ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปั้นว่าเราเป็นคู่หมั้น

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 ใคร

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 66



    ปูนปั้น

     

    " ของขวัญ "

     

     

    " อย่าบอกนะว่า นี่คือว่าที่คู่หมั้นที่มึงเล่าให้ฟัง "

    " อือใช่ กูฝากรถไว้ที่นี่ก่อนนะ "

     

    ปูนปั้นตอบกลับเพื่อนไป และรีบสาวเท้าตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทันที

     

     

    " ผมขอไปด้วยนะครับ ผมเป็นญาติคนเจ็บ "

     

    พูดแค่นั้นก่อนรีบเดินขึ้นรถไปพร้อมกับของขวัญ ระหว่างทางก่อนถึงโรงพยาบาลปูนปั้นได้โทรบอกคนที่บ้านของเขา และที่บ้านน้องทันที

    ของขวัญถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินทันทีหลังจากถึงโรงพยาบาล เขานั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานทุกคนก็ตามมา

     

     

     

    " ปั้นลูก น้องเป็นยังไงบ้างลูก "

    แม่ของเขาถามขึ้นเป็นคนแรกที่มาถึง ข้างหลังก็ตามมาด้วยพ่อของเขา และคุณลุงคุณป้าของน้อง

     

     

    " ไม่รู้เลยครับแม่ "

    ใจคอไม่ค่อยดีเหมือนกันนะครับ นี่เป็นครั้งที่2 ที่รู้สึกว่าต้องมาลุ้นอะไรแบบนี้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เพราะครั้งแรกคงเป็นตอนที่แม่กำลังจะคลอดน้องตอนผมอายุ 6 -7 ขวบ

     

     

     

    เวลาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าของขวัญเป็นยังไงบ้าง จากที่นั่งในรถพยาบาลมาเหมือนจะเห็นว่ามีศีรษะที่แตก ตามเนื้อตัวมีรอยของการถูกเศษกระจกบาดประปราย

    ส่วนหน้ามีเศษกระจกบาดเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นอีกอย่างคือคราบน้ำตาที่ไหลเป็นทางอาบแก้ม ของขวัญอาจจะพึ่งหมดสติไปหรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ

     

     

     

    " ของขวัญหลานป้า อย่าเป็นอะไรเลยนะลูก "

     

     

    ป้าสะใภ้ของน้องร้องไห้จนตัวโยน ข้างๆ คุณป้ามีคุณลุงที่เลี้ยงของขวัญมาอย่างไข่ในหิน ยืนอยู่คอยประคองอยู่ไม่ห่าง

    ใช่ครับ ไข่ในหินทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกครับ พวกท่านเลี้ยงขอขวัญมาแบบนั้นจริงๆ ด้วยความที่พวกท่านไม่สามารถมีลูกได้ ก็เลยรักและดูแลของขวัญมาเป็นอย่างดีของขวัญบอกไม่อยากเรียน น้องบอกอยากได้อะไร ท่านก็ไม่เคยขัดใจเลยสักครั้ง เห็นจะมีก็แต่เรื่องหมั้นนี่แหละครับ ที่พวกท่านต้องขัด เพราะมันเป็นความประสงค์ของ พ่อแม่น้องที่ให้ไว้กับพ่อแม่ผม ก่อนท่านจะเสีย

     

    ของขวัญมีเพียงคุณลุงคุณป้าครับที่คอยเลี้ยงดู พ่อแม่ของน้องได้เสียไปนานมากแล้ว ตัวผมกับน้องไม่ค่อยสนิทกัน อาจเป็นเพราะเราเป็นเด็กคนละรุ่นกัน ของขวัญอายุห่างผม 6-7 ปีเห็นจะได้ อายุไล่เลี่ยกับพู่กันน้องชายผม

    พวกเรายังคงรอกันที่หน้าห้องฉุกเฉินอยู่หลายชั่วโมง หมอเปิดประตูออกมา

     

     

     

    " หลานดิฉันเป็นไงบ้างคะหมอ " คุณป้าถามขึ้น

     

     

     

    " หมอจะย้ายคนไข้ไปยังห้องICUก่อนนะครับ เบื้องต้นคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางอวัยวะทั้งภายนอกและภายในอย่างรุนแรง อาการข้างต้น อวัยวะภายในช่วงลำตัวเท่าที่หมอตรวจดูไม่มีการฉีกขาดแต่อย่างใด แต่มีความช้ำ

    ส่วนภายนอกมีแค่แผลฟกช้ำและบาดแผลจากการโดนเศษกระจกบาดเล็กน้อย ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือช่วงศีรษะ ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่ทางเรายังไม่พบเลือดคลั่งในสมองแต่อย่างใด "

     

     

     

    " แล้วตอนนี้หลานผมปลอดภัยหรือยังครับหมอ "

    คุณลุงถามขึ้นด้วยท่าทางร้อนใจ

     

     

     

     

    " โดยรวมหมอยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าคนไข้พ้นขีดอันตราย100% เราต้องรอดูอาการอีกทีว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนไหม ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ "

     

    " ขอบคุณครับหมอ "

     

     

    " ของขวัญลูก...... ."

    " คุณ!! "

    ทุกคนต่างตกใจเพราะคุณป้าเป็นลมล้มพับลงไปหลังจากคุณหมอพูดจบ

     

     

     

     

    ตอนนี้พวกเราทุกคนอยู่ในห้องพักฟื้นของคุณป้า เมื่อหมอตรวจดูอาการพบว่าคุณป้าความดันต่ำมาก ท่านเลยต้องนอนให้น้ำเกลือ

     

    " ปั้น พอจะรู้เหตุการณ์ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับของขวัญ แล้วคู่กรณีล่ะ "

    คุณลุงถาม

     

     

     

    " ครับ คู่กรณีเมาแล้วขับรถฝ่าไฟแดง ของขวัญหักหลบแล้ว แต่ไม่พ้น ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ แล้วไปปาดเข้ากับคนข้ามถนนอีกคนหนึ่งด้วยครับ "

    ปูนปั้นเล่าเรื่องไปตามที่เห็น

     

     

    " ตายจริง แล้วคนที่โดนปาดไปด้วยเป็นใครกัน เขาอยู่โรงพยาบาลไหนปั้นพอจะรู้ไหมลูก "

    แม่ของเขาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่ามีคนโดนลูกหลงด้วยอีกคน

     

     

     

    " เป็นพนักงานร้านเพื่อนปั้นเองครับแม่ น่าจะอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน "

    น่าจะเป็นโรงพยาบาลเดียวกันเพราะที่นี่ใกล้ที่สุดแล้ว

     

     

     

    " งั้นพาลุงไปหน่อยสิ จะได้รู้ว่าเราต้องรับผิดชอบเขายังไงบ้าง ผมฝากคุณสาสักครู่นะครับคุณวัตร คุณเพ็ญ "

     

    " ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณพล "

    พ่อของเขาตอบกลับคุณลุง หลังจากที่โทรถามต้นเพื่อความแน่ใจ ปูนปั้นได้เดินนำไปตามที่ได้สอบถามต้นไว้ ภาพที่เห็นหลังจากที่เดินไปถึง คือผู้หญิงวัยใกล้ๆ แม่ของเขานั่งกอดกับเด็กผู้ชายร่ำไห้เหมือนจะขาดใจ

     

     

    " ต้น นี่คุณลุง เป็นผู้ปกครองของคนที่ปาดสายชล "

     

    " สวัสดีครับ "

    ต้นยกมือไหว้คุณลุงหลังจากที่ปูนปั้นแนะนำเสร็จ

     

     

    " คนเจ็บเป็นยังไงบ้าง "

    คุณลุงถามต้นสน

     

     

    " เสียแล้วครับ หัวน้องไปกระแทกกับขอบฟุตบาท เลือดออกในสมอง หมอพยายามช่วยแล้วครับ ตอนนี้เหลือแค่ให้คนในครอบครัวเข้าไปสั่งลา คนที่นั่งร้องไห้อยู่เป็นแม่กับน้องของคนเสียชีวิตครับ "

    ปูนปั้นอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่นับว่าเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่คนใกล้ตัวจากไป ต้นสนเองสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

     

     

    สายชลเป็นที่รักของหลายๆ คน เป็นคนขยัน รักแม่รักน้อง เป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่เคยเกี่ยงงาน ชลเริ่มเข้ามาทำงานตั้งแต่เรียน ป.ว.ช ตอนแรกๆ ที่เข้ามาทำงาน เริ่มจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟ จนได้ทำงานบัญชีในปัจจุบัน

     

     

    ปูนปั้นเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอ็นดูสายชลเหมือนน้องคนหนึ่ง เคยทาบทามให้ไปทำงานด้วย แต่สายชลเองบอกว่าชอบงานแบบนี้มากกว่า ไม่ชอบทำงานประจำ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ได้ไปช่วยงานบ้าง เจ้าตัวเคยพูดว่าถ้าทำงานอีกสักปี ปีหน้า จะกลับไปเรียนให้จบปริญญาตรี

     

     

    " คุณครับ ผมเป็นผู้ปกครองของคู่กรณี ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ยังไงทางเราจะช่วยเยียวยาเต็มที่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ "

    คุณลุงเดินเข้าไปก้มหัวขอโทษแม่ และน้องชายของสายชลด้วยความรู้สึกเสียใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     

     

    " ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันคืออุบัติเหตุ อีกอย่างฉันเชื่อว่าลูกของคุณก็คงไม่ได้ตั้งใจ "

    แม่ของสายชลพูดทั้งน้ำตา ท่านดูใจดีไม่ต่างจากสายชลเลย นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

     

     

     

    " กูควรรู้สึกยังไงวะมึง ในชีวิต สายชลเป็นอีกหนึ่งคนที่กูมั่นใจว่าเป็นคนดีมากๆ ชลทำงานหนักเพื่อดูแลแม่และน้อง "

    ต้นที่หันหลังพิงกำแพงแล้วพูดขึ้น หลังจากที่เราทั้งคู่ปลีกตัวออกมาจากผู้ใหญ่

     

     

    " แล้วมึงรู้ปะ วันนี้ที่บอกว่าจะกลับก่อนห้างปิดคือรีบไปซื้อMacbookให้น้อง และที่ชลรีบทำงานให้เสร็จวันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องพาแม่ไปหาหมอ ทำไมวะ คนดีแบบนี้ทำไมเบื้องบนถึงชอบทำแบบนี้ ทีกับไอ้คนที่เมาขับฝ่าไฟแดงมาเสือกไม่เป็นอะไรสักอย่าง "

     

    ต้นสนพูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย ในสายตาของต้น เขาเองก็คงรักสายชลเหมือนน้องคนหนึ่ง เพราะสายชลเป็นพนักงานที่อยู่มานาน ล้มลุกคลุกคลานมากับต้นสน มาตั้งแต่ร้านยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ลำบากมาด้วยกันก็เยอะ และสายชลไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเลย

     

     

     

    " มันอาจจะถึงเวลาของชนแล้วก็ได้ "

     

    " สงสารก็แต่แม่กับไอ้แสน ขาดชลไปสักคนคงลำบากหน้าดู "

    ปูนปั้นมองไปที่น้องชายของสายชล ที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับถอดพิมพ์กันมา นั่งร้องไห้อยู่ตรงเก้าอี้ในมือกอด Macbookโดยข้างๆ มีเพื่อนของสายชลลูบหลังปลอบ แม้ว่าสภาพเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่

     

     

    เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเพื่อนสายชลคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นมาหากันที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง ปูนปั้นเองได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้สายชลไปเกิดในภพภูมิที่ดี อย่าได้มีห่วงเลย ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ขอให้ทำใจและยอมรับการจากไปได้เร็วๆ

     

    ปูนปั้นและครอบครัวอยู่ดูอาการของขวัญอีกพักหนึ่งก็ขอตัวกลับ ปูนปั้นในฐานะว่าที่คู่หมั้นอาสาเป็นธุระจัดการในหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวกับของขวัญให้ จากที่คุยกับพ่อแม่คร่าวๆ ในรถระหว่างทางกลับมา ได้บทสรุปว่าถ้าของขวัญฟื้นท่านอยากลองให้เราทั้งคู่ลองหมั่นกันให้เร็วที่สุด และแยกตัวออกมาใช้ชีวิตด้วยกันก่อน ถ้าเราทั้งคู่ตกลงปลงใจกันอยากจัดงานแต่งก็แล้วแต่เรา

     

     

    Rrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr

    ต้นสน

     

    ปูนปั้นที่กำลังจะก้าวขึ้นบ้านล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าปลายสายเป็นเพื่อนอย่างต้นสน

    " ใครเหรอลูก คุณลุงหรือเปล่า "

    เป็นแม่ที่ถามขึ้น

    " เปล่าครับ ต้นสนครับแม่ "

    " ไปคุณเข้าบ้านกัน " พ่อว่า

     

    " มีอะไรหรือเปล่ามึง "

    ปูนปั้นที่พูดขึ้นหลังจากรับสาย

     

     

    " มึง ชีพจรของสายชลกลับมาเต้นว่ะ "

     

     

     

     

     

    นับจากเหตุการณ์วันนั้นจนถึงวันนี้ได้ผ่านไปราวๆ 1เดือนเห็นจะได้ ทั้งคู่ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ปูนปั้นคอยเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ทั้งเยี่ยมไข้และคอยเปลี่ยนดอกไม้ให้ทั้งของขวัญและสายชล วันนี้เองก็เช่นกัน

     

     

    คุณลุงท่านออกค่ารักษาพยาบาลและจัดให้สายชลมาอยู่ห้องใกล้ๆ กับของขวัญ เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการดูแลของหมออีกด้วย ปูนปั้นมาห้องพักผู้ป่วยอย่างสายชลเมื่อไหร่ ก็จะเจอแม่ของชลบ้าง บางวันก็เป็นน้อง บางวันก็เป็นเพื่อนบ้าง ทุกคนต่างก็รอคอยอย่างมีหวังว่าจะได้เห็นคนบนเตียงตื่นขึ้นมาในสักวัน

     

     

    " สวัสดีครับ คุณป้า " ปูนปั้นที่มาถึงก็ยกมือไหวคุณป้าของคนไข้อย่างของขวัญเป็นมารยาท

     

    " อ่าวปูนปั้น วันนี้งานไม่ค่อยยุ่งเหรอจ๊ะ ทำไมมาซะเช้าเลย "

     

     

    " นิดหน่อยครับ พอดีผ่านมาคุยงานกับลูกค้าแถวนี้เลยแวะมาเยี่ยมครับ คุณป้าทานอะไรหรือยังครับ "

     

     " เรียบร้อยแล้วจ่ะ แล้วปั้น.... "

     

     

     

    Rrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrr

     

     

    คุณป้าพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงโทรศัพท์เข้ามาแทรกเสียก่อน

     

    " ค่ะ จริงด้วย อีก 1 ชั่วโมงเจอกันนะคะ "

     

    " มีอะไรหรือเปล่าครับ "

     

     

    " พอดีป้ามีธุระนิดหน่อย คงต้องวานคนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนขวัญ "

     

     

    " ผมอยู่เป็นเพื่อนน้องให้ไหมครับ "

     

    ปูนปั้นพูดอาสาที่จะเฝ้าคนไข้ให้ เขาเองวันนี้ก็ไม่คิดที่จะเข้าบริษัทอยู่แล้ว ตอนเย็นว่าจะเข้าไปที่ร้านของต้นสนสักหน่อย ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาก็ไม่ได้ไปอีกเลย อยู่แถวนี้ดีกว่ากลับบ้าน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลานัดแล้ว

     

     

    " ไม่รบกวนใช่ไหมลูก "

     

     

    " ไม่ครับ "

     

     

    " งั้นรบกวนหน่อยนะจ๊ะ ป้าจะรีบไปรีบกลับ "

     

    " ครับ "

    หลังจากคุณป้าออกไป ปูนปั้นได้เดินมานั่งประจำที่ตรงโซฟา ดีที่หยิบ Ipad ติดมือมาด้วย ถึงจะไม่เข้าบริษัทแต่เขาก็ยังห่วงงานอยู่ดี เวลาผ่านไปราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง เขาเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ ว่าจะลงไปหากาแฟข้างล่างดื่ม จะได้ไปหยิบสายชาร์จในรถด้วย

     

     

     

    พอกาแฟเข้าปาก โลกก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นนิดหน่อย ระหว่างทางเดินกลับไปยังห้องคนป่วย คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ในหัวก็ตั้งคำถามว่า ถ้าหากคู่หมั้นเขาตื่นขึ้นมา แล้วจะต้องหมั้นกันเลยหรือเปล่า ชีวิตของเขาจะเป็นไปในทิศทางไหนกันนะ

     

    ส่วนตัว เขาไม่ค่อยอินกับความรักในรูปแบบของคนรักสักเท่าไหร่ เขาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีคนรัก และชีวิตนี้ไม่คิดที่จะมีครอบครัว เอาจริงๆ เขาเคยมีความรักครั้งหนึ่ง แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าคนที่จะเข้ามาอยู่ในชีวิต ต้องมานั่งรอเรากลับบ้าน ต้องมาเป็นที่2รองจากงาน เพราะถ้าเขายังเอางานมาเป็นอันดับ1 ก็ไม่สมควรที่จะมีใคร

     

     

     

    " ของขวัญ! " ระหว่างคิดอะไรไปเรื่อยๆ ก็เดินมาถึงหน้าห้องที่คุ้นเคย เมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาก็ต้องตกใจ ภาพตรงหน้าที่ปูนปั้นเห็นคือของขวัญลงมานั่งอยู่ที่พื้น มือทั้งสองข้างกุมขวับ

     

     

    " ปวดหัว ผมปวดหัว "

     

    " หมอครับหมอ "

    ของในมือทั้งหมดที่เขาถือมาถูกวางลงแบบลวกๆลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ ปูนปั้นรีบกดปุ่มเรียกหมอทันที

     

    " รอก่อนนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว "

     

    " คุณ............คุณเป็นใครครับ "

     

    ------------------------------------------------

    TALK

    ติชมกันได้นะฮะ ไรท์ไม่กัด ถึงกัดก็ไม่เจ็บ ถึงเจ็บก็ไม่เป็นไร เพราะไรท์ฉีดยาแล้วจ่ะ

    อ่านให้สนุกนะฮะ บุ้ยบุย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×