คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9: การพูดคุยระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้
ซูเฟยหรงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของฮองเฮา แต่อาการเกร็งก็ยังไม่หายไปไหน นางพยายามลุกขึ้น แต่เหมือนว่าขาอ่อนแรงทำให้ต้องใช้เวลาเพื่อทรงตัวให้มั่นคง นางรู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำมาส่องแสง
ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นสูงอย่างสงบนิ่ง สายตาของพระนางเปรียบเสมือนอสรพิษที่จ้องมองเหยื่ออย่างไม่วางตา เห็นแล้วอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ ซูเฟยหรงรู้ดีว่าฮองเฮาเป็นผู้มีอำนาจและอาจมีความเข้มงวดอยู่ในทุกเรื่อง นางไม่กล้าทำให้พระนางไม่พอใจ แม้กระทั่งเสียงกระซิบหรือความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็อาจทำให้ถูกตำหนิติเตียนได้
ฮองเฮาได้ใช้เสียงที่ดังกังวานสั่งการให้หยางเซียงสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายออกไป “เจ้าออกไปรอข้างนอกซะ”
"...เพคะฮองเฮา" หยางเซียงรีบพยักหน้า รับคำสั่งด้วยความกังวลใจ จากนั้นนางก็หันหลังเดินออกไป ยังไม่วายมองไปที่ซูเฟยหรงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความห่วงใย ก่อนที่จะปิดประตูอย่างเงียบ ๆ
ซูเฟยหรงลุกขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ สายตาของฮองเฮาที่จ้องมองมานั้นทำให้หัวใจของนางเต้นแรงและรู้สึกเกร็งเป็นพิเศษ นางตระหนักว่าอยู่ต่อหน้าอำนาจที่มีความน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวกว่าที่คิดไว้เสียอีก
“เจ้าคงรู้เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาแล้วสินะ” ฮองเฮาถามเสียงเรียบ น้ำเสียงเยือกเย็นและปราศจากความอ่อนโยน สร้างบรรยากาศอึมครึมรอบตัวซูเฟยหรง
ซูเฟยหรงกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกจากอก “หะ...หม่อมไม่ทราบ...เพคะ” นางตอบเสียงสั่น เผชิญหน้ากับพระนางในขณะที่ความกังวลและความกลัวเข้ามาครอบงำ ไม่คิดว่าจะเกรงขนาดนี้
ฮองเฮาไม่มีอาการอ่อนโยนใดๆ นางทอดสายตามองนางด้วยท่าทางเย็นชาราวกับเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่อ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจ นางเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน “เจ้าได้ตำแหน่งนี้มาได้ยังไง เจ้าคงรู้สินะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูเฟยหรงรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องด้วยเปลวไฟ ความรู้สึกสับสนแล่นเข้ามาในใจ นางกลั้นหายใจ รู้สึกถึงความกดดันที่เกิดขึ้น นางพยายามเปิดปากแต่เสียงก็ไม่ยอมออกมา ราวกับว่าคำพูดทั้งหมดติดอยู่ในลำคอ
“หากไม่รู้ก็คงแปลก” ฮองเฮาเอ่ยอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับยกชามในมือขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ แต่ความรู้สึกในบรรยากาศกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย ราวกับว่าทุกคำที่นางพูดนั้นมีน้ำหนักและแรงกดดันที่มากมาย
“หากเจ้าไม่เคยคิดจะขัดขืนหรือไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ ก็ควรรู้จักทำหน้าที่ของตนให้ดี” ฮองเฮากล่าวต่อ พร้อมด้วยสายตาที่มองผ่านซูเฟยหรงไปยังบางสิ่งที่อยู่ไกลออกไป นางทำให้ซูเฟยหรงรู้สึกว่าอนาคตของนางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่นางเคยหวังไว้
ซูเฟยหรงเริ่มรู้สึกว่านางอาจจะต้องเตรียมตัวเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงมากกว่าที่นางคิดไว้ และสายตาของฮองเฮาก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ
ฮองเฮายังคงมองนางด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แววตาของพระนางดูน่ากลัวจนซูเฟยหรงรู้สึกอยากจะหลบหลีกไปเสียตอนนี้ ทั้งหมดที่นางทำอยู่ดูเหมือนจะไม่ได้สร้างความพอใจให้กับฮองเฮาแม้แต่น้อย “ถ้าเจ้าทำให้เจ้าสามเดือดร้อนข้าจะลงมือจัดการกับเจ้าด้วยตัวเอง” ฮองเฮาเอ่ยต่อ น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลัง
ซูเฟยหรงก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับฮองเฮา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นนางรู้สึกเหมือนว่าแรงกดดันทั้งหมดถาโถมเข้ามา 'เกี่ยวอะไรกับข้ากัน'
“หรือหากเจ้าคิดว่าตำแหน่งพระชายาของเจ้าจะช่วยให้เจ้ามีอำนาจหรือความสำคัญในวังนี้ได้ ขอให้รู้ไว้ว่ามันเป็นความคิดที่ผิด” ฮองเฮายกมือขึ้นอย่างดุร้าย
ความกดดันจากพระนางทำให้ซูเฟยหรงรู้สึกเหมือนมีขาตั้งอยู่บนอก ไม่สามารถหายใจได้สะดวก นางต้องพยายามอย่างมากที่จะเก็บอารมณ์และแสดงออกอย่างมีมารยาท
'ใครเขาอยากแต่งกัน อยู่ดีๆก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้ไม่พอ ยังจะ....เฮ้อ!'
แต่นางก็ตัดสินใจเอ่ยออกไปตามตรงในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่พอใจนาง นางก็ไม่พอใจกับงานแต่งงานเหมือนกันนั่นแหละ!
"ทูลฮองเฮา...หม่อมฉันรู้ว่าองค์ชายทรงไม่พอใจที่ต้องแต่งงานกับหม่อมฉัน..และหม่อมฉันได้ส่งจดหมายเรื่องหย่าไปถึงองค์ชายสามแล้วเพคะ" นางเอ่ย
ฮองเฮายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของซูเฟยหรง ความประหลาดใจสะท้อนออกมาในดวงตาของเธอ “เจ้าส่งจดหมายขอหย่าไปแล้ว? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?” เสียงของฮองเฮาแฝงไปด้วยความสงสัยพลางพิจารณาว่าจริงดังที่เอ่ยมาไหม
“หม่อมฉันไม่คิดว่าพระองค์จะให้ความสนใจ” ซูเฟยหรงตอบอย่างระมัดระวัง รู้ดีว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนเส้นทางที่อันตราย หากพูดมากเกินไปอาจจะทำให้ฮองเฮาไม่พอใจได้
ฮองเฮามองนางด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่เชื่อถือ นางไม่เคยเห็นลูกสะใภ้คนนี้แสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้มาก่อน “เจ้าคิดว่าการขอหย่าของเจ้าเป็นเรื่องง่ายดายเชียวหรือ?” ถึงแม้ว่านางจะดีใจเพราะว่านางก็ไม่เห็นด้วยที่ลูกสามต้องแต่งงานกับสะใภ้เช่นนี้แต่เรื่องนี้คงไม่ง่าย
“หม่อมฉันทราบดีเพคะ” ซูเฟยหรงตอบอย่างมั่นใจ “แต่หม่อมฉันคิดว่าเมื่อองค์ชายได้รับจดหมายแล้ว คงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
ฮองเฮาเริ่มรู้สึกสนใจในความตั้งใจของซูเฟยหรงมากขึ้น “เจ้ากล้าทำเช่นนั้น แสดงว่ามีความแน่วแน่ในสิ่งที่ต้องการ” นางมองไปที่ซูเฟยหรงด้วยสายตาที่แสดงถึงการทดสอบ นางรู้สึกว่าซูเฟยหรงอาจจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่อ่อนแอเหมือนที่นางคิด
“หากเจ้าสามารถทำให้เจ้าสามยอมรับคำขอของเจ้าได้ ข้าก็จะเห็นด้วยกับเจ้า” ฮองเฮาตัดสินใจเปิดโอกาสให้ซูเฟยหรง “และจะช่วยพูดกับฝ่าบาทให้” ถ้าซูเฟยหรงเห็นด้วยเสนาบดีกรมพระคลังคงโต้แย้งไม่ได้
ซูเฟยหรงรู้สึกดีใจมาก เมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางพยายามเก็บอาการ “หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุดเพคะ” นางตอบอย่างมุ่งมั่น โดยหวังว่าจะสามารถดำเนินแผนการของตนได้สำเร็จ
ฮองเฮาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่ความเงียบของพระนางกลับทำให้ซูเฟยหรงรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยังคงอยู่ นางรู้ว่าตนเองต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ฮองเฮาเอ่ยเสร็จแล้วก็หันหลังให้ นางเริ่มรู้สึกไม่พอใจและไม่อยากจะพูดคุยต่อกับซูเฟยหรงอีก นางรู้สึกว่าลูกสะใภ้คนนี้ยังห่างไกลจากความคาดหวังที่มี
"เพคะ"
“ดีมาก” ฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็นและนุ่ม ก่อนจะวางชามลงบนโต๊ะ “ข้าชอบคนที่มีความทะเยอทะยาน แต่เจ้าต้องรู้ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอาจจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเจ้าได้”
ซูเฟยหรงรับรู้ถึงความหมายในคำพูดของฮองเฮา นางรู้ดีว่าถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่การมีศัตรูในวังหลวงย่อมเป็นอันตรายอย่างยิ่ง นางยิ้มแหย่เพื่อแสดงความมั่นใจ “หม่อมฉันเข้าใจเพคะ และจะไม่ทำให้พระองค์ต้องผิดหวัง”
ฮองเฮาจ้องมองนางนิ่งๆ แล้วกลับไปสนใจกับชามที่วางอยู่บนโต๊ะ “แล้วถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือเจ้าจริงๆ เจ้าต้องบอกให้ข้ารู้ เพราะตอนนี้เจ้าขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสะใภ้ของข้าอยู่”
ซูเฟยหรงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น มันเป็นข้อเสนอที่นางไม่คาดคิด “หม่อมฉันจะไม่ลืมพระคุณของฮองเฮาเพคะ” นางพูดอย่างจริงจัง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับแผนการที่นางวางไว้
“เจ้าควรกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม” ฮองเฮาเริ่มเปลี่ยนท่าที โดยยกมือขึ้นบอก
“หม่อมฉันจะทำตามคำสั่งเพคะ” ซูเฟยหรงพยักหน้าและเตรียมตัวลุกขึ้นจากพื้น แต่ก่อนที่นางจะลุกไป ฮองเฮาเรียกนางไว้
“ซูเฟยหรง” ฮองเฮาเอ่ยชื่อเต็มของนางอย่างมีน้ำเสียงที่จริงจัง “เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี วังหลวงนี้เต็มไปด้วยเล่ห์กล หากเจ้าหลงทางเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย”
“หม่อมฉันจะระมัดระวังเพคะ” ซูเฟยหรงรับคำ และเริ่มรู้สึกหนักใจมากขึ้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเผชิญในอนาคต
เมื่อออกจากห้อง ฮองเฮาได้กลับไปนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา โดยมองไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด บรรยากาศในวังหลวงยามนี้กลับรู้สึกเย็นยะเยือก สัญญาณบอกถึงความไม่แน่นอนที่รอคอยอยู่
เมื่อซูเฟยหรงกลับมาที่จวน อารมณ์ของนางกลับเต็มไปด้วยความกดดันจากการเผชิญหน้ากับฮองเฮา นางรู้ว่าการขอหย่าไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้กลยุทธ์มากมายในการจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้
เมื่อซูเฟยหรงออกจากห้องของฮองเฮา หยางเซียงที่ยืนรออยู่ที่ประตูเห็นสีหน้าของพระชายา ซีดเซียวจนผิดปกติ นางจึงรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง “พระชายา! ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ทำไมถึงดูไม่ดีเช่นนี้?”
ซูเฟยหรงส่ายหน้าเล็กน้อย แม้จะพยายามทำให้ตัวเองดูมั่นใจ แต่แรงกดดันจากการเผชิญหน้ากับฮองเฮาทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าและกลัว “ข้า… ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกตื่นเต้นมากไปหน่อย”
หยางเซียงไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของนาง แต่ก็ตัดสินใจไม่ซักถามต่อไป นางพูดปลอบอย่างอ่อนโยน “เช่นนั้นให้ข้านำท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ซูเฟยหรงพยักหน้า ยอมให้หยางเซียงนำทางไป ขณะเดินไป นางก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ยังคงอยู่ในหัวใจ มันเหมือนมีหมอกหนาบดบังการมองเห็นอนาคตของนางแต่ในใจก็โล่งอกที่ฮองเฮาก็สนับสนุนความคิดของนาง
“ข้ารอเพียงคำตอบจากเขาเท่านั้น” นางถอนหายใจลึก “หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด” นางเอ่ยเบาๆกับตัวเอง
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น