คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : คำตอบของหัวใจ
คำตอบของหัวใจ
สองอาทิตย์ต่อมา
หลังจากวันที่เซอร์คัสบอกว่าจะพาฉันไปหาครอบครัวของเขาเขาก็ไม่ได้มาหาฉันอีกเลย ฉันไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่วันนั้น แต่เขาก็ยังคงส่งจดหมายมาให้ฉันได้รับรู้ว่าเขายังมีตัวตนไม่ได้หายไปไหน
วันนี้ก็เช่นกันเขาก็ยังคงหย่อนจดหมายเอาไว้ที่หน้าประตูระเบียงของฉันเหมือนเดิม
เขาบอกว่าเหตุผลที่เขามาหาฉันไม่ได้เป็นเพราะเขาถูกครอบครัวกักบริเวณเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง
ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำขนาดนั้นมันอันตรายมากเลยเหรอที่จะปล่อยเซอร์คัสออกมา
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันนั่งถอนหายใจเป็นว่าเล่น นี่ถ้าการถอนหายใจของฉันมันสามารถพัดเอาเงินมาให้ฉันได้มันคงจะกองเต็มหน้าฉันไปแล้วล่ะ
ฉันคิดถึงเซอร์คัสหลายวันมานี้ฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย
ได้แต่นั่งอ่านจดหมายของเขาซ้ำไปซ้ำมาวนลูปอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาแล้วเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ อากาศหนาวจนจับขั้วหัวใจเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่เซอร์คัสไม่อยู่แบบนี้มันเหงาจนไม่อยากจะอยู่คนเดียว
ที่มหาวิทยาลัยเขาก็ไม่ได้มา อาจารย์บอกว่าเขาลาออกไปแล้ว
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันร้ายแรงถึงขั้นไหน
แต่ฉันก็อยากให้เขาได้มาหาฉันบ้างไม่ใช่หายไปแบบนี้
ถึงจะส่งจดหมายมามันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรถ้าเราไม่ได้พูดคุยหรือเจอกัน
“ช่วงนี้ดูไม่ค่อยสดใสเลยนะ” นิชาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว
ก็ไม่ได้อยากจะทำให้เพื่อนไม่สบายใจหรอกนะ
แต่มันเผลอทุกครั้งเวลาที่คิดถึงเซอร์คัสแบบนี้
“จะมีอะไรนอกจากอกหัก”
คำพูดนี้มีอยู่คนเดียวที่กล้าพูดให้ฉัน
นี่ถ้าลิลลี่ไม่ได้พูดแขวะฉันสักวันคงอยู่ไม่ได้สินะ ฉันมองหน้าลิลลี่ก่อนจะหันไปตอบนิชาซึ่งนั่งอยู่ข้างฉัน
สีหน้าของเธอดูเป็นห่วงฉันมากเลยนะ ฉันไม่ควรทำให้เพื่อนต้องเป็นแบบนี้สิ
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”
“ยัยจีมีความรักกับเขาด้วยเหรอ”
เอาแล้วไงเรื่องจะไม่จบง่ายๆ ใช่มั้ย
เพราะลิลลี่คนเดียวเลยที่เปิดประเด็นนี้ขึ้น ใครว่าฉันอกหักฉันไม่ได้อกหักสักหน่อย
ก็แค่คิดถึงคนที่ทำให้คิดถึงก็เท่านั้นเอง เพื่อนเข้าใจผิดกันไปหมดแล้วเนี่ย
“อะไรกันนี่เธอไปอยู่ไหนมาเอ็มเค”
หว่าหวาหันไปพูดกับเอ็มเคที่ไม่รู้เรื่องอะไร
ที่จริงก็ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ
คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้น
“แล้วฉันควรจะรู้อะไรล่ะ?”
“คุณเซอร์คัสไม่ได้มาหาเธอเหรอ?” ริชถามขึ้น
คงจะมีแต่เธอสินะที่รู้เรื่องของฉันกับเซอร์คัสดี
เพราะวันที่เกิดเหตุวันนั้นเธอเห็นเซอร์คัสดูเป็นห่วงฉันมาก ฉันนั่งถอนหายใจกับการรู้ทันของเพื่อนแต่ละคน
“คุณเซอร์คัสเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เอ๊ะ! หรือว่าเธอกับคุณเซอร์คัส...” เอ็มเคตาโตอ้าปากค้าง ทำเอาเพื่อนๆ
พากันหัวเราะกับความเล่นใหญ่ของเธอ
“เธอนี่มันโอเวอร์จริงๆ
เลย”
“ก็ฉันจองของฉันมาตั้งนานนี่นา เสียดายอ่ะ”
ให้ตายเถอะ
อย่าพูดถึงเรื่องเขาให้ฉันได้ยินได้มั้ย ฉันไม่อยากคิดถึงเขาตลอดเวลาแบบนี้
ไม่รู้หรือไงว่าฉันอยากจะร้องไห้มากแค่ไหนเวลาที่มีคนเรียกชื่อเขาขึ้นมาแบบนี้
ฉันอยากให้เซอร์คัสมาหาจะตายไป แต่เขามีเหตุผลจำเป็นที่มาหาฉันไม่ได้
จะไปต่อว่าก็ไม่ได้ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของครอบครัวเขา
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาซะอย่างนั้น เพราะพวกเพื่อนๆ ของฉันพร้อมใจกันหันมาจ้องหน้าฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำอย่างกับฉันไปทำอะไรผิดมาแล้วไม่ยอมบอกพวกเธออย่างนั้นล่ะ
นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันไม่ใช่เหรอ
การที่ฉันไม่บอกก็น่าจะรู้แล้วนี่นาว่าฉันไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง
นี่ฉันต้องตอบคำถามของเพื่อนๆ ที่กำลังจะยิงตรงมาที่ฉันใช่มั้ย
สายตาแบบนี้ฉันคงหนีไม่พ้นสินะ ฉันอุตส่าห์จะลืมเรื่องเซอร์คัสอยู่แล้วเชียว
“ตกลงเรื่องเธอกับคุณเซอร์คัสเป็นยังไงกันแน่?”
“ตั้งแต่ที่คุณเซอร์คัสไม่ได้มาที่นี่เธอก็เริ่มซึมเลยนะ
อย่าบอกนะว่าคุณเซอร์คัสเขาทิ้งเธอแล้ว?”
“งั้นคุณเซอร์คัสก็ไม่กลับมาแล้วใช่มั้ย?”
“แล้วเธอไปคบกับคุณเซอร์คัสตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เดี๋ยวก่อน! นี่มันอะไรกัน แต่ละคำถามนี่คิดดีแล้วใช่มั้ยที่ถามออกมาแบบนี้ แล้วฉันควรจะตอบคำถามของใครก่อนดีล่ะ อีกอย่างคำถามของแต่ละคนฉันก็ตอบไม่ได้ด้วย เพราะมันยากเกินกว่าที่ฉันจะตอบได้
เรื่องของฉันกับเซอร์คัสฉันยังไม่รู้เลยว่าเราสองคนเป็นอะไรกันเขาเล่นหายตัวไปแบบนี้จนฉันเลิกหวังในความสัมพันธ์ของเราไปแล้วล่ะ ส่วนเรื่องที่ฉันซึมก็คงจะจริง เพราะตั้งแต่ที่เขาหายไปฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด
แต่ที่ฉันไม่รู้คือเขาได้ทิ้งฉันจริงๆ หรือเปล่า
เพราะเขายังคงส่งจดหมายมาหาฉันทุกวัน ส่วนไอ้เรื่องคบนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนคบกันแบบไหน
เห็นหรือเปล่าว่าฉันไม่สามารถตอบคำถามของเพื่อนๆ
ได้เลย ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร
ก็คงต้องรอให้เซอร์คัสเป็นคนมาพูดเองเรื่องมันถึงจะกระจ่าง
ฉันเองก็อยากจะรู้จากปากเขาเหมือนกันว่าที่เขาหายไปแบบนี้เขาได้คิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเขาหรือเปล่า
หรือว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่คิดถึงเขา หรือเขาอาจจะลืมฉันไปแล้ว โอ๊ย! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“เธอไว้ใจพวกเราได้นะจี”
นิชาที่เงียบอยู่ก็โพล่งขึ้นมา เธอกุมมือฉันเอาไว้แน่น
เพื่อที่จะบอกว่าเธอจะไม่มีวันเอาเรื่องของฉันไปพูดให้ใครฟัง
ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะเอาไปพูดหรอกนะ ฉันเชื่อใจเพื่อนฉันทุกคนแต่ที่ไม่ได้เล่าก็เพราะมันไม่มีอะไรจะเล่าจริงๆ
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนแทบเชื่อไม่ได้
ถ้าฉันเล่าไปแล้วเพื่อนคิดว่าฉันเป็นบ้าขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ
ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงฉันมาก ไม่อย่างนั้นไม่มานั่งถามแบบนี้หรอก อีกอย่างสายตาแต่ละคนก็ดูจะเป็นกังวลกับเรื่องของฉันมากเหมือนกัน ถ้าฉันไม่เล่าเพื่อนก็จะเป็นห่วงฉันอยู่อย่างนี้สินะ
ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง แต่ก็ไม่ทุกอย่างหรอก
เพราะฉันไม่ได้บอกเรื่องที่เซอร์คัสเป็นแวมไพร์
และเรื่องที่เขาสามารถเข้าออกห้องฉัน ฉันบอกแค่ว่าเราสองคนรู้จักกันมาก่อนที่เขาจะมาที่นี่และเราก็รู้สึกดีต่อกัน
การที่เขามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมาดูแลฉัน
หลังจากที่ทุกคนฟังที่ฉันเล่าจบก็พากันอึ้งไปหมด
ไม่เว้นแม้กระทั่งนิชาที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเรื่องภายนอกเท่าไหร่
พวกเธอก็คงจะงงล่ะมั้งว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกดีกับเซอร์คัส เพราะคนอย่างฉันไม่เคยสนใจในเรื่องความรักเลยสักนิด
เวลาที่มีคนเข้ามาจีบฉันก็ปฏิเสธไปแทบทุกคน
อย่างที่บอกว่าฉันยังไม่ได้เจอคนที่ถูกใจหรือดูแลฉันได้
แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองเจอแล้วล่ะ
เซอรคัส เป็นคำตอบของทั้งหมดให้กับฉัน เพราะเขาดูแลและปกป้องฉันมาตลอด
อย่างตอนนี้ไงถึงเขาไม่อยู่เขาก็ยังส่งจดหมายมาให้ทุกวัน
ถึงแม้จะไม่ได้เจอเขาอย่างน้อยๆ ก็ได้รู้ว่าเขายังไงไม่ได้ไปไหน
ถ้าฉันปฏิเสธคนอย่างเซอร์คัสไปฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย
เขาดีกับฉันขนาดนี้ฉันลืมเขาไม่ได้หรอก
“โรแมนติกอ่ะ ฟังแล้วเกิดความอิจฉาเธอขึ้นมาเลยจีละดา”
เอ็มเคกุมมือฉันเอาไว้ใบหน้าของเธอดูฟินมาก เธอคงจะจินตนาการว่าเธอเป็นฉันสินะ
ก็นั่นแหละใครที่ได้มาฟังเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีความสุขไปด้วยเป็นธรรมดา
ฉันเองก็เช่นกันเวลาที่เล่าให้เพื่อนฟังฉันก็อมยิ้มตลอดเวลาเลย
“อย่าเว่อร์ให้มากเอ็มเค”
“อะไรกันริชเธอไม่ฟินกับฉันบ้างเหรอ?”
“ไม่มีใครเป็นบ้าเหมือนเธอหรอกนะ”
ลิลลี่คงจะทนไม่ไหวกับความฟินอะไรบ้าบอของเอ็มเคถึงกับพูดแขวะเอ็มเคออกไป
ทำให้เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะอายุขนาดนี้แต่เราก็ยังทำตัวเหมือนเด็กนะ
เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้เหมือนฉันกลายเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกนี้เลย
“อะไรกันทำไมต้องว่าฉันด้วย”
แกร๊บ!
เสียงคนเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นมาด้านหลังพุ่มไม้ทำให้พวกฉันหันไปมองว่าใครเดินมาทางนี้แต่ปรากฏว่าไม่เห็นใครเลย
เห็นเพียงด้านหลังที่เดินออกไป แต่ถึงจะเห็นแค่นั้นพวกฉันก็รู้ว่าเป็นใคร
เมื่อกี้เขามาแอบฟังเรื่องที่ฉันกับเพื่อนคุยกันอย่างนั้นเหรอ
แล้วทำไมต้องมาแอบฟังด้วยล่ะ ฉันได้แต่สงสัยในใจและหาคำตอบจากคำถามนี้ไปด้วย
“นั่นมันแฟรงค์นี่”
ริชพูดขึ้นมาก่อนเพื่อนเมื่อเราทั้งหมดหันหน้ามามองกันอย่างงงๆ
ว่าแฟรงค์มาแอบฟังทำไม
“แล้วแฟรงค์มาแอบฟังพวกเราทำไม?”
“นั่นสิปกติไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว”
“คงจะแอบชอบใครในนี้ล่ะมั้ง” เอ็มเคพูดแบบไม่ได้คิดอะไร เหมือนเธอแค่อยากจะมีความคิดเห็นกับเพื่อนก็เท่านั้น
และคำพูดของเอ็มเคก็ทำให้เพื่อนในกลุ่มหันมามองฉันกันหมด
เดี๋ยวก่อนสิทำไมต้องหันมามองฉันด้วย ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
ทำไมรู้ว่าแฟรงค์แอบชอบฉันล่ะ
“เธอรู้หรือเปล่าจี?”
อ้าว! โบ้ยมาให้ฉันเสียดื้อๆ เลย ทำไมริชถึงทำร้ายฉันอย่างนี้
ปล่อยผ่านไปเลยไม่ได้หรือไง ฉันคงจะบอกหรอกนะว่าแฟรงค์แอบชอบฉันอยู่
เรื่องนี้ขอให้มันเป็นความลับแค่ฉันกับแฟรงค์ก็พอ คนอื่นไม่ต้องมารู้ด้วยหรอก
“มะ...ไม่รู้หรอก”
“เป็นอะไรของเธอทำไมต้องทำตัวมีพิรุธด้วย”
ลิลลี่มองฉันอย่างจับผิด ฉันทำตัวมีพิรุธเหรอ เปล่านะฉันแค่นั่งเงียบๆ
ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรก็หาว่าฉันมีพิรุธแล้วเหรอ
ทำไมเพื่อนของฉันถึงเป็นคนช่างจับผิดอย่างนี้เนี่ย ให้ตายสิ
“จีน่ะเหรอมีพิรุธ
ไม่มีหรอก” ฉันรีบปฏิเสธลิลลี่ทันทีที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นยอดนักสิบจิ๋วโคนัน
ทุกคนมองหน้าฉันไม่ลดละทำให้ฉันเมินหน้าไปทางอื่น
และเหมือนว่าเสียงเรียกของนิชาจะช่วยชีวิตฉันไว้ได้ทันเวลาพอดี
เพราะริชกำลังจะเอ่ยถามนิชาก็พูดขึ้นมาก่อน
“เข้าเรียนกันเถอะ”
นิชาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะเข้าเรียน ทำให้เพื่อนๆ ต้องลุกตามไปด้วย
ฉันก็เลยรอดตัวไป ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเผลอพูดเรื่องแฟรงค์ขึ้นมาแน่ๆ
แล้วทำไมเราต้องเปลี่ยนเรื่องจากเซอร์คัสมาเป็นแฟรงค์ด้วยล่ะ งงเหมือนกันนะเนี่ย
เสียงของอาจารย์ตอนนี้ไม่ได้เข้าหูฉันเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ฉันกำลังนึกถึงเรื่องที่แฟรงค์มาแอบฟังพวกฉันคุยกันถึงเรื่องเซอร์คัส ทำไมแฟรงค์ต้องมาแอบฟังด้วย
จริงด้วย! ฉันหันไปมองที่นั่งของแฟรงค์ก็ไม่เจอเขา มีเพียงแค่โต๊ะกับเก้าอี้เท่านั้น เขาหายไปไหน ปกติแฟรงค์จะไม่โดดเรียนเลยนะ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงไม่เข้าเรียนล่ะ เขาหายไปไหนเมื่อเช้ายังเห็นดีๆ อยู่เลย
หรือว่าเรื่องที่พวกฉันพูดกันจะทำให้เขาไม่อยากมาเข้าเรียน
เพราะฉันรู้ว่าแฟรงค์คิดยังไงกับฉันการที่ฉันบอกว่าฉันรู้สึกดีกับเซอร์คัสอาจจะทำให้เขาเสียใจ
แต่เขาก็ไม่ควรไม่เข้าเรียนแบบนี้ อะไรจะสำคัญกว่าเรื่องเรียน
เป็นห่วงเขาจัง เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ หรือว่าฉันควรจะออกไปเจอเขาดีหรือปล่อยเขาไป เดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมาเรียนเอง แต่...แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันทำเป็นไม่สนใจเพื่อนไม่ได้
แฟรงค์ก็เป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่ง เขายังเคยแสดงความมีน้ำใจกับฉันเลย
เพราะงั้นฉันจะปล่อยเขาไปแบบนี้ไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
คิดได้อย่างนั้นฉันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองเพื่อที่จะไปตามหาแฟรงค์
“จะไปไหน?”
“ไปเข้าห้องน้ำ
เดี๋ยวมานะ”
ทันทีที่ฉันออกมาจากห้องเรียน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาที่ไหน
ลืมไปเลยแฮะ โทรศัพท์ยังใช้โทรหากันได้นี่ ดีนะที่ฉันพกโทรศัพท์ออกมาด้วย
ฉันจัดการโทรหาเขาทันที รอสายได้ไม่นานปลายสายก็ตอบรับกลับมา
[ฮัลโหล] เอ๊ะ!
นี่มันเสียงของแฟรงค์เหรอ ทำไมมันฟังดูห้วนๆ แบบนี้ล่ะ
ปกติแฟรงค์เป็นคนที่พูดเพราะ สุภาพ หรือว่านี่จะไม่ใช่แฟรงค์
“แฟรงค์เหรอ?”
[แล้วเธอโทรมาหาใครล่ะ?] ปลายสายถามกลับ
น้ำเสียงของเขาเหมือนรำคาญฉันเลย นี่ฉันพูดอะไรที่มันทำให้เขารำคาญเหรอ
รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้พูดไปเมื่อกี้นี้เองนี่นา
“แฟรงค์จริงๆ เหรอ?”
ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะเรื่องที่ฉันอยากจะพูดกับเขามันสำคัญมาก
ฉันอยากให้เขาได้รู้ และไม่อยากให้ใครมาได้ยินด้วย
[ถ้าเธออยากรู้ว่าใครให้อ่านชื่อที่เธอเมมไว้นะ] อ้าว! พูดเหมือนฉันไม่มีหัวคิดยังไงไม่รู้แฮะ
บางทีนี่อาจจะไม่ใช่แฟรงค์ก็ได้มั้ง พูดได้กวนจริงๆ
“อาจจะเป็นเพื่อนแฟรงค์ก็ได้นี่นา”
ฉันตอบกลับไป เพราะฉันยังไม่เชื่อว่าเป็นเขา
และไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย ดูเหมือนเขาจะรำคาญฉันเอามากๆ เลยนะ
[โทรมามีไร?] โอเคฉันรู้แล้วว่าเป็นแฟรงค์เขาคงจะอารมณ์ไม่ดีเลยเผลอทำเสียงแบบนี้ออกมา
งั้นฉันจะไม่ถือสาแล้วกัน เพราะฉันมีเรื่องอยากพูดกับเขามาก
“แฟรงค์อยู่ที่ไหน?”
ฉันถามเขาอย่างเป็นห่วง และยังคงใช้น้ำเสียงเดิมที่เคยพูดกับเขา
ถึงเขาจะเป็นแบบนี้บางทีต้นเหตุมันอาจจะมาจากฉันก็ได้
เพราะงั้นฉันก็ควรที่จะต้องเป็นห่วงเขาถูกมั้ย
[จะรู้ไปทำไม?] เขาเองก็ถามกลับมาเหมือนกัน
ดูเหมือนจะไม่อยากบอกเลยนะว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
อีกอย่างฉันยังไม่รู้ด้วยว่าต้องตอบเขาว่าอะไร
“คือ...”
[ว่าไง?]
แฟรงค์ถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่อ้ำอึ้ง
ฉันคิดไม่ออกว่าจะพูดกับเขายังไงดี
คือฉันอยากคุยตัวต่อตัวเพื่อที่จะได้เข้าใจกันง่ายๆ
“คือ...”
[ถ้าไม่พูดเราวางนะ]
“เดี๋ยว...”
เอาล่ะ! เป็นไงเป็นกัน ยังไงวันนี้ก็จะต้องคุยกับแฟรงค์ให้ได้ เพราะไม่อยากคาราคาซังแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันอึดอัดมาก ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับแฟรงค์มากกว่า เพราะมันยืนยาวมากกว่าคบกันเป็นอย่างอื่น
ดูเหมือนฉันกับเซอร์คัสสิ เริ่มห่างกันออกไปทุกทีจนไม่ได้เจอหน้ากันนานมาก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเขายังไงเพื่อไม่ให้เขาเสียใจ และไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาเหมือนที่เคยทำร้ายจิตใจผู้ชายที่เข้ามาจีบฉัน
“จีมีเรื่องอยากคุยด้วย”
[เรื่อง?]
“แฟรงค์อยู่ไหนจีจะไปหา”
ถ้าคุยกันแบบนี้ยังไงก็ไม่รู้เรื่องแน่ ฉันจะต้องคุยกับเขาให้เขาเข้าใจฉัน ฉันไม่อยากให้เขากลายเป็นผู้ชายเย็นชาแบบนี้
ฉันอยากให้เขากลับมาเป็นแฟรงค์คนเดิม คนที่ทำตัวน่ารักกับฉัน
คอยเป็นห่วงฉันในฐานะเพื่อนไม่ใช่อย่างอื่น
[ห้องล็อกเกอร์]
เขาไปทำอะไรที่ห้องล็อกเกอร์ ห้องนั้นมันทั้งมืดทั้งน่ากลัวไม่ใช่เหรอ แล้วไปอยู่คนเดียวแบบนั้นไม่กลัวหรือไง หรือเขาคิดที่จะฆ่าตัวตาย บ้าไปแล้วจีละดาคนจะฆ่าตัวตายที่ไหนยอมรับโทรศัพท์
เอาเถอะยังไงตอนนี้ก็คงต้องไปหาเขาให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้นิชาสงสัยว่าไปเข้าห้องน้ำทำไมไปนานอย่างกับตกส้วมตาย
-ฝากเพจอีกสักที-
ความคิดเห็น