คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ลางร้าย
ลางร้าย
วันต่อมา
วันนี้ฉันตื่นสายเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ฉันรอคอยมานาน อีกอย่างเมื่อคืนกว่าเซอร์คัสจะกลับไปก็ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว เขาชวนคุยโน้นนี่นั่นจนลืมเวลาไปเลย
เขาชอบพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ฉันฟังแต่ก็ไม่ค่อยได้เล่ารายละเอียดอะไรมาก รู้เพียงแต่ว่าเขามีพี่ชายและน้องสาวแค่นั้นที่ฉันรู้ พอถามถึงหมู่บ้านของเขาเขาก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ฉันก็เลยไม่คาดคั้นถามเขาอีก
เซอร์คัสดูเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่ในบางครั้งความอบอุ่นนั้นกลับแฝงไปด้วยอันตรายที่ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น เวลาที่มองเขามันเหมือนมองตัวเองกำลังเข้าใกล้ความตายยังไงยังงั้นเลย
แต่ฉันก็เลือกที่จะพาตัวเองเข้าไปใกล้ความตาย ถ้าที่นั่นเป็นที่ที่ฉันอยู่แล้วเป็นตัวของตัวเอง ฉันไม่อยากสร้างภาพเหมือนตัวเองเป็นคนอื่นที่โดนรังแกอีกต่อไปแล้ว ทุกคนย่อมมีด้านมืดเหมือนกันทั้งนั้น ฉันเองก็เช่นกัน
ตุ้บบบบ!
"สวัสดีสาวน้อย" เซอร์คัสกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนจะยิ้มทักทายฉัน มันเป็นความเคยชินของฉันไปแล้วล่ะที่มีเขามาปลุกแบบนี้เป็นประจำ ปกติเขาจะมาเช้ากว่านี้มากเลยนะ คงอยากจะให้ฉันพักผ่อนสินะ เพราะเมื่อคืนเขามารบกวนฉันทั้งคืนเลย กว่าจะยอมกลับไปได้ก็เล่นเอาฉันไล่แล้วไล่อีก
"สวัสดีค่ะ" ฉันเองก็ยิ้มทักทายเขากลับไปเช่นกัน มันเป็นแบบนี้แทบทุกวันที่เราได้เจอกัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นเซอร์คัสไม่ได้จูบฉันเขาจะสามารถมาหาฉันตอนเช้าแบบนี้ได้หรือเปล่า เพราะแวมไพร์โดนแสงแดดไม่ได้
"วันนี้คุณอยากไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษมั้ย?"
ช่วงนี้เซอร์คัสพาฉันไปเที่ยวบ่อยมากเลยล่ะ จนทำให้ฉันขี้เกียจออกไปเที่ยวแล้ว เพราะฉันคิดว่ามันคงจะหมดที่เที่ยวในป่าสีเงินไปแล้ว ที่จริงก็อยากจะออกไปนะแต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวจนติดลบไม่อำนวยต่อมนุษย์อย่างเรา ฉันก็ขอนอนคลุมผ้าห่มอยู่บ้านดีกว่า
"วันนี้จีอยากอยู่บ้านค่ะ"
เซอร์คัสพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งข้างฉันที่เตียงนอน พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด หวังว่าเขาคงจะไม่คิดอะไรที่มันไม่ดีหรอกนะ เพราะเห็นหน้าเขาแบบนี้แล้วรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
"ถ้าอยู่ที่นี่เราจะทำอะไรกันดีล่ะสาวน้อย"
'ทำอะไร' ของเซอร์คัสนี่มันหมายความว่ายังไงนะ แล้วทำไมหน้าตาเขาถึงดูหื่นขนาดนี้ เขาคงไม่คิดที่จะ.....
