ตอนที่ 27 : EP.25 เรือนโอสถกับการประลองหมาก
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.25 เรือนโอสถกับการประลองหมาก
ล่วงเข้าวันที่สามนับตั้งแก่ก่อกำเนิดย่านพันธมิตรการค้า แม้จะมีร้านค้าเพียงสามหลังตั้งอยู่บนพื้นที่โล่งๆอันกว้างใหญ่ แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาอยู่ไม่ขาดสายเพราะได้ยินข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเตียงอัน เริ่มจากเหตุการณ์หมอกหนาทึบปกคลุมบริเวณพื้นที่โดยรอบ ทั้งยังมีเสียงการก่อสร้างตลอดทั้งวันทั้งคืน เพียงวันเดียวคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมสวยสวยก็ปรากฏอวดโฉมผู้คน นอกจากนี้ยังมี “เรือนโอสถ” ร้านยาสมุนไพรชั้นเลิศพร้อมหมอเทวดาเปิดให้บริการ อาคารใหญ่โตไม่ต่างจากห้องยาในพระราชวัง กล่าวกันว่าไม่ว่าโรคร้ายแรงเพียงใดก็ทุเลาลงทันตา
ส่วนเหลาอาหารเลิศรสควบโรงร้องรำที่ชื่อ “บัญชาสวรรค์” ก็สวยงามยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน มีการขายอาหารสดรสอร่อยสีสันแปลกตาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตา ยากจะหาชมได้จากที่อื่นใด ไหนจะผลไม้รสกลมกล่อมซึ่งไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน ได้มาเยือนคราใดก็เหมือนกับขึ้นไปสังสรรค์บนสวรรค์ครานั้น ห้องพักเองก็สะอาดสะอ้านภูมิฐาน มีดนตรีไพเราะขับกล่อมตลอดทั้งคืน สร้างความประทับใจให้กับแขกเหรื่อมากมายที่มาใช้บริการ
นอกจากนี้ยังมีบ่อนพนันพิเศษที่เปิดการประลองยุทธ์ ให้บรรดาผีพนันเลือกแทงข้างฝ่ายที่ชอบได้ตามใจ ทั้งยังมีการเล่นชนไก่กำถั่วจนถึงทอยลูกเต๋าและการละเล่นพิสดารต่างๆ สร้างความสุขให้นักเสี่ยงดวงจำนวนมาก การโฆษณาชวนเชื่อต่างๆใช้การว่าจ้างยอดสาวงามมีชื่อ จากหอคณิกาทั่วเตียงกันกว่าร้อยคน เที่ยวเดินสายโปรโมทเชิญชวนพ่อค้าคหบดีและคนทั่วไป ให้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับอาหารเลิศรส เสี่ยวโชคทำเงินมหาศาล คนที่ป่วยก็มียาวิเศษกับหมอเทวดาคอยรักษา ซึ่งพนักงานส่วนมากจะเป็นมนุษย์ดัดแปลงแบบพิเศษคอยดูแลส่วนต่างๆของสถานที่ทั้งสามแห่งราว 100 ตัว ซึ่งให้บริการฟรี 1 วันเต็ม
ลูกค้าที่แวะเวียนมาทดสอบล้วนแล้วแต่พากันติดใจ บอกเล่ากันไปปากต่อปากวันที่สองวันที่สามคนก็มาใช้บริการกันมากขึ้นๆ ล่วงเข้าวันที่สี่ผู้คนก็หนาตาราวกับเป็นถนนเส้นหลักเลยทีเดียว ส่วนมากจะเป็นพวกพ่อค้าคหบดีมีชื่อกับพวกขุนนางและนายทหาร พวกเขาต่างมาหาความสำราญกับสุราอาหารและการแสดงชั้นสูง มีบ้างที่เข้าบ่อนเสี่ยงโชควัดดวงกับกิจกรรมต่างๆ บรรดาคนเจ็บป่วยก็ไปหาหมอซื้อยารักษาโรค
นับว่าแผนการสร้างฐานอำนาจทางการค้าประสบความสำเร็จมากไปอีกขั้น
รถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านถนนกว้างเข้ามาในย่านการค้าแห่งใหม่ จากการตกแต่งนับได้ว่าเป็นชนชั้นคหบดี ผู้อยู่ภายในรถเปิดม่านเล็กน้อยเพื่อมองดูเหตุการณ์ภายนอก เหล่าลูกค้าที่กำลังกลับจากการพักผ่อนพากันพูดคุยอย่างออกรส บ้างมีใบหน้ายิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุข บ้างหน้าตาอมทุกข์เพราะเสียเงินทองไปเยอะ ผู้ในรถม้าปิดผ้าม่านลงแววตาคมปรากฏคำถามมากมาย จนกระทั่งรถม้าเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่บริเวณหน้าเรือนโอสถ
“แม้มีร้านรวงเพียงสาม แต่แขกเหรื่อกลับหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย วันเดียวสร้างได้ขนาดนี้เขาเป็นเทพเทวดามาจากที่ใดกันแน่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” เสียงเฒ่าชราดังขึ้นพร้อมกระแอมไอเยี่ยงคนป่วยไข้ ร่างผอมแห้งสูงวัยก้าวลงจากรถม้าโดยมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งพยุงเอาไว้ “เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรหลานข้า”
“คงต้องได้เจอสักครั้งถึงจะวิจารณ์เขาได้ท่านปู่ แต่จากสิ่งที่เห็นขณะนี้เขาต้องมีทั้งเงินทุนและอิทธิพลมากมายมหาศาล เราควรไปเยี่ยมเยือนสักคราดูท่าทีสักครั้ง” น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังกล่าวขึ้น
“ก่อนอื่นคงต้องทดสอบเรือนโอสถดูสักครั้ง เห็นใครๆก็บอกว่ามีหมอเทวดาอยู่” เฒ่าชราบอกกล่าวระหว่างเดินเข้าภายในตัวอาคาร
เรือนโอสถทำจากไม้เนื้อดีสีดำมันเงาทั้งหลัง เคลือบสารพิเศษเพิ่มความสวยงานและกันมอดไม้ ภายในดูสะอาดสะอ้านมีชั้นวางของเป็นระเบียบ กลิ่นหอมอ่อนๆของสารสกัดจำพวกอโรมาตลบอบอวลไปทั่ว เมื่อสูดดมเข้าไปจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด ที่นั่งที่นอนสำหรับคนป่วยก็ดูดีมีคุณภาพ เสื้อหมอนตลอดจนผ้าห่มก็ใหม่เอี่ยมผ่านการปักเย็บอย่างดี
“เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อนนะเจ้าค่ะ ท่านหมอกำลังดูอาการผู้ป่วยคนหนึ่งอยู่” สาวสวยนางหนึ่งบอกกล่าว ใบหน้าของนางขาวผ่องเรือนผมสีดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตรูปร่างสมส่วน ผิวพรรณหมดจดงดงามผิดวิสัยสามัญชน ความจริงเธอคือมนุษย์ดัดแปลงหมายเลข 48 เมื่อบอกกล่าวแล้วเธอก็เชื้อเชิญให้แขกนั่งลงบนโต๊ะด้านนอก จากนั้นจึงไปรินน้ำชาพร้อมขนมลักษณะคล้ายข้าวตังออกมาเสิร์ฟ
“บรรยากาศดีจริงๆ” เฒ่าชรากล่าวชื่นชม
เวลาผ่านไปเกือบ 1 ก้านธูป ผ้าม่านห้องตรวจร่างกายก็ไหวติง พร้อมกับร่างท้วมของเจ้าเมืองเตียงอันก็เดินอุ้ยอ้ายออกมาจากภายในเรือนหลัก สีหน้าท่าทางแจ่มใสยิ่งนักครั้นเห็นผู้เฒ่ากับเด็กหนุ่มนั่งอยู่ก็รีบเดินมาทักทายตามประสาคนคุ้นเคย
“เฒ่าเฮย มากับเขาด้วยหรือ?”
“ขอรับใต้เท้า พอดีได้ยินว่าที่นี่มีหมอเทวดาอยู่ ข้าจึงอยากมาลองรักษาดูสักครั้ง”
“รับรองไม่ผิดหวังหรอกท่าน ขนาดข้าเจ็บแขนมาแรมปีไปหาหมอชื่อดังมากมายก็ไม่ดีขึ้น พอมาที่นี่สองวันกลับหายเป็นปกติ สมชื่อหมอเทวดาจริงๆ” เจ้าเมืองเตียงอันกล่าวชมอย่างออกนอกหน้า ครั้นสบตากับเด็กหนุ่มก็แย้มยิ้มเล็กน้อย “เด็กคนนี้เห็นจะเป็นเจ้าตระกูลคนต่อไปกระมัง”
“ขอรับใต้เท้า”เฒ่าชรากล่าวนอบน้อม ส่วนเด็กหนุ่มก็ยกมือคำนับอย่างมีมารยาท
“ข้าไม่รบกวนล่ะ พอดีมีงานเลี้ยงกับคนของท่านตั๋งโต๊ะ ไว้ว่างๆเราค่อยมาสนทนากันใหม่”
“น้อมส่งใต้เท้า” ทั้งปู่หลานโค้งคำนับ ก่อนที่ร่างท้วมจะเดินจากไปจนลับสายตา
“ขนาดพิษเจ็ดสลดทรมานยังแก้ให้หายขาดได้ ดูท่าสุมาเฉินจะมีคู่ปรับที่ร้ายกาจเข้าให้แล้ว” ผู้เฒ่าหัวเราะขึ้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเงียบลงเมื่อหญิงสาวคนเดิมออกมาเชิญให้เข้าไป
“ภายในสำหรับคนป่วยเท่านั้น คุณชายท่านนี้โปรดรอด้านนอก” นางบอกกล่าวเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังจะพยุงผู้เฒ่าเข้าไปภายในเรือนหลัก เมื่อเห็นผู้เป็นปู่พยักหน้าเขาจึงยอมวางมือ ให้สตรีนางนั้นนำเฒ่าชราเข้าไปภายใน
เด็กหนุ่มเลือกที่จะเดินสำรอบรอบๆเรือนโอสถ ระหว่างรอปู่ของตนเข้าพบหมอเทวดาเพื่อรักษาอาการป่วย เมื่อย่างเท้าลงมาในสวนสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งเล่นอะไรบางอย่าง ลักษณะคล้ายกับเกมกระดานเป็นเม็ดวงกลมแบนๆสีดำและขาว ทั้งสองคนผลัดกันวางหมากคนละเม็ดบนตารางแสงที่เกิดจากลมปราณอันร้ายกาจ มิหนำซ้ำเม็ดหมากยังลอยติดกระดานแสงราวกับวางบนพื้นดิน บ่งบอกฝีมือที่ไม่ธรรมดาของคนทั้งคู่
“วรยุทธ์ร้ายกาจยิ่ง” เขาอุทานเบาๆ
ชายหนุ่มผู้สวมอาภรณ์สีขาวทาบทับด้วยสีเขียวอ่อนบางเบา รุกคืบด้วยการดีดเม็ดหมากสีดำใส่กระดาน ทันทีที่มันวางประจำตำแหน่งพลังปราณสายหนึ่งก็พวยพุ่งโจมตีอีกฝ่าย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เม็ดหมากสีขาวซึ่งถูกล้อมเอาไว้ทุกด้านร่วงหล่นลงพื้น ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเทาหม่นทาบทับด้วยสีน้ำตาล กระโดดตีลังกากลับหลังไปหลายก้าวเพื่อหลบอานุภาพการโจมตี พื้นดินบริเวณนั้นระเบิดแตกออกเป็นทางยาวดูน่าหวาดเสียว
“ไม่ออมมือเลยนะครับ” ซันซีหลางกล่าวขึ้น พร้อมกับสะบัดมือรั้งเม็ดหมากสีขาวจากโถเข้าหาตัว “หมากขาว ประจำตำแหน่ง”
เขาซัดตัวหมากออกไปสู่กระดาน เล็งตำแหน่งจุดตัดเส้นแนวตั้งที่ 8 แนวนอนที่ 12 พร้อมกับแฝงลมปราณพิสุทธิ์แดนสรวงที่ทุ่มเทฝึกฝนมาตลอด 3 วันลงไปด้วย พลังปราณกระจายออกรอบทิศแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะการวางหมากเมื่อครู่เขาไม่สามารถกินหมากของอีกฝ่าย เพื่อชิงเอาพื้นที่ได้ ซันซั่งเทียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆหยิบหมากดำขึ้น
“วางพลาดแล้วลูกชาย” เขายิ้มเยาะพร้อมกับดีดเม็ดหมากออกไป กระสายแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นพร้อมลมปราณร้อนระอุ พลังสายนั้นผนึกเป็นกระบี่สีแดงระเรื่อสวยงามพุ่งสู่ตำแหน่งชนะขาดในกระดานหมากตาปัจจุบัน
ดรรชนีกระบี่เก้าลำนำ เปลวเพลิงผลาญฟ้า!
