ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปั้นว่าเราเป็นคู่หมั้น

    ลำดับตอนที่ #1 : 00 จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 66


    00

    (ของขวัญ)

    พ่อครับ แม่ครับ ขวัญคิดถึงพ่อกับแม่มากๆ เลยครับ โลกใบนี้มันใจร้ายกับขวัญเกินไป ไม่มีใครที่รักขวัญจริงๆ เลยสักคน มารับของขวัญไปอยู่ด้วยได้ไหม คันเร่งที่ถูกเหยียบ ตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวทั้งสองข้าง

     

     " ทำไม ทำไมวะ!!!!! "

     

     

    รถที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วบวกกับประสบการณ์ขับรถของเจ้าตัวยังน้อยเกินไป ทำให้ของขวัญไม่ทันสังเกต รถจากอีกแยกหนึ่งก็กำลังพุงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

     

     

    " เฮ้ย!!! "

     

    โครม

     

    ของขวัญตัดสินใจหักหลบแต่มันก็ยังคงไม่พ้นอยู่ดีความเร็วที่ขับมา ทำให้รถข้ามไปยังอีกฝั่งของแยกและพลิกคว่ำอยู่กลางถนน

     

     

    พอทุกอย่างหยุดลง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกาย ของขวัญหอบหายใจถี่ขึ้น ตายังรอบมองบริเวณข้างกาย กลิ่นน้ำมัน กลิ่นคาวของเลือดและกลิ่นอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่กระเด็นออกไปจากตัวรถ เพราะเขาเองก็ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย

     

     

    ตอนนี้หากเขาคลานออกไป ก็อาจจะรอด แต่ถ้ายังติดอยู่ในนี้ ไฟอาจจะลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ เหตุผลคือ เขาจะอยู่ต่อไปทำไมกัน นี่หรือเปล่า คือสิ่งที่คนคนนั้นต้องการ สายตาที่พร่ามัว เห็นรูปร่างรางๆ ของคนสองคนยืนห่างไปไม่ไกลนัก พ่อแม่ ต้องใช่แน่ๆ ท่านสองคนมารับเขาแล้วใช่ไหม

     

     

    เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างมันย้อนเข้ามาในหัว ภาพที่ในวัยเด็กที่เขาและคนคนนั้นสนิทกันมากแค่ไหน เขาดูแลและ รักขอขวัญมากแค่ไหน น่าขำนะที่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ดูเสแสร้ง ดูปลอมไปหมด แต่ทำไม เขาก็ยังรักคนใจร้ายคนนั้นอยู่ดี

     

     

    ถ้าเลือกได้ เขาขอไม่รับรู้เรื่องนี้จะดีกว่า จะเลือกนั่งวาดรูปให้เสร็จและไม่เดินลงมา แต่ในเมื่อตอนนี้เขารับรู้มันทั้งหมดแล้ว

     

     

     

     

    นี่มันคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำเพื่อคนคนนั้นได้ ในเมื่อคุณอยากให้ของขวัญตาย คงจะมีความสุขมาก ลมหายใจที่ค่อยๆ เบาลง อาการคล้ายคนจมน้ำ มันใกล้จบแล้วของขวัญ จะไม่เจ็บปวด และ ทรมานแล้วนะ เปลือกตาที่เริ่มหนักขึ้นทุกที ในที่สุดมันก็ได้ดับลง

     

     

    (สายชล)

     

     

    ก่อนหน้านั้น 3ชั่วโมง

    "สายชล เอาเครื่องดื่มชุดนี้ไปห้องคุณปั้นให้หน่อยสิ"

     

    เสียงของสาวเสิร์ฟคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้สายชลต้องเงยหน้าจากเอกสารบัญชีกองโต พบว่าเป็นพี่สวยที่ยิ้มร่าตามปกติของพี่แก

     

    " ได้ครับ วันนี้คุณปั้นมาอีกแล้วเหรอครับ ปกติเห็นมาแค่วันศุกร์-เสาร์ "

     

     

    สายชลถามขึ้น คุณปั้นที่พูดถึงคือเพื่อนสนิทเจ้าของร้านที่เขาทำงานอยู่ คุณปั้นแกเป็นลูกค้า VIP เวลามาก็จะให้สายชลคอยดูแล แถมให้ทิปหนักมาก แกเคยทาบทามให้เขาไปทำงานด้วย เห็นว่าเป็นบริษัทส่งออกเครื่องประดับอะไรสักอย่าง ถามว่าสายชลสนใจไหม

     

    สนใจครับ แต่เขาไม่ค่อยชอบทำงานประจำจริงๆ เท่าไหร่

     

    ชายชลรับทำบัญชีเบื้องต้นให้กิจการ ก็หลายที่อยู่ มันไม่จำเป็นต้องทำเช้าจรดเย็น ค่อนข้างเหลือเวลาเยอะกว่าคนทำงานประจำ รายได้ก็พออยู่ได้ไม่ได้ลำบากอะไร

     

    " ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้พี่เดินเข้าไปรับออเดอร์ เห็นคุณปั้นแกดูหน้าเครียดๆนะ "

     

     

    " อะนี่ พี่เตรียมไว้ให้แล้ว พี่ขอไปดูลูกค้าโซนนู้นก่อนนะ "

     

    " ครับ "

     

    สายชลว่าจบก็เดินถือมิกเซอร์ไปยังห้อง ตามที่ลูกค้าสั่งโดยที่ไม่ลืมเคาะประตูก่อนเข้าห้อง

     

     

    " ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ "

     

    ว่าพลางเดินไปจัดของลงโต๊ะให้ลูกค้า วันนี้มากันแค่ 3 คน มีแค่คุณต้น คุณบีม และคุณปั้น

     

     

    " วันนี้รับเด็กชงไหมครับ เดี๋ยวชลไปเรียกคนข้างล่างให้ "

     

    สายชลถามอย่างที่เคยถาม มือก็พลางจัดของที่ถือมาลงโต๊ะไปด้วย

     

     

    " อ่าว วันนี้น้องชลไม่ว่างเหรอ ไอ้ต้นใช้งานเราหนักหรือเปล่า ลาออกได้นะเดี๋ยวพี่รับเราเข้าทำงานเอง "

     

     

    คุณบีมที่พูดทีเล่นทีจริง พร้อมส่งสายตากวนๆ ให้เพื่อนสนิทอย่างคุณต้นที่นั่งอยู่ไม่ใกล้มากนัก

     

     

     

    " ให้มันน้อยๆ หน่อย คนเก่งๆอย่างชล กูไม่ยอมให้ไปทำงานที่อื่นหรอก แล้วนี่เหลือเยอะไหมชล ค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้ได้นะ พี่ส่งเอกสารให้สำนักงานวันมะรืนยังทัน "

    คุณต้นว่า

     

     

     

    " เหลือนิดหน่อยครับ ชลว่าจะรีบทำ อยากให้ทันก่อนห้างปิด "

     

    สายชลมีนัดกับไม้เอกไว้ว่าจะซื้อMacbookให้เจ้าแสนมัน นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ตัวแสบกำลังจะเข้า ป.ว.ช สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก เลยตั้งใจว่าซื้อเป็นของขวัญเปิดเทอมให้เจ้าตัวสักหน่อย เห็นแม่บอกว่าช่วงนี้ทำตัวดีขึ้นเยอะ

     

     

    " อ้อ เงินของเดือนนี้ พี่โอนให้แล้วนะ "

     

     

    " ครับ แล้วคนชงคุณต้นจะรับไหมครับ "

    สายชลถามทวนอีกครั้งให้แน่ใจ ก่อนจะออกจากห้อง

     

     

    " ไอ้ปั้น "

     

    คุณบีมตะโกนถาม เพื่อนอย่างคุณปั้นที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหน้าต่างของห้อง แกหันมาโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เอา

     

     

    สายชลทำแค่ก้มหน้าให้เล็กน้อยเป็นสัญญาณว่ารับรู้แล้ว ก่อนเดินเปิดประตูกลับออกมาทำงาน งานที่กองแทบท่วมหัวเขาอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากก็เหมือนเดิมๆ ที่เคยทำ

     

     

    ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อสายชล อายุ 22 จบแค่ ป.ว.ส สาขาบัญชี มีน้องชาย 1 คน เป็นพี่ชายคนโต น้องชายชื่อแสนซน ส่วนมากเขาจะเรียกกันว่าแสน ครอบครัวเรามีกัน 3 คน มีตัวเขา น้องและแม่ ส่วนพ่อ ท่านไปเป็นเทวดาอยู่บนฟ้าตั้งแต่ผมจบ ป.ว.ช แล้วครับ สายชลจึงเป็นเสาร์หลักของครอบครัว

     

    เขาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อจนเวลาล่วงเลยไปเกือบๆจะ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว

     

    " โอ๊ยยยย เสร็จสักที "

     

     

    สายชลที่ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อย หลังจากที่นั่งทำงานมาร่วมหลายชั่วโมง ก่อนรีบเก็บเอกสารทั้งหมด จัดไว้ให้คุณต้นที่ต้องเตรียมส่งสำนักงานบัญชี พร้อมเก็บของตัวเองไปด้วย

     

     

    " อ่าวสายชล กำลังจะกลับเหรอ ทำไมวันนี้กลับดึกจัง 

    พี่สวยเจ้าเก่าเจ้าเดิมเดินมาทัก ไม่แปลกที่แกจะทักแบบนั้น เพราะปกติ 2 ทุ่มเขาก็กลับแล้ว แต่วันนี้ตั้งใจทำงานให้เสร็จ พรุ่งนี้มีนัดว่าจะพาแม่ไปหาหมอ ไม่อยากให้แกไปเอง

     

    " พรุ่งนี้ชลมีธุระครับพี่สวย จะไม่ได้เจอกันแล้วนะครับ "       

       เขาพูดเสร็จ พี่สวยฟาดมือลงบนต้นแขนทันที

     

    เพี๊ยะ!

     

    " สายชล ทำไมพูดงั้นล่ะ โบราณเขาถือนะรู้ไหม มันเป็นลาง "  พี่สวยว่า พร้อมทำสายตาดุๆ ส่งมาให้

     

     

    " พักบ้างก็ดีนะชน ทำงานเยอะเกินไปแล้ว ทำที่นี่เสร็จก็ไปทำที่อื่นต่ออีก "

     

    พี่สวยพูดพร้อมตบไหล่เขาเบาๆ ถูกอย่างที่พี่แกพูด สายชลทำหลายที่ เพราะเขาแค่อยากให้แม่กับน้องสบายไม่ต้องลำบาก ถามว่าตอนนี้มีเงินเก็บเยอะไหม สำหรับบางคนมันอาจไม่ได้เยอะ แต่สำหรับเขาในวัย 22 มันถือว่าเยอะพอสมควร พอที่ว่า

     

     

     

    ถ้าหากวันหนึ่งเขาเป็นอะไรไป มันก็มีมากพอที่จะให้เจ้าแสนเรียนจบได้ และถึงตอนนั้นเจ้าแสนก็คงต้องเป็นคนที่ดูแลแม่ได้ดีไม่น้อยไปกว่าเขา

     

     

    สายชลคิดตลอดว่าถ้าหากวันนั้นมาถึง คนที่อยู่ข้างหลังเราต้องไม่ลำบาก คนเราไม่มีวันที่จะไม่ตายหรอกครับ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน แค่อยากทำตอนที่เรามีชีวิตอยู่ให้ดีที่สุด

     

    " ไว้พักทีเดียวตอนตายก็ได้นี่ครับ "

    " สายชล! "

     

    " โบราณเขาถือ แต่ชลไม่ถือ ไปก่อนนะครับ "

     

    สายชลพูดแหย่ทีเล่นทีจริงก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกมา

     

     

    ทิ้งให้คนที่อ้าปากจะดุได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างในคนเดียว เขาเดินขึ้นสะพานลอยข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อมารอรถที่เรียกไว้

     

     

    Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr

     

    โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เป็นสัญญาณว่ามีคนโทรเข้ามา เขารีบล้วงมันขึ้นมาเพื่อกดรับสาย

    แม่

     

    " ครับแม่ "

     

    [ทำไมเดือนนี้เงินเข้าบัญชีเยอะจังเลยชล] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

     

     

    " พอดีเดือนนี้ชลรับงานเพิ่มนิดหน่อยครับแม่ "

     

    พอดีเดือนนี้มีเพื่อนของคุณต้นฝากผมมาทำด้วย เห็นว่ามันเป็นกิจการใหม่ดูไม่มีเอกสารยุ่งยากอะไรแถมมันไม่เกินกำลังเขาเท่าไหร่ เลยรับทำ เดือนนี้เลยได้เยอะเกือบเท่าตัว

     

    [เหนื่อยไหมชล ทีหลังไม่ต้องรับเพิ่มแล้วนะลูก บ้านเราก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แค่ที่ชลทำอยู่มันเยอะมากแล้วนะลูก]

     

    " ครับแม่ วันนี้ชลกลับดึกเหนื่อยนะครับ พอดีนัดไม้เอกไว้ว่าจะไปดูคอมให้เจ้าแสนมันหน่อย "

     

     

    [โอเคจ่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้ามันดึกมากนอนคอนโดไม้เอกเลยก็ได้นะชล แม่เป็นห่วง]

     

    " ครับแม่"

    .

    .

    .

    " แม่ครับ ชลรักแม่นะครับ "

    [ แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ่ะ เดี๋ยวแม่ไปนอนก่อนนะ ]

    พอวางสายจากแม่เสร็จ เห็นเวลาบนหน้าจอก็รีบกดโทรศัพท์โทรหาไม้เอกทันที

     

     

    " ไม้เอก กูว่ามึงไปซื้อรอเลย เดี๋ยวยังไงจะโอนเงินให้ เอารุ่นที่เราดูๆ กันไว้นั่นแหละ "

     

    สายชลรีบพูดทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย พลางโอนเงินให้เพื่อนไปด้วย

     

    [ เคๆ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนเนี่ย ] อีกฝ่ายถามกลับ

    " อยู่ข้างทางวะ รอรถอยู่ โอ๊ย! "       

    สายชลร้องเสียงหลง เมื่อรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรเข้าตา

     

     

    [สาย เป็นอะไร] เสียงในสายดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง

     

    " ตัวอะไรไม่รู้เข้าตา ฉิบหาย คอนแทกต์เลนส์หลุด "

     

     

    สายชลขยี้ตาแรงไปหน่อยทำให้คอนแทกต์เลนส์ที่ใส่อยู่มันหลุดติดมือออกมาด้วย และเหมือนว่ามันจะหล่นหายไปแล้ว จึงควานหาแว่นพกติดกระเป๋ามาด้วย

     

    แต่....พบว่ามันไม่มี

     

    " เจอกันที่หน้าห้างเลยแล้วกันนะ กูลืมแว่นไว้ที่ร้านว่ะ กูรีบกลับไปเอาก่อนเดี๋ยวรถมา "

     

    [ เออๆ ได้ ]

     

    สายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้ว รีบวิ่งข้ามถนนไปทันทีเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีรถขับมาทางนี้

     

     

    เอี้ยดดดด โครม!!!! 

     

    เสียงดังสนั่น เหมือนมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก เขาหันไปมองตามเสียง แต่เห็นแค่ไฟที่สว่างมากพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ทุกอย่างก็ดับไป

     

     

    (ปูนปั้น)

     

    วี้วอ... วี้วอ...

    " ไอ้ปั้น ปิดหน้าต่างเถอะเสียงไซเรนดังขนาดนี้ไม่หนวกหูหรือไง "

     

    เขาปิดกระจกลงตามที่เพื่อนขอร้อง แต่สายตายังคงพยายามจับจ้องมองไปยังรถที่พลิกคว่ำอยู่กลางถนน นึกคิดในใจ ทำไมรถคันนั้นมันช่างคุ้นหูคุ้นตาขนาดนี้

     

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปูนปั้นเห็นเกือบทั้งหมด เหมือนว่ารถด้านหนึ่งแหกไฟแดงมา ส่วนอีกคันที่พลิกคว่ำอยู่จะหักหลบ แต่ไม่พ้นทำให้พุ่งข้ามเลนมายังอีกฝั่ง ถ้าสายตาเขามองไม่ผิดเหมือนจะหักหลบมาปาดคนที่กำลังข้ามถนนอยู่ด้วย

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!

    " คุณต้นคะ แย่แล้วค่ะ " 

     

    พนักงานคนหนึ่ง เปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น มือไม้สั่นเทา

     

    " มีอะไรสวย ใครเป็นอะไร " ต้นที่วางแก้วเหล้าลงอย่างใจเย็นถามขึ้น

     

    " เกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านเรา แล้วปาดมาโดนสายชลตอนกำลังข้ามถนนค่ะ "

     

    " หะ!!! "

     

     

    เพื่อนสองคนต่างอุทานขึ้นมาพร้อมกันไม่เว้นแม้กระทั่งเขา

     

     

    พวกเราทุกคนต่างเดินลงไปดูสถานการณ์ที่มีกู้ภัยกำลังช่วยเหลือคนที่อยู่ในรถออกมา ส่วนสายชลเหมือนว่าจะถูกนำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

     

    " กูไปโรงพยาบาลก่อนนะมึง พี่สวยฝากร้านด้วยนะ  เช็คความเรียบร้อยก่อนปิดร้านด้วย "

     

    ต้นหันมาบอกปูนปั้นและบีมที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ ไม่ลืมที่จะหันไปสั่งพนักงาน มอบหมายงานเสร็จก็รีบปลีกตัวออกไปทันที

     

     

    กู้ภัยช่วยกันนำร่างของคนในรถออกมา พอเห็นใบหน้าของคนเจ็บชัดๆ นั้นทำให้ปูนปั้นตกใจเป็นอย่างมาก เพราะร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเปลนั้นคือน้องชายข้างบ้าน และ เป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาในอีกไม่ถึงเดือน

     

    " ของขวัญ "

    " อย่าบอกนะว่า นี่คือว่าที่คู่หมั้นที่มึงเล่าให้ฟัง "

    -------------------

     

     

    TALK 

     

    เป็นเรื่องแรกหลังจากที่ตบตีกับตัวเองมาหลายปี ผิดพลาดยังไงเม้นเตือนกันได้เสมอนะฮะ

    ไรท์จะลงให้บ่อยหากมีคนอ่าน เม้นให้กำลังใจกันด้วยนะฮะ บุ้ยบุย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×