ตอนที่ 7 : EP.05 ก่อนพายุใหญ่มาเยือน
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.05 ก่อนพายุใหญ่มาเยือน
นับตั้งแต่โบราณกาลมายอดบุรุษผู้เรืองอำนาจมักมีโฉมสะคราญเป็นเครื่องประดับบารมี และโฉมงามเหล่านี้ส่วนมากก็งามล้ำเสียงจนนำมาความพินาศมาสู่ราชวงศ์ต่างๆ จนในยุคหลังๆปรากฏคำชมสตรีเลอค่าว่า “งามล่มเมือง” นับตั้งแต่ซูต๋าจีหรือปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในตำนานผู้ที่เป็นนารีคู่บัลลังก์โจ้วอ๋องแห่งราชวงศ์ซางทั้งยังเป็นชนวนเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้โจ้วอ๋องพ่ายแพ้ต่อกองทัพของจีฟาซึ่งมีเจียงจื่อหยาเป็นผู้สนับสนุน
ในยุคต่อมายังปรากฏโฉมงามนามไซซีผู้อุทิศตนเพื่ออุดมการณ์ นางเกิดในสมัยชุนชิว(ยุควสันตสารท)ไซซีใช้ความงามของนางปูเส้นทางแห่งหายนะให้กับแคว้นอู่ที่เป็นศัตรูกับดินแดนบ้านเกิด ซึ่งประสบความสำเร็จในเวลาต่อมาก่อนที่นางจะหายสาบสูญไปหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ซึ่งเหล่ากวีในยุคหลังได้ยกย่องให้นางหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามจีนสมญา “มัจฉาจมวารี”
จนกระทั่งราชวงศ์โจวสิ้นสุดลงในปลายยุครณรัฐเมื่อแคว้นฉินกลืนกินทุกแว่นแค้นรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งก่อเกิดราชวงศ์ฉินและตำนานจิ๋นซีฮ่องเต้ น่าเสียดายที่สืบทอดเพียงสองรัชกาลก็ถูกเซียงอวี้และหลิวปังโค่นล้มลงราชบัลลังก์ลงในที่สุด ครั้นหลิวปังกุมชัยชนะเหนือฌ้อป้าอ๋องก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นแผ่นดินจีนโบราณจึงมั่นคงเป็นปึกแผ่นนับแต่นั้น จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าฮั่นซวนตี้ถึงได้ก่อเกิดโฉมสะคราญเลิศหล้านามหวางเจาจวิน สตรีผู้ใช้ความงามสานสัมพันธ์ระหว่างฮั่นกับเผ่าซงหนูทำให้สองแผ่นดินอยู่ร่วมกันอย่างสันติและไร้ไฟสงครามยาวนานถึงหกสิบปี จักรพรรดิหยวนตี้ผู้ยินยอมให้นางอภิเษกกับข่านต่างแดนถึงกับพร่ำเพ้อถึงนางและสั่งประหารจิตกรผู้วาดภาพนางเสียในทันที เพราะภาพวาดไม่ได้มีความงามเท่าตัวจริงทำให้พระองค์ต้องสูญเสียนางไปเพราะความไม่รู้ และนางก็กลายมาเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามจีนผู้ครองสมญา “ปักษีตกนภา”จวบจนกระทั่งราชวงศ์ฮั่นใกล้ล่มสลายโฉมสะคราญคนใหม่จึงได้ปรากฏตัวขึ้นมา
“รอนานไหม?” ซันซั่งเทียนกล่าวขึ้นลอยๆเมื่อเดินเข้ามาถึงบริเวณวิหารที่สาวงามเลิศหล้านางหนึ่งกำลังยืนชะเง้อมองหาตัวเขา
“ท่านไปทำอะไรมาเจ้าคะ?”เตียวเสี้ยนกล่าวถามพลางยิ้มน้อยๆเมื่อพบว่ายามนี้บุคคลตรงหน้าเปลี่ยนตัวเองจากสามัญชนคนบ้านป่าที่แต่งกายมอซอเล็กน้อย จนกลายเป็นคุณชายเจ้าสำอางรูปงามผู้สูงศักดิ์ในชุดหรูหราสีขาวบริสุทธิ์แปลกตาที่ทั้งสง่าและงดงามในขุดเดียวกัน มิหนำซ้ำในมือของเขายังถือพัดสวยหรูที่ดูมีราคาค่างวดสูงล้ำ แม้จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกแต่เขายังคงแฝงความยียวนกวนประสาทเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
“ก็แค่ทำตัวให้ดูดีขึ้น!” เขากล่าวตอบพลางโยนห่อผ้าสีขาวให้นางห่อหนึ่ง “ถึงเวลากลับไปเป็นสาวงามเหมือนเดิมแล้ว”
“จะดีหรือเจ้าคะเรายังไม่ถึงเมืองลกเอี๋ยงกันเลย”นางถามน้ำเสียงสงสัย
“ระหว่างที่แม่นางเข้าไปไหว้พระ ผมตรวจสอบมาแล้วที่นี่อยู่ห่างจากเมืองลกเอี๋ยงเพียง 10กิโล...เอ่อ 20 ลี้เท่านั้น น่าจะถึงเวลาที่จะเปลี่ยนจากสาวชาวยุทธ์ไปเป็นธิดาขุนนางราชวงศ์ฮั่นได้แล้ว” เขาอธิบายโดยย่อ