"หาอะไรที่สนุกๆ ทำกันดีกว่า"
O_o อ๊ะ...พูดยังไม่ทันขาดคำเซอร์คัสก็ดึงร่างฉันเข้าไปในอ้อมกอดของเขา พลางจุมพิตเส้นผมฉันอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรฉันมากไปกว่านี้ฉันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านผ่านอ้อมกอดของเขามาที่ฉัน ร่างกายเขาอุ่นขึ้นมาแค่เพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะกลับมาเย็นเฉียบตามเดิม แต่พอกำลังจะคว้าตัวเขาฉันกลับคว้าได้แค่อากาศธาตุเท่านั้น
เซอร์คัสหายไปแล้ว เขาหายไปเร็วมากจนฉันยังงงเลยว่าทำไมเขาว่องไวได้มากขนาดนี้ แล้วสัมผัสที่อุ่นวาบขึ้นมามันคืออะไรกัน ฉันมองออกไปที่ระเบียงก่อนจะเจอเข้ากลับจดหมายอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นของเซอร์คัสที่เขียนทิ้งไว้ให้ฉันแน่ เพราะซองจดหมายเป็นแบบเดียวกับที่เขาเคยเขียนให้ฉัน
'ขอโทษด้วยที่วันนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้สาวน้อย
เมื่อกี้พ่อผมส่งสัญญาณมาหาผมบอกว่ามีเรื่องด่วน
แล้วผมจะรีบกลับมาหาคุณนะสาวน้อยของผม'
สัมผัสอุ่นวาบนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าพ่อของเขาเรียกตัวงั้นเหรอ หรือว่ามีเรื่องที่มันร้ายแรงเกิดขึ้นถึงทำให้เซอร์คัสรีบกลับไป เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาแล้วสิ จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่านะ หรือว่าฉันคิดไปเอง มันต้องเป็นอย่างนั้นสิ เซอร์คัสเป็นถึงแวมไพร์ที่มีพละกำลังมหาศาลจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาได้ยังไง เอาเถอะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ เขาไม่ได้ทิ้งฉันแล้วหายไปนี่
พยายามคิดในแงดีเข้าไว้จีละดา เซอร์คัสไม่ได้เป็นอะไร เขาจะต้องอยู่กับเธอในวันที่เธอต้องการเขา ที่ฉันคิดแบบนี้เป็นเพราะฉันพยายามปลอบใจตัวเองที่คลุ้มคลั่งจนแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ความรู้สึกอุ่นวาบนั้นมันทำให้ฉันกลัว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเซอร์คัส มันเหมือนเป็นลางร้ายที่มาเตือนฉันยังไงไม่รู้
[SERCUS : SAID]
พ่อผมเรียกตัวด่วนแสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้วิธีสื่อสารทางจิตกับผมหรอก และที่ผมรีบออกมาก็เพราะไม่อยากให้จีละดารู้ว่าตอนนี้ผมกำลังเจอกับอะไรอยู่ เหมือนร่างกายของเธอจะสัมผัสความคิดผมได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มนุษย์อย่างเธอจะมีพลังวิเศษคล้ายแวมไพร์
ขณะที่กอดเธอเอาไว้ร่างกายของเธอกลับเย็นเฉียบขึ้นมาชั่วขณะก่อนที่มันจะกลับมาอุ่นตามเดิม ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นเลย
"เรื่องจริงเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อเลย" ลูคัสพูดด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด สงสัยคงรู้เรื่องที่พ่อตามผมมาแน่ๆ และดูจากสีหน้าของทุกคนในบ้านที่ดูตกใจมันกำลังทำให้ผมกลัวเหมือนกัน
"มาแล้วเหรอเซอร์คัส" แม่เดินเข้ามากอดผมก่อนที่จะดึงตัวผมให้นั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับพ่อและลูคัส เรื่องที่ทุกคนรู้คงจะเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากถึงทำให้ทุกคนซีเรียสได้มากขนาดนี้
"มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?" ผมหันไปถามพ่อที่ดูสีหน้าเป็นกังวลกว่าใคร
"พ่อเห็นนิมิตในอนาคต" พ่อมองหน้าผมอย่างเคร่งเครียดทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากพ่อได้เลย
ใช่ครับ! ความสามารถพิเศษของพ่อผมคือสามารถมองเห็นอนาคตได้ แต่ก็นานๆครั้งอ่ะนะ เพราะเหมือนความสามารถพิเศษนี้จะมีเกราะป้องกันไว้ไม่ให้ล่วงรู้ถึงอนาคตได้ และทุกครั้งที่พ่อนิมิตเห็นมันจะเป็นจริงทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยนแต่อย่างใด นั่นล่ะครับมันคือสิ่งที่ทุกคนในบ้านกลัวถ้ามันเป็นสิ่งที่เลวร้าย
ถ้าถามว่ามีทางแก้ไขมั้ย มันก็มีเพียงแต่ว่าเราจะทำได้หรือเปล่าเท่านั้น เพราะการรู้ล่วงหน้าก่อนเป็นการเตือนให้เราระวังตัวไว้ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อนิมิตเห็นอะไร แต่ก็คงเดาได้ไม่ยากนักหรอก ดูจากสีหน้าของคนในบ้านแล้วคงจะหนักพอควรเหมือนกัน
"พ่อเห็นแกนอนจมกองเลือดท่ามกลางหิมะขาวโพน และบริเวณนั้นมีรอยเท้าของสัตว์ มันคือหมาป่า"
O_O ช็อกกันทั้งบ้าน ขนาดแม่ ลูคัส เมทัลฟังมาแล้วยังช็อกรอบที่สองเลย
ผมถึงกับงงว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อผมออกจะแข็งแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นลูคัสก็ว่าไปอย่างแต่นี่พ่อกับชี้มาที่ผม 'ดีแลน' กับ 'เจคอป' น่ะเหรอจะฆ่าผม มันเป็นอะไรที่ตลกมาก ให้ผมกลายร่างเป็นแมวยังง่ายกว่าอีก ที่ผมกล้าพูดแบบนี้เป็นเพราะผมมั่นใจว่าผมสามารถเอาชนะพวกหมาป่าได้
"เป็นไปไม่ได้" ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เพราะผมเคยปะทะกับพวกมันมาแล้ว พวกนั้นกลัวจนวิ่งหาจุดตูดหายไปแล้วมันจะมาฆ่าผมได้ยังไง
"เซอร์คัสแกก็รู้ว่านิมิตที่พ่อเห็นมันไม่เคยผิดเพี้ยนเลยนะ อีกอย่างพวกนั้นก็มีพละกำลังมากขึ้นเยอะเป็นกอง"
ลูคัสเองก็ดูจะเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก แต่มันก็จริงอย่างที่ลูคัสพูด ทั้งดีแลนและเจคอปมันเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งนั่นผมไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด แต่ถึงสองคนนั้นจะโหดร้ายหรือมีกำลังมากแค่ไหน แต่ผมรู้ว่าสองคนนั้นเอาชนะผมไม่ได้หรอก เพราะเราเคยสู้กันมาก่อนถ้าเป็นรอยเท้าของสัตว์อื่นมันยังพอจะเป็นไปได้
"เซอร์คัสอย่าเป็นอะไรนะ" เมทัลร้องไห้วิ่งมากอดผมอย่างคนเสียขวัญ
"พี่ไม่ได้เป็นอะไรพี่อยู่นี่ไงเด็กน้อย" ผมลูบผมเมทัลเป็นการปลอบใจ ถ้าเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ผมไม่อยากให้เด็กอย่างเมทัลมารู้เรื่องด้วยเลยมันจะเป็นการทำให้เด็กกลัวเปล่าๆ
"มันต้องมีวิธีแก้ไขสิ" แม่พูดอย่างร้อนรนพร้อมกลับเดินวนไปวนมา
แม่คงจะเป็นห่วงผมมากผมรู้ ทุกคนในบ้านดูเป็นกังวลมากคงจะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย นอกจากเฉยๆ กับเรื่องแบบนี้ ผมก็เข้าใจนะว่านิมิตที่พ่อเห็นมีความเป็นไปได้สูงมาก แต่ผมก็มั่นใจในตัวเองเหมือนกันว่าจะสามารถเอาชนะสองคนนั้นได้
"มันก็ขึ้นอยู่ที่เซอร์คัส" พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยต่างจากตอนแรกที่ผมเดินเข้ามา แต่ผมรู้ว่าพ่อกังวลกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เพราะผมอ่านความคิดของพ่อหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่มีมารยาทนะ แต่เรื่องนี้มันจำเป็นจริงๆ ที่ผมต้องทำ
"เซอร์คัส" แม่พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนสุดๆ เพื่อที่จะให้ผมแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
"แม่เชื่อใจผมเถอะ"
ผมจับมือแม่พร้อมบีบเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ ผมไม่อยากให้แม่คิดมากกับเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ แม่พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปตามพ่อ ในห้องนี้ก็เหลือแค่ผม ลูคัส เมทัล เมทัลกอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยไปแล้วผมจะหายไปแล้วไม่กลับมาหาเธออีก
"แกจะแก้ไขยังไงเซอร์คัส?" ลูคัสหันมาถามผมด้วยสีหน้าดูจริงจัง ปกติมันไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้มาก่อนส่วนมากมันชอบทำหน้าเจ้าเล่ห์กวนประสาทซะมากกว่า
ผมคลายอ้อมกอดออกจากเมทัล ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา ผมไม่อยากให้เธอรับรู้เรื่องนี้ด้วยเธอยังเด็กเกินไป
"ร้องไห้ทำไมเด็กน้อย ขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"ก็เป็นห่วงเซอร์คัสนี่นา" เมทัลพูดเสียงอู้อี้เพราะเธอยังสะอื้นไม่หาย จนทำให้ผมพลางนึกถึงใครบางคนที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าระเบียงอย่างหนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมหายไป 'สาวน้อยของผม' นึกถึงเธอทีไรมันทำให้ผมอารมณ์ดีและยิ้มไม่หุบเลย
"ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ไม่ได้เป็นอะไรเราออกไปรอพี่ข้างนอกก่อนนะเดี๋ยววันนี้พี่พาไปเที่ยวดีมั้ย" เมทัลยิ้มออกเลยล่ะ เหมือนสาวน้อยของผมไม่มีผิดเลยต้องหาอะไรมาล่อถึงจะยอมยิ้ม
"อื้ม" เมทัลยืดตัวมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป ผมอดยิ้มในความน่ารักของเธอไม่ได้
ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือแค่ผมกับลูคัสสองคนแล้วสินะ
"ว่ามา" ผมถามเข้าประเด็นทันทีเมื่อเมทัลออกจากห้องไปแล้ว
"แกจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง?" ลูคัสถามคำถามเดิมอีกครั้ง
"ไม่เห็นต้องแก้ไขอะไรเลยในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้" ผมยักไหล่พร้อมกับนั่งไขว่ห้างไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้สักนิด แต่ลูคัสรู้สึกจะไม่พอใจกับท่าทางของผมเอามากๆ ถึงกับขึ้นเสียงใส่ ผมก็พอรู้นะว่าพี่ชายผมคนนี้มันเป็นห่วงผมแต่มันเป็นพวกปากหนักไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ หรอก
"แกบ้าไปแล้วเหรอเซอร์คัส แกก็รู้ว่านิมิตของพ่อมันไม่มีผิดเพี้ยนอยู่แล้ว แต่แกยังมานั่งสบายใจอยู่แบบนี้เนี่ยนะแกมันประสาทกลับแล้ว"
"แล้วแกจะคิดอะไรมาก ในเมื่อฉันยังไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลยแล้วแกจะมาเดือดร้อนแทนฉันทำไมและอีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่ฤดูที่หิมะตกด้วย" นี่เป็นประโยคแรกและเป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับลูคัสได้เยอะขนาดนี้ เพราะปกติมักจะถามคำตอบคำ ถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบ เราไม่ค่อยมีเรื่องได้คุยกันเท่าไหร่นักหรอก เป็นอาทิตย์ไม่ได้เห็นหน้ากันยังมีเลย
"จะไม่ให้ฉันเดือดร้อนได้ยังไงในเมื่อแกเป็นน้องฉัน"
ผมควรซาบซึ้งใช่มั้ยเนี่ยที่อย่างน้อยไอ้พี่ชายตัวแสบของผมก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน ผมอมยิ้มเล็กน้อยที่คนปากหนักอย่างมันยอมพูดคำว่าน้องออกมาจากปากของมันได้ เพราะผมแทบไม่ได้ยินที่มันเรียกผมว่าน้องชายเลยสักครั้ง
"เอาเป็นว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรก็แล้วกัน" ผมพูดตัดปัญหาแบบขอไปที เพราะจริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วงผมจนต้องคิดมากแบบนี้
"อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ยังไงแกก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน" ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงค่อนข้างมาก มันเองก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาใจช่วยผมไม่ให้เป็นอะไรไปซะก่อน
"ขอบใจ" นี่คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้งที่ผมพูดขอบใจไอ้พี่ชายตัวแสบของผม ลูคัสเดินมาตอบบ่าผมสองสามทีก่อนจะออกจากห้องไป เหลือเพียงผมแค่คนเดียวที่ยังนั่งอยู่ในห้องนี้
วันนี้ทั้งวันผมไม่ได้ออกไปหาจีละดา เพราะผมต้องพาเมทัลไปเที่ยวตามสัญญา ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะนอนหรือยัง หรือทำอะไรอยู่ แล้วเธอจะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า เธอเหมือนมีพลังวิเศษบางอย่างที่สามารถทำให้ผมอยากเข้าใกล้เธอ ผมเอ็นดูในความน่ารักสดใสของเธอ เธอดูอ่อนหวาน ร่าเริง และเป็นมิตรกับทุกคน
แต่ผมไม่ลืมหรอกนะว่าใครที่จะแกล้งสาวน้อยของผม ถ้าวันนั้นผมวิ่งไปรับเธอไม่ทันคนที่ต้องเจ็บแขนอาจไม่ใช่ผมแต่เป็นเธอ
ผมเห็นเธอเจ็บ ผมยิ่งเจ็บกว่า ถึงเวลาที่ผมจะต้องเอาจริงสักที อีกอย่างเรื่องวันนั้นที่ผมกอดเธออยู่ที่หลังอาคารBTFแล้วมีคนมาเห็น ผมรู้ว่าเป็นใครแต่ผมไม่อยากบอกสาวน้อยให้ตกใจ เพราะคนที่มาเห็นเราสองคนกอดกันเป็นเพื่อนในห้องของเธอ เขาก็คือ...แฟงค์ เกรนดอม คนที่แอบชอบจีละดามานานแสนนาน ซึ่งนั่นก็เป็นการดีที่จะทำให้รู้ว่า 'เธอเป็นของผมคนเดียว'
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิดมากกับอดีต เพราะตอนนี้ผมมีเรื่องที่ให้คิดมากกว่านั้น นั่นก็คือคนในครอบครัวของผมเอง ถ้าผมไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของพ่อทุกคนในบ้านก็จะต้องอยู่หวาดระแวงว่าผมจะโดนทำร้ายเมื่อไหร่ ผมจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีนะ เพราะผมเองก็เลือกไม่ได้ด้วยว่าระหว่างจีละดากับครอบครัว
ผมจะเลือกอะไร???
[SERCUS : SAID END]
-ฝากเพจอีกสักที-
ความคิดเห็น