ตอนที่ 18 : EP.16 แผนขั้นที่สาม
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.16 แผนขั้นที่สาม
เหนือกำแพงสิ่งก่อสร้างอันสูงใหญ่ตระการตาของคลังเสบียงลกเอี๋ยง ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งทะยานตัวพลิ้วผ่านการป้องกันอันแน่นหนา ของเหล่าทหารองครักษ์และทหารจากเสเหลียงนับร้อยนับพัน ที่พากันเดินวนเวียนตรวจตราไปมารอบบริเวณ ร่างนั้นร่อนลงหยั่งพื้นดินด้านหน้าคลังเก็บหลังใหญ่แห่งหนึ่งโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นมาก่อน ผู้มาเยือนยามวิกาลคือซันซั่งเทียน สองเท้าของเขาเดินหน้าด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยไม่หวั่นเกรงสิ่งใดๆ กลไกป้องกันมากมายเริ่มทำงานทันที ตั้งแต่ห่าธนูอาบยาพิษที่พุ่งออกจากรูปปั้นหินที่ประดับอยู่ตามรายทาง
ดวงตามรกตใต้หน้ากากเปล่งประกายวาบรอบกายเขาก่อเกิดพลังสนามแม่เหล็ก เมื่อหัวธนูที่ทำจากเหล็กต้องสนามพลัง ก็พลันถูกผลักให้พุ่งกลับไปปักคาอยู่บนรูปปั้นหิน ซันซั่งเทียนดีดนิ้วออกสองสามครั้งเสียงระเบิดกึกก้องก็ดังขึ้นรูปปั้นเหล่านั้นพลันแตกหักเสียหายจนหมด อันเป็นผลมาจากเพลงดรรชนีที่บัญญัติขึ้นกับพลังของชิ้นส่วนจารึก 1 ใน 52 ที่ชายหนุ่มครอบครองอยู่ ซึ่งได้หลอมรวมกับจารึกแห่งแกนกลางจนเกิดเป็นร่างกายของเขา หากขาดแกนกลางเขาเองก็ต้องตายเช่นกัน ในจำนวนนั้นมีถึง 8 ชิ้นที่เป็นพลังระดับสูงสุดที่เรียกว่าจารึกส่วนหลัก ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 108 ชิ้น หน้าที่ของเขาคือรวบรวมมันทั้งหมดมาไว้ในมือเพื่อเหตุผลบางอย่าง แต่นั่นมันคือเรื่องในอนาคตเพราะเวลานี้เขากำลังสนุกในการเล่นอยู่กับประวัติศาสตร์
เมื่อมีเสียงอึกทึกบรรดาทหารเวรยามนับร้อยนับพันพร้อมอาวุธครบมือ ก็กรูกันมาจากทุกสารทิศล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มอาไว้ เขาเพียงกวาดสายตามองครู่เดียวแล้วทำทีไม่สนใจ สองเท้าก้าวย่างไปตามทางเดินข้างหน้า ทหารหลายคนเงื้อดาบพุ่งเข้าใส่ทุกดาบล้วนเล็งจู่โจมจุดตายทั้งสิ้น ชายหนุ่มกระดิกนิ้วเสื้อผ้าของพวกเขาก็ถูกรั้งกลับพุ่งเข้าไปกระแทกคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลัง จนพากันล้มลงกองทับร่างกันและกันระเนระนาด
ไม่ได้คิดจะฆ่าทั้งหมด ย่อมต้องผ่อนแรง เมื่อไม่ต้องการเผยฐานะ ย่อมไม่สมควรที่จะแสดงวิชาที่มีคนเคยเห็น...
แม้ในยามเช่นนี้ซันซั่งเทียนก็ไม่หลงลืมรายละเอียดปลีกย่อย เพราะเขามาในฐานะภาคีหัตถ์แห่งมัจจุราช หน่วยรบพิเศษใต้สังกัดจอมมารร้ายแห่งโลกวาณิช หากเผลอใช้วิชาที่เคยแสดงต่อสายตาผู้คนในฐานะบุคคลลึกลับในคำเล่าลือ ผู้คนย่อมสามารถจับต้นชนปลายความเกี่ยวกับข้องของฐานะทั้งสองของชายหนุ่มได้ไม่ยาก ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงในฝีมือในแบบที่แตกต่างออกไป แต่สำหรับทหารธรรมดาเหล่านี้ อาศัยเพียงแค่พลังวัตร 500 ปีของเขาก็เพียงพอแล้ว
แม้การปะทะกันของทั้งเขาและฝ่าทหารหลายร้อยคนจะดูเหมือนคู่คี่สูสี แต่ความจริงแล้วซันซั่งเทียนเพียงใช้ม่านพลังผลักดันให้ถอยห่างเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดที่จะเล่นงานถึงตาย เพราะเขาไม่ได้มาเพื่อฆ่าแต่มาเพื่อป่วนและทำลายเสบียงของอีกฝ่าย แต่พอถูกทหารมากมายที่เปรียบเสมือนฝูงมดผู้ไม่กลัวตายรุกเร้ามากๆเข้า โทสะของเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้นๆทุกขณะ
“ไปให้พ้น!” เสียงเกรี้ยวกราดตวาดก้อง พลังวัตรมากมายพวยพุ่งออกรอบๆบริเวณ มือทั้งสองของเขาคว้าจับเนื้อตัวของทหารที่อยู่ใกล้ที่สุด พร้อมกับดูดกลืนพลังชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นเสีย หากทหารคนใดมีร่างกายหรือชิ้นส่วนอาวุธชุดเกราะติดกัน ก็จะถูกดูดต่อกันเป็นทอดๆ ทหารหนึ่งคนเสีย 5 ขวบปี นับพันคนก็ปาเข้าไปครึ่งหมื่น เหล่าผู้สูญเสียพลังย่อมเกิดปฏิกิริยาบางอย่างกับร่างกาย ทำให้เกิดอาการหมดเรี่ยวแรงล้มลงกองกันจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“เกือบฆ่าไปซะแล้ว!” ชายหนุ่มเปรยพร้อมกับทะทานตัวขึ้นสูงจากพื้นเกือบ 5 เมตร เขาดีดกายพลิกตัวนอนคว่ำกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งตรงไปด้าน
ในเมืองลกเอี๋ยงที่นี่นับเป็นคลังเสบียงจุดที่ 5 แล้ว ที่ชายหนุ่มบุกเข้ามาจัดการปั่นป่วนฝ่ายตั๋งโต๊ะ ภายหลังจากที่ช่วงเช้าเล่นงานกองเสบียงทัพพันธมิตรกวนตง 18 หัวเมือง หลายสิบขบวน พอพระอาทิตย์ตกดินก็บุกปล้นคุกฝ่ายตั๋งโต๊ะช่วยคนอีกฝ่ายสร้างบุญคุณ กลางดึกทลายการป้องกันปล้นชิงเสบียงมากมายสร้างความปั่นป่วน ทำให้เขาอ่อนล้าทั้งกายและใจดังนั้นเมื่อถูกฝูงทหารที่เปรียบดั่งฝูงมดรุมเร้า จึงอดไม่ได้ที่จะดูดพลังชีวิตเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
แม้จะปล้นชิงคลังเสบียงกองทัพตั๋งโต๊ะในเมืองลกเอี๋ยง กับเสบียงของพวกคหบดีหน้าเลือดที่ทำนาบนหลังคนทั้งหลาย ซันซั่งเทียนก็ไม่ลืมที่จะละเว้นพวกบรรดาคหบดีมือสะอาด รวมไปถึงชาวบ้านร้านตลาดผู้ทำมาค้าขายสุจริต ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนักแต่ในกลียุคเช่นนี้เสบียงมากมายของตั๋งโต๊ะ ก็ได้มาจากการปล้นสะดมฆ่าล้างพลเรือนตามเมืองต่างๆ รวมถึงรีดไถเอาจากคหบดี พ่อค้าและชาวนาเช่นกัน ชายหนุ่มจึงไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยระหว่างกระทำการ
เมื่อทลายสิ่งกีดขวางเข้ามาในที่เก็บข้าวสารอาหารแห้งและเกลือแล้วนั้น ซันซั่งเทียนก็ใช้ความสามารถของจารึกแห่งการย่อขยายครอบคลุมทุกสิ่งที่มีค่า เพียงชั่วพริบตาคลังหลังใหญ่ที่มีเสบียงเก็บอยู่เต็มก็ว่างเปล่าในทันที เมื่อมีเสียงเอะอะของทหารชุดใหม่ใกล้เข้ามา ชายหนุ่มก็รีบรวบรวมพลังแสดงกระบวนท่าเพลงกระบี่เก้าลำนำ ประกายแสงสีแดงโคจรรอบนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายที่ยกจรดกันอยู่ คลื่นความร้อนกระจายตัวโดยรอบพร้อมแสดงภาพลักษณ์ของกระบี่สีแดงชาด เมื่อสะบัดมือวาดกระบี่เปลวเพลิงมากมายก็พวยพุ่งรอบทิศ
ดรรชนีกระบี่เก้าลำนำ เปลวเพลิงผลาญฟ้า!