ทันทีที่รู้ผลแพ้ชนะกระดานหมกก็พลันสิ้นอานุภาพ เม็ดหมากสองสีล่วงลงสู่พื้นดินทั้งหมด แต่พลังอัคคีที่ลอยวนอยู่กลางอากาศ ในรูปแบบของกระบี่นั้นไม่ได้หายไปไหน มันพุ่งทะยานเข้าโจมตีในทันที ซันซีหลางไม่กล้าประมาทชักดาบวงเดือนออกมาจากปลอกตรงบั้นเอว เขาวาดดาบเป็นวงกลมโคจรพลังถึงขีดสุด
เพลงดาบรัศมีวงพระจันทร์ กระจกจันทร์กระจ่างฟ้า!
พลังปราณสองสายปะทะกันรุนแรงมาก เด็กหนุ่มผู้ไร้วรยุทธ์ไม่อาจทนต่อพลังดังกล่าวได้ ร่างของเขาถึงกับลอยละลิ่วไปชนกับผนังเรือนโอสถ แม้จะไม่บาดเจ็บมากแต่ก็นับว่าจุกแน่นไม่น้อย จะลุกเดินก็ยังไม่ไหวหากแต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่การประลอง ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนกระบี่สีแดงเพลิงจะทะลวงผ่านม่านป้องกันไปได้แล้ว
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสามครั้งซ้อน เกิดจากการฟาดดาบวงเดือนใส่ปราณกระบี่ ประกายไฟลุกโชนกระจายออกเผาไหม้โดยรอบ แม้ซันซีหลางจะทุ่มสุดฝีมือก็ยังไม่อาจหยุดพลังปราณดังกล่าวได้ ชายหนุ่มล้มคะมำลงนอนหงายระหว่างที่กระบี่พุ่งเข้าสู่จุดตาย แต่ก่อนที่มันจะทำร้ายเขาเจ้าของดวงตาสีมรกตก็เหินทะยานเข้ามาขวาง พร้อมกับสลายกระบี่สีแดงอย่างง่ายดาย มือของซันซั่งเทียนยื่นออกไปด้านหน้า เพื่อจับมือดึงแขนให้ซันซีหลางลุกขึ้นยืน ทั้งสองหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างสนุกสนาน เสมือนหนึ่งการประลองหมากกับพลังวัตรเป็นเพียงเรื่องขำขัน ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมายังผู้ชมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ไม่ไกล
“น้องชายท่านนี้มาหาหมอหรือ?” ซันซีหลางกล่าวถาม
“ข้าพาท่านปู่มารักษาตัวขอรับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา เขาจึงใช้น้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน ดวงตาสีดำแฝงความเฉลียวฉลาดลอบสังเกตคนทั้งคู่ไม่วางตา “ไม่ทราบว่าพวกท่านคือ?”
“ถ้าหากมีโอกาส เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เองนั่นล่ะ” ซันซั่งเทียนตอบเสียงเบา “กลับคฤหาสน์กันเถอะซีหลาง”
“ครับท่านพ่อ” กล่าวจบทั้งสองก็ทะยานตัวพลิ้วกายหายไป
“ไปมารวดเร็วไร้ร่องรอยดุจภูตพราย วรยุทธ์ร้ายกาจยากหาคนเทียม ดูเหมือนว่าย่านการค้าแห่งนี้จะเป็นถ้ำเสือวังมังกรซะแล้วสิ” เด็กหนุ่มเปรยขึ้นเมื่อคนประหลาดทั้งคู่ลับสายตา”ดูท่าการมาเตียงอันครั้งนี้จะไม่เสียเที่ยวซะแล้ว”
ร่างสันทัดของเด็กหนุ่มเดินกลับเข้าไปในเรือนโอสถ โดยลืมสังเกตว่าป้ายหยกเล็กๆของตัวเองหล่นอยู่ที่พื้น ป้ายหยกแผ่นนั้นสลักชื่อตระกูลๆหนึ่งเอาซึ่งอ่านได้คร่าวๆว่า...
สุมา!
***คำผิดไว้ค่อยแก้ทีเดียวทุกตอนต้นเดือนนะครับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl