ตอนที่ 30 : EP.28 แผนร้ายซ่อนเร้น
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.28 แผนร้ายซ่อนเร้น
สายลมเย็นพัดโชยกิ่งไม้ไหวโอนเอนตามแรงลม กลิ่นหอมอ่อนๆของไม้ดอกไม้ประดับกระจายฟุ้งทั่วบริเวณ คฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองเตียงอัน บริวารชายหญิงหลายสิบคนเดินสวนกันไปมาไม่ได้ขาด หน้าประตูบ้านมียอดฝีมือดูแลอยู่ไม่มีหยุดพัก ผู้อยู่อาศัยย่อมไม่ใช่ชนชั้นสามัญ ยามนี้ซันซีหลางกำลังนั่งปรับลมปราณบนหลังคาเรือนพักหลังหนึ่ง โชคดีที่ภายในร่างกายของเขามีเลือดของซันซั่งเทียนไหลเวียนอยู่ ทำให้การฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังการต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
ปกติเขาไม่ใช่คนเลือดร้อนหรือชื่นชอบการหาเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเอ๋อดูเหมือนว่า ความคับแค้นที่มีมายาวนานจะบดบังสติของเขาชั่วขณะ เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนทั้งสองต้องแยกกันอยู่คนละเมือง ด้วยความที่ซันซีหลางดูแลเอาใจใส่มารดาบุญธรรมกับน้องสาวได้ดีกว่า ประกอบกับความสามารถในการล่าสัตว์และทำไร่ทำนา ก็ยังทำได้แบบไม่มีที่ติหลงเอ๋อจึงเป็นฝ่ายตัดสินใจเข้าไปเป็นศิษย์วัดหยกคราม
ครึ่งชั่วยามผ่านไปดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขาจะกลับสู่สภาวะปกติแล้ว เจ้าของดวงตาสีเลือดนกหยิบกระเบื้องออกเพื่อสังเกตการณ์คนพักอาศัย ภาพที่เขาเห็นคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านตำราพิชัยสงครามมากมาย นอกจากนี้ยังมีจมหมายเกี่ยวกับข่าวสารต่างๆวางอยู่จำนวนมาก ภายในห้องยังมีอีกสองหนึ่งซึ่งแต่งการทรงภูมิคล้ายกับเป็นกุนซือ ทั้งสองกำลังถกเถียงกันเรื่องสถานการณ์การสู้รบระหว่างสองฝ่าย
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์ เวลานี้ตั๋งโต๊ะจัดเตรียมกำลังพลปล้นสะดมทรัพย์สิน ซ้ำยังขุดเอาสมบัติจากสุสานอดีตกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น เห็นทีลกเอี๋ยงคงจะเหลือแต่ชื่อแน่แล้ว”กุนซือวัยกลางคนผู้นั้นกล่าว
“เมื่อย้ายราชธานีมาที่เตียงอันสิ่งที่พวกเราลงทุนไป ก็จะผลิดอกออกผลให้เก็บเกี่ยวทันที แต่ข้าไม่เข้าใจเลยทำไมเจ้าถึงบอกให้พวกเรารีบตักตวงจากตั๋งโต๊ะให้มากๆ ทำแบบนี้มันไม่รู้ทันแผนการของเราแล้วชิงลงมือเล่นงานหรอกหรือ?” กุนซือวัยชราถามคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจ
“ตั๋งโต๊ะนับเป็นยอดคนผู้หนึ่งซ้ำยังมีลิหยูเป็นมันสมองให้นับได้ว่าเสือติดปีก แต่ทว่ายุคสมัยนี้ยอดคนกลับมีอยู่มากมายนัก ขุนพลผู้กล้าหรือก็แทบจะเหยียบกันตาย กุนซือมากฝีมือเองก็มีออกดาษดื่น พวกท่านคิดหรือว่าตั๋งโต๊ะจะอยู่รอดได้นาน ลำพังแค่ลิโป้ผู้เดียวก็เหมือนหอกข้างแคร่ที่แสนอันตรายมากพอแล้ว ไหนเลยตั๋งโต๊ะจะอยากมีศัตรูเพิ่มมากกว่าที่ควรจะเป็น การขายเสบียงและอาวุธของพวกเราแม้จะเก็บกำไรมากหน่อยก็คงไม่มีปัญหา หรือถ้ามีก็อย่าลืมสิว่าพวกเรายังมีไพ่ตายอยู่” เด็กหนุ่มอธิบายยาวเหยียด
”สองเดือนมานี้สีหน้าเจ้าไม่สู้ดี มีเรื่องอะไรหนักใจหรือ?” เฒ่าชราเอ่ยขึ้นระหว่างดื่มชา
“ข้ากำลังนึกถึงบุคคลอันตรายผู้หนึ่ง” เด็กหนุ่มตอบ แววตาของเขามีความกังวลเล็กน้อย
“ใช่เจ้าพวกตัวประหลาดย่านการค้าแห่งใหม่หรือไม่? สองเดือนมานี้ย่านการค้าอื่นๆภายในเมืองต่างประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เพราะผู้คนพากันแห่ไปจับจ่ายใช้สอยที่นั่นกันหมด”กุนซือวัยกลางคนกล่าวขึ้น
“เห็นว่า 108 เฒ่าแก่จากถนน 7 สาย ลงขันกันว่าจ้างมือสังหารหอทมิฬเพื่อเด็ดหัวผู้นำย่านการค้าใหม่ เชื่อว่าอีกไม่นานเหตุการณ์คงกลับสู่สภาพปกติ”เฒ่าชราแสดงความคิดเห็น
“ยาก!” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นมาคำเดียว แต่น้ำเสียงนั้นฟังดูชัดเจนและหนักแน่นมาก ราวกับเขาไม่คิดจะเชื่อมั่นในฝีมือของมือสังหาร
“ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น”ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน
“ข้าคิดว่าข้าเคยพบเขามาแล้ว วรยุทธ์ของเขาแปลกประหลาดมาก ซ้ำยังสูงส่งจนเข้าถึงชนชั้นปรมาจารย์แห่งยุค ที่ร้ายกาจกว่าคือสติปัญญาของเขา ไม่ว่าจะบุ๋นหรือบู๊คนผู้นี้ก็ไม่เป็นรองใคร คิดจะกำจัดเขาย่อมต้องมีแผนการพิสดารสุดขั้ว” เด็กหนุ่มถอยหายใจพร้อมกับจิบน้ำจา แล้วจึงอธิบายความคิดของตัวเองต่อ “ข้าสืบมาแล้วคนผู้นี้คือตัวตั้งตัวตีชักชวนพวกพ่อค้าคหบดีจากลงเอี๋ยง 43 ตระกูล ให้โยกย้ายทรัพย์สินและกิจการมายังเตียงอันแห่งนี้ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นภายหลังการวางเพลิงคลังเสบียงกับปล้นคุกหลวงเพียงวันเดียว หากเขาไม่ใช้คนลงมือก็น่ากลัวว่าจะเป็นยอดกุนซือ ผู้วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆได้แตกฉานยิ่ง เวลานี้พวกคนที่ไม่เชื่อคำพูดเขาไม่ถูกปล้นสะดมริบทรัพย์สิน ก็สูญสิ้นเงินทองไปมากมาย คนที่เชื่อถือและติดตามก็พ้นภัยซ้ำยังได้กอบโกยเงินทองเข้าตัวเอง ดูท่าเรื่องย้ายเมืองหลวงเขาก็คงจะรู้นานแล้ว”
“หากมียอดคนเช่นนั้น แผนการของเราไม่เจออุปสรรค์ใหญ่หรือ?”กุนซือวัยกลางคนกล่าวถาม แววตาแฝงความหนักใจไม่น้อย
“ข้าขุดหลุมพรางไว้รอมันผู้นั้นแล้ว” เขายิ้มบางๆระหว่างมอบม้วนตำราบางๆให้แก่กุนซือทั้งสองที่ได้ร่วมวงสนทนา “นี่คือแผนการคร่าวๆ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดเรียบร้อย คืนนี้จะเป็นวันตายของมันแน่นอนไม่ต้องห่วง”
“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็เบาใจ งั้นพวกเราขอลา” ทั้งสองเผยความพอใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั่นก็ก้มหน้าลงอ่านตำราต่างๆต่อไป
“ต้องรีบส่งข่าวบอกท่านพ่อ” ซันซีหลางจึงวางมือจากการสังเกตการณ์ เขาทะยานตัวตามคนทั้งสองไปเพื่อรอจังหวะฉวยเอาความลับของแผนการไปแจ้งแก่ซันซั่งเทียน เมื่อเขาออกพ้นบริเวณเรือนพักหลังนั้นเด็กหนุ่มจึงค่อยกล่าววาจาขึ้น
“วางกระเบื้องลงที่เดิมให้ด้วย”
“ครับนายท่าน” เสียงหนึ่งขานตอบ พร้อมกับช่องโหว่ของกระเบื้องหลังคาที่ซันซีหลางเอาออกถูกเติมเต็ม ก่อนที่เจ้าของเสียงจะซ่อนตัวเองตามเดิม
“เฒ่าแก่ซันเอ๋ย...หากคืนนี้ท่านรอดชีวิตไปได้ ข้าคงต้องยกให้ท่านเป็นคู่ปรับหมายเลขหนึ่งของสกุลสุมาเสียแล้ว”
น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความนัยมากมาย ท่าทางคืนนี้คงมีเรื่องสะท้านฟ้าดินเกิดขึ้นเป็นแน่ แล้วซันซั่งเทียนจะรอดจากแผนการอันซับซ้อนนี้ได้ด้วยวิธีใด?
นั่นคือสิ่งที่ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด!
ภายในคฤหาสน์ตำหนักโศกศัลย์อันกว้างใหญ่ ซึ่งเงียบสงบและสดชื่นไม้ป่าไผ่และไม้ดอกบานสะพรั่ง คลอเคล้าเสียงนกน้อยใหญ่ประสานเสียงลำธารน้ำไหล ราวกับแดนสวรรค์บนดินก็ไม่ปาน ณ มุมหนึ่งมีป่าไผ่รุ้งขนาดย่อมสีเขียวสดขึ้นอยู่หนาตา ตรงกลางเป็นพื้นโล่งๆเรือนไม้หลังน้อยตั้งอยู่ โอบล้อมด้วยไม้ดอกนานาชนิดส่งกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย มีทั้งสระน้ำขนาดเล็กอันเต็มไปด้วยกอบัวหลวงบานอวดโฉม นกตัวเล็กๆกระโดดโลดเต้นจิกกินลูกบัวสนุกสนาน ผีเสื้อหลากสีสันก็บินเคล้าคลอกันไปมา บริเวณสนามหญ้าก็ชุ่มฉ่ำสวยงาม เวลานี้ซันซั่งเทียนกำลังนั่งอ่านแผนการต่างๆที่ซันซีหลางช่วงชิงมาให้ แววตาเขาวุบไหวเล็กน้อยคล้ายกำลังฉุกใจคิดเรื่องบางอย่าง
“แผนของพวกมันรัดกุมมาก ผมจะจัดเพิ่มเวรยามรอบคฤหาสน์อีก 200 คน”
“ไม่จำเป็นหรอก!” เจ้าของดวงตาสีมรกตยิ้มบางๆให้กับบุตรชายสมมุติ
“ทำไมล่ะครับ ถึงพวกเราจะมีวรยุทธ์สูงส่งแต่ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาท”ซันซีหลางเสนอความเห็น ท่าทางของเขาดูร้อนรนไม่น้อย
“ถ้ากังวลไปเลยน่า! คนที่มีฝีมือมากพอที่จะฆ่าผมได้ เท่าที่รู้ในโลกนี้มีอยู่แค่ไม่กี่คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า” เขาเล่าไปขำไป เมื่อนึกถึงการต่อสู้ระหว่างตัวเองกับบรรดามิวแทนท์ฤทธานุภาพสูงระดับสุดยอด ซึ่งเขาเคยเกือบตายมาแล้วหลายครั้ง “ในยุคสมัยนี้คงมีเพียง 2-3 คน”
ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!
“แต่ผม...” ซันซีหลางคิดจะพูดเสนอความคิดเห็น กลับถูกผู้ที่เขานับถือว่าเป็นบิดายกมือห้ามเอาไว้
“ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ผมอยากให้นายให้ความสนใจกับสิ่งนี้มากกว่า” ซันซั่งเทียนกล่าวระหว่างที่หยิบม้วนตำราเล่มหนึ่งออกมาวางเบื้องหน้าบุตรชายสมมุติ
เทพวิชาหมัดอหังการทศทิศ!
“นี่มัน...”ซันซีหลางเบิกตากว้างทันทีที่คลี่ม้วนตำราออกอ่าน ภายในจารึกอักษรจีนโบราณเป็นเคล็ดวิชาประหลาดพิสดารแขนงหนึ่ง
“ที่เคยให้นายฝึกมันแค่ของเล่นเด็กๆที่คิดฆ่าเวลาเฉยๆ แต่คราวนี้คือของจริงที่ใช้เวลาตลอดสองเดือนคิดค้นขึ้นมา โดยอาศัยปราณโศกศัลย์ฝันสลายเป็นพื้นฐาน อานุภาพของมันรุนแรงกว่าที่เคยฝึกหลายเท่า ตั้งแต่วันนี้ไปให้เร่งฝึกฝนอย่างหนักจะต้องบรรลุให้ได้โดยเร็ว”
“ท่านพ่อคัมภีร์นี้มันออกแนว อวิชาไม่ใช่หรือ? พวกเราจะไม่ถูกผู้คนทั้งแผ่นดินกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายอธรรมหรอครับ” ซันซีหลางคล้ายหนักใจไม่น้อย
“ในยุคสมัยแห่งสงคราม ใครบ้างไม่เคยฆ่าคน?” ซันซั่งเทียนบอกกล่าวพลางจิบน้ำชา “นายตั้งใจฝึกไปเถอะ อาหารการกินก็เน้นพวกคนชั่วคนเลวที่หนักแผ่นดินก็ได้ พอบรรลุขั้นสูงเมื่อไหร่ค่อยคู่ควรกับฐานะบุตรชายของผมหน่อย”
“ผมจะพยายามครับ”เขารับปากน้ำเสียงหนักแน่น
โฮกก! เสียงคำรามของพยัคฆ์ดำดังก้องขึ้น สระน้ำถึงกับกับเกิดแรงกระเพื่อมฝูงนกแตกบินหนีกันวุ่นวาย ซันซีหลางกระโดดถอยห่างไปหลายก้าวตามสัญชาติญาณ ส่วนซันซั่งเทียนเพียงยิ้มบางๆด้วยความชื่นชมเท่านั้น
“เพียงสามวันก็สามารถควบคุม DNA มิวแทนท์ เกรด A ได้ เจ้าเหมียวนั่นร้ายกาจชะมัด สมัยที่ผมต่อสู้กับเจ้าของเดิมเนี่ย เสียเวลาไปเป็นวันเลยนะรู้ไหม” เจ้าของดวงตาสีมรกตจงใจใช้น้ำเสียงชื่นชมแบบออกหน้าออกตา เพื่อกระตุ้นซันซีหลางให้มุมานะพยายามมากกว่าที่ควรจะเป็น ซีหลางกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
ร่างของพยัคฆ์ดำพลันทะยานออกมาจากป่าไผ่ พลังปราณอาถรรพ์รอบตัวของมันให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนไม่น้อย ดวงตาสีเหลืองสุกใสพลันแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเหมือนโกเมน ขนาดของมันดูจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหลายวันก่อน ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ยากมากที่จะฝึกวรยุทธ์ให้บรรลุ ซันซั่งเทียนจึงใช้อุปกรณ์พิเศษของโลกอนาคตที่เรียกว่า “หัวใจมิวแทนท์” ซึ่งเกิดจากการนำร่างของมิวแทนท์เก่งๆมาหลอมหลวมเป็นหนึ่งกับอุปกรณ์พิเศษ ข้อมูล DNA ละต้นกำเนิดของพลังพิเศษจะรวมอยู่ในสิ่งนั้น ใช้สำหรับปลูกถ่ายให้สิ่งมีชีวิตเพื่อใช้งานทางการทหาร ซึ่งมีอานุภาพเป็นรองแต่เพียงคนที่ครอบครองชิ้นส่วนจารึกแรกกำเนิดเท่านั้น
เมื่อย่างเท้าเข้ามาใกล้ผู้เป็นนายมันก็ค่อยๆลดพลังลง สลัดคราบอสูรร้ายกระหายเลือดกลายเป็นลูกแมวน้อยขี้อ้อนในทันที
“แผนการของเด็กหนุ่มคนนั้นคืนนี้ จะสร้างเรื่องบีบให้ผมออกไปในที่แจ้ง ขืนให้แผนดำเนินไปแบบนั้นย่านการค้าคงจะวุ่นวายน่าดู ผมกับเจ้าแมวดำจะออกไปข้างนอกหลอกล่อพวกนั้นเอง นายตั้งใจฝึกวิชาไปเถอะ ขืนไปตอนนี้ก็คงเกะกะ” เขาเน้นเสียงที่ท้ายประโยค
“ครับท่านพ่อ” แม้จะไม่พอใจแต่ซีหลางก็ทำตามแต่โดยดี เขากำคัมภีร์ในมือแน่นด้วยความริษยาสัตว์ป่า ทันทีที่ซันซั่งเทียนควบขี่เจ้าพยัคฆ์ร้ายลับสายตาไป ชายหนุ่มก็พลันคลี่คัมภีร์ออกมาอ่านทำความเข้าใจในทันที
เราจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
ขอบคุณครับ