ตอนที่ 2 : EP.00 บทนำ
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.00 บทนำ
ความร้อนแรงแห่งไฟสงครามอันทรงพลังซึ่งสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ได้นั้น มันไม่เคยปราณีต่อสิ่งใดไม่เว้นแม้กระทั่งตัวตนของผู้ที่จุดชนวนเพลิงสร้างมันขึ้นมา กิเลศและความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์คือเชื้อไฟสุดวิเศษซึ่งจะเติมเต็มขุมพลังเปลวเพลิงแห่งสงครามให้โหมกระหน่ำลุกโชนสูงเสียดฟ้า เพื่อแผดเผาทั้งสรวงสวรรค์เบื้องบนไปพร้อมกับผืนพิภพเบื้องล่าง ยิ่งผู้เติมเชื้อไฟมีอำนาจและทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใดหายนะที่ก่อเกิดตามมาก็ยิ่งทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น นับตั้งแต่โบราณกาลเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยว่างเว้นจากการทำสงครามแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใดๆ ผู้ชนะในท้ายที่สุดล้วนแล้วแต่เหยียบย่ำอยู่บนภูเขาแห่งซากศพทั้งของมิตรและศัตรูในเกมชิงอำนาจ
สิ่งที่ใช้บันทึกตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวมหาสงครามที่ได้ถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างลงบนหน้าประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งนั้นหาใช่น้ำหมึกหรือเครื่องเขียนชนิดใดๆหากแต่เป็นหยาดเลือดและหยดน้ำตารวมทั้งเสียงร้องคร่ำครวญของผองชนผู้ทุกข์ยากนับหมื่นนับแสน ซึ่งตามหลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของลูกหลานผู้รอดชีวิตรุ่นแล้วรุ่นเล่าและจะคงอยู่เช่นนี้ตราบจนถึงกัลปาวสานของมนุษย์ชาติ “สันติภาพ” คือสิ่งที่ผองชนส่วนใหญ่เรียกหา แต่น่าเสียดายที่สิ่งนั้นมีอยู่เพียงในดินแดนแห่งความฝันหรือโลกแห่งจินตนาการ...
“รีบกลับกันเถอะ! ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา” หยางหมิงนายทหารสูงวัยเร่งเร้าเพื่อนร่วมกองทหารหน่วยย่อยทันทีที่ฟ้าเริ่มมืดลง ซึ่งพวกเขากำลังเก็บเกี่ยวผลพลอยได้จากสงครามขนาดย่อมที่พึ่งจะยุติลงไป เสียงนั้นสั่นเครือไม่ปกติใบหน้ามากประสบการณ์เผยความหวาดหวั่นอย่างเด่นชัด
“ซากศพพวกนี้ทำให้ความเป็นชายของท่านเหือดหายไปหรือสหาย” โจวจู๋ นายทหารใหม่จากภาคใต้กล่าวถามพร้อมเสียงหัวเราะระหว่างที่กำลังเลือกเก็บดาบที่มีสภาพดีจากซากศพที่กองเกลื่อนกลาดในสนามรบ
“หากคนตายพวกนี้ทำให้ข้ากลัวได้ อายุข้าคงไม่ยืนยาวจนทุกวันนี้หรอก” หยางหมิงตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบสายตากร้านสงครามกวาดมองรอบบริเวณ
ยามโพล้เพล้ของวันนี้ช่างแตกต่างจากวันที่ผ่านๆมาๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดกับกลุ่มเมฆดำหนาตาที่มีมาตั้งแต่ช่วงบ่ายหากแต่ไม่มีเสียงฟ้าคำราม แม้ยามนี้ทั่วบริเวณจะมีซากศพนอนระเกะระกะเรือนพันแต่กลับไร้ซึ่งฝูงกาฝูงแร้งผิดแผกธรรมชาติ สรรพสำเนียงของสัตว์ชนิดต่างๆโดยรอบก็พลันเงียบสงัดราวกับดินแดนรกร้างไร้สิ่งมีชีวิต ใจของหยางหมิงทหารชาญศึกสะท้านอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าสัญชาติญาณนักรบเจนศึกร่วม 40 ปีกำลังร้องเตือนบอกใบ้บางสิ่งบางอย่างให้กับเขา
“ท่านผู้เฒ่าคงจะเหนื่อยกับศึกในวันนี้มากเกินไป” ก๊วยเหวย ทหารจากแดนเหนือกล่าวขึ้นจากด้านหลัง “ข้าว่าท่านควรกลับไปพักผ่อนที่ค่ายก่อน”
“แรงข้ายังดีอยู่”หยางหมิงสะบัดดาบฟันธงทิวของฝ่ายตรงข้ามที่ปักพื้นอยู่ให้ขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายโดยไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนล้าแต่อย่างใด เพื่อให้ทหารคนอื่นเข้าใจว่าเขาไม่ได้แก่เกินไปที่จะอยู่ในสนามรบ
“แล้วท่านเร่งเร้าพวกเราด้วยเหตุใด?”ซุนผู่ นายทหารร่วมหน่วยย่อยอีกคนเอ่ยถาม
“ข้ารู้สึกได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงภายใต้บรรยากาศที่ผิดธรรมชาตินี้”นายทหารสูงวัยบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน สายตาของเขาจ้องมองไปบนท้องฟ้าอันดำมืดของยามเย็น “ข้าสัมผัสได้ว่าสิ่งที่น่ากลัวบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ”
“น่าขำ...”
โพล๊ะ! ยังไม่ทันที่โจวจู๋จะได้กล่าวเสร็จร่างของเขาก็ถูกบางสิ่งบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจังจนเกิดการระเบิดจากภายใน เลือดเนื้อและกระดูกกระจายไปทั่วบริเวณอย่างน่าหวาดเสียว บรรดาทหารร่วมหน่วยคนอื่นๆที่เห็นภาพดังกล่าวต่างพากันยืนนิ่งราวกับต้องมนต์ มีเพียงหยางหมิงผู้มากประสบการณ์เท่านั้นที่มีสติ ชายสูงวัยดีดกายก้าวกระโดดหลบฉากออกจากจุดนั้นแทบจะทันที สองเท้าของเขาเคลื่อนกายพาร่างวิ่งหนีไปด้านหลังอย่างสุดชีวิต
โพล๊ะ! โพล๊ะ! เสียงทหารร่วมสมรภูมิร่างระเบิดยังดังขึ้นเป็นระยะๆไม่ขาดสาย จนกระทั้งเขาสะดุดเข้ากับซากศพร่างหนึ่งจนล้มคว่ำลงกับพื้นดินโดยที่ใบหน้าของเขาฟาดเข้ากับเกราะของศพ หยางหมิงฝืนเจ็บตะเกียดตะกายพลิกหงายตัวขึ้นเบื้องบนฉับพลันสายตาของเขาก็ได้พบเห็นเรื่องราวอันน่าพิศวงทันทีทันใด ยามนี้กลุ่มเมฆดำทะมึนที่เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ช่วงบ่ายปรากฏรูโหว่ขนาดใหญ่บริเวณใจกลางเมื่อมองจากด้านล่างมีลักษณะคล้ายคลึงกับปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวน ที่มีแสงสีแดงเพลิงสุกสกาวล้อมรอบความมืดมิด
ครืน! เสียงคล้ายกับวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่ก้องขึ้น พร้อมกับภาพของวัตถุบางอย่างโผล่พ้นออกมาจากช่องโหว่ดังกล่าว หยางหมิงอุทานเสียงดังเพราะสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยเห็นหรือได้ยินมาจากที่แห่งใดในแผ่นดินตลอดชีวิตการเป็นทหาร ประกายแสงหลากสีสันพวยพุ่งออกมาจากวัตถุนั้นอย่างต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่า สิ่งที่มันส่องกระทบล้วนแล้วแต่ระเบิดจากภายในเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมสมรภูมิของเขาไม่มีผิด ความเสียหายร้ายแรงกระจายออกไปทั่วผู้คนมากมายที่กำลังย่ำเดินอยู่ในสนามรบล้วนกลายเป็นกองของเหลวสีแดงน่าขยะแขยง
“สวรรค์ท่านกำลังทำอะไรอยู่?” เขากล่าวถามขณะที่เห็นประกายแสงบางอย่างพุ่งมาหาตัวเอง ครั้นจะขยับหนีก็จนใจที่การหกล้มเมื่อครู่ทำให้เศษคมกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุขาของเขา
ตูม! ฝุ่นดินและซากศพเบื้องหน้าทหารชราปลิวว่อนสูงจากพื้นร่วมสองเมตร หยางหมิงหงายหลังตามแรงลมที่พุ่งปะทะหน้า เมื่อหมอกควันจางลงเขาจึงพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่และยามนี้มีร่างของหนุ่มสาวสองยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก คนพวกนี้แต่งกายแปลกประหลาดไม่เหมือนชนชาติใดที่ตัวของเขารู้จัก ชั่วพริบตาที่ทั้งสองเห็นตัวเขาพร้อมกับทัศนียภาพโดยรอบหยางหมิงสาบานได้ว่าคนพวกนั้นมีสีหน้าตกใจไม่น้อย
“เจ้าบ้านั่นทำให้การเดินทางผ่าน เอราเกจ เกิดความผิดพลาด” หญิงสาวในชุดยุนิฟอร์มสีดำแถบขาวรัดรูปที่บริเวณหน้าอกและหัวไหล่มีรูปลูกโลกดวงจันทร์และวงแหวนคล้ายวงแหวนดาวเสาร์ล้อมอยู่สองชั้นอันเป็นเครื่องหมายของเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกจากศตวรรษที่ 24
“อย่ามัวแต่พูดเรารีบหนีกันก่อนเถอะ”ฝ่ายชายกล่าวบอกพร้อมกับออกแรงทะยานตัว เพียงชั่วพริบตาเขาก็พุ่งผ่านหน้าหยางหมิงไปไกลกว่า 10 เมตร
ยังไม่ทันที่ฝ่ายหญิงจะได้ขยับตัวไหล่ของเธอก็ถูกมือของใครบางคนจับเอาไว้ เธอมีท่าทีตกใจมากก่อนจะหันหลังไปมองหน้ากับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายคนนั้นยกมือขวาขึ้นกางฝ่ามือออกทำท่าเหมือนจะฟันก่อนจะตวัดฝ่ามือลงใส่ไหล่ขวาของหล่อน หญิงสาวคนนั้นลนลานยกมือขวาขึ้นขวางแล้วกางฝ่ามือออกก่อเกิดกลุ่มพลังงานทรงกลมคล้ายควันสีม่วงอมฟ้ารองรับการโจมตี
ฉว้ะ! หยางหมิงร้องลั่นเพราะฝ่ามือของชายปริศนาคนดังกล่าวกลับปรากฏอยู่ที่ไหล่ซ้ายของเขา ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่ฝ่ามือกลับมีความคมกล้ายิ่งกว่าดาบการแกว่งเพียงครั้งเดียวกลับจมลึกลงในไปร่างกายของทหารสูงวัยเกือบคืบ
“รูหนอน!?” ชายหนุ่มปริศนากล่าวแผ่วเบา
หญิงสาวไม่ตอบเธออาศัยจังหวะนั้นกระโดดพุ่งตัวไปด้านหน้าสองมือของเธอทำท่าทางแหวกอากาศก่อนจะเกิดกลุ่มพลังงานเหมือนเมื่อครู่ในขนาดที่สามารถกลืนเธอเข้าไปได้ทั้งตัว ก่อนที่ร่างของเธอจะไปปรากฏอยู่ห่างไปเกือบ 200 เมตรข้างๆชายหนุ่มที่วิ่งหนีไปก่อนหน้า จากนั้นเธอก็ทำแบบเดิมอีกครั้งแต่คราวนี้ชายหญิงทั้งสองกระเข้าไปพร้อมกันแล้วหายไปจากคลองจักษุของชายหนุ่มปริศนาในทันทีทันใด
“ดวงดีแฮะ”ชายผู้นั้นยิ้มบางๆอย่างชั่วร้ายก่อนจะมองดูร่างของหยางหมิงที่บาดเจ็บเจียนตาย เวลานี้ฝ่ามือของเขากลับคืนสู่ร่างต้นแล้วเรียบร้อย เขาขยับกายย่างเท้าเข้ามาใกล้เบาๆพลางวางมือบาดบนรอยแผลนั้น ชั่วพริบตาบาดแผลทั่วร่างทั้งหมดก็พลันหายดีคมกระบี่ที่ปักคาอยู่ก็ถูกกล้ามเนื้อดันออกจากร่างกายมิหนำซ้ำเขายังรู้สึกหนุ่มแน่นขึ้นนับสิบปี
“ขอบคุณท่านเซียนที่เมตตา” ผู้ที่พึ่งรอดจากความตายปรับเปลี่ยนท่าทีคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นด้วยความเคารพศรัทธา ผู้มาเยือนปรายตามองเขาเล็กน้อยก่อนจะทะยานตัวจากไปราวกับไม่ใส่ใจต่อคำขอบคุณดังกล่าว พลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ช่องโหว่นั้นเริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ วัตถุคล้ายส่วนหนึ่งของยานอวกาศเริ่มถูกช่องโหว่ที่หดตัวบีบอัดจนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะมีเศษซากโลหะมากมายทยอยร่วงหล่นลงสู่พื้นโลก แต่ก็ยังมีประกายแสงหลายสายพุ่งออกจากวัตถุขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นช่องนั้นก่อนจะแยกย้ายกันกระจายไปทั่วทุกทิศ
“จาก 108 ชิ้นแย่งชิงมาได้แค่ 8 กว่าจะครบคงใช้เวลาอีกนานสินะ”เขากล่าวแผ่วเบาแววตาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะลูบเจ้าก้อนโลหะทรงกลมสีดำมันเงาสะท้อนแสงที่เลอยอยู่เหนือไหล่ซ้ายอย่างทะนุถนอม “เปิดใช้งานระบบปฏิบัติการณ์พิเศษ”
สิ้นเสียงโลหะทรงกลมก็พลันกลายสภาพโครงสร้างใหม่ โดยมีกลุ่มโลหะประกอบกันเป็นปีกโลหะที่ด้านหลัง ใจกลางด้านหน้ามีแสงสีทองส่องสว่างเป็นทรงกลมสองชิ้นพร้อมทั้งลอยขึ้นด้านบนสูงจากเดิมราวๆ 15 เซนติเมตร
--“ได้เวลาออกล่าแล้ว”--
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณครับ
หายไปนานเลย แต่กลับมาได้ดีครับ ใช้ภาษาและแบ่งวรรคตอนได้ดี เหมือนอ่านเรื่องใหม่เลย รออ่านตอนหน้านะครับ เมื่อไหร่ขันทีจะได้ออกโรงเนี่ย หรือว่าโดนลบทิ้งไปแล้ว *0*