ตอนที่ 28 : EP.26 สองเดือนให้หลัง
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.26 สองเดือนให้หลัง
อรุณมาถึงพร้อมกับสายฝนพรำฉ่ำเย็นไปทั่วเมืองเตียงอัน เช้านี้ขบวนคาราวานของเหล่าพ่อค้าคหบดี 43 ตระกูลได้เคลื่อนมาถึงหน้าประตูเมือง ภายหลังการติดต่อกับนายกองและขุนนางท้องถิ่น ทั้งหมดก็ได้เดินทางเข้าสู่เตียงอันโดยพร้อมเพรียง ในฐานะผู้นำขบวนแล้วนั้นทันทีที่เข้าเมืองมา กุยแกกับเยี่ยหวนก็รีบไปตรวจทำเลที่หาเอาไว้ ซึ่งมันจะถูกใช้เป็นคลังเก็บของประจำพันธมิตรการค้าใหม่ ระหว่างทางทั้งสองได้พบกับซันซีหลางที่มาดักรออยู่ก่อนแล้วเพื่อแจ้งข่าวสาร จากนั้นจึงนำทางพวกเขาพร้อมด้วยกองคาราวานไปยังย่านการค้าของซันซั่งเทียน
ทันทีที่บรรดาผู้นำตระกูลต่างๆมาเห็นทำเลที่ตั้งใหม่พวกเขาก็รู้สึกพอใจมาก เพราะถนนทางเดินราบเรียบสวยงาม มีทางน้ำคูน้ำไว้ใช้สอยอย่างพอเพียง ที่ดินก็เหมาะแก่การสร้างร้านรวงสำหรับการค้าขาย แถมยังมีขนาดเท่าๆกันทุกจุดทำให้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน หลังการพบปะพูดคุยกับซันซั่งเทียนก็ได้ข้อสรุปว่า ทุกร้านสามารถใช้สอยพื้นที่ได้โดยไม่เสียเงินค่าเช่าที่แต่อย่างใด ตราบเท่าที่ไม่ทำผิดกฎของสมาพันธ์ตราบนั้นสิทธิ์การใช้งานก็จะยังคงอยู่โดยสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนล้วนตกลงยอมรับโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วจึงลงมือจัดหาวัสดุที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้าง ซึ่งโรงเตี๊ยมบัญชาสวรรค์,บ่อนพนันมหาทัศนา,กับเรือนโอสถเทพหัตถา ได้ทำการปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีคนมาวุ่นวาย
หนึ่งเดือนให้หลังย่านการค้าของ 43 ตระกูลก็เปิดให้บริการเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก ซึ่งมีขบวนรถม้าที่นั่งได้ 6 คน จำนวน 60 คัน วิ่งออกจากบริเวณด้านหน้าของย่านการค้าแห่งนี้ แล่นไปตามถนนเส้นต่างๆกันเพื่อรับบรรดาประชาชนผู้ต้องการมาซื้อของ ณ ที่แห่งนี้ โดยมีจุดรับส่งผู้โดยสาร 24 จุดทั่วเมืองเตียงอัน ซึ่งรถม้าจะไม่มีการจอดให้ลงกลางทางโดยเด็ดขาด และผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆทั้งสิ้น ระยะเวลาทำการของรถม้าโดยสารคือเวลา 06.00 น.-18.00 น. ของทุกวัน รถม้าจะออกทุกๆครึ่งชั่วยาม
สินค้าชั้นเลิศและการบริการชั้นเยี่ยมทำให้ย่านการค้าแห่งนี้ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่ง ทั้งยังมีผู้คนแวะเวียนมาใช้จ่ายเงินทอง เลือกซื้อสินค้าอย่างล้นหลามยิ่งกว่าที่ใดๆ ภายในระยะเวลาครึ่งเดือน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับย่านการค้าอื่นๆเป็นอย่างมาก
“กิจการของท่านหัวหน้าใหญ่นับวันยิ่งรุ่งเรืองมากขึ้นทุกขณะ สมแล้วกับที่ได้รับสมญาเป็นเทพเซียนจุติ” กุยแกกล่าวชื่นชมพร้อมทั้งยกจอกน้ำชาคาราวะแก่ซันซั่งเทียนระหว่างอาหารมื้อเช้า
“ไม่เท่าไหร่หรอก ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็แค่การสร้างชื่อเสียงเอาไว้เท่านั้น”เขาหัวเราะเบาๆ พร้อมกับอธิบายถึงจุดมุ่งหมายคร่าวๆ“เป้าหมายหลักจริงๆคือการสร้างย่านการค้าขนาดใหญ่ที่เมืองฮูโต๋ต่างหากล่ะ”
“ฮูโต๋!” เยี่ยหวนที่ร่วมวงอยู่ทวนคำเสียงดัง “เมืองนั้นมีอะไรที่คู่ควรให้ท่านหัวหน้าใหญ่สนใจด้วยหรือ?”
“วิสัยของบิดาข้าย่อมมองการณ์ไกลเสมอ ท่านเจ้าตระกูลเยี่ยไม่ควรสงสัยเลยแม้แต่น้อย”ซันซีหลางกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีแดงเข้มดุดันจ้องมองอีกฝ่าย ระหว่างที่รินน้ำชาหอมกรุ่นใส่จอกส่งให้ผู้มีฐานะเป็นบิดาของตนเอง
“ต้องขออภัยด้วย ข้าหาได้มีเจตนาเช่นนั้นไม่” แม้คนตำหนิจะเป็นชนรุ่นลูกรุ่นหลาน แต่ด้วยฐานะของคนที่นั่งอยู่บริเวณหัวมังกรของเรือนประชุมประจำสวนขวัญแห่งนี้ ทำให้เยี่ยหวนจำต้องก้มหน้านอบน้อมเพราะเกรงจะเสียผลประโยชน์
“ช่างมันเถอะ ผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”ซันซั่งเทียนเปรย “แล้วเรื่องที่ผมสั่งดำเนินการไปถึงไหนแล้ว!”
“เรียนท่านหัวหน้าใหญ่ ข้าได้จัดการกว้านซื้อที่ดินริมกำแพงเมืองทิศตะวันออกภายในเมืองฮูโต๋ตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีขนาดพอๆกับย่านการค้าของเตียงอันพอดิบพอดีขอรับ” ตงโยว่ผู้ที่เคยออกปากยอมติดตามเป็นพันธมิตรคนแรกบอกกล่าว พร้อมกับนำแผนที่ซึ่งจัดเตรียมไว้มากางให้ชายหนุ่มได้พิจารณาดู
“ยังไม่เพียงพอ รบกวนท่านตงไปกว้านซื้อที่ติดกำแพงเมืองด้านนอกเอาไว้ด้วย หากเงินไม่พอก็ให้มาบอกผมได้เสมอ” ซันซั่งเทียนกล่าว “ด้านสถานการณ์ระหว่างตั๋งโต๊ะกับพันธมิตรกวนตงล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ภายหลังเหตุการณ์ปล้นคุกหลวงเผาคลังเสบียงลกเอี๋ยงทั้งห้าแห่ง ตั๋งโต๊ะดูเหมือนจะตกที่นั่งลำบากไม่น้อย คาดว่าอีกไม่นานก็ต้องย้ายราชธานีจากที่นั่นมายังเตียงอันแห่งนี้ ลิโป้เองก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ด้านฮัวหยงก็มีแต่กำลังไร้ซึ่งมันสมอง ป่านนี้ผู้กุมอำนาจราชสำนักคงจะปวดหัวไม่น้อย ส่วนด้านพันธมิตรกวนตง ซุนเกี๋ยนรับหน้าที่เป็นทัพหน้ายกพลเข้าใกล้ด่านกิสุยก๋วนทุกขณะ อีกไม่นานก็คงเกิดการต่อสู่กับฮัวหยงอย่างดุเดือด” กุยแกวิเคราะห์สถานการณ์
“ไม่ผิดจากที่คิดไว้” เจ้าของดวงตาสีมรกตลูบคางเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางด้านซันซีหลางซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ “แล้วเรื่องเด็กคนนั้นล่ะ”
“ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆครับท่านพ่อ”
“จับตาดูต่อไป...อีกไม่นานก็คงจะแยกคมเขี้ยวแล้วล่ะมั้ง”ซันซั่งเทียนยิ้มน้อย มือข้างขวาก็ถูไถบนป้ายหยกเล็กๆแผ่นหนึ่งที่เก็บได้เมื่อเกือบสองเดือนก่อน
“รายได้โดยรวมของ 72 ร้านค้า 43 ตระกูลเพิ่มขึ้นเกินครึ่งหนึ่งของเดือนก่อน เจ้าตระกูลหลายคนได้ส่งของขวัญมากำนัลให้หัวหน้าใหญ่มากมาย ที่มีปัญหาหน่อยเห็นจะเป็นกลุ่มของเล่าซ่ง ที่มีการลักลอบติดต่อกับคนของย่านการค้าอื่นบ่อยครั้ง”เยี่ยหวนสำเสนอเรื่องราวหวังเอาหน้า
“ผมยกให้คุณจัดการ แต่ว่าจะทำอะไรทำให้ดีล่ะ อย่าให้มีเรื่องน่ารำคานหลุดมาถึงหูผม” ซันซั่งเทียนบอกกล่าว
“ขอรับ ข้าจะจัดการไม่ให้ท่านหัวหน้าใหญ่ต้องขัดใจ” เยี่ยหวนรับคำ
“ถ้าเช่นนั้น วันนี้เลิกประชุมแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ”ผู้มีอำนาจสูงสุดในเรือนประชุมประกาศ
“ขอรับ” ทุกคนพากันโค้งคำนับก่อนจะทยอยแยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงซันซีหลางคนเดียวที่ยังนั่งอยู่
“ข้าไม่เห็นด้วยเลยที่ท่านพ่อไว้ใจเยี่ยหวน คนผู้นี้คบไม่ได้”
“ไม่ว่าจะดีจะชั่ว ขอเพียงเราใช้งานคนให้เป็น คิดจะทำอะไรก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ”ซันซั่งเทียนอธิบาย “อีกอย่างหมอนั่นไม่มีทางที่จะคิดทรยศพวกเราได้ ถึงจะกล้าก็ไม่มีทางสำเร็จหรอกไม่ต้องห่วง”
กล่าวยังไม่ทันขาดคำทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงจิตของบางสิ่งบางอย่าง
“กว่าจะมาได้” ซันซั่งเทียนยิ้มร่าลุกพรวดขึ้น วิ่งออกไปโดยมีซันซีหลางตามติดไม่ห่าง
โฮก! เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทั้งย่านการค้า ฝูงชนมากหน้าหลายตาแตกฮือหนีส่งเสียงอึกทึกครึกโครมไปหมด ร่างสีดำทะมึนสูงใหญ่ยิ่งกว่าเสือโคร่งยักษ์ย่างสามขุมเข้ามาตามทางเดิน พ่อค้าแม่ค้ารีบพากันหลบเข้าไปในตัวร้านโดนไม่ห่วงสินค้าของตัวเอง ดวงตาสีเหลืองสุกสกาวกวาดมองบริเวณโดยรอบ พลังปราณสีม่วงกระจายออกรอบๆร่างกายของสัตว์ร้าย เพียงแค่คลื่นเสียงที่เกิดจากการคำรามของมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ห้างร้านสั่นไหวจนพังทลาย
ร่างของซันซั่งเทียนกับซันซีหลางเหินลงจากบนหลังคาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เจ้าพยัคฆ์ดำแหงนหน้าขึ้นพลันตั้งท่ากระโจนพรวดออกไปด้วยความเร็วสูง เจ้าของดวงตาสีแดงทับทิมเลือดนกโคจรพลังไว้ที่ฝ่ามือ ก่อนจะฟาดปราณดาบออกไปด้วยความเร็ว ประกายแสงสว่างวาบรวมตัวเป็นรูปลักษณ์ดาบวงเดือนพุ่งจู่โจมสัตว์ร้ายในทันที
เจ้ามฤตยูร้ายแยกเขี้ยวคำรามลั่น พลังอาถรรพ์ลึกลับก่อเกิดรูปร่างเป็นบรรทัดจันทร์เสี้ยว หมุนวนจนก่อเกิดแรงลมพายุหมุนขนาดใหญ่ พลังสองสายปะทะกันเกิดเสียงกึกก้อง ซันซีหลางฟาดฝ่ามือแฝงพลังวัตร 100 ปีเข้าใส่ เจ้าพยัคฆ์ดำตัวร้ายตะปบอุ้งเท้าห่อหุ้มด้วยปราณพิฆาตเข้าปะทะ พลังทำลายกระจายไปทั่วโชคดีที่ซันซั่งเทียนครอบพลังจารึกแห่งการป้องกันเอาไว้ ถนนทางเดินกับร้านข้างๆจึงปลอดภัย
“สูสีดีแฮะ” เจ้าของดวงตาสีมรกตพูดด้วยน้ำเสียงพอใจในผลงานของตัวเอง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อปล่อยพลังวัตรอันมหาศาลแยกคนกับสัตว์ออกจากกัน “พอได้แล้ว!”
สิ้นคำประกาศิตซันซีหลางก็ตีลังกากลางอากาศ พลิกตัวกลับมายืนเงียบๆบนพื้นถนน ส่วนเจ้าพยัคฆ์ดำตัวร้ายก็ครางขู่เล็กน้อย จากนั้นเดินช้าๆเข้ามาคลอเคลียผู้เป็นนาย ดูไม่ต่างอะไรกับลูกแมวขี้อ้อนๆตัวหนึ่ง สร้างความไม่พอใจให้กับซีหลางไม่น้อย
“แข็งแกร่งใช่เล่น สมแล้วที่อยู่ในรังไหมใต้ดินร่วมสองเดือน” เจ้าของดวงตาสีมรกตกล่าวชมพร้อมกับลูบหัวมันไปมาเบาๆ
“กลับคฤหาสน์กันเถอะท่านพ่อ คนมองกันใหญ่แล้ว” ซันซีหลางร้องเตือน
“กลับก็กลับ” ซันซั่งเทียนเปรยขึ้นพร้อมกับกระโดดตีลังกามานั่งบนหลังของเจ้าพยัคฆ์ดำ มันรับทราบความต้องการของผู้เป็นนายผ่านกระแสจิต จากนั้นยังจึงออกตัววิ่งทะยานไปตามทางเดิน ด้วยความเร็วในระดับที่เหนือกว่าเสือชีตาร์เสียอีก เจ้าของดวงตาสีแดงทับทิมเลือดนกมองตามอย่างขัดใจ ก่อนจะพลิ้วกายทะยานตัวติดตามด้วยวิชาตัวเบาอันลึกล้ำ
ดูท่าจะมีการแข่งขันระหว่างคนกับสัตว์เกิดขึ้นเป็นแน่แท้..
**คำผิดไว้ค่อยแก้ทีเดียวทุกตอนต้นเดือนนะครับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คำแรกเลย สนุกมว้ากกกกกกกกก(วิบัตินิดนึง)
ชอบที่พระเอกเป็นแบบนี้ ไม่ขัดใจเลย อ่านรื่นไหล
ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่าน สนุกจริงๆค่ะ
อวยฮาเร็มจ้า ฮาเร็มโล้ดดด -..-
ตอนนี้ขึ้น season สอง หน้าแนะนำตัวละครจึงเน้นตัวมีบทเด่นๆ ไล่ไปเรื่อยๆ
บางตัวละครต้องถอดออกก่อน พอบทมากขึ้นก็จะกลับมาตามปกติครับ
อยากหลอกแม่นางผู่เยว่เลย
กลับมารับจริงๆ เถอะ
สนุกมากเลยครับ รอชมตอนต่อไปนะครับ