คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9: ทุ่งสมุนไพร
ในช่วงเย็นเมื่อแสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า สามพี่น้องนั่งรวมกันที่โต๊ะกินข้าวในบ้านเล็กๆ ของพวกเขา เสียงหัวเราะและบทสนทนาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข หลังจากวันที่ยากลำบาก ในที่สุดเซี่ยเหม่ยหลิงก็รู้สึกดีขึ้นมาก และอารมณ์ดีเช่นนี้ทำให้เธอกินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อย
เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงมองดูน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม พวกเขายิ้มให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร มันเป็นครั้งแรกที่เห็นเซี่ยเหม่ยหลิงกินยาขมๆ โดยไม่บ่นหรือทำหน้าเบื่อหน่าย
เช้าตรู่ของวันใหม่ เซี่ยหยวนกับเซี่ยเฉิงสองพี่น้องรีบตื่นขึ้นมาแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ทั้งคู่เตรียมผักสดที่เก็บได้จากสวนเมื่อวาน ใส่ตะกร้าอย่างเรียบร้อยและแบกออกจากบ้านด้วยความกระตือรือร้น
เซี่ยเหม่ยหลิงมองตามพี่ชายทั้งสองที่กำลังมุ่งหน้าไปส่งผักให้ร้านอาหาร นางยืนโบกมือส่งพี่ชายด้วยรอยยิ้มและตะโกนตามหลังไปว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง รีบไปรีบมานะเจ้าคะ!”
เซี่ยหยวนหันกลับมายิ้มให้ พร้อมเอ่ยตอบเสียงดัง “พวกเราจะรีบกลับมา! เจ้าคอยอยู่บ้านดีๆ นะ”
"เจ้าค่ะ เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ!"
-----
เซี่ยหยวนกับเซี่ยเฉิงที่เพิ่งกลับจากการส่งผักยังตลาด เหนื่อยล้าแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เดินเข้ามาในลานบ้านแล้วพบว่าเซี่ยเหม่ยหลิงนั่งรอพวกเขาอยู่ ใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นจนแทบเก็บไว้ไม่ไหว
“รอพวกเราอยู่เหรอ?” เซี่ยหยวนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเหม่ยหลิงพยักหน้าแรง ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้าอยากขึ้นเขาไปดูทุ่งดอกไม้ที่พี่รองไปเจอเมื่อวาน ข้าอยากดูให้แน่ใจว่าใช่อย่างที่ข้าคิดไว้ไหวนะเจ้าคะ”
เซี่ยเฉิงมองน้องสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “หืม? แล้วเจ้าคิดอะไรไว้ล่ะ”
“ไม่บอกพี่รองหรอก!” นางรีบตอบพร้อมทำหน้ามุ่งมั่น ไม่อยากให้พวกพี่ ๆ ห่วง เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงสบตากันอย่างยิ้มๆและยอมตกลง
“ถ้างั้นก็ไปเถอะ” เซี่ยหยวนพูดพร้อมกับหยิบข้าวของเตรียมตัวขึ้นเขาอีกครั้ง “แต่เจ้าอย่าฝืนตัวเองมากนักล่ะ ถ้าเหนื่อยต้องบอกเราทันที เข้าใจไหม?”
เซี่ยเหม่ยหลิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนทั้งสามพี่น้องจะออกเดินทางไปด้วยกัน มุ่งหน้าสู่ทุ่งดอกฉั่งฉิงที่รอพวกเขาอยู่บนภูเขาอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวสดชื่นยามเช้า เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องอยู่กลางป่า ทำให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความสุขและความหวัง
สามพี่น้องเดินตามทางขึ้นเขาท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า เซี่ยเหม่ยหลิงที่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย หายใจถี่จนพี่ชายทั้งสองสังเกตเห็น
“เหม่ยหลิง เจ้าโอเคหรือเปล่า?” เซี่ยหยวนถามด้วยความเป็นห่วง พลางเดินเข้ามาใกล้ ขณะที่น้องสาวพยักหน้ารับ แต่สีหน้ากลับดูซีด
"นั่นสิ ไหวไหม?" เซี่ยเฉิง
“ข้าไหวอยู่เจ้าคะ พี่ใหญ่ พี่รอง” นางตอบ แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถฝืนได้นานกว่านี้
แต่เซี่ยหยวนเห็นน้องสาวยังคงมีสีหน้าที่เหนื่อยล้า เขาจึงก้มลงบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมย่อตัวลงให้เซี่ยเหม่ยหลิงปีนขึ้นไปบนหลังเขา “เหม่ยหลิง ขึ้นมาบนหลังข้าสิ ถ้าเดินต่อไปเจ้าจะเหนื่อยมากกว่าเดิม” เขายิ้มให้ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
เซี่ยเหม่ยหลิงมองพี่ชายด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เซี่ยหยวนย่อตัวลงให้เซี่ยเหม่ยหลิงขึ้นหลัง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “มาเถอะ น้องสาว พี่จะพาเจ้าไปให้ถึงทุ่งดอกไม้นั้นเอง”
เซี่ยเหม่ยหลิงลังเลเล็กน้อย รู้สึกเขินจนหน้าแดงเพราะไม่เคยให้พี่ชายแบกมาก่อน แต่ความอยากรู้ว่า “ดอกฉั่งฉิง” ที่คิดไว้จะใช่จริงหรือไม่ก็ทำให้นางตัดสินใจยอมพิงหลังพี่ใหญ่ด้วยความไว้วางใจ
ระหว่างทาง นางกอดพี่ชายไว้แน่น ลมเย็นพัดผ่าน และนางมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น บรรยากาศเงียบสงบในป่า และเสียงฝีเท้าของพี่ใหญ่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ
“ขอบคุณเจ้าคะ พี่ใหญ่” นางเอ่ยเสียงเบา ขณะมองดูเส้นทางด้านหน้า
เซี่ยเหม่ยหลิงนั่งอยู่บนหลังพี่ใหญ่ พลางจับบ่าของเขาไว้แน่นด้วยความเขินอาย หน้าแดงระเรื่อจนไม่กล้ามองพี่รองที่เดินข้างๆ แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเซี่ยเฉิง
“น้องสาวเราเขินจนหน้าแดงเลยนะ ข้าคิดว่าเจ้าไม่ยอมเสียอีก” เซี่ยเฉิงเอ่ยแซวพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ นางมองค้อนพี่รองเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ซบหน้าลงกับบ่าของเซี่ยหยวนเพื่อซ่อนความเขิน
เซี่ยหยวนหันมายิ้มพลางพูดอย่างเอ็นดู “อย่าล้อนางสิ”
เซี่ยเฉิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ข้าล้อเล่นนิดหน่อยเอง น้องสาวเราออกจะน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดล้อได้”
แม้จะรู้สึกเขินๆ แต่คำพูดของพี่ชายทั้งสองก็ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจ นางหัวเราะเบาๆ พลางคิดในใจว่าแม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก แต่การมีพี่ชายที่รักและดูแลอย่างนี้ก็คือสิ่งที่นางขอบคุณ
รอบๆ ข้างเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ทอดเงาเย็นสบายตลอดเส้นทาง ใบไม้เขียวขจีสลับกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านใบไม้ลงมาเป็นลายพร่างพรายยามต้องสายลม รู้สึกถึงกลิ่นหอมสดชื่นของดินและพืชพันธุ์ที่ยิ่งทำให้บรรยากาศร่มรื่นมากขึ้น
เซี่ยเหม่ยหลิงที่นั่งอยู่บนหลังพี่ใหญ่แอบชำเลืองมองทิวทัศน์รอบข้างด้วยความตื่นเต้น บางทีก็เผลอยิ้มเมื่อเห็นนกตัวน้อยบินผ่าน หรือได้ยินเสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ จนเหมือนเสียงดนตรีที่บรรเลงไปกับจังหวะการก้าวเดินของพี่ชาย
“อีกไม่ไกลแล้วน้องสาว ข้าเห็นทุ่งดอกไม้ข้างหน้าแล้ว” เซี่ยเฉิงเอ่ยบอก ขณะที่เดินเข้าใกล้พื้นที่ที่เต็มไปด้วยดอกฉั่งฉิง
เซี่ยเหม่ยหลิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เป็นประกาย รีบผละจากบ่าพี่ใหญ่แล้วจ้องมองทุ่งดอกไม้ข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น พื้นที่เบื้องหน้าปกคลุมด้วยดอกไม้สีแดงสดใสที่พลิ้วไหวไปตามลมเบาๆ
เมื่อเดินไปสักพัก ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทุ่งดอกฉั่งฉิงที่พี่รองเคยพูดถึง ความสวยงามของทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสทำให้เซี่ยเหม่ยหลิงตาโต นางลงจากหลังพี่ชายและวิ่งไปกลางทุ่งดอกไม้ด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงตามน้องสาวไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและความดีใจของน้องสาว มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าแรงกายที่ใช้มาทั้งหมดนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง
“เจ้าชอบไหมเหม่ยหลิง?” เซี่ยเฉิงถามเมื่อมาถึงข้างๆ นาง
เมื่อเซี่ยเหม่ยหลิงมาถึงทุ่งดอกไม้ นางรีบลงจากหลังพี่ใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ตาโตเหมือนเด็กน้อยที่เห็นของเล่นใหม่ๆ นางยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้สีสันสดใส และเมื่อได้เห็นดอกฉั่งฉิงที่สวยงามเรียงรายอยู่ตรงหน้า นางก็ไม่สามารถเก็บอาการดีใจไว้ได้ “มันคือฉั่งฉิงจริงๆ!” นางร้องด้วยเสียงหวาน
เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงมองไปที่ดอกไม้ด้วยความสงสัย “ฉั่งฉิง? มันคืออะไรเหรอ?” พี่ชายทั้งสองเอ่ยถามพร้อมกัน
“ฉั่งฉิงเป็นสมุนไพรเจ้าค่ะ!” เซี่ยเหม่ยหลิงอธิบายด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา “ขายได้ราคาแพงทีเดียว!” นางยิ้มกว้าง สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น
เมื่อได้ยินคำตอบของเซี่ยเหม่ยหลิงว่า ดอกฉั่งฉิงขายได้ราคาแพงทีเดียว สองพี่น้องก็ถึงกับตกตะลึง พวกเขามองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ เซี่ยเฉิงเอ่ยถามเสียงสูง “เจ้าว่าขายได้จริงหรือ?”
เซี่ยเหม่ยหลิงยิ้มกว้างและพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดถึงกันว่าดอกฉั่งฉิงมีสรรพคุณทางยา ยิ่งเก็บได้สดๆ ก็ยิ่งมีมูลค่าสูง ร้านขายยาต้องการมาก”
เซี่ยหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่ดอกฉั่งฉิงเต็มทุ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก “มันจะขายได้จริงๆ เหรอ?”
เซี่ยเฉิงที่เชื่อน้องสาวอย่างเต็มใจ หันไปตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ถ้าน้องสาวบอกว่าขายได้ ข้าก็เชื่อ!"
"ถ้าเช่นนั้นลองเก็บไปขายดูก่อนดีไหมเจ้าคะ? ถ้ามันขายได้ราคาดีจริง เราค่อยกลับมาเก็บอีกครั้ง” เซี่ยเหม่ยหลิงเอ่ย
เซี่ยเฉิงกลับแย้งทันที “ไม่ได้หรอก! ถ้าเราไม่เก็บให้หมดตอนนี้ แล้วคนอื่นมาเห็นเข้า พวกเขาอาจจะมาเก็บไปก่อนเรา!”
เซี่ยเหม่ยหลิงหัวเราะเบาๆ แล้วปลอบพี่ชายว่า “พี่รองไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ ทุ่งดอกฉั่งฉิงนี้กว้างใหญ่ และไม่ใช่ว่าจะมีคนรู้คุณค่าของมันกันง่ายๆ พวกเราค่อยๆ เก็บก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ยังมาเก็บใหม่ได้”
เซี่ยหยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว “จริงอย่างที่เจ้าว่า เราค่อยๆ เก็บไปเถอะ แล้วลองเอาไปขายดู ถ้าได้ราคาดีจริง พวกเราค่อยมาเก็บเพิ่ม”
เซี่ยเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มคลายความกังวลลง
เซี่ยเหม่ยหลิงยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่พวกเขาเก็บดอกฉั่งฉิงกันอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าต้องเตือนพี่ชายทั้งสอง เพื่อไม่ให้ดอกไม้ที่งดงามถูกทำลายไปมากกว่านี้ นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “พี่ใหญ่ พี่รอง เก็บดอกฉั่งฉิงเบาๆ หน่อยนะเจ้าคะ”
“ทำไมล่ะ?” เซี่ยหยวนถามกลับด้วยความสงสัย ขณะกำลังดึงดอกไม้ขึ้นจากดิน
“ถ้าเก็บแรงไป ดอกไม้จะช้ำและเสียหายได้ค่ะ” เซี่ยเหม่ยหลิงอธิบาย “ราคาก็จะตกลงนะเจ้าคะ?”
เซี่ยเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “น้องสาวพูดถูกแล้ว จ้าจะระมัดระวังให้มากขึ้น” เขาลดเสียงและพยายามเก็บดอกไม้ด้วยความเบามือมากขึ้น ขณะเดียวกันก็หันมองพี่ใหญ่ด้วย “พี่ใหญ่ก็เหมือนกันนะ”
“เข้าใจแล้ว” เซี่ยหยวนตอบรับ เขาก็เริ่มเก็บดอกไม้ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น