ตอนที่ 25 : EP.23 แวมไพร์พันธุ์พิเศษ
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.23 แวมไพร์พันธุ์พิเศษ
ขึ้นชื่อว่าคนพาล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่อาจเก็บงำความชั่วร้ายในใจเอาไว้ได้นาน สองดาราค้ำฟ้าเจียงหยง,ตงเซียวเองก็เช่นกัน เมื่อครั้งเป็นคนสนิทของแม่ทัพเจ้าสวรรค์เตียวก๊ก ก็ชื่นชอบการปล้นสะดม ฉุดคร่าข่มขืนหญิงสาวรวมไปถึงการใช้ชีวิตของผู้อื่นฝึกฝนวิชามาร ครั้นกองทัพไท่ผิงล่มสลายก็ได้มอบตัวรับใช้เต็งหงวน เพื่อรักษาชีวิตจำต้องอดทนอดกลั้นไม่ก่อเรื่อง แต่เมื่อสิ้นบารมีตงฉินก็หันหน้าไปพึ่งพาอ้วนเสี้ยว นั่นทำให้พวกมันมีโอกาสใช้ข้ออ้างรวบรวมทรัพย์สินปราบกบฏ เที่ยวออกปล้นสะดมสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนตามสันดานเดิม
นับตั้งแต่ทัพพันธมิตรกวนตงเคลื่อนพลรุกคืบเข้าใกล้เมืองหลวง เจียงหยง,ตงเซียวสองสหายได้บุกทำลายไปแล้วหลายสิบหมู่บ้าน สังหารผู้คนไร้ทางสู้ร่วมพันและมันคงจะไม่หยุดกระทำบาป จวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เสียงร้องระงมของชาวบ้านดังก้องไปทั่วบริเวณ จาก 32 ชีวิตคงเหลือเพียง 12 ชีวิต ยามนี้ทหารเลวใต้สังกัดกว่า 20 คน กำลังรุมล้อมเล่นสนุกด้วยการทรมานชายหนุ่มหญิงสาว ด้วยการจับเปลืองผ้าออกหมดแล้วค่อยๆเอาคมดาบตวัดเฉือนเนื้อเล่น เรียกเสียงหัวเราะจากพวกเดียวกัน ส่วนผู้ถูกกระทำก็ได้แต่ร้องโหยหวนระคนก่นด่าสาปแช่ง ไม่ก็ร่ำไห้ให้กับเคราะห์กรรมที่ตนเองและญาติมิตรกำลังเผชิญอยู่
ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดกำลังจะสิ้นสุดลง เพราะการมาของใครบางคน...
ฟ้าว! เงาร่างปราดเปรียวสายหนึ่งวิ่งห้อตะบึงเข้าสู่ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ทหารเฝ้าระวังหลังรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งผ่านหน้าไป ครั้นสำรวจดูดีๆกลับไม่พบความผิดปกติใดๆ ได้แต่ยืนงงงวยอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน
“คราวนี้เรามาลองผ่าร่างพวกมันออกเป็นสองท่อนกันดีกว่า” ทหารคนหนึ่งเสนอความเห็นขึ้น “ใครฟันได้ดีที่สุดเป็นผู้ชนะ”
“น่าสนใจดีนี่นา ท่านนายกองจะร่วมวงด้วยไหมครับ?” ทหารเลวอีกคนกล่าวเสริมพร้อมชักชวน ผู้บังคับบัญชาให้ร่วมวงเล่นสนุกหาความบันเทิง
“ขืนข้าลงเล่นด้วย พวกเจ้าก็แพ้กันหมดนะสิ” เจียงหยงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“พวกเด็กๆก็เล่นกันไป เราสองคนก็มาแข่งเฉพาะพวกเราสิ”ตงเซียวร้องบอกระหว่างกรอกสุราเข้าปาก มือก็ลวนลามสาวงามประจำหมู่บ้านไปด้วย
“ตกลง” เจียงหยงรับคำก่อนจะเหวี่ยงสาวชาวบ้านที่ตนคลอเคลียอยู่ลงกับพื้น จากนั้นจึงลุกขึ้นชักดาบคมกริบเล่มใหญ่ออกมาอวดสายตาสหายและลูกน้อง
บรรดาชาวบ้านผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน จะทักท้วงก่นด่าก็เกรงชีวิตจะสั้นมากกว่าที่ควรจะเป็น ครั้นจะหนีไปก็ไร้วรยุทธ์ยากจะหลบพ้นหูตาพวกทหาร ครั้นจะจับอาวุธสู้ตายก็เกรงจะกันตายหมดทั้งหมู่บ้าน นับได้ว่าสิ้นไร้หนทางโดยแท้
“ข้าขอเริ่มก่อนก็แล้วกัน” ทหารคนหนึ่งบอกกล่าวพร้อมกับยกดาบขึ้นวิ่งเข้าหาเด็กวัย 8 ขวบคนหนึ่ง “ลาขาดละแม่หนู”
ฉว้ะ! เสียงของมีคมตัดผ่านเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตแว่วขึ้น ตามด้วยเสียงฮือฮาของผู้พบเห็น แทนที่เด็กหญิงวัย 8 ขวบจะถูกแยกร่างออกจากกัน ผลร้ายกลับปรากฏแก่คนลงมือ เพราะบัดนี้ทหารเลวผู้นั้นถูกมือของใครบางคนแทงทะลุหน้าอกซ้าย พร้อมกับกระชากหัวใจออกมาสดๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจายไปทั่ว ร่างนั้นทรุดลงนอนคว่ำหน้ากับพื้นดิน เขาจะรู้ไหมว่าบัดนี้ตัวเองได้ตายไปแล้ว นอกจากเจียงหยง,ตงเซียวแล้ว คนอื่นๆดูจะยืนนิ่งราวกับถูกสาปกันทั้งหมด
“บังอาจกล้ามีเรื่องกับข้าเชียวรึ” ตงเซียวตวาด วาดดาบคมกล้าเข้าใส่
ย๊ากกก! ผู้มาเยือนคำรามลั่นชกหมัดลุ่นๆออกไปปะทะกับคมดาบ พลังปราณเคล็ดจักรวาลไท่ผิงอันร้อนแรงแผ่กระจายเข้ารุกไล่ ทว่าพลังลึกลับชวนอึดอัดของผู้ไร้อาวุธก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ชั่วพริบตาคนทั้งคู่ก็ต้องแยกตัวออกจากกัน
“เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา” ผู้มากประสบการณ์ เจียงหยงครุ่นคิดภายในใจ
“ไม่เลวนี่ เอาอีก!” ตงเซียวยิ่งสู้ยิ่งคึก เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดาก็พลันโจมตีอย่างต่อเนื่อง
เพลงดาบรัศมีวงพระจันทร์ วงเดือนปลิดวิญญาณ!
เจ้าของดวงตาสีทับทิมเลือดนกประกาศกร้าว รวบรวมพลังวัตรผนึกลมปราณไว้ที่ฝ่ามือและท่อนแขน ก่อนจะวาดเป็นวงตอบโต้ตงเซียว เจ้าของสมญาดาราค้ำฟ้าไม่ประมาท เมื่อเห็นเด็กน้อยมีพลังไม่ธรรมดา ตัวของมันจึงเร่งเร้าพลังจักรวาลไท่ผิงเข้ารับมือ ประกายแสงสีแดงแผดร้อนปะทะกับพลังสีฟ้าอ่อนอึมครึมเย็นยะเยือก หนึ่งหยางหนึ่งหยินรุกรับไม่สิ้นสุด แม้ผู้มาเยือนจะพึ่งแสดงกระบวนท่าครึ่งๆกลางๆเป็นครั้งแรก แต่พลังชีวิตและพลังวัตรที่มีก็มากถึงหนึ่งร้อยปี ข้างตงเซียวพึ่งฝึกปรือได้ไม่ถึงสิบปีย่อมยากจะต้านทาน
“เจ้า!” รองนายกองทัพอ้วนเสี้ยวเบิกตากว้างนึกไม่ถึง
“ตายซะ!” ซีหลางคำรามลั่นสะบัดมือสุดแรง พลังวัตรมากมายทะลักออก ปราณดาบอหังการตวัดฉับเข้ากลางลำตัว ตงเซียวร้องลั่นระหว่างที่ถูกแยกร่าง เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว เครื่องในมากมายทะลักลงไปกองกับพื้นดิน
“เจ้าเด็กเปรต” เจียงหยงเห็นสหายร่วมเป็นร่วมตายเสียท่า ก็พลันเดือดดาลขึ้นทันที ดาบคมในมือชูสูงเหนือศีรษะพร้อมไอร้อนเย็นผสมผสานเป็นหนึ่ง “ชดใช้ชีวิตสหายข้ามา”
ตูม! เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นดินคละคลุ้ง ทันทีที่เจียงหยงฟาดดาบออกไป ร่างสันทัดของซีหลางกระโดดตีลังกาขึ้นไปบนหลังคาเพื่อหลบการโจมตี โดยไม่ลืมที่จะฉวยดาบของตงเซียวติดมือมาด้วย
เพลงดาบรัศมีวงพระจันทร์ ใต้แสงจันทร์ฉาย!
