ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Playboy Lover ฉีกกฎหัวใจตามล่านายจอมเจ้าชู้

    ลำดับตอนที่ #3 : PLAYBOY LOVRT 02 | {100 %}

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 60


    นิยายมีการอัพเดทซ้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์
      
    ********************





    02


         หมับ!

         พี่เวลล์คว้าแขนฉันให้เดินออกไปตามเข้า พูดตรงๆเลยก็คือเขากระชากแขนฉันอย่างแรงเลยล่ะ เหมือนโมโหที่ฉันไปต่อว่านางแบบคนนั้น

         ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนี่นาไม่มีความรักนวลสงวนตัวบ้างเลย ดูอย่างฉันสิตามตื๊อพี่เวลล์มาตั้งนานยังไม่ให้เขาทำอะไรเลย แต่ถึงอยากให้เขาทำเขาก็คงไม่ทำอยู่ดีนั่นแหละ อยากจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกนะที่ฉันวีนแตกแบบนี้

         เออ!ไม่ใช่สิต้องบอกว่าครั้งที่สองถึงจะถูก ฉันเคยมีวีรกรรมที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่ง จนพี่ๆในกองถ่ายอึ้งช็อกกันเป็นแถว ก็ปกติฉันจะเป็นคนเรียบร้อย คุมอารมณ์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่เธอคนนั้นทำให้สติฉันแตกกระเจิดกระเจิง

         “ทำอะไรอยู่?” เขาตวาดใส่หน้าฉันพร้อมกลับบีบต้นแขนฉันจนแดงเถือกไปหมด

         ปกติแล้วพี่เวลล์ไม่เคยทำร้ายฉันเลยนะ ส่วนมากจะมีก็แต่ไล่ให้ออกห่างจากเขาเท่านั้น แต่นี่กลับมาใช้กำลังกันเลยอ่ะ ฉันเองก็โมโหเหมือนกันนะ ทำอย่างกับว่าฉันไปด่าเมียเขาทั้งๆที่ยัยนั่นไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ

         “ฉันต้องถามพี่มากกว่าว่าพี่ทำอะไรอยู่” ฉันสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้าพร้อมกับขึ้นเสียงถามกลับไป

         อย่าคิดว่าตัวเองโกรธเป็นคนเดียวสิคนอื่นก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ ทำอย่างนี้ไม่ไว้หน้ากันเลย เขาจะพาผู้หญิงขึ้นโรงแรมฉันไม่เคยว่าหรือเข้าไปห้ามเลยสักครั้งเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

         แต่การที่เขาทำแบบนี้มันเหมือนเป็นการทำประชดฉันอย่างนั้นเลย และฉันก็ไม่ชอบมากด้วย

         “พี่ทำร้ายฉันเพียงเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอคะ ถามจริงๆเถอะฉันไปทำอะไรให้พี่นักหนาทำไมต้องรังเกียจฉันขนาดนี้ด้วย ฉันไปเผาบ้านพี่หรือไง”

         “อย่า-มา-ยุ่ง-กับ-ฉัน” พี่เวลล์กดเสียงต่ำเป็นเชิงออกคำสั่ง และเน้นย้ำช้าๆชัดๆทุกพยางค์เพื่อที่จะให้ฉันทำตามที่เขาบอก

         ถามว่าเสียใจไหมที่พี่เวลล์พูดแบบนี้ บอกเลยว่าไม่เขาพูดแรงกว่านี้ฉันยังไม่เห็นสะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำ เรื่องแบบนี้ฉันชินไปแล้วล่ะ แต่ไอ้การที่เขามาทำร้ายฉันแบบนี้บอกเลยว่ายังไงก็ไม่ชินเด็ดขาด

         “สองมาตรฐาน” ฉันตะโกนใส่หน้าเขากลับไปอีกรอบ

         ที่จริงก็ไม่อยากทำตัวไม่น่ารักแบบนี้หรอกนะแต่มันอดไม่ได้นี่นา ฉันก็คนนะมีหัวใจเหมือนกันจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก

         “ทีกับยัยแป้งนั่นพี่ยังส่งยิ้มให้หวานหยาดย้อยเลย แล้วกับฉันกลับตีหน้ายักษ์ใส่ตลอด”

         “...”

         “ฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนยัยนั่นนะคะสวยกว่าด้วย อีกอย่างเนื้อนมไข่ฉันก็มีเยอะกว่า”

         “เธอเข้าใจคำว่าไม่เอาไหม ฉันไม่อยากได้เธอ” จุกเลยอ่ะดอกนี้ ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว เล่นเอาฉันไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขาเลยสักนิด แรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว “ต่อให้เธอจะมีอะไรที่ดีกว่าผู้หญิงคนอื่นฉันก็ไม่อยากได้ เพราะงั้นไปให้พ้นๆหน้าฉันซะ”

         “คุณเวลล์ครับขึ้นไปถ่ายต่อเถอะครับ” พี่ๆทีมงานเดินเข้ามาบอกพี่เวลล์ให้ไปถ่ายต่อ ยังจะถ่ายต่ออีกเหรอ

         “ครับ” พี่เวลล์หันไปบอกกับพี่ๆทีมงานก่อนจะหันมาชี้นิ้วสั่งฉันอย่างเด็ดขาด “อย่ามาวุ่นวายในกองถ่ายอีก กลับไปซะฉันไม่มีวันรักเธอ”

         วันนี้ไม่รักก็ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้จะไม่รักซะหน่อยจริงไหมล่ะ เพราะยังไงแล้วฉันจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้พี่เวลล์มาเป็นแฟนให้ได้คอยดูสิ ไล่ได้ไล่ไป เกลียดได้เกลียดไป ฉันไม่ถอยอยู่แล้ว

         ก็ด้านมาซะขนาดนี้ก็ด้านต่อไปอีกหน่อยจะเป็นไรไป อีกอย่างฉันไม่กลับหรอกเรื่องอะไรฉันจะกลับแล้วให้นางแบบนั่นมาตีท้ายครัวฉันล่ะ ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันยอมปล่อยให้พี่เวลล์ไปเป็นของใครเด็ดขาดเลย

         ฉันเดินตามเข้าไปที่กองถ่ายก่อนจะไปหยุดยืนข้างพี่โปร อยากถ่ายกันมากใช่ไหม ฉันคนนี้ล่ะจะเป็นคนพังกองถ่ายให้ราบเป็นหน้ากองเลยคอยดู

         ฉันยืนมองพี่โปรที่กำลังกดชัตเตอร์รัวๆถ่ายภาพพี่เวลล์กับยัยแป้งก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกเท่าตัวและจัดการเตะขาตั้งกล้องที่อยู่ข้างๆจนมันล้มใส่สระว่ายน้ำ

         ตุ้ม!!!

         น้ำกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง กล้องที่ใช้ถ่ายภาพพี่เวลล์ก็ลอยอยู่กลางสระอยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่มีกล้องแล้วจะถ่ายกันยังไง

         ทุกคนในกองต่างพากันหันมามองฉันเป็นจุดเดียวรวมถึงพี่เวลล์ด้วย คิดว่าฉันแคร์เหรอ เปล่าเลยฉันไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิดสะใจมากกว่า

         “ขอโทษค่ะวิวาห์ไม่ได้ตั้งใจขามันโดนเอง” ฉันทำหน้าสำนึกผิดก้มหน้ามองมือตัวเอง ทุกคนต่างพากันเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย เหมือนอยู่ในช่วงเดจาวูอะไรทำนองนั้น “ขอโทษจริงๆนะคะ”

         ฉันเดินเลี่ยงไปทางที่พี่เวลล์ยืนอยู่แต่เขาเดินหนีฉันไปเฉยเลย ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจทำไมต้องชอบเป็นแบบนี้ด้วยนะ

         เมินกันตลอดเลย อย่าให้ฉันเมินบ้างแล้วกันระวังจะเสียใจทีหลัง ก็พูดไปงั้นล่ะฉันไม่มีทางเมินพี่เวลล์เด็ดขาด ถ้าคิดจะเมิน ฉันคงเมินไปตั้งนานแล้วล่ะไม่มาตามเขาต้อยๆแบบนี้หรอก

         “นี่เธอ”

         ฉันเดินไปหายัยแป้งที่ยืนทำหน้าสวยใสไร้สมองอยู่ข้างสระ เห็นแล้วหมั่นไส้อยากถีบตกน้ำไปให้รู้แล้วรู้รอดเลย ไม่ดูหนังหน้าตัวเองสักนิดว่าไม่ได้เข้าข่ายคำว่าสวยแล้วยังมาทำหน้าโชว์หราอยู่นี่อีก

         “ฉันมีเรื่องจะบอก”


         “ฉันไม่อยากรู้” พูดแค่นั้นเธอก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยให้หนีไปง่ายๆนะ

         เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากเธอคนเดียวเลย ถ้าเธอไม่อ่อยพี่เวลล์ก่อนฉันคงไม่ทำแบบนี้หรอก กลายเป็นว่าตัวเองโดนคนทั้งกองเกลียดไปแล้วอ่ะ

         “เธอต้องรู้” ฉันบีบข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นเพื่อที่เธอจะได้ไม่เดินหนีฉันอย่างไร้มารยาทแบบนี้ “พี่เวลล์เป็นของฉันเพราะงั้นเลิกอ่อยเขาได้แล้ว”

         “อย่ามาโกหกดีกว่าฉันไม่เห็นว่าคุณเวลล์เค้าจะอะไรกับเธอเลยนะ แม้กระทั่งหน้าเธอเค้ายังไม่มองเลยด้วยซ้ำ” พูดได้ทำร้ายจิตใจกันมาก แสบไปถึงทรวงในเลยล่ะ “อย่ามาทำตัวเป็นภาระให้คนอื่น ไสหัวไปได้แล้ว”

         “นี่เธอ!” ฉันถึงกลับหน้าถอดสีด้วยความโกรธจัดเลย ไม่เคยมีใครมาว่าให้ฉันแบบนี้มาก่อนเลยนะ แล้วเธอเป็นใครกล้าดียังไงมาว่าให้ฉันแบบนี้ “อย่ามายุ่งกับพี่เวลล์”

         “เธอไม่มีสิทธ์มาสั่งฉัน คนเดียวที่สั่งฉันได้คือคุณเวลล์เท่านั้น ถ้าเธออยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเค้า ก็ไปบอกเค้าสิถ้าเค้ายอมทำตามทีเธอบอกฉันก็จะเลิกยุ่ง”

         เออ!ถ้าบอกได้ฉันคงบอกเขาไปนานแล้ว ไม่มาเสียเวลาพูดอะไรไร้สาระกับเธอหรอกนะ

         แค่จะเดินไปใกล้เขาแค่นี้ฉันยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรจะไปบอกให้เขาเลิกยุ่งกับคนอื่น เลิกฝันไปได้เลยเหอะ มันไม่มีวันนั้นแน่บอกเลย

         “เธอก็น่าจะรู้ว่าคุณเวลล์ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นห้องพักที่คอนโด Sky Park ของเขาเลยแต่เขาชวนฉัน”

         คอนโด Sky Park เป็นคอนโดที่สูงที่สุดของเมืองนี้ และยังแพงหูฉี่พอๆกับคอนโดโนวิวพาร์กด้วย เป็นคอนโดที่พี่เวลล์พักอยู่ เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นห้องเขาเลยสักครั้ง ส่วนมากจะพาไปเช่าโรงแรมหรือไม่ก็รีสอร์ตเท่านั้น

         แล้วยัยนี่มโนอะไรอยู่คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าอะไรเป็นอะไร ฉันตามเขามาตั้งหลายปีไม่เคยเห็นเขาพาผู้หญิงคนไหนไปเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอเป็นใครกล้ามากเลยนะที่พูดแบบนี้

         “เธอคงไม่เคยส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลยนะแป้ง” ฉันกล้ำกลืนฝืนทนพูดชื่อยัยนี่ออกไปพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปากเหมือนอย่างนางร้ายที่ทำกันในละคร “พี่เวลล์เค้าไม่เอาผู้หญิงอย่างเธอมาเป็นแม่ของลูกเค้าหรอก เค้าหาได้ดีกว่านี่”

         “ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่เธอ” คิดว่าฉันสนเหรอกับคำพูดพวกนี้ ฉันไม่หลงกลเธอง่ายๆหรอกนะ

         “รู้ได้ยังไงถ้าเธอมองดีๆฉันมีดีกว่าเธอตั้งเยอะนะแป้ง เธอเทียบฉันไม่ได้เลยสักนิด” ฉันบีบข้อมือเธอแน่นกว่าเดิมเพื่อที่จะขู่ไม่ให้เธอยุ่งกับพี่เวลล์ แต่คงยากเพราะดูจากท่าทางแล้วเธอเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

         “ของแบบนี้มันอยู่ที่ลีลาบนเตียงมากกว่าว่าใครจะเร้าใจกว่ากัน” เธอสะบัดแขนออกจากฉันพร้อมกับยิ้มเยาะใส่อย่างคนเหนือกว่า

         “ทำตัวแบบนี้พ่อแม่คงไม่รักสินะ”

         ฉันกอดอกพูดกับเธอต่อ ทำให้เธอหันกลับมามองฉันอย่างโกรธจัด สงสัยจะจริง ฉันไม่ได้อยากทำให้ใครต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดของฉัน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกฉันก็จำเป็นต้องทำเพื่อที่จะเอาพี่เวลล์มาเป็นของฉันให้ได้

         “เธอคงขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก น่าสงสารจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะทำตัวแบบนี้ นี่ถ้าคันมากนักก็ไปยืนโบกอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงนะเผื่อจะได้สักคนสองคน”

         พูดจบฉันเดินออกไปตรงนั้นทันที อย่ามาเล่นกับฉันเพราะฉันไม่ยอมให้ใครมาแย่งของของฉันไปง่ายๆแน่ พี่เวลล์ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธ์ที่จะมาแตะต้องตัวเขาเป็นอันขาด

         หมับ!

         ฉันที่กำลังจะเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีมือของใครบางคนมาจับแขนฉันไว้ ทำให้ต้องหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นยัยแป้งนั่นเอง เธอคงโกรธมากที่ฉันต่อว่าเธอแบบนั้น

         “เธอต้องชดใช้กับสิ่งที่พูดกับฉันเมื่อกี้”

         ร่างบางเดินต้อนฉันจนฉันต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ หน้าของเธอตอนนี้น่ากลัวอย่างมากเลยล่ะ อย่างกับคนที่โกรธแค้นใครมาเป็นชาติ

         “จะ...จะทำอะไรนะ?” ฉันถามออกไปด้วยความกลัว

         ฉันก็เก่งแค่พูดเท่านั้นล่ะ เพราะถ้าเองเข้าจริงฉันนี่อ่อนแอยิ่งกว่าอะไร ตอนเด็กๆต้องมีพี่เลี้ยงมาเฝ้าที่โรงเรียนเลยนะเพราะฉันถูกแกล้งบ่อยๆ

         “ชดใช้ไง”

         ผลั่ก!

         ตู้ม!!!

         พูดยังไม่ทันขาดคำเธอก็ผลักฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำทันที ฉันตะเกียกตะกายอยู่ภายในสระด้วยความยากลำบาก ไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำขนาดนี้

         ฉันว่ายน้ำไม่เป็นโว้ยยยยยยย

         “แคก...แคก...ช่วยด้วย”

         “น้องวิวาห์” ทุกคนในกองถ่ายต่างพากันตกใจทำอะไรไม่ถูก และไม่มีใครสักคนที่คิดจะลงมาช่วยฉันเลย ได้แต่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่อย่างนั้น ใจร้ายกันเกินไปหรือเปล่า

         “ฉะ...ฉันไม่น้ำไม่เป็น...แคก”

         ตู้ม!!!


         “น้องวิวาห์เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”

         ฉันลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ห้องห้องหนึ่ง ปวดหัวมากเลยอ่ะ

         ก่อนจะหมดสติไปฉันจำได้ว่ายัยแป้งผลักฉันตกน้ำนี่นา แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครเป็นคนช่วยฉันเอาไว้เหรอ เพราะตอนนั้นไม่มีใครสักคนที่จะกระโดดลงมาช่วยฉัน

         “ฟื้นแล้วเหรอครับน้องวิวาห์”

         พี่โปรเดินเข้ามากุมมือฉันเอาไว้แน่น น้ำเสียงของเขาเหมือนรู้สึกผิดที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ อันที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของพี่โปรหรอก เรื่องจะไม่เกิดขึ้นหากว่าฉันไม่ไปพูดกระทบยัยแป้ง

         “ที่นี่ที่ไหนคะ?” ฉันมองไปรอบๆแล้วรู้สึกว่ามันไม่คุ้นตาเอาซะเลย จะบอกว่าเป็นห้องของพี่เวลล์ก็ไม่ใช่เพราะฉันเคยไปมาแล้ว

         “ห้องพักส่วนตัวของทีมงานนะ”

         “ใครเป็นคนช่วยฉัน?”

         ใช่!ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นช่วยฉันเอาไว้ ฉันจะได้ไปขอบคุณเขายังไงล่ะ เพราะถ้าไม่ได้เขาป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว บุญคุณครั้งนี้ฉันจะตอบแทนอย่างงามเลยล่ะ

         แต่ดูเหมือนว่าพี่โปรจะไม่อยากบอกเท่าไรนะว่าคนที่ช่วยฉันไว้เป็นใคร เอาแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นล่ะ คำถามฉันมันยากไปสำหรับเขาเหรอ

         “เป็นอะไรคะทำไมไม่ตอบ?”

         “ปะ...เปล่าครับ”

         ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองไปทั่วห้องอีกครั้งแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของพี่เวลล์เลย ฉันเป็นขนาดนี้แล้วเขาหายไปไหน ทำไมไม่มาดูแลฉันล่ะ

         พูดถึงพี่เวลล์แล้วฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องไปพังกองถ่ายนี่นา แล้วป่านนี้เขายังจะถ่ายกันต่อไปไหมอ่ะ แต่ฉันคิดว่าคงไม่ถ่ายแล้วล่ะมั้ง เพราะว่าตากล้องก็อยู่กับฉันที่นี่นี่นา

         “พี่โปรเขายังถ่ายแบบกันอยู่ไหมคะ?”

         “ถ่ายสิแต่เปลี่ยนตากล้องนะน่ะ และก็เอากล้องอีกตัวมาถ่ายแทนกล้องตัวเดิมด้วย” นึกไว้อยู่แล้วเชียว คราวนี้ฉันจะต้องอาละวาดให้เจ๊งของจริงไปเลยคอยดูสิ ถ่ายแบบบ้าบออะไรเนื้อแนบเนื้อขนาดนั้น

         ฉันเดินออกไปทันทีเพื่อที่จะไปสถานที่ถ่ายแบบนั่น ฉันไม่สนใจพี่โปรที่ตะโกนเรียกฉัน ถึงแม้ว่าตัวเองจะปวดหัวมากแค่ไหนก็ตาม

         แต่ด้วยความรักที่ฉันทีต่อพี่เวลล์มากกว่าสิ่งอื่นใด ทำให้ฉันมีกำลังมากพอที่จะพาตัวเองไปพังงานถ่ายแบบนั่น

         ปึง!!!

         ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่เวลล์กำลังถ่ายแบบอยู่ เขาไม่ได้ถ่ายกับยัยแป้ง แต่เขากำลังยืนถ่ายอยู่คนเดียว แล้วยัยนั่นหายไปไหน แต่ก็ดีแล้วนี่นาค่อยยังชั่วหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจล่ะนา

         “อ้าว!หายดีแล้วเหรอ?” โปรดิวเซอร์หันมาถามฉันที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า

         “ค่ะ แล้วแป้งหายไปไหนคะทำไมให้พี่เวลล์ถ่ายแบบคนเดียว”

         ก็ถามไปงั้นแหละ ที่จริงแล้วอยากให้ยัยนั่นไปให้พ้นๆด้วยซ้ำกล้าดียังไงมาผลักฉันตกน้ำ นี่ถ้าฉันตายขึ้นมาใครจะมารับผิดชอบ

         “หลังจากผลักเราตกน้ำเธอก็ตกใจวิ่งหายไปเลย จะแคนเซินงานก็ไม่ได้เพราะลงทุนไปแล้ว” โปรดิวเซอร์อธิบายให้ฟัง ฉันได้แต่พยักหน้ารับรู้อย่างเดียว จะมีอะไรที่ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

         การที่ฉันตกน้ำก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างนึงนะ เพราะพี่เวลล์จะได้ไม่ต้องถ่ายคู่กับนางแบบคนไหน แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมกับการเสี่ยงชีวิตครั้งนี้บอกเลยว่าไม่คุ้มหรอก ไม่คุ้มเอามากๆเลยด้วย


         “โอเคครับปิดกอง” คำนี้แหละเป็นคำที่ฉันต้องการฟังมากที่สุดหลังจากนั่งเฝ้าพี่เวลล์ถ่ายแบบมานาน

         ฉันลุกวิ่งไปหาพี่เวลล์ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะหนีฉันไปอีกรอบ

         “พี่เวลล์” คนตรงหน้าเหลียวหลังกลับมามองฉันก่อนจะเดินหนีไปอย่างเสียมารยาท ทำเมินกันแบบนี้อีกแล้วนะ

         แต่ไม่เป็นไรฉันเป็นผู้หญิงสตรองตกน้ำตกท่าเพื่อผู้ชายก็ทำมาแล้วเลย เรื่องแค่นี้สบายมากสำหรับฉัน

         มันก็เป็นการพูดเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้นอ่ะนะ ฉันวิ่งตามหลังเขามาติดๆจนถึงห้องพักส่วนตัวของเขาแล้วแทรกตัวเข้าห้องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะปิดประตูใส่หน้าเหมือนอย่างที่เคยทำ

         “มีไร?” ร่างสูงปิดประตูก่อนจะหันมาพูดกับฉันที่ยืนบิดไปมาด้วยความเขิน ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเขินไปทำไมเพราะตามมาตั้งนานแล้ว แต่คนเราก็ต้องมีจริตกันนิดนึงจริงป่ะ

         “พี่ไม่เป็นห่วงฉันเหรอค่ะที่ฉันตกน้ำอ่ะ”

         ใช่!ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาได้เป็นห่วงฉันสักนิดหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูแลฉันเลย ทำไมต้องใจร้ายขนาดนี้ด้วย แต่ก็คงไม่เท่ากับคำพูดที่เขาพูดออกมาหรอกนะ

         “ตายปะ?”

         ฉันนี่ถึงกลับไปไม่เป็นเลยที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายได้ขนาดนี้เหมือนกัน พูดออกมาอย่างไม่มีเยื่อใยต่อกันเลยสักนิด

         นี่ถ้าฉันตายไปจริงๆพี่เวลล์ถึงจะเป็นห่วงฉันใช่ไหม คงไม่หรอกเพราะดูจากท่าทางของเขาแล้วคงอยากให้ฉันตายจริงๆนะแหละ

         เออ!ดราม่าได้อีก

         ฉันมองผ่านหลังพี่เวลล์ไปสะดุดเข้ากับของบางอย่างที่วางไว้ตรงหัวเตียง มันเป็นกล้องถ่ายรูปที่ฉันถือช่วยพี่โปรเข้ามาเมื่อตอนสายๆนี่นา แล้วทำไมมาอยู่ที่ห้องเขาได้ล่ะ อีกอย่างมันเหมือนว่าถูกใช้ไปแล้วด้วยเพราะเลนส์กล้องถูกเปิดออก

         “กล้องของพี่เวลล์เหรอค่ะ?”

         ฉันถามด้วยความอยากรู้ เพราะไม่เคยเห็นเขาถ่ายรูปอะไรเลยนี่นา จะพูดให้ถูกต้องบอกว่าตั้งแต่ตามตื๊อเขามาไม่เคยเห็นเขาจับกล้องเลยก็ว่าได้ แต่นี่กลับมาอยู่ในห้องของเขามันน่าแปลกมากนะ คนที่ทำงานที่นี่จะไม่เข้ามาในห้องของพี่เวลล์เด็ดขาดถ้าไม่ได้รับอนุญาตเพราะพี่เวลล์เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องของเขา

         “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

         เขาทำหน้าไม่พอใจใส่ฉัน เหมือนกลัวว่าฉันจะรู้อะไรที่เกี่ยวกับเขาเข้า ร่างสูงเดินไปหยิบกล้องตัวนั้นมาถือไว้ในมืออย่างกับฉันจะไปขโมยอย่างนั้นล่ะ

         “ไม่ยักรู้ว่าพี่ก็ชอบถ่ายรูปด้วย ฉันเองก็ชอบนะคะเรานี่ใจตรงกันเลย” ฉันไม่สนใจท่าทีที่ไม่พอใจของคนตรงหน้า แต่เลือกที่จะชวนเขาคุยเผื่อว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจยอมพูดดีๆกับฉันก็ได้

         “นี่!ขอร้องเถอะอย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม?”

         เขาตวาดกลับมาอย่างหัวเสียทำเอาฉันสะดุ้งตกใจเฮือก ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอทำไมต้องตวาดกันขนาดนี้ด้วยอ่ะ พูดดีๆก็ได้นี่นาฉันเพิ่งตกน้ำมานะเห็นใจกันบ้างดิ

         “จะไปตายที่ไหนก็ไป แล้วจะกรวดน้ำไปให้”


         นี่ถึงกลับไล่กันให้ไปตายเลย?

         พี่เวลล์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ถึงแม้ว่าฉันจะพูดอะไรหรือทำให้เขาไม่พอใจมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยพูดทำร้ายจิตใจฉันขนาดนี้เลยสักครั้ง

         ครั้งนี้มันรุนแรงมากจริงๆนะ เขาเองก็เหมือนจะเพิ่งได้สติกลับมา แต่ก็เท่านั้นเพราะคนอย่างพี่เวลล์ไม่มีทางขอโทษเด็กอย่างฉันเด็ดขาด ในกล้องนั่นมันต้องมีอะไรแน่ๆเลยถึงทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้อ่ะ

         “ฉันไม่โกรธพี่หรอกค่ะ” ฉันยังคงระบายรอยยิ้มให้เขา เพราะฉันเองก็ไม่โกรธเขาอย่างที่ตัวเองพูดจริงๆนี่นา ฉันไม่เคยโกรธพี่เวลล์สักครั้งหรอก ก็แค่น้อยใจเขานิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง

         “...”

         “ฉันรู้ว่าพี่อยากให้ฉันไปให้พ้นๆหน้า” คนตรงหน้าหันกลับมามองฉันอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงฉาบไว้ด้วยความนิ่งทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ “ไปแล้วไปลับได้ยิ่งดี แต่ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันหายไปแล้วจริงๆพี่โอเคแน่เหรอ พี่จะไม่คิดถึงฉันเลยใช่ไหม”

         พี่เวลล์มองหน้าฉันนิ่ง ฉันเองก็มองเขากลับไปเช่นกัน ฉันไม่จำเป็นต้องหลบหน้าเขาเพราะฉันก็อยากจะรู้คำตอบว่าถ้าฉันหายไปแล้วเขาจะไม่คิดถึงฉันเลยใช่ไหม หรือว่าเขาจะตามหาฉันเพื่อให้ฉันกลับไปตามตื๊อเขาเหมือนเดิม

         “พี่เวลล์” ฉันเดินเข้าไปใกล้คนตรงหน้ามากขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเขาเอาไว้ เขาเองก็ไม่ได้ถอยหนีไปไหน “ทำไมพี่ไม่เคยมองฉันบ้างเลย ทำไมพี่ต้องรังเกียจฉันขนาดนี้ด้วย”

         “ก็เพราะเธอมันน่ารำคาญ”

         พูดจบเขาก็สะบัดมือออกอย่างแรงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าฉันจะเจ็บหรือเปล่า เขามองหน้าฉันก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเลยแถมยังเอากล้องไปด้วย

         เฮ้อ!...ทำไมวันนี้มันช่างยาวนานจังนะ

         ฉันลงทุนเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันเชียวนะยังเมินกันอีก อยากรู้นักว่าฉันต้องทำยังไงเพื่อให้เขาหันมาสนใจฉันบ้าง

         นี่ฉันก็ทำมาทุกวิธีแล้วนะใครบอกให้ทำอะไรฉันก็ลองทำมาหมดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลเลยสักครั้ง จีบผู้ชายมันยุ่งยากขนาดนี้เลยเหรอ

         ช่างเถอะคิดไปก็บันทอนจิตใจตัวเองเปล่าๆ ฉันว่าฉันควรหาอะไรมาช่วยทำให้จิตใจตัวเองดีขึ้นมา

         เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อเชิ้ตของพี่เวลล์มานอนกอดไปพรางๆดีกว่า อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันมีความสุขได้บ้างถึงจะไม่มากก็เถอะ

         พอเอาเสื้อเชิ้ตมาได้ฉันก็มาล้มตัวลงนอนที่เตียงเพื่อรอให้พี่เวลล์อาบน้ำเสร็จแล้วจะได้ให้เขาไปส่งที่คอนโด แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปส่งหรือเปล่า

         คนอย่างวิวาห์ยังไงก็ต้องให้เขาไปส่งให้ได้คอยดูสิ

     

         ปัง!!!

         O_O เฮือก!

         ฉันสะดุ้งลุกขึ้นมาทันทีก่อนจะพบว่าเสื้อเชิ้ตของพี่เวลล์ที่ฉันเอามานอนกอดได้หายไปแล้ว

         เจ้าของเสื้อก็หายไปด้วย

         นี่กะจะทิ้งกันจริงๆเหรอเนี่ย เสียงเมื่อกี้ก็เป็นเสียงปิดประตูนะสิ แล้วฉันจะนั่งเอ๋อทำไมล่ะตามไปสิวิวาห์รอไรอยู่

         ฉันวิ่งตามพี่เวลล์มาถึงลานจอดรถก็เห็นว่าเขากำลังจะเปิดประตูรถขึ้นไป เห็นอย่างนั้นฉันก็รีบใสเกียร์หมาวิ่งเข้าไปหาทันทีพร้อมกับคว้าแขนของเขาเอาไว้อย่างถือวิสาสะ และก็โดนสะบัดออกเหมือนอย่างเคย

         แต่ฉันก็ยังคงด้านกอดแขนเขาอีกรอบ

         “ปล่อย”

         พี่เวลล์ก้มมองแขนตัวเองที่ฉันกอดเอาไว้อย่างแน่นก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เป็นเชิงออกคำสั่ง ทำให้ฉันรีบปล่อยแขนเขาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเขาจะตวาดใส่ฉันอีกรอบ

         “ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะคะใจคอพี่จะให้ฉันนอนอยู่ที่นี่คนเดียวหรือไง”

         “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ตอบแบบเย็นชาสุดๆอ่ะ

         เชื่อแล้วว่าอยากให้ฉันไปให้พ้นๆ แต่แล้วไงฉันไม่ไป ไล่ยังไงก็ไม่ไปอยู่ดี จะด้านมันอยู่อย่างนี้แหละเรื่องอะไรจะไปให้โง่

         เคยได้ยินสุภาษิตนี่ป่ะ?

         เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร

         ฉันเองก็เหมือนกันฉันไม่ยอมเสียพี่เวลล์ไปแน่ๆละงานนี้เป็นไงเป็นกัน

         “ฉันขอกลับด้วยนะคะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะที่รอเขาอยู่ที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยนะ ด้านมาขนาดนี้แล้วฉันก็จะด้านต่อไปค่ะ ฉันไม่หยุดแค่นี้หรอกนะจะบอกให้

         “เธอมาไง?” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม

         “แท็กซี่”

         “เออ!ก็กลับงั้น”

         พูดจบเขาก็เข้าไปนั่งในรถแล้วสตารท์เครื่องทันที คิดว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะหนีจากฉันพ้นเหรอ ไม่มีทางหรอกเพราะฉันจะตามติดเขาไปทุกที่ ตามติดอย่างกับเงาเลยคอยดูสิ

         ฉันวิ่งอ้อมไปอีกด้านก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งขนาบข้างพี่เวลล์อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าช้ากว่านี้มีหวังว่าฉันคงจะได้กลับแท็กซี่อย่างที่เขาพูดเอาไว้แหงๆเลย

         พี่เวลล์หันมาจ้องฉันตาขวาง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันไม่ลงเด็ดขาด ฉันจะต้องให้เขาไปส่งฉันให้ได้

         “พี่เวลล์ไปส่งฉันหน่อยนะคะนี่มันก็ดึกมากแล้ว จะให้ฉันนั่งแท็กซี่ไปคนเดียวอันตรายนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าออดอ้อนสุดๆ และไม่ลืมที่จะส่งสายตายั่วยวนไปให้เขาด้วย

         เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนมาจากไหนนะที่จะไม่รู้สึกอะไรเวลาถูกยั่วอ่ะ 

         “อยากให้ไปส่ง?”

         พี่เวลล์ถามกลับมาพลางกระตุกยิ้มที่มุมปาก การยั่วยวนของฉันนี่มันได้ผลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ

         ฉันพยักหน้าแทนคำตอบและประโยคต่อมาของพี่เวลล์ก็ทำเอาฉันแทบจะกระโดดกอดเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ติดตรงที่ว่าทำไม่ได้อย่างเดียวนี่ล่ะ

         “ได้ดิ” 


         “ขอบคุณนะคะพี่ใจดีจังเลย” ในที่สุดความพยายามของฉันก็ได้ผล เพราะพี่เวลล์กำลังจะใจอ่อนให้ฉันแล้ว นี่สินะที่เขาพูดกันว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

         “ที่ที่ฉันจะไม่ส่งเธอน่ะ...”

         คนตรงหน้าหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนเป็นรางบอกเหตุว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆที่เขาพูดแบบนี้ หรือไม่ก็เหมือนว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ความตายยังไงยังงั้นเลย

         “วัด”

         อ้าวเห้ย! ฉันแค่พูดว่าตัวเองเข้าใกล้ความตาย แต่ยังไม่ตายนะจะพาฉันไปที่วัดทำไม เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า ฉันไม่ใช่เด็กวัดหรือคนดีมีศีลธรรมนะที่จะเข้าวัดอ่ะ ฉันออกจะเป็นคนบาปเสียด้วยซ้ำ

         เขากำลังคิดอะไรของเขาอยู่ หรือจะพาฉันไปขอข้าวที่วัดกิน อันนี้ก็เกินไปพ่อฉันเป็นถึงท่านทูตเชียวนะ

         “ไปป่ะ?”

         ฉันรู้นะว่าจุดประสงค์ของพี่เวลล์คืออะไร เขาแค่พูดให้ฉันกลัวแล้วลงไปจากรถเขาเท่านั้นเองแหละ ฉันไม่ได้โง่อะไรขนาดนั้นหรอกนะที่จะตามแผนเขาไม่ทันอ่ะ เรื่องแบบนี้มันต้องมีการซ้อนแผนกันบ้าง

         “พี่เวลล์จะไปนอนที่วัดเหรอคะถึงชวนฉันไปนอนเป็นเพื่อน” ฉันไม่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ถามเขากลับไป อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบกลับมาว่าอะไร คนตรงหน้าถึงกลับทำหน้าบอกบุญไม่รับเชียวล่ะ “ฉันนอนเป็นเพื่อนพี่ได้นะคะ ถ้าพี่อยู่ได้ฉันก็อยู่ได้”

         “ป่าช้างี้?” ทำมาเป็นพูดถ้าเอาเข้าจริงฉันคิดว่าพี่เวลล์ไม่กล้าไปหรอก

         อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนกลัวผีอะไรด้วย ฉันเชื่อแต่สิ่งที่มันพิสูจน์ได้หรือทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เรื่องแบบนี้หลอกฉันไม่ได้หรอกนะบอกไว้เลย

         “ฉันยืนยันคำตอบเดิมค่ะพี่เวลล์อยู่ได้ฉันก็อยู่ได้เหมือนกัน”

         “ทำไม?” เขาเลิกคิ้วถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องทำถึงขนาดนี้

         เขาก็น่าจะรู้คำตอบดีกว่าคนอื่นนะว่าทำไม ยังจะมาให้ฉันบอกอีกเหรอ แต่ก็ดีจะได้ย้ำเขาไปชัดๆเลยว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา และไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจด้วย

         “ก็ฉันบอกพี่ไปแล้วไงค่ะว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กัน” ทันทีที่พูดจบพี่เวลล์ก็ดูเหมือนจะอึ้งไปเลย เขามองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นก่อนจะเมินไปทางอื่น แล้วไม่นานก็หันกลับมาถามฉัน และมันก็เป็นคำถามที่ทำร้ายกันได้อย่างมากมายเลยล่ะ

         “ทำตัวแบบนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ?”

         ฉึ๊ก!

          โดนเต็มๆเลยดอกนี้ มันเป็นคำที่ฉันใช้พูดกับยัยแป้ง แต่พอมาโดนกับตัวเองถึงได้รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน โดยเฉพาะกับคนที่เรารักมาพูดแบบนี้ให้แล้ว เหมือนโดนรถพ่วงสิบแปดล้อเหยียบหน้าเลย ใจร้ายจริงๆเลยผู้ชายคนนี้

         ฉันรักเขาไปได้ยังไงกันนะไม่เคยพูดจาดีๆกับฉันเลยสักครั้ง นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นรับรองได้เลยว่าไม่มาให้เขานั่งด่าอยู่อย่างนี้หรอกจะบอกให้ ดีไม่ดีเขาอาจจะโดนด่ากลับก็ได้

         พี่เวลล์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมพูดอะไรออกมา ฉันหมดคำพูดแล้วไงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูเหมือนว่าจะเข้าตัวเองเปล่าๆ นั่งอยู่เฉยๆรอให้เขาไปส่งอย่างเดียวดีกว่า

         เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่มีวันลงจากรถเขาเด็ดขาด ก็ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าฉันจะด้านให้มันถึงที่สุด และถ้าถึงวันนั้นจริงๆแล้วพี่เวลล์ยังไม่หันมามองฉันฉันก็พร้อมที่จะไปรักคนใหม่ทันที

         แต่ตอนนี้ฉันจะต้องให้เขาไปส่งฉันให้ได้ก่อน

         “เธอคิดว่าพ่อแม่จะดีใจเหรอที่เห็นลูกตัวเองมาไล่ตามผู้ชายแบบนี้”

         “...”

         “ท่านดูแลเธอมาอย่างดีเพื่อให้เธอมาทำตัวแบบนี้เหรอ”

         “...”

         “กลับไปตั้งใจเรียนดีกว่าไหม?”

         ฉันนี่ถึงกับเงิบไปเลย พี่เวลล์ไปเอาคำพวกนี้มาจากไหนถึงได้มาพูดกับฉันแบบนี้ ถึงฉันจะทำตัวแบบนี้แต่ฉันก็ไม่เคยทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวังเลยนะ อีกอย่างเกรดฉันก็สามอัพตลอดเลยด้วย เรื่องของมึนเมาก็ไม่แตะแต่ก็นานๆครั้งอ่ะ เพราะฉะนั้นฉันขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเถอะ

         ฉันคงทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นว่าพี่เวลล์ไปรักคนอื่น พี่เวลล์ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของฉันบ้างเลยหรือไงนะ หรือว่าเขามีคนอื่นที่อยู่ในใจมานานแล้ว

         ก็อาจจะเป็นไปได้เพราะเขาไม่เคยเปิดใจให้ใครเข้ามาเลยสักที ยิ่งฉันด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางที่จะได้ใจเขาไปครองหรอก แค่หน้าฉันเขายังไม่อยากจะมองเลย

         “ลงไปจากรถฉันได้แล้ว”

         “ไม่ค่ะ” ฉันรีบคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าพี่เวลล์จะลากฉันลงจากรถ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ทำก็เถอะแต่ก็ไว้ใจไม่ได้

         “ที่ฉันบอกเธอไปไม่เข้าใจบ้างเลยไง?”

         “เข้าใจค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าอะไรฉันหรอก” ฉันตอบไปตามความจริง เพราะถึงท่านจะรู้ท่านก็ไม่น่าจะทำอะไรฉันอยู่แล้ว ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน พวกท่านก็เลยโอ๋ฉันเป็นพิเศษยังไงล่ะ

         “ก็เพราะท่านไม่รู้นะสิว่าเธอมันบ้าผู้ชายมากแค่ไหน”

         “ฉันก็บ้าแต่กับพี่เวลล์คนเดียวนะคะ”

         “...”

         “อีกอย่างนึง...” ฉันที่เพิ่งนึกอะไรออกก็อยากจะบอกให้คนตรงหน้าได้รู้ด้วย ว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ พี่เวลล์มองหน้าฉันอย่างสงสัยเหมือนอยากรู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไร “ที่ฉันบอกว่าท่านไม่ว่าอะไรก็เพราะก่อนที่คุณแม่จะมีฉันออกมา...”

         “...”

         “ท่านก็ตามตื๊อคุณพ่อเหมือนอย่างที่ฉันตามตื๊อพี่อยู่ไงคะ” 

      

    -100 %-




    -รู้แล้วว่าได้มาจากใคร?-
    วิวาห์นางถอดแบบมาจากแม่นี่เอง เวลล์คงต้องรับมือหนักแล้วล่ะงานนี้
    ชาร์ปเมื่อกี้เห็นพวกเธอคิดลึกไปนะ 55555555555555555
    พี่เวลล์น่ะเหรอจะพาน้องวิวาห์เข้าโรงแรม พวกเธอฝันไปหรือเปล่าจ๊ะ
    พี่เวลล์ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นนะเออ! คิดไกลเกินไปล๊าวววววววว

    เม้นท์เท่าที่ใจรีดเดอร์มีต่อพี่เวลล์กับน้องวิวาห์เลยงับ

    เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพให้เยย

     


    -LOVER SET- 

       

      REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796

    WELL : คลิก  https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796  



    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×