คลังเสบียงที่ว่างเปล่าติดไฟอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาภาพของทะเลเพลิงก็ปรากฏให้เห็น ซันซั่งในเทียนในคราบจอมโจรชุดดำรีบทะยานตัวออกจากจุดนั้นทันที ทหารที่ได้สติกลับมาต่างก็กรูกันเข้ารุมล้อมเขาเอาไว้ สายตาคมกล้าของชายหนุ่มมองสำรวจทางหนีทีไล่เสร็จสรรพ
พวกทหารซัดหอกนับสิบเล่มเข้าหาจากทุกๆทาง แต่ทว่าการโจมตีเหล่านั้นล้วนสูญเปล่า เพราะอาวุธถูกพลังลึกลับกระแทกกลับไปจนหมดสิ้น ยามนี้เหล่าทหารต่างรู้สึกหวาดหวั่นไม่กล้าเข้าจับกุมได้แต่เพียงล้อมเอาไว้อย่างลวกๆ ผู้บุกรุกขยับทีวงล้อมก็ขยับถอยห่างไร้ซึ่งใจจะต่อสู้ เพราะทราบดีว่าระดับฝีมือห่างไกลกันเกินไป แต่ทหารบางส่วนที่มาตรวจสอบเสียงอึกทึกเมื่อครู่กลับรุกไล่อย่างดุเดือด เพราะไม่เคยเห็นฝีมือของชายหนุ่ม
“ตาย!” ซันซั่งเทียนแผดเสียงคำรามเพื่อให้สมบทบาท
“จับเจ้าโจรชั่วเอาไว้ให้ได้” เสียงทหารนายหนึ่งร้องออกคำสั่ง
“ฆ่ามัน ฆ่าเจ้าคนอวดดี” เสียงหนึ่งเสริม
“ดาหน้าเข้าไป อย่าให้มันหนีรอด”
“ข้าขอสู้ตาย” ซันซั่งเทียนไหลตามน้ำ ยอมโดนหมัดเท้ามั่วๆสักครั้งสองครั้ง คมหอกคมดาบแผลสองแผล จากนั้นแกล้งทำจี้หยกที่แอบขโมยมาจาก หน่วยเสบียงทัพพันธมิตรกวนตงหล่นลงพื้น ก่อนจะระเบิดพลังผลักทหารเลวพวกนั้นออก แล้วพลิ้วกายทะยานหนีไปไกลลิบ ยากที่ใครจะติดตามทันได้ เมื่อพ้นกำแพงวังหลวงก็นับได้ว่าบรรลุแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น
“เมื่อเสบียงกรังทั้งหมดในลกเอี๋ยงถูก(ปล้น)เผาทำลาย ซ้ำยังมีร่องรอยว่าเป็นฝีมือทัพพันธมิตร 18 หัวเมือง ตั๋งโต๊ะย่อมไม่อาจรักษาเมืองหลวงเอาไว้ได้ ท้ายสุดก็ต้องถอยร่นไปยังเมืองเตียงอันตามคำทำนายของเรา แต่หากปล่อยเมืองนี้เอาไว้ย่อมกลายเป็นที่มั่นให้ฝ่ายพันธมิตร 18 หัวเมือง เชื่อว่าตั๋งโต๊ะย่อมเผาทำลายหมดสิ้น” ซันซั่งเทียนครุ่นคิดระหว่างเดินทาง “เราสามารถทำให้พวกพ่อค้าคหบดีมาเป็นพวกด้วยการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้”
คิดได้ดังนั้นก็เร่งทะยานตัวด้วยท่าร่างอันเป็นเลิศไปยังบ้านขุนนางใหญ่อ้องอุ้นเพื่อทำเรื่องประการหนึ่ง ก่อนจะเดินทางกลับคฤหาสน์ตระกูลเยี่ย
ภายในบ้านคหบดีเยี่ยหวนยามนี้ เจ้าตระกูลกำลังนั่งปรึกษาหารือเรื่องต่างๆอยู่กับกุยแก ดูจากสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักเรื่องราวเหล่านั้นย่อมหนักหนาอยู่ไม่น้อย เพราะทางเยี่ยหวนมีท่าทางร้อนรนอยู่มาก ผิดกับกุนซือหนุ่มที่ดูจะไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมาเลยสักนิด เพียงจิบน้ำชาชมดวงจันทร์ที่สว่างไสวอย่างมีความสุข
“เมื่อไหร่ท่านจะนัดแนะให้ข้าได้ทำความรู้จักกับคนผู้นั้นเสียที”
“ท่านเจ้าบ้านจะรีบร้อนไปไย?”
“ตอนนี้ศึกสงครามใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อยามจวนตัวตั๋งโต๊ะอาจลงมือปล้นสะดมพวกเราได้ทุกเมื่อ ข้ารู้มาว่าเขาเป็นคนที่ตั๋งโต๊ะกริ่งเกรงมาก หากยอมออกหน้าสกุลเยี่ยย่อมพ้นภัยได้ไม่ยาก”เยี่ยหวนอธิบายเหตุผล
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เขามอบสิ่งนี้ไว้ให้กับข้าแล้ว” กุยแกชูป้ายคำสั่งทองคำประดับพลอยแดงสีเลือดนกให้อีกฝ่ายดูชั่วขณะ ก่อนจะเก็บกลับเข้าที่ตามเดิม
“นั่นมัน!” เยี่ยหวนชะงักเล็กน้อย “ประกาศิตโศกศัลย์ ของวิเศษในข่าวลือ”
“ดังนั้นพวกเราจึงไม่จำเป็นต้องกลัวการปล้นสะดม เพราะตั๋งโต๊ะคงไม่อยากเป็นศัตรูกับเทพเซียนเป็นแน่” กุนซือหนุ่มอธิบาย
“ข้าค่อยเบาใจหน่อย” เยี่ยหวนรู้สึกดีขึ้นราวกับยกภูเขาออกจากอก
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนาในเรื่องอื่นๆ กุยแกก็เหมือนได้รับสัญญาณบางอย่าง ซึ่งมาจากซันซั่งเทียนที่นั่งอยู่บนหลังคาศาลาที่พวกเขาคุยกันอยู่ สัญญาณนั้นมีใจความเป็นแผนการขั้นต่อไปของชายหนุ่ม ซึ่งต้องใช้กุยแกเป็นคนกลางในการจัดการ กุนซือหนุ่มยิ้มบางๆเมื่อรับทราบข้อความทั้งหมดครบถ้วน
“ท่านเจ้าบ้านข้ามีเรื่องจะขอรบกวนสักเรื่อง”
“เชิญว่ามาเลย อย่าได้เกรงใจ” คนที่กำลังอารมณ์ดีบอกกล่าว
“รบกวนท่านเชิญเหล่าพ่อค้าคหบดีมีชื่อมาร่วมงานเลี้ยงของข้าในวันพรุ่งนี้ด้วยเถอะ”
และแผนการขั้นต่อไปก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...
ดรรชนีกระบี่เก้าลำนำ |
กระบี่สีฟ้า ทุ่งหิมะสุดขั้ว ปราณเย็นก่อเกิดปกคลุมรอบบริเวณ ทุกสิ่งกลายเป็นน้ำแข็ง |
กระบี่สีแดง เปลวเพลิงผลาญฟ้า ปราณร้อนหนุนเนืองไม่สิ้นสุด ก่อเกิดทะเลเพลิงแผดเผา |
กระบี่สีน้ำตาล พสุธากัมปนาท ปราณแข็งกร้าวหนักแน่นมั่นคง แผ่นดินไหวสั่นทลาย |
กระบี่สีคราม มหาสมุทรไร้ประมาณ ปราณรุนแรงถาโถม คลื่นพลังรุนแรงดุจทะเลคลั่ง |
กระบี่สีเขียวอ่อน มรกตวายุมาศ ปราณอ่อนไหวพลิ้วสะบัด รวดเร็วเฉียบขาด |
กระบี่สีขาวสลัว เมฆหมอกมายา ปราณพลังอัดแน่นก้องกังวาน คลื่นเสียงสะท้านมิอาจแยกแยะ |
กระบี่สีทอง เก้าสุริยันส่องหล้า ปราณพลังหยางก่อเกิดแสงสว่าง เจิดจรัสจ้าจนมองไม่เห็นสิ่งใด |
กระบี่สีดำ รัตติกาลนิรันดร ปราณพลังหยินยืดหยุ่นอ่อนไหว สารพัดผองภัยทะลุผ่านไร้รอย |
กระบี่แก้วผลึก กระบี่ภูษาฟ้าเจดีย์วิเศษ ร่างแก้วคุ้มกาย ม่านพลังพันแปร ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้ |
เก้าลำนำกระบี่รวมหนึ่ง ปราณไร้ลักษณ์ไร้สภาพหนุนเนือง หนึ่งดรรชนีแสวงพ่ายเดียวดาย |
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาอีกนะครับ