คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เธอ คือ ลมหายใจ
เธอ คือ ลมหายใจ
เซอร์คัสจับไหล่ฉันแล้วกดลงเบาๆ แต่ทำไมรู้สึกเจ็บจังเลยล่ะ ตอนนี้น้ำตาฉันจะไหลอีกแล้วเนี่ย ทำไมเขาทำน่ากลัวกับฉันแบบนี้ เขารู้หรือเปล่าว่าฉันกลัวเขามากแค่ไหนตอนนี้ เพราะสายตาที่เขาใช้มองฉันอยู่ตอนนี้มันน่ากลัวจนฉันไม่กล้าที่จะเงยหน้าสบตากับเขาเลยด้วยซ้ำ นี่เขาจะจับฉันกินเป็นอาหารจริงหรอกเหรอเนี่ย กรี๊ดดดด >O<
"ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดูดเลือดจีไงคะ?" ฉันถามเซอร์คัสพลางหลับตาลง เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเสียวๆ ที่ซอกคอตัวเอง คงเป็นเพราะว่าเขาก้มลงมาที่ซอกคอของฉันนั่นเอง และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขากำลังจะทำอะไร ได้แต่รู้สึกถึงลมหายใจที่แสนเย็นเฉียบของเขามันอยู่ใกล้เส้นเลือดใหญ่ที่ต้นคอฉันมาก (ตอนนี้อะไรก็เว่อร์ได้ เพราะมันกลัวจนฉี่แทบราด)
"หึ!" เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมา นี่เขานึกสนุกอะไรของเขานะ ฉันนี่กลัวจนน้ำตาร่วงลงมาอาบแก้มอยู่แล้ว เขาเห็นฉันเป็นเหยื่อที่น่าจับมาโยนเล่นหรือไง
"..." ฉันได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนยืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เซอร์ศัสทำตามใจตัวเองโดยการใช้มือหมุนผมฉันเล่นและยังเอาหน้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ฉันอีก ที่ฉันได้แต่ยืนนิ่งเพราะอยากจะให้เขาคิดว่าตอนนี้ฉันแข็งจนกลายเป็นหินไปแล้ว เขาจะได้เลิกยุ่งกับฉันสักที
"ผมรอคุณอยู่นานเลยสาวน้อย"
เซอร์ศัสยอมเอาหน้าออกห่างจากฉันเล็กน้อย ขอย้ำนะคะว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น ที่เขามาหาฉันวันนี้เป็นเพราะเขามารอฉันเหรอ แล้วเขามารอฉันทำไมล่ะ เราไม่มีอะไรที่จะต้องมาเจอกันอีกแล้วไม่ใช่เหรอ
ผีก็อยู่ส่วนผีไปสิจะมายุ่งอะไรกับคนด้วย ฉันก็อยากมีชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไปนะ ไม่อยากเป็นเหมือนคุณริว จิตสัมผัสหรอก บอกตามตรงฉันช่วยคนแบบนั้นไม่เป็น
"คุณรอจีทำไมคะ?" ถึงแม้จะงงและโง่มากแค่ไหน ฉันก็ยังมีแก่ใจถามเขาออกไป เขามองหน้าฉันเหมือนฉันไม่น่าถามคำถามนี้ออกมา
"รอคุณมาร้องเพลงให้ผมฟังไงล่ะ" ฉันลืมตามองเซอร์คัส ซึ่งตอนนี้หน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ ลมหายใจเย็นๆ ของเขาปะทะที่หน้าฉันทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีเลย ขนตามตัวก็ลุกชันขึ้นมาเมื่อมือของเซอร์คัสเลื่อนมาจับที่ใบหน้าของฉันเอาไว้ไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน
"จีขอโทษ" ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนี้ออกมา รู้เพียงแต่ว่าฉันรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขามารอนานขนาดนี้ เซอร์คัสเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉันที่ไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา
"อย่าร้องไห้นะสาวน้อยของผม" เขาพูดพลางลูบผมฉันอย่างเบามือ จะไม่ให้ร้องไห้ได้ยังไงล่ะเมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะลงโทษฉัน ไหนจะคำพูดของเขาที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาอีก "ไปนอนได้แล้วคืนนี้ผมจะอยู่กับคุณจนกว่าคุณจะหลับ" พูดจบก็จูงมือฉันไปที่เตียงนอนทันที
"..." ฉันงงกับคำพูดของเซอร์คัสเป็นอย่างมาก ก็ไหนบอกว่าจะลงโทษฉันไง แต่กลับจะปล่อยให้ฉันไปนอนง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ เอ๊ะ! แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ เขาอาจจะลืมเรื่องการทำโทษฉันไปแล้วก็ได้
"นี่คือการลงโทษ" ทันใดนั้นเองฉันก็เข้าใจได้ในทันทีว่าการที่เขาพาฉันไปนอนและจะอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะหลับมันเป็นการลงโทษที่สุดแสนจะทรมานฉันมากที่สุด
ฉันเคยนอนกับผู้ชายที่ไหนกัน TOT
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเขามาอยู่ใกล้แบบนี้ ลมหายใจของเซอร์คัสเป่าลดบนหัวฉัน มันทำให้ฉันเคลิ้ม เขาไม่พูดอะไรกับฉันสักคำตั้งแต่พาฉันมานอนที่เตียง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกยังไงที่ปล่อยให้ผีอย่างเขาได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้โดยไม่ปฏิเสธการกระทำของเขาเลยสักนิด ฉันคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยที่ดันไปรู้สึกดีกับผีดูดเลือดอย่างเซอร์ศัสได้ คิดอะไรอยู่ได้ไม่นานหนังตาฉันก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาเรื่อยๆ...
และแล้วฉันก็เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา คร่อกกกฟี้ๆๆๆ
[SERCUS : SAID]
นี่เป็นเวลาตีหนึ่งผมได้ออกมาจากบ้านของสาวน้อยของผม เมื่อมั่นใจว่าเธอหลับสนิทไปแล้ว ผมจึงบินตรงดิ่งกลับบ้านทันที บอกตามตรงเลยว่าผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้เธอ และยิ่งเห็นเธอยอมให้ผมขนาดนี้มันทำให้ผมหลงเธอจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมาตกหลุมรักมนุษย์ แถมเป็นมนุษย์ที่ท่าทางเหมือนเด็กน้อยอีกด้วย
ผมยังไม่อยากจะเข้าบ้านตอนนี้เลย ก่อนที่ผมจะมาอย่าลืมนะว่าผมอยู่ใกล้เธอมากมันเลยทำให้กลิ่นของเธอติดตัวผม หรือเรียกง่ายๆ ก็คือกลิ่นของมนุษย์นั่นเอง จมูกของพวกเราไวต่อสิ่งแบบนี้มาก ไม่ใช่แค่จมูกอย่างเดียว แต่รวมไปถึงตาของพวกผมยังไวอีกด้วย มันก็เลยเป็นเหตุทำให้ผมยังไม่อยากเข้าบ้าน แค่บินมาถึงหน้าหมู่บ้านเชื่อสิว่าแวมไพร์ตัวอื่นก็ได้กลิ่นตัวเธอจากผมแล้ว และไหนยังจะครอบครัวของผมอีก
"กลิ่นมนุษย์" พูดพร้อมกันทั้งบ้านเลย =_= ผมบอกแล้วไงว่าแวมไพร์อย่างเราจมูกไวเหลือเกิน
"แม่ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้เลยเซอร์คัส" แม่ถามด้วยแววตาฉงน การที่แม่ของผมถามแบบนี้ก็คงไม่แปลกเพราะผมไม่เคยเข้าใกล้มนุษย์เกินความจำเป็นเลย ส่วนมากแล้วแค่จะดื่มเลือดเธอเท่านั้น
"หญิงสาวคนนั้นเป็นใครกันเซอร์คัส?" คนที่ถามประโยคนี้ คือ 'ลูคัส' พี่ชายผมเอง หมอนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุดในบ้านแล้ว อีกอย่างผมไม่ค่อยได้พูดกับมันเท่าไหร่ด้วย มันเป็นคนไว้ใจไม่ค่อยได้น่ะ อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยนับถือมันเป็นพี่เท่าไหร่ด้วยเพราะมันชอบทำตัวเหมือนเป็นน้องผมอยู่ตลอดเวลา
"แล้วลูกก็ไม่ทำร้ายเธอด้วย" พ่อพูดขึ้นอีกคน แล้วนี่ผมจะตอบคำถามใครก่อนดีล่ะ
"ผมไปฟังเธอร้องเพลงน่ะครับ" ผมตอบแค่นั้น
"น่าแปลก ปกติแกจะกินเลือดของหญิงสาวทุกคนไม่ใช่เหรอ?" คำถามของลูคัสทำให้ผมตอบยากจังแฮะ ใช่แล้วล่ะ! ปกติผมจะดื่มเลือดของผู้หญิงทุกคน แต่ต้องไม่ใช่กับจีละดาผู้หญิงของผมคนนี้
"เขาเป็นใครเซอร์คัส?" เมทัลน้องสาวของผมถามขึ้นด้วยท่าทางดีใจ เธอติดผมแจเลย เพราะผมมักจะคอยเป็นห่วงและใส่ใจเธอมากกว่าคนอื่นๆ เลยทำให้เธอรักผมหวงผมไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับใคร อันนี้ผมอ่านความคิดเธอน่ะ
"เธอมีเกราะป้องกันความคิดทำให้ผมอ่านความคิดเธอไม่ออก"
"นี่คงเป็นสิ่งท้าทายและน่าค้นหาสำหรับแกสินะ" ลูคัสพูดอย่างรู้ทัน เพราะปกติผมเป็นคนที่ชอบความท้าทายอยู่แล้วและยิ่งมาเจอแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมอยากเข้าไปค้นหาตัวเธอ ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงอ่านความคิดของเธอไม่ได้แค่คนเดียว แต่จะมีบางเวลาที่เกราะป้องกันนั่นไม่ทำงานทำให้ผมสามารถอ่านความคิดของเธอได้ แต่มันก็เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
"เธอเป็นสาวน้อยของผม" สุดท้ายผมก็ยอมพูดความจริงออกมา
"สาวน้อยของเซอร์คัส?" เมทัลถามผมพร้อมโดดไปมาราวกับดีใจที่ได้ของเล่นใหม่ แต่ผมรู้ว่าลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงหวงผมอยู่ ความคิดของเมทัลตอนนี้คือเธอไม่อยากให้ผมไปให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเธอ แต่เธอยังเป็นเด็กความคิดของเธอก็เลยเหมือนเด็กไปด้วย
"สาวน้อยคนนั้นคงเป็นมนุษย์ที่โชคดีสุดๆ ไปเลยล่ะจ๊ะ" แม่พูดขึ้นพร้อมส่งยิ้มมาให้ผม ส่วนพ่อเดินมาตบบ่าผมสองสามทีเหมือนให้กำลังใจก่อนเดินขึ้นบ้านไปพร้อมกับแม่
"ฉันชักอย่างรู้จักสาวน้อยของแกแล้วสิเซอร์คัส" ลูคัสพูดแล้วทำหน้าตาไม่ไว้วางใจเอามากๆ บอกแล้วไงว่ามันเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่สุดในบ้านแล้ว กระล่อนตัวพ่อเลย
"ขอเตือนเลยนะอย่ายุ่งกับเธอคนนี้" ผมทำเสียงคำรามขู่ลูคัส ครอบครัวของผมคนที่แข็งแรงที่สุดคือผม ดังนั้นผมจึงสามารถขู่พี่ชายตัวเองได้
"ฉันล้อเล่น ฉันเห็นแกไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนแล้วจะไม่กินเลือดเธอ แล้วทำไมแกถึงควบคุมตัวเองได้ล่ะ" ลูคัสถามผมด้วยความอยากรู้ แค่มองตามันผมก็รู้แล้วว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมก็พยายามที่จะไม่อ่านความคิดของคนในครอบครัวนะเพราะอยากจะให้อิสระกับคนในบ้าน ไม่อยากเข้าไปจุ้นจ้านกับเรื่องของพวกเขา แต่บางทีมันก็จำเป็นที่ผมต้องทำอย่างนั้น
"ไม่รู้เหมือนกัน" ผมตอบตามความจริง เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงควบคุมตัวเองได้ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้เธอมากขนาดนี้
แต่วันแรกที่เราเจอกันเธอเกือบทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ เพราะกลิ่นเลือดในตัวเธอมันน่ายั่วยวน เลือดในร่างกายของเธอมันส่งกลิ่นมาติดจมูกผม วันนี้ก็เช่นกันผมพยายามควบคุมตัวเองซึ่งมันก็ได้ผล ถ้าผมได้อยู่ใกล้กับเธอแบบนี้ทุกวันอาจจะทำให้ผมชินกับกลิ่นของเธอก็ได้
"เซอร์คัสพาผู้หญิงคนนั้นมาให้เมทัลรู้จักหน่อยสิ" เมทัลพูดพร้อมกับวิ่งมากอดคอผม เธอคงจะอยากรู้จักจีละดาจริงๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นผมให้ความสำคัญกับใครเท่าเธอมาก่อน แต่มาวันนี้ผมกลับบอกว่าจีละดาคือสาวน้อยของผมที่ผมต้องดูแลเลยทำให้เมทัลอยากทำความรู้จัก
"นั่นสิ แอบอุบไว้คนเดียวได้ไงกัน" ไอ้พี่ชายเจ้าเล่ห์ของผมพูดขึ้นบ้าง
"ไม่ได้หรอก ทุกคนก็รู้ว่าหมู่บ้านนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราพวกเดียว" ผมเริ่มคิดหนัก เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่แวมไพร์ แต่ยังมีพวกหมาป่าจอมโหดร้าย ใจอำมหิต แถมจมูกดีอีกซะด้วย ผมคิดว่าถ้ามันอยู่แถวนี้คงได้กลิ่นของเธอที่ติดมากับตัวผมแน่
"จริงด้วยสิ งั้นแกก็คงเลิกยุ่งกับสาวน้อยคนนั้นได้แล้วนะ" ลูคัสรีบออกความเห็นทันที ผมได้แต่นั่งเงียบและไม่พูดอะไรอีกเลย
'จริงด้วยสิ งั้นแกก็คงเลิกยุ่งกับสาวน้อยคนนั้นได้แล้วนะ' คำพูดของลูคัสยังวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอด จะให้ผมเลิกยุ่งกับสาวน้อยได้ยังไง ในเมื่อเวลาที่ผมอยู่ใกล้เธอมันทำให้ผมรู้สึกดี หยุดกระหายเลือดในทันที แต่ผมก็กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย
เพราะ 'ดีแลน' กับ 'เจคอป' หมาป่าจอมโหดร้ายพวกนี้มีนิสัยค่อนข้างคล้ายผม นั่นก็คือ ชอบความท้าทาย ถ้ามันอยากได้อะไรมันต้องได้