ประกายแสงระยิบระยับจับอยู่บนตัวดาบ พร้อมไอเย็นยะเยือกและพลังปราณสีฟ้าอ่อน ซีหลางทะยานตัวตีลังกากลางอากาศ ปล่อยดาบจากมือพุ่งตัวเข้าปะทะ ด้านเจียงหยงไม่รอช้าเงื้อดาบต้านรับสุดกำลัง พลังสองสายปะทะกันเกิดเสียงดังก้องไปทั่ว บรรดาทหารแตกตื่นกับภาพที่เห็นจนไม่เป็นอันทำอะไร พวกชาวบ้านสบโอกาสพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง
เคล็ดจักรวาลไท่ผิง หยินหยางรวมหนึ่ง!
เจียงหยงแผดเสียงตวาด พลังร้อนเย็นที่แฝงอยู่ในดาบปะทุอย่างแรงกล้า ท่อนแขนและฝ่ามืออันแข็งแกร่งของซีหลางเริ่มรู้สึกเจ็บปวด หากแต่ดวงตาสีแดงเพลิงยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ดาบที่ทิ้งไปก่อนหน้านี้หมุนวนรวดเร็วรุกคืบเข้าสู่ด้านหลัง เจียงหยงหน้าซีดเผือดเพราะดาบของเขากำลังพัวพันอยู่กับแขนที่แกร่งผิดมนุษย์ แต่อาวุธของอีกฝ่ายกลับพุ่งตรงมาที่แผ่นหลังของเขา
“บัดซบที่สุด!” เจียงหยงระเบิดพลังทั้งหมดในคราวเดียว พลังมหาศาลชั่วขณะผลักดันจนดาบที่พุ่งมากระดอนออกไป ซีหลางเองก็ถูกกระแทกให้ถอยร่นไปเหมือนกัน เมื่อช่องทางเปิดออกนายกองทัพอ้วนเสี้ยวก็ไม่คิดจะสู้ต่อ มันรีบใช้วิชาตัวเบาหนีไปในทันที เมื่อผู้เป็นนายไม่อยู่บรรดาลูกน้องต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อแตกหนีไปคนละทิศละทาง
น่าเสียดายที่ทหารเลวไร้วรยุทธ์ ยากจะหนีพ้นมนุษย์ผู้ร้ายกาจเกิดปุถุชนคนธรรมดา
ฉว้ะ! เสียงฝ่ามือทะลวงหัวใจแว่วขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังของเขาไม่ต่างอะไรกับแวมไพร์ ทั้งรวดเร็วปราดเปรียวจนแทบจะมองไม่ทัน ทั้งรุนแรงแข็งแกร่งยิ่งกว่าคมอาวุธ หัวใจดวงแล้วดวงเล่าจึงถูกกระชากออกมาจากอก กลิ่นเลือดที่หอมหวนชวนให้ชายหนุ่มน้ำลายสอ ครั้นลองชิมดูก็พบว่ามันไม่ได้อร่อยอย่างที่คิด แต่พอเลือดหยดเข้าปากกลับหอมหวานยิ่ง ยามนี้ซีหลางยิ่งห่างไกลจากคำว่ามนุษย์เขาไปทุกที
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?” คำถามหนึ่งปรากฏอยู่ภายในหัวของเขา
ทว่าชายหนุ่มไม่มีเวลามาหาคำตอบ เพราะภารกิจของเขายังไม่เสร็จสิ้น ร่างสัดทัดเงี่ยหูฟังทิศทางของเหยื่อก่อนจะออกแรงวิ่งไล่ตาม ความเร็วของเขายิ่งกว่านักกรีฑาทีมชาติ ชั่วพริบตาก็ไล่ทันเจียงหยงผู้ร้อนรน ดาราค้ำฟ้าคนสุดท้ายเบิกตากว้างเมื่อเห็นศัตรูตรงเข้ามาใกล้ มันร้อนใจสาดพลังปราณอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพื่อหวังสลัดให้หลุด
“เจ้าเด็กปีศาจ”
คำกล่าวนั้นเหมือนมีดที่กรีดลงหัวใจชายหนุ่ม เขายิ่งสับสนอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ครั้นโดนกล่าวหาด่าทอว่าไม่ใช่คน ยิ่งกระตุ้นความเกรี้ยวกราดให้รุนแรงเกิดหยุดยั้ง ซีหลางเอื้อมมือกระชากบ่าอีกฝ่ายจนลอยหวือกลับด้านหลัง จากนั้นจึงเหวี่ยงให้พุ่งชนต้นเสาทางเข้าหมู่บ้าน เจียงหยงกระอักเลือดคำใหญ่หมดทางสู้ เจ้าของดวงตาสีแดงเพลิงกระชากชุดเกราะกระจุยพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงคำคอ เพื่อดูดกลืนเลือดสดๆและพลังชีวิตของเหยื่อ
อ๊ากกก! เจียงหยงร้องลั่นอยู่ครู่ ก็แน่นิ่งไม่ไหวติง
เมื่อได้ดื่มเลือดกำลังวังชาก็พลันกลับคืนสู่ตัวเขา ซีหลางมองดูมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ซันซั่งเทียนทะยานตัวลงมาจากฟ้า เจ้าของดวงตาสีมรกตคู่สวยยิ้มน้อยๆให้กับแวมไพร์หนุ่ม
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?”
“ชีวิตใหม่ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มผู้มาจากอนาคตบอกกล่าว พร้อมกับวางมือทาบบนบ่าอย่างเป็นกันเอง “ทุกอย่างในโลกล้วนแต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ที่นายเป็นอยู่ก็แลกกับการมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ยังไงซะตอนนี้นายก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่รู้ไหม?”
ซีหลางตีหน้าเศร้าไม่พูดอะไร ได้แต่เพียงก้มหน้านิ่งทบทวนทุกสิ่งที่ผ่านมา
“แม่และน้องของนายผมช่วยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลงเอ๋อพี่ชายต่างสายเลือดของนายเองก็ทำงานอยู่กับผม เวลานี้ตัวตนของนายก็เปรียบเสมือนกับลูกชายของผม ด้วยสายสัมพันธ์แห่งปาฏิหาริย์” เขาบอกกล่าวพลางรั้งตัวชายหนุ่มมากอด
ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายบังเกิดขึ้นกับซีหลาง ชายหนุ่มผู้ไม่เคยรู้จักกับคำว่าบิดา ผู้ไม่เคยได้รับความรักความห่วงใย ยามนี้กลับรู้สึกว่าช่องว่างภายในหัวใจได้ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกดี ความอบอุ่นและอ่อนโยนของอีกฝ่ายถ่ายทอดเข้ามาในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง พลังของจารึกแห่งแกนกลางนั้น แม้จะแบ่งเศษเสี้ยวออกกี่ร้อยกี่พัน มันก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนทั้งสองมันจึงเป็นยิ่งกว่าความผูกพันทางสายเลือดเสียด้วยซ้ำ
มันเหมือนกับความรักและภักดีของแวมไพร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหัวใจ!
“เรากลับไปที่กองคาราวานกันดีกว่า ผ่านมาวันกว่าแล้วไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” ซันซั่งเทียนบอกกล่าวแก่บุตรชายที่มีอายุไล่เลี่ยกันกับตัวเขา
“ครับพ่อ”ซีหลางพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับทราบ
พริบตานั้นร่างสันทัดก็ถูกย่อส่วนเล็กลง พร้อมกับลอยหายเข้าไปในหีบไม้ ซันซั่งเทียนยิ้มบางๆที่มุมปากก่อนจะตรวจสอบแผนที่กับไกอาที่กำลังล่อนหนอยู่ เมื่อรู้ทิศทางแน่ชัดเขาก็ออกแรงวิ่งด้วยพลังจารึกแห่งความเร็ว ด้วยพลังก้าวพริบตา หากใช้ความเร็วแบบสบายๆที่ไม่ต้องสูญเสียพลังมากเกินไป ซันซั่งเทียนสามารถเดินทางได้ไกลถึง 4,058 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่าหากยอมเหนื่อยมากขึ้น ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาก็ยิ่งเข้าสู่ระดับเหนือจินตนาการ ดังนั้นการเดินทางไปมาระหว่างเมืองต่างๆในยุคโบราณ จึงใช้วเลาเพียงน้อยนิดซ้ำยังง่ายดายยิ่งนัก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
สนุกมากครับ แทงคิ้วๆ
"ขอเชิญชมการแสดง effect อลังการ Full CG ระดับ HollyWood แสงสีเสียงเต็มรูปแบบ ด้วยความคมชัด Supper HD!!"