“เมื่อท่านกล่าวเช่นนั้นข้าก็จะปฏิบัติตาม” เตียวเสี้ยนรับคำก่อนจะเดินหาจุดลับตาคนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมีซันซั่งเทียนคอยระวังไม่ให้นางถูกคนอื่นๆพบตัว ชายหนุ่มเลือกที่จะใช้พลังจารึกแห่งภาพมายาบังตาของคนอื่นๆเอาไว้ ซึ่งนางคิดเสมอว่าเขาเป็นเซียนหนุ่มผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์มาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่เขาช่วยชีวิตนางเอาไว้ ไม่นานนักเธอก็เดินกลับมาในรูปลักษณ์เดิมด้วยอาภรณ์หรูหราเหมือนครั้งที่ทั้งสองเจอกันครั้งที่สอง ยามนี้นางช่างสวยงามเหมาะสมกับสมญา “จันทร์หลบโฉมสุดา”
“สวยจริงๆ ไม่เสียแรงที่ผมเก็บชุดนี้เอาไว้ตั้งหลายวัน” เจ้าของดวงตาสีมรกตหัวเราะร่า ท่าทางพอใจกับผลงานตัวเองไม่น้อย
“....” เตียวเสี้ยนพูดอะไรไม่ออกเมื่อถูกชายหนุ่มกล่าวชม นางเพียงยกมือขึ้นป้องปากขำเบาๆ ท่าทางขวยเขินน่ารักน่าเอ็นดู ความงามของนางทำให้ซันซั่งเทียนถึงกับหวั่นไหวไปชั่วขณะแต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดความรักในตัวของนาง ซึ่งนั่นเป็นจุดที่นางรู้สึกว่าเขาแตกต่างจากชายหนุ่มคนอื่นๆที่พบเจอมา สมกับที่นางรอคอยเขามาหลายปี
“เมื่อครู่ท่านไปไหนมาเจ้าคะ ข้าออกมายืนรออยู่นานทีเดียว”นางกล่าวถาม
“หาอะไรสนุกๆทำ” เขาตอบ การที่ซันซั่งเทียนรีบกลับมาหานางได้โดยเร็ว ก็เพราะเขามีพลังพิเศษของจารึกแห่งเสียงซึ่งทำให้ชายหนุ่มสามารถได้ยินเสียงต่างๆไม่ว่าจะเบาแค่ไหนภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาปรับสภาพและฝึกฝนนานนับปีถึงจะคุ้นชินและแยกแยะเสียงต่างๆได้ รวมไปถึงการเลือกฟังเสียงที่ต้องการได้โดยไม่ถูกเสียงอื่นๆรบกวน เมื่อเตียวเสี้ยนเดินออกมาแล้วไม่พบเขานางจึงเปรยขึ้นเบาๆทำให้ชายหนุ่มรับทราบเลยจำต้องผละออกจากการประลองเมื่อสักครู่
“ท่านเซียนเอ่อ คุณชายซั่งเทียนเจ้าคะ คืนนี้เราจะพักที่นี่หรือจะเดินทางต่อให้ถึงเมืองลกเอี๋ยงแล้วค่อยพักดีคะ”เตียวเสี้ยนเอ่ยถามพร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ใกล้ค่ำเข้าไปทุกขณะ
“ทีแรกก็คิดจะพักที่นี่คืนนี้ แต่ดูท่าเราสองคนต้องไปหาที่พักอื่นแล้วล่ะ” เจ้าของดวงตาสีมรกตกล่าวเสียงเบา ขณะที่หูซ้ายของเขากระดิกน้อยๆก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะหันไปมองทิศทางดังกล่าว ตามมาเสียงกรีดร้องของผู้คนมากมายดังแว่วขึ้น พร้อมกับกลุ่มคนที่มาไหว้พระกลุ่มหนึ่งซึ่งวิ่งหน้าตาตื่นผ่านคนทั้งคู่ไปราวกับกำลังหนีภัยอะไรบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น!”โฉมสะคราญร้องถามด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น
“กากเดนโจรโพกผ้าเหลืองน่ะ ไม่มีอะไหรอก” เขาพูดคล้ายกับไม่ใส่ใจอะไร แต่ก็ฉวยข้อมือของเตียวเสี้ยนรั้งให้นางมายืนอยู่ข้างหลังเขา ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยว่าสาวงามหน้าแดงซ่านเพราะการกระทำดังกล่าวมากแค่ไหน
“กระจายกำลังออกให้ทั่ว ค้นหามันให้เจอ”เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เหล่าชายฉกรรจ์จะแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆของอาราม ไม่นานนักก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคนวิ่งเข้ามาพบซันซั่งเทียนผู้ที่มีท่วงท่าองอาจใบหน้าหล่อเหลาผิดแปลกสามัญชน จึงปักใจว่าต้องเป็นเป้าหมายของนายตนต่างก็พากันเข้ารุมล้อมเอาไว้รอบทิศ
พวกนั้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่ยำเกรงสิ่งใด เมื่อพบเห็นซันซั่งเทียนที่ไม่ได้มีอาการครั่นคร้ามพวกตนก็ตรงเข้าหาพร้อมกับเงื้อดาบจะเล่นงาน ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนสะสะบัดแขนแบบขอไปที
ทว่าพลังปราณที่พวยพุ่งออกมาจากการกระทำนั้นมันมากเกินกว่าที่ใครอื่นจะคาดคิด ร่างของชายฉกรรจ์สามคนพลันระเบิดออกกลายเป็นกองเลือดเนื้อในทันทีท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนร่วมขบวนการ ซันซั่งเทียนยืนนิ่งจ้องมองด้วยสายตาเอาเรื่องทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัวเพราะรับทราบแล้วว่าบุคคลตรงหน้าอันตรายเกินไป
“มีเรื่องอะไร?” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของสองยอดฝีมือ
พวกเขาคือสองดาราค้ำฟ้า เจียวหยง,ตงเซียวสองยอดฝีมือผู้บรรลุเคล็ดจักรวาลไท่ผิงหนึ่งในยอดวิชาของกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งอยู่ใต้สังกัดของแม่ทัพเจ้าสวรรค์เตียวก๊กเมื่อกองกำลังล่มสลายพวกเขาจึงเร้นกายหลบภัย โดยอาศัยใบบุญของขุนนางตงฉินเต๊งหงวนจนกระทั่งผู้เป็นนายตายด้วยน้ำมือของบุตรบุญธรรมนามลิโป้ชีวิตของพวกเขาจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภายหลังได้เข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวแห่งกองทัพพันธมิตร 18 หัวเมืองและถูกส่งมาสืบข่าวความเป็นไปในลกเอี๋ยงเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการทำสงคราม
ระหว่างหาข่าวพวกเขาทราบว่าลิโป้มาถกเรื่องวรยุทธ์กับสามสมณะเพียงลำพังจึงได้นำมือดีนับร้อยบุกเข้าวัดหยกครามหมายล้างแค้น ซึ่งมือดีเหล่านี้ล้วนแต่เคยเป็นทหารแนวหน้าในกองโจรโพกผ้าเหลืองทั้งนั้น ครั้นชาวบ้านที่มาไหว้พระพบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์นับร้อยพร้อมอาวุธครบมือจึงเกิดความแตกตื่นวิ่งหนีตายอุตลุด แน่น่าเสียดายพวกเขาเลือกลงมือผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว” เจ้าของดวงตาสีมรกตกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นกระดิกนิ้วขึ้นลงเบาๆ
“เจ้า!”เจียวหยงหน้าซีดเป็นไก่ต้มทันทีที่ได้เผชิญหน้ากับซันซั่งเทียน รอยยิ้มเยาะทีเล่นทีจริงของบุคคลตรงหน้าคือสิ่งที่ชาตินี้เขาไม่มีวันลืม หนึ่งในสองดาราค้ำฟ้าถึงกับถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ผิดแน่ ทำไมเจ้าปีศาจนั่นมาอยู่ที่นี่”ตงเซียวเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ทั้งสองหน้าซีดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ลูกน้องไม่เคยคิดว่าจะได้พบเห็น
“ไส...หัว...ไป!” ซันซั่งเทียนพูดช้าๆชัดถ้อยชัดคำ
“เหวอ!” ทั้งสองร้องลั่นพร้อมกับรีบหันหลังกลับวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
“หากพวกเจ้ากล้าแพร่งพรายเรื่องที่ข้ามาเมืองหลวงออกไป ข้าจะให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ได้” สุ้มเสียงดังกล่าวส่งผ่านทางกระแสจิต จึงมีเพียงสองดาราค้ำฟ้าที่ได้รับรู้
ภาพในอดีตยังตามมาหลอกหลอนพวกเขาอยู่เสมอ ชายผู้น่าหวาดกลัวที่ทำให้กองทัพโจรโพกผ้าเหลืองล่มสลายด้วยมือเพียงข้างเดียว ยอดบุรุษที่ทั่วหล้าขนานนามว่าเทพยุทธ์แสวงพ่าย ผู้หายสาบสูญไปนานปี ดูท่าว่านับตั้งแต่วันนี้ไปโลกหล้าคงจะปั่นป่วนไม่น้อยเมื่อผู้สร้างคำทำนายการล่มสลายของต้าฮั่นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl