ตอนที่ 42 : EP.40 มรสุมด่านกักพยัคฆ์(เฮาโลก๋วน)
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.40 มรสุมด่านกักพยัคฆ์(เฮาโลก๋วน)
ในยามศึกสงครามไม่เคยมีมิตรแท้และศัตรูถาวร ขอเพียงผลประโยชน์ลงตัวทุกคนก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนท่าทีได้ตลอดเวลา ผู้ยืนกรานในแนวความคิดอันแข็งขืนไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนปรน ย่อมพินาศลงโดยง่ายไม่ต่างอะไรจากต้นไม้เมื่อยามพายุกระหน่ำ แต่สำหรับผู้รู้จักกาละฟ้า ชัยภูมิดิน ประชาหนุนเสริมเกื้อกูล ย่อมเปรียบได้กับลำไผ่ต้นงามคงทนเอนเอียงลู่ลมคล้อยตามพายุใหญ่ เมื่อยามฟ้ากระจ่างใสหลังพายุผ่านพ้นก็ยังคงยืนต้นเด่นสง่าเป็นที่ประจักษ์ คนเช่นนี้ย่อมมีแต่เจริญยากนักที่จะพ่ายแพ้หากไม่ประมาทหลงตนเอง
ด่านกักพยัคฆ์(เฮาโลก๋วน)
ยอดบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนมองพระจันทร์ดวงกลมโตด้วยความดวงตาแฝงความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งยินดีที่จะได้ออกรบแสดงฝีมือให้สมกับที่รอคอยมานาน ทั้งคาดหวังว่าในหมู่ศัตรูเขาจะพบคู่มือที่เก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าตัวเขา ทั้งคำนึงถึงแผนการบางอย่างที่ได้เริ่มดำเนินไปเมื่อช่วงย่ำรุ่ง และท้ายที่สุดคือความคิดถึงที่มอบให้แกสตรีนางหนึ่งผู้อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล
“เตียวเสี้ยนเอ๋ย..รอก่อนเถอะแล้วข้าจะรีบกลับไป”
“เวลาแบบนี้ยังมีกระใจคิดถึงอิสตรี ท่านนี่ชักจะเหลวไหลเกินไปแล้ว” เสียงเย้ยหยันของคนผู้หนึ่งแว่วขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาใกล้
“ท่านพูดเรื่องอะไร?”คนถูกถามแสร้งทำหูทวนลมไม่เข้าใจ
“ข้าได้ยินมาว่าเวลานี้เทพนักรบแห่งยุค มักเดินทางเข้าออกคฤหาสน์ของขุนนางใหญ่นามอ้องอุ้นอยู่อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด ข่าวว่าเป็นเพราะบุตรีบุญธรรมของมันงามล้ำเหนือนางใดในปฐพี ดูท่าเสน่ห์ของนางจะร้ายกาจสมคำร่ำลือถึงได้มัดใจของเจ้าอยู่มัด”
“ข้าเพียงชมชอบดนตรีและอาหารรสเลิศของบ้านหลังนั้น ท่านพี่ฮัวสงอย่าได้เที่ยวพูดเป็นเล่นไป นางที่ท่านกล่าวถึงจะเสียหายเอาได้” ดวงตาของเทพนักรบวูบไหวไปมา ง้าวกรีดนภาในมือถูกกำแน่นราวกับจะบีบให้แตกหักคามือ
“ในเมื่อท่านไม่สนใจในตัวนางเตียวเสี้ยนนั่นก็ดีแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ” ขุนพลเสเหลียงกล่าวขึ้นลอยๆ สร้างความสงสัยให้กับลิโป้อย่างมาก
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาที่ด่านกักพยัคฆ์แห่งนี้ ข้าเห็นว่านายท่านตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด ทั้งแผนการย้ายราชธานีกับการรับมือพวกพ่อค้าคหบดีและเหล่าขุนนาง ไหนจะต้องรับศึกทั้งกับซุนเกี๋ยนและโจโฉอีก ข้าเกรงว่าท่านจะหลงลืมที่จะหาความสุข...” กล่าวเสร็จก็แค่นหัวเราะใช้น้ำเสียงอย่างผู้ชนะพูดต่อ “ป่านนี้ท่านตั๋งโต๊ะก็คงจะทำตามคำแนะนำของข้า ไปเยือนคฤหาสน์ของอ้องอุ้นแล้วกระมัง”
ลิโป้กัดฟันกรอดพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ ฝ่ามือของเขาแดงก่ำเพราะกำง้าวแน่นอย่างต่อเนื่อง สายตาอาฆาตมองไปยังฮัวสงผู้ที่กำลังฉีกยิ้มร้ายอยู่เบื้องหน้า
“ทำได้ดี!” เขาแสร้งใช้น้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใดกับสิ่งที่ได้ยิน “แบบนี้พอท่านพ่ายแพ้ทัพพันธมิตรกวนตงอย่างยับเยินกลับไป ท่านพ่อบุญธรรมก็คงไม่อาจลงโทษสถานหนักได้ นับว่าท่านมีสายตาแหลมคมคาดการณ์ล่วงหน้าราวกับเทพยดา”
“เจ้า!” ฮัวสงกลับเป็นฝ่ายที่ต้องเดือดดาลก่อน เพราะถูกคู่แข่งพูดจาดูหมิ่นอย่างหนัก “คอยดูก็แล้วกันข้าจะชิงฉายาเทพนักรบของเจ้าในการศึกคราวนี้ ข้านี่ล่ะจะเป็นผู้กุดหัวพวกขุนพลของทัพพันธมิตรกวนตงให้มากกว่าที่เจ้าเคยกระทำมาทั้งชีวิต”
“หวังว่าท่านจะมีปัญญามากพอที่จะกระทำตามที่กล่าวอ้างไว้” กล่าวจบลิโป้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะแล้วเดินจากไปอย่างผู้มีชัย
‘คอยดูเถอะ เจ้าจะต้องเสียใจที่บังอาจมาดูหมิ่นข้าผู้นี้’ฮัวสงขุนพลเจนศึกครุ่นคิดพลางมองตามด้วยความชิงชังอย่างที่สุด เมื่อผู้ที่เป็นคู่แข่งลับสายตาไปยอดนักรบแห่งเสเหลียงจึงได้หันหลังเดินกลับไปเตรียมการรบในวันพรุ่งนี้
‘เดิมทีคิดจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่เมื่อเจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนแบบนี้ เห็นทีข้าคงต้องให้เจ้าเป็นผีเฝ้าด่านกักพยัคฆ์ในศึกวันพรุ่งนี้เสียแล้ว’ ความคิดของลิโป้แน่วแน่ยิ่งหัวใจของเขาเริ่มหวั่นไหวอย่างหนัก เมื่อนึกถึงดอกเบญจมาศอันหอมกรุ่น ที่ยามนี้อาจจะตกอยู่ในมือของตั๋งโต๊ะ หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ขวางทางรักของตนรอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม
หลักจากเคลื่อนพลออกจากซวนเจ่ากองทัพพันมิตรกวนตงก็ได้แยกย้ายกันไป ส่วนหลักมุ่งหน้ามายังด่านกักพยัคฆ์กลับปรากฏว่า มีกองทัพเสเหลียงจากเมืองเตียงอันซึ่งนำโดยลิโป้และฮัวสงสองยอดขุนพลเอกตั๋งโต๊ะมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ชัยภูมิข้าศึกมีความได้เปรียบตั้งรับง่ายฝ่ายตรงข้ามกลับรุกยาก เมื่อบวกกับเสบียงที่เหลืออยู่ไม่มากนับว่าทัพพันธมิตรกวนตงประสบกับปัญหาใหญ่ ยามนี้เหล่าเจ้าเมืองกำลังประชุมกันด้วยความเคร่งเครียด
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์จริงๆ” อ้วนเสี้ยวประธานในที่ประชุมกล่าวขึ้น
“ต้องขอขอบคุณที่ท่านแนะนำให้พวกเราตั้งมั่นอยู่ด้านนอก ไม่หลงเข้าไปในด่านตามแผนการร้ายของพวกชั่วช้า กองทัพพันธมิตรเราถึงได้ยังมั่งคงอยู่เช่นนี้” กองซุนจ้างเจ้าเมืองปักเป๋งยกสุราขึ้นคำนับให้แก่ผู้มีพระคุณ
“หน้าที่ของข้าคือช่วยเหลือพวกท่านให้พ้นจากความพินาศในศึกครั้งนี้ ตามเจตนาของท่านอาจารย์ซึ่งได้มอบหมายมา”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าตำหนักเทพเหนือฟ้าบนยอดเขาไท่ซ่านมีเซียนสถิตอยู่ และท่านก็ได้รับลูกศิษย์ซึ่งถ่ายทอดทั้งวิชาค่ายกลและพลังเซียนให้ ซ้ำยังสอนพิชัยสงครามจนมีความสามารถเทียบได้กับกุนซือชั้นเลิศ วันนี้ได้เห็นกับตาเลื่อมใสๆ” อ้วนสุดกล่าวชื่นชมเพื่อซื้อน้ำใจ หวังดึงให้เข้าเป็นพรรคพวกกระทำการใหญ่ในวันข้างหน้า
“ว่าแต่ท่านจะให้พวกเราทำอย่างไรต่อไป?” กองซุนจ้างเป็นฝ่ายถามถึงหมากตาต่อไป
“ด้วยเสบียงในตอนนี้จะรบแตกหักคงไม่ดีแน่ เราควรวางแผนล่อฝ่ายตรงข้ามแสร้งสงบสยบความเคลื่อนไหว ส่งมือดีป่วนด่านกักพยัคฆ์เป็นระยะๆลวงให้อีกฝ่ายต้องกลอุบาย เชื่อว่าไม่นานลิโป้หรือฮัวสงต้องทนไม่ไหวออกมาท้ารบแบบตัวต่อตัวเป็นแน่”
“ท่านกุนซือจะให้พวกเราจัดเตรียมคนเก่งๆไว้สู้ตายกับมันหรือ?” อ้วนสุดถามต่อ
“เปล่า! เราจะใช้วิธีขันอาสาแทน ผู้ใดต้องการสร้างชื่อเสียงให้เกริกไกร ย่อมต้องฉวยโอกาสอันดีงามในครั้งนี้ก่อร่างสร้างตัว”กุนซือลึกลับกล่าว
“ทำเช่นนั้นจะดีหรือ? ใยไม่ใช้ยอดขุนพลจากทัพต่างๆที่เรามีเล่า?” อ้วนเสี้ยวขัดขึ้น แต่สายตากลับไม่ปรากฏความสงสัยใดๆ ที่กล่าวออกไปเพราะต้องการหยั่งเชิงเท่านั้น
“มติฟ้ายากจะเปิดเผยขออภัยที่ยังไม่อาจบอกรายละเอียดอื่นใดได้ พรุ่งนี้พวกท่านก็จะได้เห็นเองว่าสิ่งที่ข้ากระทำจะส่งผลเช่นใด...”
กล่าวจบร่างของเขาก็เลือนหายไปกับตา สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมประชุม
“เพียงแค่ลูกศิษย์ยังเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ แล้วท่านเซียนสุมาเต็กโชผู้ยิ่งใหญ่จะร้ายกาจมากขนาดไหนกันนะ?” อ้วนเสี้ยวกล่าวขึ้นพร้อมกับเสียงฮือฮาของผู้คน
ค่ำคืนนี้ทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยผู้ที่มิอาจข่มตาหลับ ไม่ว่าจะเป็นฮัวสงที่หมายจะสังหารขุนพลข้าศึกสร้างชื่อให้เหนือกว่าลิโป้ หรือเทพนักรบแห่งยุคผู้กำลังเกรี้ยวกราดเมื่อนึกถึงสาวงามที่ตนหลงหลัง เขากลัวเหลือเกินว่าตั๋งโต๊ะจะได้ครอบครองนางแทนเขา ข้างฝ่ายอ้วนเสี้ยวหรือก็กำลังคิดหาทางหนีทีไล่เผื่อแผนการของกุนซือผู้ลึกลับจะพลาดท่า ด้านอ้วนสุดกับกองซุนจ้างและเจ้าเมืองคนอื่นๆก็เอาแต่ร่ำสุราสนุกสนานไปกับงานรื่นเริง โดยอ้างว่ากระทำเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อว่าทัพพันธมิตรมีเสบียงเหลือเฟือ ผู้รับเคราะห์กลับเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยที่ต้องอดมื้อกินมื้อ ส่วนลูกศิษย์ของสุมาเต๊กโชยามนี้กลับยืนอยู่เงียบๆ ดวงตาคมกล้าทอดมองไปยังกำแพงด่านกักพยัคฆ์ที่ยอดยาว ซึ่งด่านหลังของเขามีคนสามคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
“ท่านกุนซือเรียกพวกเรามาด้วยธุระอันใดหรือ?” เสียงนุ่มเฉกเช่นสุภาพชนเอ่ยขึ้น มันมาจากเงาร่างสูงของใครบางคนที่ถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในมือ
“ถึงเวลาสร้างชื่อของพวกท่านแล้ว”เขากล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านต้องการให้พวกเราสามคนอาสาออกสู้ศึกในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่?”เสียงดุดันกล่าว มือของเขากำทวนในมือแน่นด้วยความดีใจ “ข้าเฝ้ารอเวลาที่จะได้ยืดเส้นยืดสายแบบนี้มานานแล้ว”
“ดูเหมือนท่านจะยังมีเรื่องหนักใจอยู่ ไม่ทราบพอจะบอกกล่าวแก่พวกเราได้หรือไม่?” เสียงสุภาพแต่หนักแน่นกล่าวถาม มาจากเงาร่างที่ถือง้าวขนาดใหญ่
“ข้ามาช่วยกองทัพพันธมิตรกวนตงด้วยเหตุผลสองข้อ หนึ่งคือให้พวกเขารอดพ้นภัย สองคือให้พวกท่านได้แสดงฝีมือ นับตั้งแต่ข้าช่วยให้พวกท่านทั้งสามรอพ้นความตายจากเงื้อมมือตั๋งโต๊ะก็เพื่อวันนี้ แต่คู่มือของพวกท่านคือฮัวหยงกับลิโป้สองยอดขุนศึกใต้สังกัดตั๋งโต๊ะ ถึงพวกท่านจะเก่งกล้าแต่พวกเขาก็ร้ายกาจเหนือชั้น ข้าไม่ต้องการให้พวกท่านประมาทหลงตัวเอง จนพลอยทำให้ความหวังของพวกเราพังทลายลงไป”
“พวกเราทั้งสามจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง ศึกพรุ่งนี้เราจะสังหารฮัวหยง เอาชนะลิโป้ให้ได้”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
ถึงได้ยังมั่งคงอยู่เช่นนี้ - มั่น
กำแพงด่านกักพยัคฆ์ที่ยอดยาว ซึ่งด่านหลังของเขา - ทอดยาว, ด้าน
งูมรกตชื่อโพ สวมมุงกฎทองประดับทับทิมสีแดงเม็ดใหญ่
งูเผือกชื่อลาล่า สวมมุงกฎทองประดับบุษราคัมสีเหลืองเม็ดใหญ่