ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You Are The Light สัมผัสรักแวมไพร์เจ้าเสน่ห์

    ลำดับตอนที่ #24 : คำตอบของหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 61







     

    คำตอบของหัวใจ


    สองอาทิตย์ต่อมา

              หลังจากวันที่เซอร์คัสบอกว่าจะพาฉันไปหาครอบครัวของเขาเขาก็ไม่ได้มาหาฉันอีกเลย ฉันไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่วันนั้น แต่เขาก็ยังคงส่งจดหมายมาให้ฉันได้รับรู้ว่าเขายังมีตัวตนไม่ได้หายไปไหน

         วันนี้ก็เช่นกันเขาก็ยังคงหย่อนจดหมายเอาไว้ที่หน้าประตูระเบียงของฉันเหมือนเดิม เขาบอกว่าเหตุผลที่เขามาหาฉันไม่ได้เป็นเพราะเขาถูกครอบครัวกักบริเวณเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำขนาดนั้นมันอันตรายมากเลยเหรอที่จะปล่อยเซอร์คัสออกมา

         วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันนั่งถอนหายใจเป็นว่าเล่น นี่ถ้าการถอนหายใจของฉันมันสามารถพัดเอาเงินมาให้ฉันได้มันคงจะกองเต็มหน้าฉันไปแล้วล่ะ

         ฉันคิดถึงเซอร์คัสหลายวันมานี้ฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย ได้แต่นั่งอ่านจดหมายของเขาซ้ำไปซ้ำมาวนลูปอยู่อย่างนั้น

         ตอนนี้หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาแล้วเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ อากาศหนาวจนจับขั้วหัวใจเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่เซอร์คัสไม่อยู่แบบนี้มันเหงาจนไม่อยากจะอยู่คนเดียว

         ที่มหาวิทยาลัยเขาก็ไม่ได้มา อาจารย์บอกว่าเขาลาออกไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันร้ายแรงถึงขั้นไหน แต่ฉันก็อยากให้เขาได้มาหาฉันบ้างไม่ใช่หายไปแบบนี้ ถึงจะส่งจดหมายมามันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรถ้าเราไม่ได้พูดคุยหรือเจอกัน

         “ช่วงนี้ดูไม่ค่อยสดใสเลยนะ” นิชาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว ก็ไม่ได้อยากจะทำให้เพื่อนไม่สบายใจหรอกนะ แต่มันเผลอทุกครั้งเวลาที่คิดถึงเซอร์คัสแบบนี้

         “จะมีอะไรนอกจากอกหัก” คำพูดนี้มีอยู่คนเดียวที่กล้าพูดให้ฉัน นี่ถ้าลิลลี่ไม่ได้พูดแขวะฉันสักวันคงอยู่ไม่ได้สินะ ฉันมองหน้าลิลลี่ก่อนจะหันไปตอบนิชาซึ่งนั่งอยู่ข้างฉัน สีหน้าของเธอดูเป็นห่วงฉันมากเลยนะ ฉันไม่ควรทำให้เพื่อนต้องเป็นแบบนี้สิ

         “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”

         “ยัยจีมีความรักกับเขาด้วยเหรอ”

         เอาแล้วไงเรื่องจะไม่จบง่ายๆ ใช่มั้ย เพราะลิลลี่คนเดียวเลยที่เปิดประเด็นนี้ขึ้น ใครว่าฉันอกหักฉันไม่ได้อกหักสักหน่อย ก็แค่คิดถึงคนที่ทำให้คิดถึงก็เท่านั้นเอง เพื่อนเข้าใจผิดกันไปหมดแล้วเนี่ย

         “อะไรกันนี่เธอไปอยู่ไหนมาเอ็มเค” หว่าหวาหันไปพูดกับเอ็มเคที่ไม่รู้เรื่องอะไร ที่จริงก็ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้น

         “แล้วฉันควรจะรู้อะไรล่ะ?”

         “คุณเซอร์คัสไม่ได้มาหาเธอเหรอ?” ริชถามขึ้น

         คงจะมีแต่เธอสินะที่รู้เรื่องของฉันกับเซอร์คัสดี เพราะวันที่เกิดเหตุวันนั้นเธอเห็นเซอร์คัสดูเป็นห่วงฉันมาก ฉันนั่งถอนหายใจกับการรู้ทันของเพื่อนแต่ละคน

         “คุณเซอร์คัสเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เอ๊ะ! หรือว่าเธอกับคุณเซอร์คัส...” เอ็มเคตาโตอ้าปากค้าง ทำเอาเพื่อนๆ พากันหัวเราะกับความเล่นใหญ่ของเธอ

         “เธอนี่มันโอเวอร์จริงๆ เลย”

         “ก็ฉันจองของฉันมาตั้งนานนี่นา เสียดายอ่ะ”

         ให้ตายเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องเขาให้ฉันได้ยินได้มั้ย ฉันไม่อยากคิดถึงเขาตลอดเวลาแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าฉันอยากจะร้องไห้มากแค่ไหนเวลาที่มีคนเรียกชื่อเขาขึ้นมาแบบนี้ ฉันอยากให้เซอร์คัสมาหาจะตายไป แต่เขามีเหตุผลจำเป็นที่มาหาฉันไม่ได้ จะไปต่อว่าก็ไม่ได้ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของครอบครัวเขา

         บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาซะอย่างนั้น เพราะพวกเพื่อนๆ ของฉันพร้อมใจกันหันมาจ้องหน้าฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำอย่างกับฉันไปทำอะไรผิดมาแล้วไม่ยอมบอกพวกเธออย่างนั้นล่ะ

         นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันไม่ใช่เหรอ การที่ฉันไม่บอกก็น่าจะรู้แล้วนี่นาว่าฉันไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง นี่ฉันต้องตอบคำถามของเพื่อนๆ ที่กำลังจะยิงตรงมาที่ฉันใช่มั้ย สายตาแบบนี้ฉันคงหนีไม่พ้นสินะ ฉันอุตส่าห์จะลืมเรื่องเซอร์คัสอยู่แล้วเชียว

         “ตกลงเรื่องเธอกับคุณเซอร์คัสเป็นยังไงกันแน่?”

         “ตั้งแต่ที่คุณเซอร์คัสไม่ได้มาที่นี่เธอก็เริ่มซึมเลยนะ อย่าบอกนะว่าคุณเซอร์คัสเขาทิ้งเธอแล้ว?”

         “งั้นคุณเซอร์คัสก็ไม่กลับมาแล้วใช่มั้ย?”

         “แล้วเธอไปคบกับคุณเซอร์คัสตั้งแต่เมื่อไหร่?”

         เดี๋ยวก่อน! นี่มันอะไรกัน แต่ละคำถามนี่คิดดีแล้วใช่มั้ยที่ถามออกมาแบบนี้ แล้วฉันควรจะตอบคำถามของใครก่อนดีล่ะ อีกอย่างคำถามของแต่ละคนฉันก็ตอบไม่ได้ด้วย เพราะมันยากเกินกว่าที่ฉันจะตอบได้

         เรื่องของฉันกับเซอร์คัสฉันยังไม่รู้เลยว่าเราสองคนเป็นอะไรกันเขาเล่นหายตัวไปแบบนี้จนฉันเลิกหวังในความสัมพันธ์ของเราไปแล้วล่ะ ส่วนเรื่องที่ฉันซึมก็คงจะจริง เพราะตั้งแต่ที่เขาหายไปฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด

         แต่ที่ฉันไม่รู้คือเขาได้ทิ้งฉันจริงๆ หรือเปล่า เพราะเขายังคงส่งจดหมายมาหาฉันทุกวัน ส่วนไอ้เรื่องคบนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนคบกันแบบไหน

         เห็นหรือเปล่าว่าฉันไม่สามารถตอบคำถามของเพื่อนๆ ได้เลย ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร ก็คงต้องรอให้เซอร์คัสเป็นคนมาพูดเองเรื่องมันถึงจะกระจ่าง ฉันเองก็อยากจะรู้จากปากเขาเหมือนกันว่าที่เขาหายไปแบบนี้เขาได้คิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเขาหรือเปล่า หรือว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่คิดถึงเขา หรือเขาอาจจะลืมฉันไปแล้ว โอ๊ย! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น

         “เธอไว้ใจพวกเราได้นะจี”

         นิชาที่เงียบอยู่ก็โพล่งขึ้นมา เธอกุมมือฉันเอาไว้แน่น เพื่อที่จะบอกว่าเธอจะไม่มีวันเอาเรื่องของฉันไปพูดให้ใครฟัง ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะเอาไปพูดหรอกนะ ฉันเชื่อใจเพื่อนฉันทุกคนแต่ที่ไม่ได้เล่าก็เพราะมันไม่มีอะไรจะเล่าจริงๆ มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนแทบเชื่อไม่ได้ ถ้าฉันเล่าไปแล้วเพื่อนคิดว่าฉันเป็นบ้าขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ

         ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงฉันมาก ไม่อย่างนั้นไม่มานั่งถามแบบนี้หรอก อีกอย่างสายตาแต่ละคนก็ดูจะเป็นกังวลกับเรื่องของฉันมากเหมือนกัน ถ้าฉันไม่เล่าเพื่อนก็จะเป็นห่วงฉันอยู่อย่างนี้สินะ

         ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง แต่ก็ไม่ทุกอย่างหรอก เพราะฉันไม่ได้บอกเรื่องที่เซอร์คัสเป็นแวมไพร์ และเรื่องที่เขาสามารถเข้าออกห้องฉัน ฉันบอกแค่ว่าเราสองคนรู้จักกันมาก่อนที่เขาจะมาที่นี่และเราก็รู้สึกดีต่อกัน การที่เขามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมาดูแลฉัน

         หลังจากที่ทุกคนฟังที่ฉันเล่าจบก็พากันอึ้งไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งนิชาที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเรื่องภายนอกเท่าไหร่ พวกเธอก็คงจะงงล่ะมั้งว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกดีกับเซอร์คัส เพราะคนอย่างฉันไม่เคยสนใจในเรื่องความรักเลยสักนิด เวลาที่มีคนเข้ามาจีบฉันก็ปฏิเสธไปแทบทุกคน อย่างที่บอกว่าฉันยังไม่ได้เจอคนที่ถูกใจหรือดูแลฉันได้

         แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองเจอแล้วล่ะ เซอรคัส เป็นคำตอบของทั้งหมดให้กับฉัน เพราะเขาดูแลและปกป้องฉันมาตลอด อย่างตอนนี้ไงถึงเขาไม่อยู่เขาก็ยังส่งจดหมายมาให้ทุกวัน ถึงแม้จะไม่ได้เจอเขาอย่างน้อยๆ ก็ได้รู้ว่าเขายังไงไม่ได้ไปไหน ถ้าฉันปฏิเสธคนอย่างเซอร์คัสไปฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย เขาดีกับฉันขนาดนี้ฉันลืมเขาไม่ได้หรอก

         “โรแมนติกอ่ะ ฟังแล้วเกิดความอิจฉาเธอขึ้นมาเลยจีละดา”

         เอ็มเคกุมมือฉันเอาไว้ใบหน้าของเธอดูฟินมาก เธอคงจะจินตนาการว่าเธอเป็นฉันสินะ ก็นั่นแหละใครที่ได้มาฟังเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีความสุขไปด้วยเป็นธรรมดา ฉันเองก็เช่นกันเวลาที่เล่าให้เพื่อนฟังฉันก็อมยิ้มตลอดเวลาเลย

         “อย่าเว่อร์ให้มากเอ็มเค”

         “อะไรกันริชเธอไม่ฟินกับฉันบ้างเหรอ?”

         “ไม่มีใครเป็นบ้าเหมือนเธอหรอกนะ” ลิลลี่คงจะทนไม่ไหวกับความฟินอะไรบ้าบอของเอ็มเคถึงกับพูดแขวะเอ็มเคออกไป ทำให้เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะอายุขนาดนี้แต่เราก็ยังทำตัวเหมือนเด็กนะ เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้เหมือนฉันกลายเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกนี้เลย

         “อะไรกันทำไมต้องว่าฉันด้วย”

         แกร๊บ!

         เสียงคนเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นมาด้านหลังพุ่มไม้ทำให้พวกฉันหันไปมองว่าใครเดินมาทางนี้แต่ปรากฏว่าไม่เห็นใครเลย เห็นเพียงด้านหลังที่เดินออกไป แต่ถึงจะเห็นแค่นั้นพวกฉันก็รู้ว่าเป็นใคร เมื่อกี้เขามาแอบฟังเรื่องที่ฉันกับเพื่อนคุยกันอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมต้องมาแอบฟังด้วยล่ะ ฉันได้แต่สงสัยในใจและหาคำตอบจากคำถามนี้ไปด้วย

         “นั่นมันแฟรงค์นี่” ริชพูดขึ้นมาก่อนเพื่อนเมื่อเราทั้งหมดหันหน้ามามองกันอย่างงงๆ ว่าแฟรงค์มาแอบฟังทำไม

         “แล้วแฟรงค์มาแอบฟังพวกเราทำไม?”

         “นั่นสิปกติไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว”

         “คงจะแอบชอบใครในนี้ล่ะมั้ง” เอ็มเคพูดแบบไม่ได้คิดอะไร เหมือนเธอแค่อยากจะมีความคิดเห็นกับเพื่อนก็เท่านั้น

         และคำพูดของเอ็มเคก็ทำให้เพื่อนในกลุ่มหันมามองฉันกันหมด เดี๋ยวก่อนสิทำไมต้องหันมามองฉันด้วย ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ทำไมรู้ว่าแฟรงค์แอบชอบฉันล่ะ

         “เธอรู้หรือเปล่าจี?”

         อ้าว! โบ้ยมาให้ฉันเสียดื้อๆ เลย ทำไมริชถึงทำร้ายฉันอย่างนี้ ปล่อยผ่านไปเลยไม่ได้หรือไง ฉันคงจะบอกหรอกนะว่าแฟรงค์แอบชอบฉันอยู่ เรื่องนี้ขอให้มันเป็นความลับแค่ฉันกับแฟรงค์ก็พอ คนอื่นไม่ต้องมารู้ด้วยหรอก

         “มะ...ไม่รู้หรอก”

         “เป็นอะไรของเธอทำไมต้องทำตัวมีพิรุธด้วย” ลิลลี่มองฉันอย่างจับผิด ฉันทำตัวมีพิรุธเหรอ เปล่านะฉันแค่นั่งเงียบๆ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรก็หาว่าฉันมีพิรุธแล้วเหรอ ทำไมเพื่อนของฉันถึงเป็นคนช่างจับผิดอย่างนี้เนี่ย ให้ตายสิ

         “จีน่ะเหรอมีพิรุธ ไม่มีหรอก” ฉันรีบปฏิเสธลิลลี่ทันทีที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นยอดนักสิบจิ๋วโคนัน ทุกคนมองหน้าฉันไม่ลดละทำให้ฉันเมินหน้าไปทางอื่น และเหมือนว่าเสียงเรียกของนิชาจะช่วยชีวิตฉันไว้ได้ทันเวลาพอดี เพราะริชกำลังจะเอ่ยถามนิชาก็พูดขึ้นมาก่อน

         “เข้าเรียนกันเถอะ”

         นิชาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะเข้าเรียน ทำให้เพื่อนๆ ต้องลุกตามไปด้วย ฉันก็เลยรอดตัวไป ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเผลอพูดเรื่องแฟรงค์ขึ้นมาแน่ๆ แล้วทำไมเราต้องเปลี่ยนเรื่องจากเซอร์คัสมาเป็นแฟรงค์ด้วยล่ะ งงเหมือนกันนะเนี่ย

     

         เสียงของอาจารย์ตอนนี้ไม่ได้เข้าหูฉันเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ฉันกำลังนึกถึงเรื่องที่แฟรงค์มาแอบฟังพวกฉันคุยกันถึงเรื่องเซอร์คัส ทำไมแฟรงค์ต้องมาแอบฟังด้วย

         จริงด้วย! ฉันหันไปมองที่นั่งของแฟรงค์ก็ไม่เจอเขา มีเพียงแค่โต๊ะกับเก้าอี้เท่านั้น เขาหายไปไหน ปกติแฟรงค์จะไม่โดดเรียนเลยนะ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงไม่เข้าเรียนล่ะ เขาหายไปไหนเมื่อเช้ายังเห็นดีๆ อยู่เลย

         หรือว่าเรื่องที่พวกฉันพูดกันจะทำให้เขาไม่อยากมาเข้าเรียน เพราะฉันรู้ว่าแฟรงค์คิดยังไงกับฉันการที่ฉันบอกว่าฉันรู้สึกดีกับเซอร์คัสอาจจะทำให้เขาเสียใจ แต่เขาก็ไม่ควรไม่เข้าเรียนแบบนี้ อะไรจะสำคัญกว่าเรื่องเรียน

         เป็นห่วงเขาจัง เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ หรือว่าฉันควรจะออกไปเจอเขาดีหรือปล่อยเขาไป เดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมาเรียนเอง แต่...แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันทำเป็นไม่สนใจเพื่อนไม่ได้

         แฟรงค์ก็เป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่ง เขายังเคยแสดงความมีน้ำใจกับฉันเลย เพราะงั้นฉันจะปล่อยเขาไปแบบนี้ไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง คิดได้อย่างนั้นฉันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองเพื่อที่จะไปตามหาแฟรงค์

         “จะไปไหน?”

         “ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ”

         ทันทีที่ฉันออกมาจากห้องเรียน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาที่ไหน ลืมไปเลยแฮะ โทรศัพท์ยังใช้โทรหากันได้นี่ ดีนะที่ฉันพกโทรศัพท์ออกมาด้วย ฉันจัดการโทรหาเขาทันที รอสายได้ไม่นานปลายสายก็ตอบรับกลับมา

         [ฮัลโหล] เอ๊ะ! นี่มันเสียงของแฟรงค์เหรอ ทำไมมันฟังดูห้วนๆ แบบนี้ล่ะ ปกติแฟรงค์เป็นคนที่พูดเพราะ สุภาพ หรือว่านี่จะไม่ใช่แฟรงค์

         “แฟรงค์เหรอ?”

         [แล้วเธอโทรมาหาใครล่ะ?] ปลายสายถามกลับ น้ำเสียงของเขาเหมือนรำคาญฉันเลย นี่ฉันพูดอะไรที่มันทำให้เขารำคาญเหรอ รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้พูดไปเมื่อกี้นี้เองนี่นา

         “แฟรงค์จริงๆ เหรอ?” ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะเรื่องที่ฉันอยากจะพูดกับเขามันสำคัญมาก ฉันอยากให้เขาได้รู้ และไม่อยากให้ใครมาได้ยินด้วย

         [ถ้าเธออยากรู้ว่าใครให้อ่านชื่อที่เธอเมมไว้นะ] อ้าว! พูดเหมือนฉันไม่มีหัวคิดยังไงไม่รู้แฮะ บางทีนี่อาจจะไม่ใช่แฟรงค์ก็ได้มั้ง พูดได้กวนจริงๆ

         “อาจจะเป็นเพื่อนแฟรงค์ก็ได้นี่นา” ฉันตอบกลับไป เพราะฉันยังไม่เชื่อว่าเป็นเขา และไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย ดูเหมือนเขาจะรำคาญฉันเอามากๆ เลยนะ 

         [โทรมามีไร?] โอเคฉันรู้แล้วว่าเป็นแฟรงค์เขาคงจะอารมณ์ไม่ดีเลยเผลอทำเสียงแบบนี้ออกมา งั้นฉันจะไม่ถือสาแล้วกัน เพราะฉันมีเรื่องอยากพูดกับเขามาก

         “แฟรงค์อยู่ที่ไหน?”

         ฉันถามเขาอย่างเป็นห่วง และยังคงใช้น้ำเสียงเดิมที่เคยพูดกับเขา ถึงเขาจะเป็นแบบนี้บางทีต้นเหตุมันอาจจะมาจากฉันก็ได้ เพราะงั้นฉันก็ควรที่จะต้องเป็นห่วงเขาถูกมั้ย

         [จะรู้ไปทำไม?] เขาเองก็ถามกลับมาเหมือนกัน ดูเหมือนจะไม่อยากบอกเลยนะว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อีกอย่างฉันยังไม่รู้ด้วยว่าต้องตอบเขาว่าอะไร

         “คือ...”

         [ว่าไง?] แฟรงค์ถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่อ้ำอึ้ง ฉันคิดไม่ออกว่าจะพูดกับเขายังไงดี คือฉันอยากคุยตัวต่อตัวเพื่อที่จะได้เข้าใจกันง่ายๆ

         “คือ...”

         [ถ้าไม่พูดเราวางนะ]

         “เดี๋ยว...”

         เอาล่ะ! เป็นไงเป็นกัน ยังไงวันนี้ก็จะต้องคุยกับแฟรงค์ให้ได้ เพราะไม่อยากคาราคาซังแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันอึดอัดมาก ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับแฟรงค์มากกว่า เพราะมันยืนยาวมากกว่าคบกันเป็นอย่างอื่น

         ดูเหมือนฉันกับเซอร์คัสสิ เริ่มห่างกันออกไปทุกทีจนไม่ได้เจอหน้ากันนานมาก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเขายังไงเพื่อไม่ให้เขาเสียใจ และไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาเหมือนที่เคยทำร้ายจิตใจผู้ชายที่เข้ามาจีบฉัน

         “จีมีเรื่องอยากคุยด้วย”

         [เรื่อง?]

         “แฟรงค์อยู่ไหนจีจะไปหา” ถ้าคุยกันแบบนี้ยังไงก็ไม่รู้เรื่องแน่ ฉันจะต้องคุยกับเขาให้เขาเข้าใจฉัน ฉันไม่อยากให้เขากลายเป็นผู้ชายเย็นชาแบบนี้ ฉันอยากให้เขากลับมาเป็นแฟรงค์คนเดิม คนที่ทำตัวน่ารักกับฉัน คอยเป็นห่วงฉันในฐานะเพื่อนไม่ใช่อย่างอื่น

         [ห้องล็อกเกอร์]

         เขาไปทำอะไรที่ห้องล็อกเกอร์ ห้องนั้นมันทั้งมืดทั้งน่ากลัวไม่ใช่เหรอ แล้วไปอยู่คนเดียวแบบนั้นไม่กลัวหรือไง หรือเขาคิดที่จะฆ่าตัวตาย บ้าไปแล้วจีละดาคนจะฆ่าตัวตายที่ไหนยอมรับโทรศัพท์

         เอาเถอะยังไงตอนนี้ก็คงต้องไปหาเขาให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้นิชาสงสัยว่าไปเข้าห้องน้ำทำไมไปนานอย่างกับตกส้วมตาย



     

    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V

      







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×