ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You Are The Light สัมผัสรักแวมไพร์เจ้าเสน่ห์

    ลำดับตอนที่ #23 : เพื่อนใหม่ไฉไลกว่าเดิม

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 61










         เพื่อนใหม่ไฉไลกว่าเดิม

         “ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เลิกยุ่งกับจีซะ” นิชาพูดเสียงลอดไรฟัน เหมือนเธอจะเริ่มโกรธจริงจังขึ้นมาแล้วนะ นี่ถ้าฉันไม่รีบห้ามไว้มีหวังได้ฆ่ากันจริงๆ แน่

         “นี่ถ้าเธอยังไม่มีแฟนฉันคงคิดว่าเธอกับจีเป็นคู่จิ้นกัน”

         อะไรนะ? คู่จิ้นงั้นเหรอ บ้าหรือเปล่าฉันกับนิชาเนี่ยนะจะเป็นคู่จิ้นกัน ฟ้าผ่าพอดีน่ะสิ คิดได้ยังไงผู้หญิงกับผู้หญิง อีกอย่างเราสองคนไม่ได้แสดงไปในทางนั้นซะหน่อย

         “ริช” นิชาผลักฉันให้ถอยห่างจากจุดที่เธอกับริชยืนอยู่ ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ยอมหน่อยก็ดีนะนี่มหาวิทยาลัยไม่ใช่สนามมวย

         ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ฉันเลยตัดสินใจที่จะเข้าไปห้ามนิชาเอาไว้ให้เธอใจเย็นกว่านี้ เพราะริชเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรฉันเลย

         “นิชาใจเย็นๆ ก่อนนะ ค่อยๆ พูดกันก็ได้นี่”                         

         “แต่ยัยริชจะทำร้ายเธอนะ” โอเวอร์ไปหรือเปล่าลิลลี่ ฉันยังไม่เห็นว่าริชจะทำร้ายฉันตรงไหนเลย เธอแค่เดินมาเรียกชื่อฉันเท่านั้นเอง ยังไม่ได้แตะตัวกันด้วยซ้ำ อย่าทำให้เรื่องต้องไปกันใหญ่สิ

         “แต่จีก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่”

         ฉันร้องบอกเพื่อนให้เข้าใจว่าริชไม่ได้จะเข้ามาทำร้ายฉันอย่างที่เพื่อนเข้าใจผิดกันอยู่หรอก เพราะเมื่อวานเราสงบศึกกันแล้ว เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ริชจะทำร้ายหรือกลั่นแกล้งฉันอีกต่อไป

         “แต่...”

         “ฉันไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอกนะนิชา ฉันทำร้ายคนที่ช่วยฉันไว้ไม่ได้หรอก” น้ำเสียงของริชจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ของฉันกันท่าไม่ให้ฉันได้พูดกับริชสักที นิชาพอได้ยินแบบนั้นเธอก็หันไปมองหน้าริชอย่างงุนงงว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

         “ช่วย?” ก็คงไม่แปลกที่เพื่อนๆ ของฉันจะงง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ฉันยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังน่ะสิ นิชาหันหน้ามามองฉันสลับกับมองหน้าริช ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไปให้ เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดี “เล่ามาให้หมดเลยนะจี”

         ปกติแล้วนิชาไม่ใช่คนที่จะมายุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกนะ ใครเป็นอะไร ทำอะไร เธอมักจะไม่ถามเลยถ้าคนนั้นไม่พูดมาเอง แต่เล่นมาถามแบบนี้ฉันก็คงต้องเล่าให้ฟังสินะ

         ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพื่อนทุกคนฟัง และทุกคนก็ตั้งใจฟังดีมากเลยล่ะอย่างกับว่าเรื่องที่ฉันเล่าเป็นเรื่องของพวกเธอเอง พอเล่าจบทั้งนิชา ลิลลี่ และหว่าหวาก็หันไปมองริชที่นั่งยิ้มให้พวกเราอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงความจริงใจอย่างไม่มีปิดบัง และเป็นรอยยิ้มแรกที่เธอยิ้มให้พวกฉันด้วยความเต็มใจ

         “ที่ฉันมาหาเธอก็แค่จะเอาน้ำใบบัวบกมาให้แก้ฟกช้ำน่ะ ไม่ได้จะทำร้ายอย่างที่พวกเธอเข้าใจซะหน่อย”

         ริชย่นจมูกใส่เพื่อนๆ ของฉันก่อนจะยื่นน้ำใบบัวบกมาให้ฉัน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เอาแต่แกล้งฉันอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสจะทำเรื่องดีๆ แบบนี้เป็นด้วย ถ้าเราเข้าใจกันตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนก็คงจะดีสินะ คงไม่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ มาตลอดแบบนี้

         แต่ยังไงก็ถือว่าเรื่องพวกนั้นมันผ่านมาแล้วและฉันก็จะให้มันเป็นบทเรียนของฉัน ว่าจะไม่กลับไปทำผิดอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

         “แล้วใครจะไปคิดล่ะว่าคนอย่างเธอจะกลับตัวได้” ลิลลี่ก็ช่างเป็นเพื่อนที่ชอบหาเรื่องจริงๆ พูดแบบนี้เหมือนริชเป็นโจรผู้ร้ายอย่างนั้นแหละ ริชทุบโต๊ะเสียงก่อนจะตะเบ็งเสียงใส่ลิลลี่จนเธอต้องยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน

         “คนอย่างฉันมันทำไมคิดว่าฉันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง?”

         “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เข้าใจกันแบบนี้มันก็ดีแล้วนี่นา” หว่าหวาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันก่อนที่เพื่อนของฉันทั้งสองคนจะเถียงกันจนไม่มีใครยอมใคร

         ฉันหันไปมองนิชาที่นั่งเงียบมาตลอดที่ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังก็เห็นว่าเธอเอาแต่มองริชอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างริชจะทำเรื่องแบบนี้ได้

         “ขอโทษด้วยที่เข้าใจเธอผิด” นิชาเอ่ยคำขอโทษริชอีกครั้ง แต่ใบหน้าของเธอไม่ได้ปรากฏรอยยิ้มออกมาหรอกนะ ฉันรู้ว่านิชาเป็นคนยังไง ถึงเธอจะทำหน้านิ่งแบบนี้แต่ในใจลึกๆ ของเธอเริ่มรู้สึกดีกับริชแล้ว

         นั่งคุยกันได้สักพักอยู่ดีๆ ริชก็จับมือนิชาขึ้นมากุมไว้ ทำให้เพื่อนๆ ต่างพากันตกใจ รวมถึงนิชาด้วยที่ทำสีหน้าไม่ถูกกับการกระทำของริช ริชมองหน้านิชาก่อนจะส่งยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่หาได้ยากจากคนที่ชื่อริช พวกเรานั่งมองหน้ากันนิ่งไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน แต่เพียงไม่นานริชก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนี้ลง

         “หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ” ประโยคนี้ริชไม่ได้พูดกับฉันหรอกนะ แต่เธอกำลังพูดกับนิชา เธอกุมมือนิชาเอาไว้แน่นมากเหมือนกลัวว่านิชาจะไม่ตอบรับคำขอจากเธอ

        “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

         นิชาเผยรอยยิ้มออกมากอดจะโผเข้ากอดริช ทั้งสองคนกอดกันแน่นมาจนดูเหมือนเป็นคู่รักกัน ฉันมองภาพที่น่าประทับใจที่หาดูได้ยากจากที่นี่ เพราะตั้งแต่ที่เข้ามาฉันก็โดนแกล้งเลย ต่อไปนี้ฉันจะไม่ถูกแกล้งอีกต่อไปแล้วสินะ

     

         หลายอาทิตย์ต่อมากลุ่มของฉันก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาถึงสองคน ก็คือริชกับเอ็มเคไง พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น วันหยุดก็นัดกันดูหนังบ้าง ไปเที่ยวในเมืองบ้าง หรือนัดกันที่บ้านของริชโดยนิชาจะเป็นคนมารับพวกเราไปเอง ตอนนี้ฉันมีความสุขมากเลยล่ะกับมิตรภาพใหม่แบบนี้ อีกอย่างความสัมพันธ์ของฉันกับเซอร์คัสก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

         “วันนี้ตื่นสายนะจ๊ะ”

         ป้านอริสยืนทำอาหารอยู่ในครัวเอ่ยทักฉันเมื่อเห็นว่าฉันเดินลงมาจากชั้นบนแล้ว ลืมบอกไปว่าตอนนี้ป้านอริสกลับมาที่บ้านแล้วนะ ทำให้เซอร์คัสไม่สะดวกในการปรากฏตัวที่นี่เท่าไหร่ เขาก็เลยเลือกที่จะมาหาฉันที่ระเบียงแทนและยังชอบส่งเสียงดังให้ป้านอริสได้ยินอีกด้วย

         เดียวนี้เขาเริ่มกระล่อนมากขึ้นทุกวัน นิสัยเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกที อีกอย่างเขายังเคยมาปรากฏตัวให้ป้านอริสเห็นอีกด้วย แต่มาในรูปแบบค้างคาวทำให้ฉันเลือกที่จะโกหกป้าว่าเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน ทีแรกป้าก็กลัวว่าค้างคาวจะทำร้ายฉัน แต่พอเห็นว่าค้างคาวเชื่องมากป้าก็เลยยอมให้ฉันเลี้ยงต่อไป

         “ป้ากำลังทำอะไรคะ?” ฉันเดินเข้าไปหาป้านอริสเพื่อที่จะทำอาหารช่วย เมื่อกี้ได้กลิ่นอะไรหอมๆ ลอยมาแตะจมูกด้วย ป้านอริสเป็นคนทำอาหารอร่อยนะใครได้กินจะต้องติดใจมากเลยล่ะ

         “ป้าทำซุปเห็ดจ๊ะช่วงนี้หิมะกำลังจะตกอากาศก็หนาวมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ทานอะไรร้อนๆ แบบนี้คงช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นได้” จริงด้วยพยากรณ์อากาศบอกว่าอีกไม่กี่วันหิมะก็จะตกแล้ว ดีใจจังฉันอยากเห็นหิมะมากเลยนะ อยากลองนอนกลิ้งลงไปบนหิมะว่ามันจะนุ่มมากแค่ไหน

         “เดี๋ยวจีช่วยทำค่ะ”

         “ไม่เป็นไรจ๊ะป้าทำเสร็จพอดี อ้อ! ป้าลืมถามหลานไปเลย” ป้านอริสยกถ้วยซุปออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะหันมาถามฉันที่นั่งรอกินอยู่ก่อนแล้ว ฉันมองหน้าป้าอย่างงงว่าป้าจะถามอะไร “ค้างคาวตัวนั้นที่หลานเลี้ยงไว้หลานไปเอามาจากไหนจ๊ะ”

         “เอ่อ...”

         เอาแล้วไง คิดคำโกหกไม่ทันเลย เล่นถามมาแบบนี้แล้วฉันจะตอบยังไงดี มันไม่ใช่หมาแมวที่พอจะบอกว่าไปรับมาเลี้ยง คงไม่มีมนุษย์คนไหนอยากจะเลี้ยงค้างคาวหรอกใช่มั้ย ฉันเองก็ด้วย ฉันไม่ได้อยากเลี้ยงเลยแต่ถ้าไม่ตอบป้านอริสไปแบบนั้นมีหวังป้าได้เอาปืนมายิงเซอร์คัสน่ะสิ โทษฐานที่แอบขโมยลูกเบอร์รี่ของป้าไป

         “ว่าไงจ๊ะหลาน?”

         “คือ...จีเห็นมันบาดเจ็บบินมาตกที่ระเบียงเห็นมันน่าสงสารเลยเอามาเลี้ยงไว้น่ะค่ะ” โกหกคำโตเลยฉันเนี่ย นี่ถ้าตกนรกไปไม่ต้องถามเลยนะว่าไปทำอะไรมา มีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้นเลย

              “ระวังหน่อยนะเพราะมันไม่ใช่สัตว์ที่น่าเลี้ยงเอาไว้เท่าไหร่” ฉันพยักหน้าให้ป้านอริสก่อนจะก้มลงทานอาหารที่ป้ายกมาไว้ที่โต๊ะ ฉันไม่ได้อยากจะโกหกนะแต่มันจำเป็นจริงๆ

         ตุ้บ!!!

         ตายยากชะมัดเลยเซอร์คัส พูดถึงปุ๊บก็โผล่มาปั๊บเลย ป้านอริสคงยังไม่ชินกับเสียงนี้เท่าไหร่ เวลาที่ได้ยินทีไรก็ตกใจทุกที แต่ตอนนี้ฉันชินไปแล้ว ไม่ได้ตกใจเหมือนอย่างตอนแรก และฉันคิดว่าสักพักป้านอริสก็คงจะชินไปเอง เพราะมันเป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์หลังจากที่ป้านอริสกลับมา

         “เสียงดังแบบนี้ป้านึกว่าไม่ใช่ค้างคาวแล้วนะ ถ้าหลานบอกว่าเลี้ยงสุนัขก็เชื่อ”

         ป้านอริสยกมือทาบอกตัวเอง เข้าใจนะว่าป้าแก่แล้วการได้ยินเสียงแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก ฉันก็บอกเซอร์คัสหลายครั้งแล้วว่าอย่าทำเสียงดังเกรงใจป้านอริสบ้าง เขาก็รับปากแต่ก็ยังทำเหมือนเดิม

         “งั้นจีขอไปดูมันหน่อยนะคะ” ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาเซอร์คัส กะว่าจะดุเขาสักหน่อยที่ทำเสียงดังแบบนี้แทบทุกวัน แถมยังไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวด้วยนะ เขาทำเสียงดังแบบนี้วันละหลายๆ ครั้งเลยล่ะ

         ฉันเปิดประตูเข้าห้องไปเท่านั้นล่ะเซอร์คัสก็กระโจนโผเข้ากอดฉันทันที นี่ถ้ากอดแรงอีกนิดมีหวังฉันได้ล้มหงายหลังไปกองกับพื้นแน่ๆ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ พอฉันกำลังจะผละออกจากเขาเขาก็ก้มลงมาฝังจมูกที่แก้มของฉันแน่นมาก ไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าฉันจะเขินมากแค่ไหน

         “ปล่อยจีเถอะค่ะ”

         ฉันพยายามดันตัวเซอร์คัสให้ออกจากตัวฉัน เพราะตอนนี้เขากอดฉันแน่นมากจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยไหนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จนปากของเราชนกันเข้าอย่างจัง

         นะ...นี่เขาขโมยจูบของฉันไปอีกแล้วนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแวมไพร์ก็ชีกอเป็นเหมือนกัน อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว อีกอย่างเขาก็ชอบทำแบบนี้ เขาบอกให้ฉันชินได้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้ใครจะไปชินได้ล่ะมันเป็นเรื่องน่าอายมากเลยนะ

         “ผมอยากให้คุณรู้จักกับครอบครัวผม” จู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องครอบครัวขึ้นมาทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังเลย แล้วทำไมถึงอยากให้ฉันรู้จักกับครอบครัวเขาล่ะ หรือเขาพร้อมที่จะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฉันฟังแล้วเหรอ

         “เซอร์คัส”

         ฉันเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขามองหน้าฉันยิ้มๆ เหมือนจะบอกฉันว่าเขาพร้อมที่จะบอกเรื่องราวตัวเองให้ฉันรับรู้แล้ว นี่เราจริงจังจนถึงขั้นจะไปพบครอบครัวของกันและกันแล้วเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วเราจะรักกันได้เหรอในเมื่อฉันเป็นมนุษย์แต่เขาเป็นผีดูดเลือดแบบนี้

         “คุณอยากรู้จักกับครอบครัวผมหรือยัง?” 

         “ถ้าจีบอกว่าอยากคุณจะพาจีไปพบครอบครัวคุณเหรอคะ?” ฉันถามกลับ เพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะพูดถึงเรื่องครอบครัวตัวเอง นี่ถึงกลับจะพาฉันไปรู้จักกับครอบครัวเขาฉันว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ร่างสูงทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่จริงจังก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ

         “ผมอยากให้คุณรู้จักกับครอบครัวของผม เพราะต่อไปคุณจะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกับผมแล้ว”

         เขาส่งยิ้มมาให้ฉัน ฉันรับรู้ความรู้สึกของเขานะว่าเขาจริงจังกับฉันมาก แต่เรื่องนี้ครอบครัวฉันยังไม่รู้เลย ฉันรู้ว่าถ้าบอกเรื่องที่ฉันมีแฟนไปยังไงพ่อกับพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าบอกว่าแฟนของฉันเป็นแวมไพร์ล่ะจะมีใครรับได้บ้าง

         “ใครบอกว่าจีจะเป็นครอบครัวเดียวกับคุณ” ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าตัวเองเป็นแฟนของเขา โมเมเอาเองหมดเลยผู้ชายคนนี้ เซอร์คัสมองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์เล่นเอาฉันขนลุกซู่เลย

         “ผมบอกเอง” ตรรกะอะไรของเขาเนี่ย บ้าหรือเปล่าพูดเองเออเองหมด ถามฉันบ้างก็ดีนะ เล่นพูดมาแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลยแฮะ เซอร์คัสขยับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้นเหมือนไม่อยากปล่อยฉันไปให้ใครทั้งนั้น ฉันชอบนะ ชอบให้เขาทำแบบนี้มันเหมือนว่าฉันมีความหมายกับเขามาก

         “เพ้อเจ้อ”

         “ถ้าอยากรู้ว่าผมเพ้อเจ้อจริงหรือเปล่าต้องพิสูจน์”

         เซอร์คัสไม่พูดเปล่าแต่ยังจับไหล่ฉันทั้งข้างก่อนจะดันร่างฉันให้ไปชนกับผนังก่อนจะประกบปากกับฉันทันที ไม่รอให้ฉันได้คัดค้านอะไรอีกต่อไป เขาจูบฉันร้อนแรงมากแทบพรากสติฉันไปหมด แต่ก็ยอมรับว่าตัวฉันเองก็ชอบให้เขาทำแบบนี้

         สติฉันล่องลอยหายไปในอวกาศยากที่จะดึงกลับมา มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริงๆ อ้อมกอดที่เขากอดฉันมันช่างอบอุ่น ริมฝีปากของเขามันทำให้ฉันโหยหาเขาอยู่ตลอดเวลา

         ไม่อยากจะคิดเลยตอนที่เขาไปจูบกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้มันรู้สึกแย่มากแค่ไหน ฉันอยากจะเป็นคนที่ได้ครอบครองริมฝีปากและอ้อมกอดของเขาเพียงคนเดียว 



     

    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V
    APPLEPUP_INFINITE
         
     
      



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×