ตอนที่ 20 : EP.18 สามหนุ่มหยกคราม
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.18 สามหนุ่มหยกคราม
ท่ามกลางบรรยากาศสลัวๆของยามเย็นวันออกเดินทาง กองคาราวานของเหล่าพ่อค้าคหบดี 43 ตระกูลตั้งมั่นค้างแรมอยู่ริมฝั่งน้ำ บรรดาเจ้าตระกูลล้อมวงร่วมถกแผนการเดินทางของวันถัดไป โดยมีเหล่าภรรยาและคนรับใช้ตระเตรียมการหุงหาอาหารไว้ทานในมื้อเย็น ข้างฝ่ายบรรดาลูกจ้างที่ร่วมเดินทางมีจำนวนหลายร้อยคน เกือบครึ่งล้วนแต่เป็นวรยุทธ์ส่วนมากเป็นศิษย์ฆราวาสของวัดหยกคราม รวมไปถึงคนของสำนักคุ้มภัยและสำนักฝึกสอนวิชาบู๊หลายแห่ง พวกเขามีหน้าที่ตรวจตราระวังภัยจากทั้งโจรผู้ร้ายและสัตว์ป่า
แทนที่จะเข้าร่วมล้อมวงถกแผนการเหมือนคนอื่นๆ ซันซั่งเทียนกลับเลือกที่จะเดินสำรวจบรรดาเวรยามของกองคาราวานแทน ในมือของชายหนุ่มถือกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าน้ำหนักเบา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไม้บรรทัดมาตรฐานเล็กน้อย ในส่วนที่ดูแลสินค้าที่เขาซื้อมาจากเมืองลกเอี๋ยงนั้นใช้คนงานทั้งสิ้น 20 ชีวิต แบ่งออกเป็นแม่ครัวฝีมือดี 5 คน จับกังแบกหามที่แข็งแรงและซื่อสัตย์ 12 คน อีก 3 คนคือศิษย์ฆราวาสของวัดหยกครามที่มีพื้นฐานฝีมือและจิตใจที่ดี
กองคาราวานที่นำโดยกุยแกและเจ้าตระกูลเยี่ย เดินทางออกจากเมืองลกเอี๋ยงผ่านทางประตูตะวันตกมุ่งตรงตามเส้นทางสู่เมืองเตียงอัน โดยมีซันซั่งเทียนคอยสำรวจเส้นทางและอันตรายล่วงหน้าผ่านทางดาวเทียมที่มีอยู่เพียงดวงเดียวในยุคโบราณ ทว่าคนที่เขาพอจะสนทนาบอกเรื่องราวต่างๆเห็นจะมีเพียงกุยแกผู้เดียว เมื่อเพื่อนคุยกำลังถกแผนการอยู่กับพ่อค้าคหบดีคนอื่นๆ เขาจึงเลือกที่จะเดินเล่นไปมาใกล้ๆบริเวณนั้น
ดูเหมือนว่าการฝึกยุทธ์ของศิษย์ฆราวาสวัดหยกคราม จะเรียกความสนใจจากเขาได้ไม่น้อย จากที่ดูคร่าวๆทั้งสามดูมีฝีมือร้ายกาจเกินวัยอยู่พอสมควร สมแล้วที่กุยแกออกปากว่าจ้างด้วยตัวเอง ทั้งสามประกอบไปด้วย ศิษย์ลำดับที่ 1 ต้าเหอ อายุ 24 ปี ศิษย์ลำดับที่ 8 ฉางชิง อายุ 22 ปี และศิษย์ลำดับที่ 12 หลงเอ๋อ อายุ 20ปี ซันซั่งเทียนเคยพบพวกเขาครั้งหนึ่งเมื่อตอนไปเยี่ยมเยือนวัดหยกครามคราวก่อน แต่สำหรับหลงเอ๋อนี่เป็นการพบครั้งที่สามแล้ว สองครั้งแรกคือที่วัดและตลาด นับได้ว่ามีวาสนาต่อกันไม่น้อย
ต้าเหอศิษย์คนโตได้รับการถ่ายทอดวิชาหมัดพยัคฆ์ พลังปราณดุดันอหังการเกรี้ยวกราดแต่ท่าร่างกับดูเงอะงะเชื่องช้า ฉางชิงศิษย์คนที่แปดได้รับการถ่ายทอดวิชาฝ่ามือกระเรียนสวรรค์ พลังฝีมือโอนอ่อนยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ด้านหลงเอ๋อศิษย์คนเล็กอาศัยเพลงเตะนาคมรกต ที่มุ่งเน้นความรวดเร็วปราดเปรียวโดดเด่น ในการประมือทุกๆครั้งๆต้าเหอมักจะแพ้ทางฉางชิงอยู่เสมอๆ ส่วนหลงเอ๋อจะค่อนข้างได้เปรียบศิษย์ผู้พี่สอง แต่หากเขาพลาดแม้เพียงครั้งก็เท่ากับพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ชายหนุ่มผู้มาจากโลกอนาคตเฝ้ามองพวกเขาฝึกวิชาด้วยสายตาครุ่นคิดสงสัย เหตุใดอาจารย์ของพวกเขาถึงได้สอนวิชาที่แพ้ทางกันชัดเจนเช่นนี้ให้
หลังจากนั่งดูอยู่ซักพักซันซั่งเทียนก็เกิดคันไม้คันมือขึ้นมา ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องวางกล่องไม้เอาไว้ แล้วกระโดดทะยานตัวพุ่งเข้าหาคนทั้งสาม
“รับมือ!”เขาร้องขึ้นให้สัญญาณ โดยมุ่งเน้นไปที่ต้าเหอก่อนอันดับแรก เพลงหมัดของซันซั่งเทียนแฝงพลังวัตรไว้เพียง 10 ขวบปี เพื่อให้คู่คี่สูสีกับอีกฝ่าย ชายหนุ่มอาศัยกระบวนท่าครูพักลักจำที่ได้ศึกษาเมื่อครู่ โต้ตอบศิษย์คนโตของวัดหยกครามด้วยหมัดพยัคฆ์ แต่กลับดุดันมากกว่ารุนแรงมากกว่าหลายเท่า ต้าเหอ สุดจะต้านทานเอาไว้ได้ในที่สุดก็ต้องถอยหลังไปหลายสิบก้าว
“เหตุใดท่านถึงได้รู้วิชานี้!” เขาอุทานด้วยความแตกตื่น
“ต่อไปก็เจ้าแล้ว ฉางชิง” ชายหนุ่มไม่ตอบกลับอาศัยท่าร่างสุดพิสดาร พริบตาเดียวก็เข้าไปคลุกวงในกับศิษย์ลำดับที่แปดของวัดหยกคราม ฉางชิงไม่ลนลานตั้งรับอย่างรัดกุม ทว่าซันซั่งเทียนกลับไม่ได้โจมตีด้วยหมัดพยัคฆ์เมื่อครู่ เวลานี้เขาใช้ฝ่ามือที่อ่อนโยนโบกสะบัดเข้ารุกไล่ ทุกการโจมตีล้วนทลายการป้องกันทั้งนั้น ไม่ถึงสามกระบวนท่าเจ้าของฝ่ามือกระเรียนสวรรค์ก็ต้องยกมือยอมแพ้ เป้าหมายสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ย่อมเป็นหลงเอ๋อ
การปะทะกันของเพลงเตะนาคมรกตสะกดสายของผู้คนที่พบเห็น ทั้งชายหนุ่มและเด็กหนุ่มรุกไล่กันด้วยความเร็วก่ำกึ่ง แรกๆเหมือนหลงเอ๋อจะได้เปรียบกว่าเพราะมีกระบวนท่าที่หลากหลาย แต่ยิ่งสู้นานไปฝ่ายซันซั่งเทียนกลับยิ่งได้เปรียบ กระบวนท่าเดียวกันแต่ทว่าฝ่ายครูพักลักจำกลับทั้งรุนแรงและรวดเร็วกว่ามาก ท้ายที่สุดหลงเอ๋อก็กลายเป็นฝ่ายปราชัย เมื่อเอาฃนะทั้งหมดได้ซันซั่งเทียนก็หยุดมือเพียงแค่นั้น ก่อนจะก้าวเดินมาหยุดอยู่กึ่งกลางระหว่างคนทั้งสาม
“ท่านคือ?” ฉางชิงกล่าวถามพลางตะกายตัวลุกขึ้นยืน
“คนที่ว่าจ้างพวกเจ้าผ่านกุยแก”เขาตอบเสียงราบเรียบ
“ท่านไปเรียนรู้วิชาของวัดเรามาจากที่ใดกัน” ต้าเหอร้องถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในใจ
“เมื่อครู่เห็นพวกเจ้าทั้งสามประมือกัน จึงเกิดคันไม้คันมือลองเลียนแบบกระบวนท่าเหล่านั้นเล่นๆ ก็แค่นั้นเอง”
“ไม่ถึงชั่วก้านธูป ท่านก็ชิงวิชาของพวกเราไปได้จนหมดสิ้น หากเป็นดังกล่าวอ้างจริง ฝีมือที่แท้จริงของท่านอยู่ในระดับไหนกัน?” คนที่เงียบอยู่นานอย่างหลงเอ๋อ กล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ เพราะเมื่ออยู่ภายในวัดพวกเขาทั้งสามนั้น นับว่ามีพรสวรรค์ระดับหนึ่งในพัน อาจารย์ทั้งสามก็เคยเอ่ยปากชมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขามีความหยิ่งทะนงในฝีมืออยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้เก่งกาจเทียบเท่ายอดฝีมือมีชื่อ แต่กับคนที่ไม่เคยได้ยินนามผู้นี้เขาไม่อาจยอมรับ
“โลกนี้กว้างใหญ่มากรู้ไหม?” ซันซั่งเทียนว่าพลางก้มตัวลงเด็ดใบหญ้าอ่อนขึ้นมาสองสามใบ “สิ่งที่พวกเจ้ารู้พวกเจ้าเห็น ไม่ใช่ทั้งหมดของโลก”
ฟ้าว! เสียงวัตถุแหวกอากาศพุ่งผ่านหน้าของหลงเอ๋อไปกระทบเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง เมื่อทุกคนหันไปมองก็ต้องตะลึงงันเพราะอาวุธที่ปักคาไม้ใหญ่อยู่ กลับเป็นปลายใบหญ้าเรียวยาวสามใบที่พึ่งถูกเด็ดจากต้นเมื่อครู่ เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์แล้วว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาในยามนี้ เข้าสู่ขอบเขตของปรมาจารย์ไปนานแล้ว
“ข้านี่เสียมารยาทจริงๆ” หลงเอ๋อส่ายศีรษะเล็กน้อยพลางหัวเราะเสียงดังในความโง่งมของตัวเอง “นับว่าเป็นวาสนาของข้าที่ได้นายจ้างเก่งกาจเช่นท่าน”
“พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ ต้องขออภัยท่านด้วย” ต้าเหอกับฉางชิงยกมือคำนับอย่างเต็มใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะข้าเป็นฝ่ายเข้ามาวุ่นวายเอง”เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอบน้อม ชายหนุ่มจึงใช้นำเสียงที่ดูดีขึ้น อ่อนโยนมากขึ้น “จริงสิ! เล่นกันเหนื่อยๆ คงจะหิวกันแล้วแน่เลย”
“ก็นิดหน่อยขอรับ”ทั้งสามขานรับ ต่อนายจ้างชั่วคราวของตน
“ข้ามีของอร่อยติดมือมาด้วยนะ” กล่าวจบก็กระโดดตีลังกากลางอากาศ เพียงม้วนตัวครั้งเดียวก็เหินไปไกลกว่า 100 เมตร ชายหนุ่มหยั่งเท้าข้างๆที่วางกล่องไม้ พร้อมกับเปิดฝาออกหยิบบางสิ่งที่มีขนาดพอๆกับเม็ดเม็ดแมงลักออกมา 3 ชิ้น แล้วจึงปิดฝากล่องทะยานตัวกลับมายืนเบื้องหน้าพวกเขา “รับไปสิ”
ปากก็พูดมือก็ซ่อนในแขนเสื้อพลางใช้พลังชิ้นส่วนจารึกแห่งการย่อขยาย สิ่งที่หยิบออกจากกล่องไม้ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม มันคืออาหารแปลกตาสำหรับคนในยุคโบราณ เมื่อแกะห่อพลาสติกออก แซนวิชโฮลวีททูน่าเนื้อแน่นๆของยุคอนาคตที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ทั้งสามหนุ่มพลันเกิดความหิวขึ้นมาแทบจะทันที ซันซั่งเทียนยัดมันลงมือของพวกเขาคนละชิ้น พร้อมคะคั้นคะยอให้ลองชิมดู รสชาติที่พวกเขาสัมผัสดูจะแปลกประหลาดไปมาก ซ้ำยังอร่อยอย่างลึกล้ำแบบที่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต
“สิ่งนี้คือ?” ต้าเหอถึงกับถามขึ้น ทั้งๆที่พึ่งกัดไปได้เพียงสองสามคำ
“อาหารจากที่ไหนกัน รสชาติถึงได้พิสดารเพียงนี้” ฉางชิงกล่าวเสริม
“ข้าไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน เหมือนฝันจริงๆ” หลงเอ๋อหลับตาพริ้มพร้อมกับหลั่งน้ำตา “อยากให้ท่านแม่ได้กินด้วยเหลือเกิน”
“ขอถามหน่อยสิ ทำไมพวกเจ้าถึงยอมรับงานในครั้งนี้ ทั้งๆที่มันเสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย” ซันซั่งเทียนกล่าวถามในสิ่งที่เขาต้องการรู้
“เพราะข้าต้องการนำเงินไปเลี้ยงดูท่านแม่” ฉางชิงตอบเป็นคนแรก ชายหนุ่มผู้มาจากโลกอนาคตพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปทางหลงเอ๋อ
“เพราะท่านให้ค่าจ้างที่มากพอๆกับเงินที่ข้าหาได้ทั้งปี ข้าจำเป็นต้องใช้เงินถึงเสี่ยงก็คุ้มที่ลอง” เด็กหนุ่มตอบพลางก้มหน้าลงกินแซนวิชต่อ ซันซั่งเทียนจึงหันไปหาต้าเหอคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
“ส่วนข้าหมายจะนำเงินไปดูแลน้องสาวที่เจ็บป่วย” เขาตอบเสียงดังฟังชัด
เมื่อทุกคนตอบคำถามหมด ดวงตาของซันซั่งเทียนก็วูบไหวคล้ายตัดสินใจบางอย่าง เขามอบแซนวิชให้กับทั้งสามอีกคนละชิ้น ระหว่างนั้นก็แอบเจาะเลือดของบางคน ก่อนจะขอแยกตัวจากไปพลางโบกมือลา ซึ่งที่จริงแล้วเขาแอบเอาหยดเลือดของคนทั้งสามป้ายใส่ตัวของไกอาเพื่อเหตุผลบางอย่าง ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย
“หนึ่งในนั้นมีคนที่พูดความจริงเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบกับคู่หูจักรกลประจำกาย
--“ความสามารถในการตรวจสอบว่าใครพูดจริงพูดเท็จของนายนี่สะดวกดีจริงๆนะ”--
“เลือดที่ให้ไป พอจะจัดการได้ไหมไกอา”
--“จะใช้วิธีเดิมอีกสินะ ได้สิ แต่ขอเวลาตรวจสอบ DNA สักครู่ แล้วจะทำการลิงค์ข้อมูลกับดาวเทียมปฏิบัติการณ์ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่มีสายเลือดเดียวกันให้ น่าจะหาตัวได้ไม่ยากนัก ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายแล้ว ว่าจะทำยังไง”--
“เยี่ยมเลย ได้เรื่องยังไงบอกด้วยก็แล้วกัน ผมอยากจะสร้างภาคีหัตถ์แห่งมัจจุราชใจจะขาดแล้ว” เขาเหยียดรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
--“คิดจะมีสมาชิกกี่คนดีล่ะ?”--
“เอาซัก 10 ก็พอ แค่ 10 คนเท่านั้น พวกเขาจะกลายมาเป็นมือเป็นเท้าให้ผม ในการหาเรื่องสนุกๆทำรวมไปการเล่นงานพวกมิวแทนท์จากยุคสมัยของพวกเราด้วย”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของขบวนการมือสังหารสะท้านภพ ที่เทพมารทั้งหลาย...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในประโยคแรกไรต์จะสื่อว่า เจาะทีละคน หรือเปล่า
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
สนุกมากๆ มารอตามตอนต่อไปนะครับ