ตอนที่ 48 : EP.46 ซันซั่งเทียนหนีเที่ยว
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.46 ซันซั่งเทียนหนีเที่ยว
เกาะโศกศัลย์ตั้งอยู่บนทะเลสาบอันเงียบสงบ แม้สถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างจะสวยสดงดงามเพียงใด แต่กลับมีผู้อยู่อาศัยเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงฐานสำหรับการขยายอำนาจในอนาคตเท่านั้น บริเวณศาลาใหญ่ในป่าไผ่ของค่ำคืนนี้ซันซั่งเทียนกำลังนั่งเงียบๆมองคัมภีร์วรยุทธ์สิบสามแขนงที่เขาสร้างขึ้น มันถูกมอบให้กับสิบศักดิ์สิทธิ์เกาะโศกศัลย์ไปเป็นวิชาประจำตัวสิบเล่ม อีกสามเล่มคือสิ่งที่เขาคิดค้นมาตั้งแต่กลับสู่ยุคอดีตแรกๆ เขาค่อยๆเอามือลูบไล้พวกมันด้วยความรู้สึกไม่สามารถอธิบายได้บางประการ
ผลจากการฝืนใช้พลังของจารึกแรกกำเนิดเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ และก่อกำเนิดสิ่งต่างๆจำนวนมากมันส่งผลร้ายบางอย่างต่อเขาโดยตรง แม้จะไม่ใช่ผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นในระบบการทำงานของร่างกายก็ตาม แต่มันก็ส่งผลต่อจิตใจของตัวเขาเองไม่น้อย เขานั่งเงียบๆอยู่เช่นนั้นนานเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนจะค่อยๆคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่ตนกำลังกระทำอยู่ เมื่อมาที่โลกใบนี้ในตอนแรกๆเขามุ่งหวังที่จะตามหาจารึกแห่งกาลเวลา เพื่อกลับไปแก้แค้นพวกรัฐบาลโลกในยุคอนาคต แต่พอเจอกับธรรมชาติที่สวยงามและอากาศบริสุทธิ์ รวมทั้งผู้คนที่ยังคงมีศีลธรรมและความเป็นมนุษย์อยู่มาก มันทำให้เขาเปลี่ยนใจคิดจะใช้ชีวิตอยู่ในยุคโบราณให้นานขึ้นสักหน่อย และพอได้พบกับกุยแกด้วยความนึกสนุกมันทำให้เขาถูกม้วนเข้าสู่วังวนของการช่วงชิงอำนาจในทันที แม้เขาจะต้องการเพียงทำการค้าหาเรื่องเล่นสนุกไปวันๆ แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนอย่างที่คิด เพราะการพบกับเจ้าเด็กแซ่สุมาผู้นั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้อีกฝ่ายในด้านสติปัญญาและความสุขุม แม้ว่าหากวัดที่ฝีมือขาจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อก็ตาม แต่จะไปสนุกอะไรหากไม่บ่มเพาะคู่ปรับที่จะทำให้ชีวิตของตนไม่น่าเบื่อ เพราะการครอบครองพลังอำนาจอันมหาศาลเกินไป มันทำให้เขาเกิดความเหงาและเดียวดาย
“ตอนนี้วรยุทธ์ทั้งหมดที่คิดค้นมาถูกจารึกแรกกำเนิดส่วนแกนกลางสลายไปหมดแล้ว ผมควรจะทำยังไงต่อดีไกอา จะเริ่มต้นเรียนจากตำราใหม่หรือว่า...หาอะไรทำ”
--“มันก็ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง ว่าอยากจะออกล่าพวกมิวแทนท์ หรือเป็นยอดพ่อค้าปกครองความมั่งคั่งของโลกใบนี้ หรือจะครองแผ่นดินทำลายประวัติศาสตร์ทิ้งไปเลย?“--
“ประชดฉันหรือไงไกอา” ซันซั่งเทียนหัวเราะเบาๆ “ใจหนึ่งฉันก็อยากกลับไปจบเรื่องที่ค้างคาในยุคอนาคต อีกใจก็เสียดายความสวยงามทางธรรมชาติและนิสัยของผู้คนยุคนี้ เรื่องทำการค้าปล่อยให้ตงโยว่จัดการเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร เงินทองเราหรือก็มีมากมายแทบจะใช้ไม่หมด เรื่องกุยแกยิ่งไม่ต้องห่วงหากประวัติศาสตร์เป็นจริงหมอนั่นย่อมใช้สอยเงินที่มีให้เป็นประโยชน์ และสร้างศึกกัวต๋อที่สะท้านฟ้าดินให้ผมได้เพลิดเพลิน ส่วนเรื่องที่ไปรับปากลิโป้โค่นตั๋งโต๊ะ แค่ไจไจ๋,ฮิวฮิวและเสินหนงสามคนก็เกินพอแล้ว ก่อนปิดบัญชีเราค่อยกลับมาดูก็ยังไม่สาย” แววตาของซันซั่งเทียนวูบไหวเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง
--“มาอีหรอบเดิมอีกละ คิดจะหนีเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศละสิ?“--
“คนที่เคยเห็นหน้าผมชัดๆมีน้อยจะตาย ไปท่องเที่ยวให้ผ่อนคลายคงจะมีความสุขไม่น้อย ถ้ามีปัญหาอะไรพวกนั้นคงใช้ดาวเทียมส่งข่าวให้เรารู้เองนั่นล่ะ อย่าลืมสิพวกเราเดินทางได้เร็วแค่ไหน” ซันซั่งเทียนยิ้มบางๆออกมา
--“แล้วคิดจะไปที่ไหนอีกละ คราวนี้“--
“คงต้องสุ่มสถานที่เอานั่นล่ะ ดีที่สุด”ซันซั่งเทียนวางมือลงบนคัมภีร์ทั้งหมด พวกมันก็พลันย่อยสลายหายไปอย่างน่าเสียดาย “ไปกันเถอะ”
กล่าวจบร่างของชายหนุ่มก็หายวับไปกับตาเพราะพลังของจารึกแห่งการเคลื่อนย้ายมวลสาร ทิ้งไว้แต่เพียงกระดาษเขียนคำสั่งถึงซันซีหลางกับหกศักดิ์(สิธิ์ที่เหลือ
อีกด้านหนึ่งในยามราตรีของเมืองเตียงอันลิโป้เองก็กำลังรับรองซันไจ่ไจ๋กับซันเสินหนง สองในสิบศักดิ์สิทธิ์เกาะโศกศัลย์ที่ถูกส่งมาช่วยในภารกิจโค่นล้มตั๋งโต๊ะ งานเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบง่ายหากแต่เต็มไปด้วยของชั้นเลิศนานาชนิด หนึ่งเฒ่าชราหนึ่งเด็กเยาว์วัยกำลังกินดื่มอย่างสำราญ แม้ฝ่ายเจ้าบ้านจะมีที่ท่าดูแคลนพวกเขาอยู่ในแววตาก็ตามที แน่ล่ะว่ายอดขุนพลอย่างลิโป้มีหรือจะเชื่อว่าคนแก่ที่แห้งเหี่ยวกับเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะมีความสามารถมากถึงขนาดช่วยตนสังหารตั๋งโต๊ะได้ ซึ่งฝ่ายแขกดูจะมองความคิดนั้นออกอยู่บ้าง
“สายตาท่านขุนพลลิดูจะหมิ่นพวกเราอยู่ไม่น้อย” พิษหัตถาซันเสินหนงเปรยขึ้นแผ่วเบาระหว่างยกสุราขึ้นดื่ม
“หามิได้ ข้าไม่เคยสงสัยในผู้ติดตามของท่านผู้นั้นเลย” แม้ปากจะไม่ตรงกับใจ แต่ลิโป้ก็เลือกที่จะรักษาไมตรีให้มั่นคงที่สุด เพราะต่อให้คนตรงหน้าไร้ฝีมือแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิ์เสียมารยาทเพราะรู้ซึ้งถึงฝีมือเจ้านายของคนเหล่านี้ดี
“ท่านขุนพลลิพูดได้ดี ข้าขอคารวะด้วยสุราจอกนี้” ซันไจ่ไจ๋เหยียดรอยยิ้มสะบัดข้อมือว้างจอกสุราให้พุ่งเข้าใส่เจ้าบ้าน
ฟ้าว! เสียงจอกสุราเคลื่อนที่กลางอากาศด้วยความเร็วดังขึ้นอย่างแจ่มชัด แถมเหล้าที่บรรจุอยู่ภายในยังไม่หกแม้สักครึ่งหยด ลิโป้ไม่ประมาทเกร็งพลังวัตรถึงเจ็ดส่วนที่มือขวาแล้วคว้าเอาจอกใบนั้นไว้ ทันทีที่สัมผัสมันก็เกิดแรงผลักบางอย่างกระแทกขุนพลใหญ่จนเซไปด้านหลัง ในขณะที่จอกเหล้าถูกไจ่ไจ๋รั้งกลับสู่มือของตน
“นายท่าน!”เตียวเลี้ยวที่ร่วมสังสรรค์อยู่ด้วยตกใจหมายลุกไปประคอง
“ไม่ต้อง!”ลิโป้กลับยกมือห้าม แล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่งและทำตัวเหมือนปกติ
“ดูท่าท่านขุนพลลิจะไม่ชอบดื่มสุราถึงไม่รับไมตรี” ซันไจ่ไจ๋ยิ้มร้ายยกจอกสุราขึ้นเย้ยหยันอีกฝ่ายก่อนจะซดจนหมดจอก
“เจ้าทำแบบนี้ข้าก็อดสนุกนะสิ”ซันเสินหนงพูดน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“ขืนให้เฒ่าพิษอย่างเจ้าลงมือ มีหวังท่านขุนพลทรมานไปทั้งคืน เราได้รับคำสั่งให้มาช่วยไม่ใช่ให้มาป่วน” คนเยาว์กว่าตอบกลับอย่างไม่เห็นแก่อายุอานามอีกฝ่าย ซึ่งดูจะเป็นเรื่องปกติของทั้งสองมานานแล้ว
“ขอบคุณที่ออมมือให้”ลิโป้ยกมือคำนับทั้งๆที่ฝ่ามือยังชาอยู่ เขารู้ตัวแล้วว่าคิดผิดอย่างมากที่ตัดสินคนของซันซั่งเทียนเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ในเมื่อเจ้านายร้ายกาจขนาดนั้นมีหรือเหล่าผู้ติดตามจะธรรมดาสามัญ
“ว่าแต่จะให้พวกเราช่วยเหลือยังไงบ้าง ในคำสั่งที่ได้รับมาระบุไม่ให้พวกเราลงมือเอง เพียงแค่คอยสนับสนุนอยู่วงนอกเท่านั้น” ซันเสินหนงกล่าวถาม
“สิ่งที่ข้าต้องการคือให้พวกท่านกันทหารที่ภักดีต่อตั๋งโต๊ะไม่ให้เข้าไปภายในตำหนัก”ลิโป้บอก
“ง่ายดายนัก...น่าเบื่อ”เฒ่าชราสบถพร้อมกับถอนหายใจ
คำพูดนั้นทำเอาทั้งลิโป้และเตียวเลี้ยวลอบมองหน้ากันด้วยความตกใจ เพราะกองทัพของตั๋งโต๊ะที่ระวังภัยให้วังหลวงอยู่ในขณะนี้มีจำนวนหลายหมื่น หากพวกเขาถาโถมเข้ามาพร้อมๆกันยากที่ใครจะต้านทานได้ในพื้นที่จำกัด หากคนทั้งสองทำได้ง่ายดายอย่างที่พูดจริง เทพนักรบอย่างเขากับขุนพลคู่ใจอย่างเตียวเลี้ยวจะนับเป็นตัวอะไรได้?
เกาะโศกศัลย์นี่มันเป็นถ้ำเสือวังมังกร หรือว่าตำหนักเง๊กเซียนฮ่องเต้กันแน่!
ในขณะที่การนัดแนะแผนการในจวนของลิโป้กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านซันซั่งเทียนและไกอาก็มาโผล่ยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะเป็นด้านหน้าของโรงเตี๊ยมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาสูงลูกหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ดวงจันทร์วันเพ็บเองก็ลอยเด่นบนฟากฟ้า ทว่าภายในโรงเตี๊ยมมีเสียงอึกทึกคล้ายกับมีแขกเหรื่ออยู่มากมาย ซันซั่งเทียนยิ้มน้อยๆที่คืนนี้คงจะมีเรื่องบันเทิงเกิดขึ้นบ้าง เพราะแม้ว่าจะดึกมากแล้วแต่โรงเตี๊ยมก็ยังคึกคัก บนยอดเขาเองก็มีแสงไฟมากมายบ่งบอกถึงงานอะไรบางอย่างที่มีผู้คนจำนวนมากมารวมกัน เจ้าเกาะหนุ่มที่ยามนี้อยู่ในอาภรณ์หรูหราเหมือนพวกคุณชายตระกูลใหญ่ หยิบพัดที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาคลี่โบกสะบัดแต่พองาม มือหนึ่งของเขาเกิดสีเขียวเรืองรองขึ้นเพราะพลังของจารึกแห่งอัญมณี ชั่วพริบตาป้ายหยกเนื้อดีสีเขียวสดไร้ตำหนิที่สลักคำว่า “แสวงพ่าย” ก็ปรากฏขึ้น ขนาดของมันราวกับป้ายคำสั่งเลอค่า เขาผูกด้วยเชือกที่ทำจากทองถักผูกกับเข็มขัดผ้าก่อนจะย่างเท้าเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม
ทันทีที่ประตูของโรงเตี๊ยมถูกผลักออก ผู้คนที่อยู่ด้านในต่างหันมามองชายหนุ่มพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซันซั่งเทียนมองสำรวจโดยรอบแล้ววิเคราะห์สถานการณ์ ด้านในมีคนอยู่เกือบสามสิบคนแต่แบ่งเป็นกลุ่ม 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งแต่งตัวเหมือนนักพรตท่าทางภูมิฐานวางตัวดี กลุ่มหนึ่งเป็นแม่ชีถือกระบี่สีหน้าท่าทางดูไม่ค่อยพอใจอีกสองกลุ่มที่เหลือเท่าไหร่ กลุ่มที่สามแต่งตัวบอกถึงสถานะพรรคมารฝ่ายอธรรมท่าทางร้ายกาจกว่าสองกลุ่มแรก แม้จะถูกมองด้วยสายตาสงสัยระคนแปลกใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่พูดอะไรออกมา ซันซั่งเทียนเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมที่ดูเหมือนกำลังจะเปิดศึกกันอยู่รอมร่อ
“เสี่ยวเอ้อ ขอน้ำชาที่แพงที่สุด 1 กา พร้อมผลไม้อะไรก็ได้จำนวนหนึ่ง” เขาพูดขึ้น
หา!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
พระมันจะสร้างตำนานอีกบทติ
พระเอกมันแกตายได้ไม
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl