ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดดวงใจแม่ทัพทมิฬ

    ลำดับตอนที่ #9 : รอคอยกำลังเสริม

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 67


    เซียวหรงมองสิ่งที่อี้หลงยื่นมาให้ด้วยความสนใจ เขารับมันมาในมือและจ้องมองอย่างพิจารณา เป็นวัตถุบางอย่างที่ดูจะไม่ธรรมดา เป็นแผ่นเหล็กสีหม่นขนาดเล็กที่สลักลวดลายซับซ้อน สัญลักษณ์บางอย่างที่ดูเหมือนตราประจำตระกูลที่เขาคุ้นเคยแต่อธิบายไม่ได้

    "นี่มัน... สัญลักษณ์ของตระกูลเสิ่นมิใช่หรือ?" เซียวหรงเอ่ยเบาๆ ขณะจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือ

    อี้หลงพยักหน้า "ใช่ขอรับ ข้าเจอสิ่งนี้ติดตัวของชายที่ข้าน้อยพึ่งจัดการไปเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาเป็นสายข่าวจากใครบางคนที่เราคาดไม่ถึง"

    เซียวหรงขมวดคิ้ว ความรู้สึกหวาดระแวงเริ่มครอบคลุมจิตใจ แม้เขาจะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงและความวุ่นวาย แต่ก็ยังมีผู้ติดตามหรือสายลับแอบสอดแนมเสมอ เขาหมุนแผ่นเหล็กนั้นไปมาในมืออย่างพิจารณา "หากตระกูลเสิ่นรู้ว่าข้ามาอยู่แถวนี้ พวกเขาอาจมีแผนการบางอย่างที่พวกเราไม่อาจปล่อยให้เป็นไปตามแผนของพวกนั้นได้"

    อี้หลงที่เฝ้าดูสีหน้าของเจ้านายอย่างกังวลก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "คุณชายต้องการให้ข้าจัดการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ? พวกเรายังมีเวลาในการวางแผนตอบโต้เพื่อความปลอดภัยของท่าน"

    เซียวหรงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ "ไม่ต้องรีบร้อน ข้าต้องรู้ก่อนว่าแผนการของพวกเขาคืออะไร" เขาพลิกดูแผ่นเหล็กอีกครั้ง ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาไม่อาจซ่อนตัวได้อีกต่อไป

    "ข้าจะต้องติดตามพวกมันเพื่อให้รู้เป้าหมายแน่ชัด" เซียวหรงกล่าวเสียงเบาแต่หนักแน่น "บอกคนของเราว่าคอยเฝ้าระวัง และอย่าให้ใครรู้ตัว"

    อี้หลงพยักหน้าอย่างเคารพพร้อมรับคำสั่งทันที "ข้าจะจัดการให้ตามที่คุณชายบอกขอรับ"

    หลังจากนั้นไม่นาน เซียวหรงก็กำแผ่นเหล็กแน่นและเก็บมันไว้ในอกเสื้อของตนเอง สายตาของเขาสอดส่องไปยังทางที่เขามาพร้อมกับความคิดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น "หากพวกมันคิดจะเปิดศึก ข้าก็พร้อมรับมือทุกทาง"

    เซียวหรงยิ้มอย่างเย็นชา มุ่งหน้ากลับไปยังจุดที่เขาวางแผนไว้ พลางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้ทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อปกป้องความลับที่สำคัญที่สุดนี้

    ขณะเดียวกันในกระโจมใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางค่ายทหาร บรรยากาศร้อนระอุเต็มไปด้วยกลิ่นควันและเสียงพูดคุยของแม่ทัพและนายทหารชั้นสูงที่กำลังประชุมกันอยู่ ข้างนอกเสียงการเคลื่อนไหวของทหารที่เตรียมตัวก่อนการรบอื้ออึงไปทั่วบริเวณ

    หลี่หยางเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ที่มีชื่อเสียงในด้านการรบ ยืนอยู่ที่หัวโต๊ะ เขามีรูปร่างสูงใหญ่และมีใบหน้าที่เข้มแข็ง ดวงตาคมกริบส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น ขณะนี้เขากำลังพิจารณากลยุทธ์ที่จะใช้ในสนามรบที่กำลังจะมาถึง

    "สถานการณ์ที่ชายแดนไม่ค่อยดีนัก" หลี่หยางเจี้ยนกล่าวอย่างจริงจัง "ข้ารับรู้ว่าศัตรูมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาส่งทหารจำนวนมากมาเสริมกำลัง"

    นายทหารคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รีบพูดเสริม "ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าพบข่าวว่าศัตรูวางแผนโจมตีเราจากหลายทิศทางในเวลาเดียวกัน พวกเขาอาจหวังให้เราแตกต่างกันในด้านกำลัง"

    หลี่หยางเจี้ยนขมวดคิ้ว “เราไม่อาจให้พวกเขามีโอกาสเข้าถึงจุดอ่อนของเราได้ เราต้องเตรียมการตอบโต้โดยทันที”

    “เราควรแบ่งทัพออกเป็นสองกลุ่ม” หนึ่งในนายทหารกล่าว “กลุ่มแรกจะตั้งรับที่แนวหน้า ในขณะที่อีกกลุ่มจะเคลื่อนที่ไปโจมตีด้านหลังพวกเขา”

    หลี่หยางเจี้ยนพยักหน้า “แน่นอน แต่เราต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารระหว่างกองทัพ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในระหว่างการต่อสู้”

    “ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าจะจัดให้มีการส่งสัญญาณอย่างชัดเจน” อีกคนหนึ่งรีบตอบรับ

    ขณะนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นและแม่ทัพคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเป็นแม่ทัพรองที่เพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวน เส้นผมที่เหนียวแน่นไปด้วยเหงื่อและใบหน้าที่มีร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าบ่งบอกถึงการทำงานอย่างหนัก

    “ท่านแม่ทัพ ข้ามีข่าวสำคัญ” แม่ทัพรองพูดขึ้นเสียงเข้ม “เราเจอการเคลื่อนไหวของทหารศัตรูที่แนวตะวันออก พวกเขากำลังเตรียมการเข้ามายังแนวชายแดนของเรา”

    หลี่หยางเจี้ยนเงยหน้าขึ้นทันที “เจ้าได้ประเมินจำนวนทหารของศัตรูหรือไม่?”

    “จากการสังเกต พวกเขาอาจมีมากกว่าสามพันนาย” แม่ทัพรองตอบอย่างมั่นใจ “พวกเขากำลังพยายามล่อให้เราออกจากแนวป้องกัน เพื่อสร้างโอกาสในการโจมตี”

    หลี่หยางเจี้ยนพิจารณาข้อมูลที่ได้ เขาหมายมั่นว่าจะไม่ให้ศัตรูหลอกลวงได้ “หากเป็นเช่นนั้น เราจะต้องรักษากำลังให้เข้มแข็งที่แนวหน้าและเตรียมการต่อสู้ที่ว่องไว”

    “ขอรับท่านแม่ทัพ” ทุกคนในห้องตอบรับเสียงพร้อมกัน

    “ให้ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะเริ่มการฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายในตอนนี้ เพื่อให้ทุกคนพร้อมสำหรับการรบ” เขากล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขามาล่วงล้ำแผ่นดินของเราได้”

    การประชุมจบลงด้วยบรรยากาศของความมุ่งมั่นและพลังที่เต็มเปี่ยม ในขณะที่แม่ทัพใหญ่หลี่หยางเจี้ยนหันไปมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง เขารู้ดีว่าการรบที่รออยู่ข้างหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขามั่นใจว่าทหารของเขาจะสู้จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องแผ่นดินและประชาชน

    “ไปเถอะ เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เป็นวันของเรา” หลี่หยางเจี้ยนกล่าวด้วยเสียงที่แน่วแน่ ขณะที่ทหารทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัวในภารกิจของตนอย่างเต็มกำลัง

    ขณะที่ทหารทั้งหมดเตรียมตัวอย่างสุดความสามารถ แม่ทัพใหญ่หลี่หยางเจี้ยนก็ยืนอยู่ที่ริมแนวป้องกัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่แนวชายแดนที่ห่างออกไป ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า สะท้อนแสงส้มสวยงามแต่กลับมาพร้อมกับความกดดันที่เพิ่มขึ้น เขารู้ดีว่าการรบครั้งนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของแคว้น

    “ข่าวจากกองหลังเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หยางเจี้ยนหันไปถามแม่ทัพรองที่ยืนอยู่ข้างๆ

    “ขอรับท่านแม่ทัพ” แม่ทัพรองตอบอย่างรวดเร็ว “กองทัพศัตรูกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ โดยมีการจัดทัพที่แน่นหนา ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะเปิดฉากการโจมตีในเร็วๆ นี้”

    “แล้วกำลังเสริมล่ะ?” เขาถามด้วยความกังวล “เราต้องการพวกเขาอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสร้างกำลังในการป้องกัน”

    “ข้ารับรองว่าพวกเขาจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่สามารถกำหนดได้” แม่ทัพรองกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “พวกเราต้องเตรียมการด้วยตัวเองในระหว่างนี้”

    “เราไม่มีทางเลือก” หลี่หยางเจี้ยนพูดเสียงหนัก “ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมหรือการตั้งรับ เราต้องมั่นใจในกำลังที่เรามี”

    เสียงของการเตรียมความพร้อมดังขึ้น ทุกคนต่างรีบทำหน้าที่ของตน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมอาวุธหรือการฝึกซ้อมการต่อสู้ ทุกคนรู้ดีว่าการรบกำลังใกล้เข้ามา และไม่มีเวลาสำหรับการผ่อนคลาย

    ในขณะที่ทุกคนยุ่งอยู่กับการเตรียมการ หลี่หยางเจี้ยนก็เริ่มจัดการกับแผนการต่อสู้ของเขาเอง เขารู้ดีว่าการใช้กำลังเสริมที่ไม่มาถึงในทันทีนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาแนวป้องกัน

    “ให้ทุกคนเพิ่มการลาดตระเวนให้มากขึ้น” เขาสั่งการ “เพื่อให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของศัตรู”

    “ขอรับท่านแม่ทัพ” นายทหารคนหนึ่งตอบรับคำสั่งด้วยเสียงมั่นใจ ก่อนจะกลับไปจัดการกับภารกิจของเขา

    หลี่หยางเจี้ยนรู้สึกถึงความกดดันในใจ แม้ว่าเขาจะเตรียมการทุกอย่างอย่างดีที่สุด แต่การรบเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ศัตรูอาจมีแผนการที่ซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคิดไว้

    “สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือฝึกซ้อมและเตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้” หลี่หยางเจี้ยนคิดในใจ ขณะที่มองไปที่ทหารที่กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก

    ในช่วงค่ำ มันเริ่มมืดลง และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยดาว เขาเดินไปที่ค่ายของทหารและเห็นทุกคนเตรียมอาหารและพักผ่อนก่อนที่จะเข้าสู่การต่อสู้ที่สำคัญในวันรุ่งขึ้น

    “คืนนี้เราจะพักผ่อนให้เต็มที่” เขากล่าวกับทุกคน “พรุ่งนี้เราต้องมีจิตใจที่มั่นคงและร่างกายที่แข็งแรงเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู”

    หลังจากที่ทหารทุกคนได้ยินคำพูดของเขา ก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น พวกเขากระจายตัวไปตามแคมป์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อนในคืนที่สงบ แต่ในใจลึกๆ พวกเขาทุกคนรู้ว่าในเช้าวันพรุ่งนี้ การทดสอบที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น

    “หวังว่ากำลังเสริมจะมาถึงในเร็วๆ นี้” หลี่หยางเจี้ยนคิดในใจ ขณะที่นั่งอยู่บนหินหน้ายักษ์ที่อยู่ริมค่าย เขามองไปที่แนวชายแดนที่มืดมิด และรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่รออยู่ข้างหน้า

    -----

    ซูเหม่ยหลินเดินกลับมาถึงบ้านในยามเย็น แสงจันทร์สาดส่องสลัวๆ ผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่มารดาของนางกำลังนั่งเย็บชุดอยู่ที่มุมห้องอย่างเงียบๆ ใบหน้าของซูหรงดูหมองหม่น และแววตาที่จ้องเข็มเย็บผ้าในมือนั้นเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ราวกับไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าเลย

    ซูเหม่ยหลินรู้ว่ามารดาไม่สามารถปลงใจยอมรับเรื่องที่นางเสนอได้ง่ายๆ นางเองก็เข้าใจและรู้สึกเศร้าไม่แพ้กัน

    หลังจากที่นั่งอยู่เงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ซูเหม่ยหลินก็เอ่ยถามเบาๆ "ท่านแม่… ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ? นั่งเย็บผ้าทั้งวันเลย"

    ซูหรงชะงักเล็กน้อย ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆ นางหันมามองซูเหม่ยหลินก่อนจะยิ้มบางๆ แต่แววตายังเต็มไปด้วยความกังวลใจ "แม่แค่…คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลูกไม่ต้องห่วงหรอก"

    “ท่านแม่…” ซูเหม่ยหลินเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ขณะที่เดินเข้าไปใกล้

    “รีบไปกินข้าวเถอะ แม่ทำไว้ให้แล้ว” ซูหรงเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำและยิ้มให้ลูกสาว แม้จะพยายามแสดงความสดใส แต่ซูเหม่ยหลินก็เห็นรอยคล้ำใต้ตาของมารดา

    “ท่านแม่ ทำไมถึงนั่งเย็บชุดอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?” ซูเหม่ยหลินถามด้วยความกังวล นางรู้ว่ามารดาไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะทำอะไรแบบนี้ในช่วงเวลาที่มีเรื่องเครียด

    “ข้าเพียงแค่คิดว่าจะต้องเตรียมชุดดีๆให้เจ้าติดตัวไปด้วย...” ซูหรงตอบ แต่เสียงของนางนั้นกลับมีความเศร้าแฝงอยู่

    “ท่านแม่… ท่านไม่จำเป็นต้องทำชุดใหม่ก็ได้นะเจ้าคะ” ซูเหม่ยหลินพูดเพื่อปลอบใจ มารดาของเธอไม่ควรต้องคิดถึงสิ่งเหล่านั้นในช่วงเวลาที่วุ่นวาย

    “ไม่! ข้าต้องทำ” ซูหรงพูดเสียงแข็งขึ้น “...ถ้าไม่ได้ทำข้าไม่สบายใจ....”

    “ท่านแม่ ท่านอย่าหักโหมจนเกินไปเลย ชุดไหนก็ไม่สำคัญเท่าสุขภาพของท่านหรอก” ซูเหม่ยหลินพยายามบอก

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×