ดังนั้น มันก็เลยทำให้ผมคิดหนัก กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย แต่ผมก็ไม่อยากจากเธอไปไหนเหมือนกัน อยากฟังเสียงร้องเพลงของเธอ เสียงอันไพเราะเวลาฟังแล้วผมรู้สึกเคลิ้มทุกที นั่นมันทำให้ผมอยากอยู่ใกล้เธอ อยากปกป้องเธอ อยากดูแลเธอ แต่ก็อดห่วงเธอไม่ได้ ถ้าดีแลนกับเจคอปรู้พวกนั้นคงตามล่าเธอแน่นอน
ผมคงยังไม่ได้บอกสินะว่าผมกับพวกมันเป็นศัตรูกัน เราเคยปะทะกันมาแล้วครั้งหนึ่งแต่มันสู้ผมไม่ได้ เลยเลือกที่จะเล่นลอบกัด และถ้ามันรู้จุดอ่อนของผมมันก็ไม่ยากเลยที่พวกมันจะจัดการผม ซึ่งนั่นทำให้ผมเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับมันและพยายามไม่ให้เมทัลออกไปข้างนอกคนเดียว เพราะตอนนั้นคนที่สำคัญที่สุดของผมคือเธอ แต่ตอนนี้มันดันมีเพิ่มขึ้นมาอีกคนนั่นก็คือจีละดา ผมไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปเพราะผมเป็นต้นเหตุ ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าเธอคือจุดอ่อนของผม
สรุปรวมๆ แล้วเธอเป็นเหมือน 'ลมหายใจ' ของผมนั่นเอง
[SERCUS : SAID END]
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านมากระทบเข้าตาของฉัน ฉันปรับม่านตาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น แต่แล้วฉันก็มองไม่เห็นเซอร์คัส ไม่รู้ว่าเขาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน บอกเลยว่าเมื่อคืนเป็นคืนที่ฉันนอนหลับฝันดีมาก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซอร์คัสมานอนข้างฉันหรือเปล่า แค่คิดก็รู้สึกขัดเขินไปหมดแล้วอ่ะ
หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันกำลังจะลงไปชั้นล่าง แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายวางอยู่บนหัวเตียง จดหมายอะไรล่ะเนี่ย แล้วมันมาวางอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเมื่อวานยังไม่เห็นมีเลย
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น ทำให้ฉันต้องวางจดหมายนั่นลงแล้วรีบวิ่งลงไปเปิดประตู ทำให้ไม่รู้เลยว่าจดหมายที่วางอยู่บนหัวเตียงเป็นจดหมายอะไร และใครเป็นคนส่งมา
"เปิดช้าจัง" นิชานั่นเอง
"จีวิ่งลงมาเปิดเลยนะ"
"ไปเรียนกันเถอะ" นิชากับคอปบาขับรถคันหรูมารับฉันไปเรียน และนิชายังบอกอีกว่าจะมารับทุกวัน ฉันก็ปฎิเสธแล้วนะ แต่นิชาก็ให้เหตุผลว่า 'ก็ฉันเป็นห่วงเธอนี่นา' ฉันก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย =_=
ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองจะสบายเกินไปยังไงไม่รู้ ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่คนเดียวเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมถึงคิดแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะว่ามีผีมาคอยกวนใจอยู่ก็ได้มั้ง สำหรับคนอื่นฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะดีใจหรือเปล่าที่มีผีมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ แต่สำหรับฉันการที่มีผีรูปหล่ออย่างเซอร์คัสมาอยู่ใกล้ๆ มันทำให้ฉันไม่เหงาเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว
-ฝากเพจอีกสักที-
ความคิดเห็น