ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You Are The Light สัมผัสรักแวมไพร์เจ้าเสน่ห์

    ลำดับตอนที่ #3 : แวมไพร์ VS สาวน้อย

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 61


        

        

    แวมไพร์ VS สาวน้อย


    [SERCUS : SAID]

          ตอนนี้ผมอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่หลังบ้านของใครสักคน เพื่อมารอสาวน้อยที่เป็นเจ้าของห้องนอนติดระเบียง สงสัยล่ะสิว่าทำไมผมถึงมารอเธอคนนั้น ก็เพราะทุกเย็นสาวน้อยจะออกมาร้องเพลงที่ระเบียงยังไงล่ะ

         เสียงของเธอช่างไพเราะมันสะกดผมให้มาฟังเพลงที่เธอร้องทุกวัน สาวน้อยคนนี้เธอน่ารักมาก จนผมไม่กล้ากินเธอเป็นอาหารเลยล่ะ ดวงตาเธอกลมโตสดใส จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากสีชมพูเรียวบางของเธอ แก้มที่มีสีแดงเหมือนลูกตำลึงโดยที่เธอไม่ต้องแต่งแต้มอะไรเลย

         มันสะกดให้ผมอยากเจอสาวน้อยคนนี้ทุกวัน และอีกอย่างที่สำคัญ คือ ผมอ่านความคิดของเธอไม่ได้เหมือนเธอมีเกราะป้องกันบางอย่างเพื่อปิดกั้นสิ่งเลวร้ายเอาไว้ มันเลยทำให้ผมอยากค้นหาเธอคนนี้มากขึ้น นี่ล่ะคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับผม

         ผมรู้จักเธอมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนเธอจะเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เลย และที่ทำให้ผมสะดุดตานั่นก็คือรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนของเธอ ผมคิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะไม่ยอมมีความรักอีกเด็ดขาด แต่พอได้เจอเธอหัวใจที่มันด้านชาจนแทบจะเป็นน้ำแข็งกลับเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ ผมคงไม่อาจต้านทานความสดใสน่ารักของเธอได้สินะ

         แต่เราจะรักกันได้ยังไงในเมื่อเราไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน แค่จะรู้จักกันยังยากเลย แต่ผมก็อยากจะรู้จักเธอนะ อยากรู้จักสาวน้อยคนนี้ให้มากขึ้น และอยากให้เธอรู้ด้วยว่าผมมีตัวตนไม่ใช่แค่นิยายที่ถูกเล่าขานมานาน

    [SERCUS : SAID END]



         กริ๊งงงงงงงง!

         เสียงออดหมดเวลาเรียนแล้ว นั่นแสดงว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว เย้!!! (^O^)// ที่ฉันดีใจก็เพราะตัวเองจะได้รีบกลับไปแต่งเพลงที่ยังแต่งค้างไว้ไม่เสร็จ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้เท่าไหร่ด้วย รัศมีอำมหิตจากอีกฝ่ายอย่างริชและเอ็มเคมันแพร่กระจายมาทางฉันอย่างเต็มที่เลย

         "กลับบ้านกันเถอะ" นิชาพูดขึ้นหลังจากที่อาจารย์ออกไปแล้ว

         "แล้วเธอจะกลับยังไงจี?" หวาหว่าถามฉันขณะที่พวกเราเดินออกจากห้อง บ้านที่ฉันพักอยู่มันไม่ได้ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ อย่างที่บอกว่าฉันไม่ได้ลำบากอะไรเลยทั้งที่มันไม่ใช่ที่ที่ฉันอาศัยอยู่มาก่อน

         "บ้านของป้านอริสอยู่ใกล้แค่นี้เองจีว่าจะเดินกลับอ่ะ" ฉันอาศัยอยู่กับป้านอริส บ้านของป้านอริสอยู่หลังมหาวิทยาลัยไปไม่ถึงห้าร้อยเมตร บ้านของป้านอริสวังเวงและน่ากลัวเอามากๆ เพราะด้านหลังบ้านเต็มไปด้วยป่าทึบ และอีกอย่าง คือ ห้องของฉันก็มีระเบียงที่หันหน้าไปทางป่านั้นด้วย

         แต่ฉันก็ไม่ได้กลัวอะไรมากหรอกนะ เพราะป้านอริสบอกว่าแถวนี้ไม่มีขโมย แต่ที่ฉันกลัวคือสิ่งที่มองไม่เห็นต่างหาก เพราะฉันมันเป็นคนกลัวผีเอามากๆ เลย ตั้งแต่ที่อยู่มาก็ยังไม่เคยเจอหรอกนะ แต่บรรยากาศมันชวนพิศวงน่ะสิ บางทีฉันก็คิดอยู่นะว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาจากป่าหรือเปล่า

         "แน่ใจนะว่าจะเดินกลับคนเดียวได้"

         "บ้านจีอยู่ใกล้แค่นี้เองคงไม่มีไรหรอกมั้ง?" ลิลลี่พูดแทนฉันขึ้นมา

         "อืม...ใช่ ถ้างั้นจีกลับก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน บายยย" พูดจบก็รีบเดินออกมาทันทีเพราะกลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้นิชาต้องไปส่งฉันแน่ๆ




    บ้านป้านอริส

         "กลับมาแล้วค่าาาา"

         "วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้างจ๊ะ" ป้านอริสถามพลางจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปด้วย

         "ก็ดีค่ะ... แล้วป้านอริสเก็บกระเป๋าจะไปไหนคะ?" ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าป้านอริสเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว

         "ป้าต้องไปสัมนาที่ต่างเมืองจ๊ะ" อะไรกันจะทิ้งฉันอยู่คนเดียวเหรอ ม่ายยยย ><

         "กลับมาเมื่อไหร่คะ?" เริ่มหายใจไม่ออกแล้วอ่ะ กลัวว่าตัวเองจะต้องได้อยู่คนเดียว ไม่เอานะฉันไม่อยากอยู่คนเดียว

         "ป้าไปเกือบเดือนเลยจ๊ะ จีอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย" ป้านอริสเดินมาลูบหัวฉัน ฮ้ะ! อะไรนะไปเกือบเดือนเลยเหรอแล้วฉันจะอยู่ยังไงเนี่ย จะอยู่ยังงายยยย ><

         "ว่าไงจ๊ะ หลานอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย" ป้านอริสถามอีกครั้งเมื่อเห็นฉันเงียบนานเกินไป

         "ค่ะ! อยู่ได้ค่ะ" จะให้ฉันตอบอะไรได้ล่ะนอกจากตอบว่าอยู่ได้ เพราะถ้าฉันตอบว่าอยู่ไม่ได้ยังไงป้านอริสก็ต้องไปอยู่ดี เอาเถอะ! ทำใจแล้วยอมรับว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของฉันแล้วกัน

         "ป้าไปก่อนนะจ๊ะ"

         ป้านอริสเดินออกจากบ้านไปแล้ว สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งคนสวยอย่างฉันซะจริง

          เฮ้อ!!! ทำไมคนดีๆ สวยๆ อย่างฉันต้องมาเจอเรื่องซวยๆ แบบนี้ด้วยนะ ตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว พูดแล้วก็เศร้าไปร้องเพลงระบายอารมณ์ดีกว่า ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมานั่งอยู่ที่ระเบียงที่ห้องฉันเอง

         ฉันมองออกไปที่ป่าทึบนั่น ที่จริงแล้วป่าที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่นะ เพราะมันมีแสงสว่างตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนกลางคืนเหมือนมีใครมาจุดไฟทั่วป่าอย่างนั้นล่ะ

         ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมป่าที่อยู่ด้านหลังแบบนี้จะมีแสงไฟเหมือนมีผู้คนอาศัยอยู่ อีกอย่างคือมันไม่เคยมืดเลยสักวัน มันเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอ่ะ ป่าอะไรจะมีแสงสว่างในตัวเองจริงมั้ย? แต่มองไปดีๆ มันก็สวยเหมือนกันนะ แสงระยิบระยับอย่างกับเพชรแน่ะ

         ฉึก!!!

         ฉันหันไปมองต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากระเบียงห้องฉัน มันรู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังมองมาทางฉัน และที่น่าแปลกใจไม่ใช่แค่ครั้งนี้เท่านั้น ฉันรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งเมื่อออกมานั่งร้องเพลงที่ระเบียง จะว่าฉันคิดมากก็ได้นะ เพราะมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่พอหันไปมองก็ไม่พบอะไรเลย

         'คิดมากไปแล้วจีละดา' ฉันพูดกับตัวเองในใจแบบนี้ทุกครั้งเมื่อรู้สึกว่าไม่สบายใจ และมันก็ได้ผลทุกครั้งด้วย ถ้าฉันมัวแต่กลัวอยู่แบบนี้ก็คงหวาดระแวงจนเป็นทุกข์แน่ ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น เพราะงั้นคิดในแง่ดีเข้าไว้ว่ามันไม่มีอะไรหรอก

         "Just close your eyes, the sun is going down, You'll be alright, no one can hurt you now, Come morning light, You and I'll be safe, and, sound."

         แปะ! แปะ! แปะ!

         เสียงเหมือนมีคนปรบมือให้เมื่อฉันร้องเพลงจบ มันดังมาจากต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันตกใจมาก เพราะทุกครั้งที่ฉันร้องเพลงจะไม่มีเสียงปรบมือดังมายังไงล่ะ มันเหมือนว่ามีคนกำลังแอบมองฉันอยู่จากที่ไหนสักแห่งในป่าทึบนั่นเลย

         เสียงปรบมือเมื่อกี้ทำให้ฉันตกใจกลัวมาก เพราะต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นไม่มีใครอยู่เลย ทีแรกที่ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีคนมาจ้องมองมันจะเป็นแค่ความคิดไปเองของฉันมากกว่า แต่เมื่อกี้ฉันหูไม่ฝาดแน่ที่มีใครมาปรบมือให้ฉัน เอ๊ะ! หรือว่าฉันหูฝาดหว่าาา

         โอ๊ย!!! สับสน >_<

         ฉันหลับตาลงสักพักเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ และเริ่มร้องเพลงต่อ ฉันแค่คิดไปเองเท่านั้น สมองของฉันมันกำลังกลัวเลยพาลให้จิตใต้สำนึกนึกถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาเท่านั้น อย่างไปกลัวนะจีละดา

         "Don't you dare look out your window, darling everything's on fire, The war outside our door keep raging on, Hold on to this lullaby, Even when the music, gone,"

         แปะ! แปะ! แปะ!

         เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อฉันร้องเพลงจบ เอาแล้วสิวันนี้ฉันต้องอยู่คนเดียวด้วย วันนี้มันเป็นวันอวสานโลกสวยหรือไงกันนะ (ช่างกล้าพูดนะยะ >< )

         ฉันมองไปยังต้นไม้ใหญ่นั้นอีกครั้ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดประโยคที่สิ้นคิดออกไป

         "จีรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ และอยู่ตรงต้นไม้ต้นนั้น ขอบคุณมากที่ปรบมือให้กับเพลงที่จีร้อง และคอยมาฟังเพลงที่จีแต่งขึ้นเอง แต่จะดีมากถ้าคุณออกมาปรากฎตัวให้จีได้เจอคุณ และได้รู้จักกับคุณนะคะ เพราะถ้าคุณทำแบบนี้มันทำให้จีกลัว"

         พูดจบฉันก็สังเกตเห็นสัตว์ที่มีปีกตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากโพลงต้นไม้นั่น มันมีขนาดเล็ก หูของมันกางออกแถมยังห้อยหัวลงมาอีกด้วย ดูเหมือนมันจะฟังที่ฉันพูดรู้เรื่องด้วยนะ ฉลาดเกินสัตว์ไปหรือเปล่า

         "ค้างคาวเหรอ?" ฉันตกใจมากเพราะว่าค้างคาวตัวนั้นมันจ้องมาที่ฉัน เหมือนเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดเป็นประโยคยาวๆ เมื่อกี้นี้ แต่ที่น่าตกใจที่สุด คือ ค้างคาวตัวนั้นไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีเทาอ่อน ปีกของมันเหมือนขนนกที่อ่อนนุ่ม

         O_O นี่! มันค้างคาวอะไรเนี่ย สายพันธุ์ไหนกัน เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย ค้างคาวอะไรตัวสีเทา หรือมันไม่ใช่ค้างคาว แต่มันก็เป็นค้างคาวนะ (สับสนกับตัวเองมากเว่อร์นะจุดๆ นี้)

         "บ้าไปแล้ว" ฉันอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าค้างคาวตัวนั้นกำลังจะบินมาทางฉัน O///O

         ปึงงงงง!

         ฉันรีบปิดประตูระเบียงทันทีด้วยความตกใจ นี่มันอะไรกันเนี่ย ฉันต้องฝันไปแน่ๆ เลย >< ประตูระเบียงห้องฉันเป็นกระจกใส ทำให้มองเห็นข้างนอกได้สบายๆ ดังนั้นฉันจึงมองเห็นค้างคาวตัวนั้นเกาะอยู่ที่ริมขอบระเบียงนานเลยทีเดียว

         "ทำไมไม่ไปสักทีนะ" ฉันพูดแบบนี้มาเกือบจะพันครั้งแล้วแต่มันก็ยังไม่ไปอยู่ดี กลัวก็กลัว โดยเฉพาะต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้ด้วย TOT และยิ่งฉันเป็นคนขวัญอ่อนด้วยแล้ว พูดง่ายๆ คือ ฉันกลัวผียิ่งกว่าโจรผู้ร้ายซะอีก แงๆๆ โชคร้ายจริงๆ เลย

         ฉันตั้งสติก่อนจะหันไปมองตรงระเบียงอีกครั้ง ก็พบกับความว่างเปล่า เฮ้อ! โล่งอกไปทีที่ค้างคาวตัวนั้นมันไปแล้ว บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ มันอาจไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่ฉันคิดเอาไว้หรอก นี่ก็แค่คำพูดปลอบใจตัวเองเท่านั้นแหละ เพราะเอาเข้าจริงฉันก็กลัวจนไม่กล้าทำอะไรแล้วตอนนี้


    ตอนกลางคืน

         หลังจากที่ฉันกินอาหารง่ายๆ อย่างมะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จก็ไปอาบน้ำ วันนี้ฉันตั้งใจไว้ว่าจะเข้านอนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้หน้าตาสดชื่น แจ่มใส ^____^

         พรึบ! พรึบ! พรึบ!

         เหมือนมีเสียงอะไรสักอย่างบินวนอยู่นอกระเบียงเลยแฮะ เสียงกระพือปีกเหมือนนก หรือว่าค้างคาวตัวนั้นยังไม่ไป มันอาจจะมาอาศัยอยู่ที่ระเบียงห้องฉันก็ได้ ไม่ได้นะ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็จะไม่ได้ออกไปร้องเพลงข้างนอกน่ะสิ

         ตุ้บบบบ!!!

         และเสียงดังกระทบพื้นระเบียง เหมือนมีคนกระโดดทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ และด้วยความสงสัยฉันจึงลุกจากเตียงเพื่อไปดูว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่ ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่าความกลัวน่ะ

         แอดดดดดดด!

         ฉันเปิดประตูระเบียงออกไปไม่เห็นมีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ฉันคงคิดมากไปจริงๆ พอกลัวทีไรมักหูฝาดแบบนี้ตลอดเลย พอหันหลังเตรียมจะกลับเข้าห้องไปเพราะอากาศข้างนอกตอนกลางคืนหนาวมากเท้าฉันกลับขยับไม่ออกเมื่อ...

         ตุ้บบบบ!

         ก่อนที่ฉันจะได้เข้าห้องไป ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกระทบพื้นระเบียงอีกครั้ง และที่แย่กว่านั้นคือ เสียงมันดังอยู่ใกล้ๆ ตัวฉันด้วย O///O ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพียงน้อยนิดหันกลับไปดูว่าเสียงเมื่อกี้คือเสียงของอะไรกันแน่

         O_O

         "สวัสดีสาวน้อย ^____^ "


    * เพลง Safe and Sound


     


    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V
    APPLEPUP_INFINITE
         
     
     


        

        




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×