึกแปลกๆแบบนี้ มันเหมือนกลับว่าตัวเองกำลังจะนอกใจพี่เวลล์ยังไงยังงั้นเลย
“ไม่!!!”
“ไม่อยากกินเป็นเพื่อนแต่อยากกินเป็นแฟน?” เอสยักคิ้วถามกลับมาอย่างกวนๆ ทำให้ฉันตีแขนเขาไปเต็มแรง
“ตลกตายล่ะไอ้บ้า”
“บ้ารักเธอนะ” เอสส่งจูบมาให้ฉันผ่านสายลม ทำเอาฉันแทบอยากจะหัวเราะออกมาจนฟันร่วงหมดปากเลย เพราะคนอย่างเขาไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ “ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ นะครับที่รัก”
“ก็ได้!” ฉันคิดอะไรดีๆออกแล้วล่ะ ฉันจะต้องให้เอสไปกับฉันให้ได้ “แต่ต้องมีข้อแม้นะ”
“อะไรของเธอแค่ไปกินข้าวต้องมีข้อแม้ด้วย เยอะไปป่ะเนี่ย” เอสเกาหัวตัวเองอย่างรำคาญ ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าจะทำหน้ายังไง เพราะถ้าเขาอยากให้ฉันไปกินข้าวด้วย เราก็ต้องมีอะไรมาแลกกันหน่อย และฉันเชื่อว่าถ้าเขารักฉันจริงๆเขาจะต้องทำให้ฉันได้อย่างแน่นอน
“ตกลงหรือเปล่าถ้าตกลงฉันก็จะไปกินข้าวกับนาย” งานนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่าเห็นๆ เอสคงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบตกลงอย่างว่าง่าย
“เออ!ว่ามา”
“ถ้าฉันพานายไปกินข้าว นายต้องพาฉันไปหาพี่เวลล์”
“แค่นี้? มันจะไปยากอะไรวะ กินเสร็จแล้วพาไปส่ง”
เขาคงยังไม่รู้ว่าฉันกำลังจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากทำมากที่สุดออกมา อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายเขาหรอกนะ แต่ฉันก็ทำร้ายพี่เวลล์ไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าพี่เวลล์จะไม่ได้รักฉัน ฉันก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดฉันด้วยเรื่องบ้าๆนั่น
ถ้าให้เลือกระหว่างเอสกับพี่เวลล์ ยังไงแล้วฉันก็ต้องเลือกพี่เวลล์อยู่แล้ว ฉันไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่าคนที่ฉันรักไปได้หรอก และการที่ฉันหัวใจเต้นแรงกับเอส อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย และฉันก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนนอกจากพี่เวลล์ด้วย มันก็เลยทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงเท่านั้นเอง
“นายจะต้องไปบอกพี่เวลล์ด้วยว่านายแกล้งฉันที่ทำให้เกิดไอ้รอยบ้าๆนั่นขึ้นมา”
“เกี่ยว?” เขาเมินหน้าไปทางอื่นเมื่อได้ฟังข้อเสนอของฉัน
“เต็มๆเลยล่ะ ฉันไม่อยากให้พี่เวลล์เข้าใจฉันผิด”
“เธอแคร์เค้ามากขนาดนั้นเลยไง?” เอสหันหลับมาถาม แววตาของเขาดูเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ขอโทษด้วยนะ ฉันบอกแล้วว่าคำขอของฉันอาจจะทำให้เขาเจ็บได้ แต่ฉันก็ต้องทำ จะว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ฉันคงรับไม่ได้ถ้าพี่เวลล์ต้องเกลียดฉันมากกว่าเดิม
“นายไม่รู้หรอกว่าฉันรักพี่เวลล์มากแค่ไหน"
“...”
เอสเงียบไป ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าเขารักฉันจริงๆอย่างที่เขาพูดเอาไว้ ฉันก็อยากจะให้เขาตัดใจจากฉัน แล้วมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า ฉันไม่ได้อยากทำให้ใครเจ็บเลยนะ แต่ตอนนี้มันจำเป็นจริงๆ คำพูดของฉันคงทำให้เขาเจ็บไม่มากก็น้อยอ่ะ
“พี่เวลล์คือรักแรกของฉัน ฉันเสียเค้าไปไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามพี่เวลล์ก็ยังจะเป็นที่หนึ่งในใจฉันตลอดไป”
“...”
“ฉันตามตื๊อเค้ามาตั้งสองปี แต่ก็ถูกเค้าเมินตลอดเลยฉันถึงไม่อยากให้เค้าเมินหรือรังเกียจฉันไปมากกว่านี้”
ฉันมองหน้าเอส เขาเองก็มองฉันกลับมาเหมือนกัน ทำให้เราสองคนสบตากันเข้าโดยบังเอิญ ฉันไม่คิดที่จะหลบสายตาเขาไปไหนอยู่แล้ว ฉันอยากให้เขาเข้าใจความรู้สึกของฉันตอนนี้ว่ามันอึดอัดมากแค่ไหน
“คนอย่างนายไม่มีวันเข้าใจหรอกว่ามันรู้สึกแย่มากแค่ไหนที่โดนคนที่เรารักเกลียด”
“ทำไมฉันจะไม่รู้สึก” เอสพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขานิ่งมากใบหน้าของเขาก็ยังนิ่งตามน้ำเสียงไปด้วย ทำให้ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “เธอบอกว่าเค้าเป็นรักแรกของเธอ ฉันเองก็อยากจะบอกเธอเหมือนกันว่าเธอก็เป็นรักแรกของฉัน”
“...” กลับกลายเป็นว่าฉันเป็นฝ่ายเงียบแทน
เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเมื่อเขาโพล่งมาแบบนี้ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ทีแรกฉันแค่คิดว่าเขาจะเล่นๆกับฉันเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะดูจากแววตาเขาที่มองฉันมันเหมือนกับแววตาที่คนรักเขามองกันเลย
“เธอคิดว่าฉันควรจะดีใจป่ะที่เห็นเธอพูดถึงเค้าให้ฉันฟังแบบนี้?” เอสลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันกลับมามองฉันที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “เธอชอบเค้าได้ ฉันก็ชอบเธอได้เหมือนกัน”
“แต่ฉันไม่ได้ชอบนาย” ฉันก็เลยลุกขึ้นตามเขาไปด้วย เพื่อพูดให้มันกระจ่างกันไปเลย
“เค้าคนนั้นก็ไม่ได้ชอบเธอเหมือนกัน”
เออ!เจ็บได้ใจดีจริงๆ ใครๆก็พูดแบบนี้กันทุกคนนั้นแหละ ไม่ใช่แค่เอสหรอกนะที่พูด เพราะคนที่กองถ่ายต่างก็บอกให้ฉันทำใจเรื่องพี่เวลล์ไปได้เลย เพราะยังไงฉันก็ไม่มีทางสมหวัง มันก็เลยกลายเป็นคำที่ฉันไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว ต่อให้ต้องเจ็บก็ตาม
“เอส” ฉันตัดสินใจเรียกเขาก่อนจะพูดประโยคที่เห็นแก่ตัวออกไปอีกครั้ง “ถ้านายรักฉันจริง...”
“...” คนตรงหน้าเงียบเพื่อรอฟังในสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้
“นายต้องอยากเห็นฉันมีความสุขใช่ป่ะ?”
“ต้องการอะไรที่พูด” เขาขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งไปหมด ฉันรู้ว่าเขารู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร แต่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เพื่อให้ฉันพูดออกมาให้หมด
“นายช่วยไปยืนยันกับพี่เวลล์ให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“นี่คือสิ่งที่เธอต้องการจากฉันใช่ป่ะวิวาห์?”
เอสมองสบตากับฉัน แววตาของเขาดูปวดร้าวมากกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว มันก็ไม่ต่างไปจากฉันหรอก ฉันเองก็เจ็บที่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บแบบนี้
ถ้าทุกคนเป็นฉันทุกคนก็ต้องทำเหมือนฉันกันทั้งนั้น ทำเพื่อคนที่เรารัก ต่อให้เขาจะไม่สนใจเราก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ฉันทำให้เขาได้ตอนนี้
“ใช่!” ฉันตอบกลับไปทันที
“เออ!แม่งเจ็บดีว่ะ”
-100 %-
มาอัพให้แล้ว ถ้าไม่เม้นท์ให้กันเค้าจะไม่มาง่ายๆนะเออ เพราะงั้นเม้นท์ให้กำลังใจกันนิดนุงเนอะ เค้าจะได้มีแรงมาเปิดตอนใหม่เร็วๆไง 55555555555555555555555
Ps. คนเราเลือกรักไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเลือกได้ก็อยากให้คนที่เรารักรักเรา หรือไม่เราก็อยากรักคนที่เค้ารักเราดีกว่าไปรักคนที่ไม่ได้รักเรา จริงมั้ย? เรื่องของวิวาห์เป็นเรื่องของความรักล้วนๆเลย เค้าถึงอยากให้รีดมองภาพรวมของความรักมากๆ ที่วิวาห์ทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไปทำไม ส่วนเวลล์ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมัน เราไม่สามารถกำหนดให้คนอื่นมารักเราได้ ผู้หญิงแบบนี้มีอยู่จริงนะคะ เพราะเค้าเชื่อว่าสักวันเค้าจะทำให้คนที่เค้ารักหันมารักเค้าให้ได้ การคิดแบบนี้มันทำให้มีกำลังใจขึ้นมาได้เยอะเลย (แต่ก็ไม่ได้บอกให้รีดบ้านนี้ไปทำเหมือนวิวาห์นะ เปล่าเสี้ยมกันน้าาา) 555555555
เม้นท์เท่าที่ใจรีดเดอร์มีต่อพี่เวลล์กับน้องวิวาห์เลยงับ
เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพให้เยย
REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796
WELL : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796
-ฝากเพจอีกสักที-
ความคิดเห็น