ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดดวงใจแม่ทัพทมิฬ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตักตุนเสบียง

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 67


    รุ่งเช้าวันถัดมา ซูเหม่ยหลินตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสียงนกที่ร้องเพลงในสวนหลังบ้านและแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างทำให้นางรู้สึกสดชื่น นางลุกขึ้นมาจัดเตรียมข้าวของเพื่อเริ่มวันใหม่ พร้อมกับทำอาหารเช้าสำหรับครอบครัว เพื่อเป็นการให้กำลังใจซูเหม่ยอี้และมารดาที่กำลังอยู่ในอาการกังวลและเครียด

    เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อย นางเรียกน้องชายและมารดาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าซูเหม่ยอี้จะมีเรื่องในใจมากมายจนไม่สามารถกินได้อย่างปกติ นางมองเขาอย่างห่วงใย "เหม่ยอี้ ทำไมเจ้าถึงไม่กินอาหารล่ะ? เจ้าต้องมีแรงเพื่อจะได้เตรียมตัวสอบขุนนางนะ"

    ซูเหม่ยอี้มองจานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาหนักอึ้งจากความกังวลเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร "ท่านพี่ ข้า... ข้ากลัวเหลือเกิน" เสียงของเขาสั่นเครือ

    ซูเหม่ยหลินยิ้มให้เขาและพยายามให้กำลังใจ "เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก" นางไม่สามารถบอกเขาได้ว่าในใจนางนั้นมีความคิดที่แตกต่างออกไป และนางก็ไม่อยากให้เขาต้องกังวลเกินไป

    "ท่านแม่ก็เหมือนกันนะเจ้าคะ" นางก็หันไปตักกับข้าวให้มารดา

    "เจ้ากินเถอะ" ซูหรงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

    หลังจากทานอาหารกันเสร็จ นางก็ออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมตัวทำกิจวัตรประจำวันของนาง ซูหรงกำลังเย็บชุดอยู่หลังบ้าน ส่วนซูเหม่ยอี้นั่งอ่านตำราอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา

    ในขณะที่นางกำลังจะออกไป นางได้ยินเสียงพูดคุยของชาวบ้านที่เริ่มดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน ทุกคนดูเหมือนจะพูดถึงข่าวบางอย่างด้วยความตื่นตระหนกและกังวลใจ “ได้ยินมาว่า ข่าวการเกณฑ์ทหารครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ” ชายคนหนึ่งกล่าวพลางมองไปทางกลุ่มชายหนุ่มในหมู่บ้านด้วยสายตาหนักใจ

    “ข่าวจากทางการบอกว่าในปีนี้ทหารต้องการคนจำนวนมาก ข้ากลัวว่าคนที่ถูกเกณฑ์ทหารจะไม่กลับมา…” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งบอกกับเพื่อนบ้านขณะที่พวกเขาทำงานในสวน

    “ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ครอบครัวที่มีลูกชายเพียงคนเดียวอย่างบ้านซูก็คงจะลำบากใจไม่น้อย…” หญิงสูงวัยอีกคนกล่าวเสริม พลางทอดสายตามองไปยังบ้านของซูหรงด้วยความเห็นใจ

    ซูเหม่ยหลินที่ยืนอยู่หน้าบ้านและได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างหนักอึ้งกดทับที่อก

    ในใจนางเกิดความคิดที่ชัดเจนขึ้นมา ว่านางจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนนี้ นางมองไปที่ประตูหน้าบ้านที่เปิดออกไปสู่ป่าเขาเบื้องหน้า

    “คงต้องไปล่าสัตว์และเก็บสมุนไพรในป่า กักตุนเอาไว้ให้น้องชายและท่านแม่ในช่วงที่นางไม่อยู่” นางพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นอกจากนี้ ข้ายังสามารถฝึกฝนร่างกายไปในตัวอีกด้วย”

    เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูเหม่ยหลินจึงจัดเตรียมอุปกรณ์ของนาง โดยเริ่มจากมีดที่ใช้ในการล่าสัตว์และตักร้าที่ใช้เก็บสมุนไพร หลังจากนั้นนางก็เดินไปหามารดาที่นั่งเย็บชุดอยู่

    “ท่านแม่ วันนี้ข้าจะออกไปช้างนอกแล้วจะล่าสัตว์และเก็บสมุนไพรกลับมาด้วย” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

    ซูหรงหันมามองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “เหม่ยหลิน เจ้าจะไปคนเดียวหรือ?”

    “ข้าจะระวังตัวดี ไม่ต้องห่วง” ซูเหม่ยหลินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะกลับมาในตอนเย็นแน่นอนเจ้าคะ”

    เมื่อซูเหม่ยหลินเตรียมตัวเสร็จ นางก็ออกจากบ้านไปโดยมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน นางเดินตามทางที่มีต้นไม้สูงใหญ่และเสียงนกร้องอยู่ในอากาศ โดยมีความรู้สึกตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความคาดหวังในใจ

    เมื่อถึงที่หมาย นางเริ่มสำรวจพื้นที่รอบๆ ด้วยความระมัดระวัง นางมองหาสัญญาณของสัตว์ป่า พร้อมๆ กับพยายามเก็บสมุนไพรที่มีประโยชน์ตามที่นางเคยทำมาก่อนในชีวิตเดิมของนาง

    “สมุนไพรเหล่านี้น่าจะช่วยเสริมสุขภาพของซูเหม่ยอี้ได้” นางคิดในใจขณะที่เก็บสมุนไพรในตะกร้า นางรู้ดีว่าสมุนไพรบางชนิดจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้น

    ในระหว่างที่นางเก็บสมุนไพรอยู่ นางก็เริ่มใช้มีดในการล่าสัตว์ นางได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบอยู่ไม่ไกล และเมื่อหันไปเห็นกระต่ายตัวหนึ่งกำลังกระโดดอยู่ นางทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเล็งไปที่สัตว์นั้นอย่างระมัดระวัง

    “อีกนิด” นางกล่าวกับตัวเอง ก่อนจะลงมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

    ในช่วงเวลานั้น ซูเหม่ยหลินใช้ทักษะที่นางเคยฝึกฝนในชีวิตเดิมเป็นหลัก นางไม่เพียงแต่ฝึกฝนร่างกาย แต่ยังใช้จิตใจที่มั่นคงเพื่อไม่ให้ตัวเองกลัวในสถานการณ์ที่กดดัน ในที่สุดนางก็สามารถล่าสัตว์ได้สำเร็จ!

    “เยี่ยมจริงๆ!” นางตะโกนออกมาด้วยความดีใจ นางเก็บสัตว์ลงในตะกร้าอีกใบแล้วเริ่มเก็บสมุนไพรเพิ่มเติมอย่างมีความสุข

    หลังจากนั้นนางใช้เวลาตลอดทั้งวันในการสำรวจป่า เก็บสมุนไพร และล่าสัตว์ โดยทำอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลาเย็น นางจึงรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ก็มีความสุขที่สามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

    ขณะที่ซูเหม่ยหลินกำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับสมุนไพรและเนื้อสัตว์ที่ล่าสำเร็จ ใจของนางเต็มไปด้วยความสุขที่ได้ทำตามเป้าหมายและสามารถช่วยครอบครัวได้ แต่ความสุขนั้นกลับถูกตัดขาดเมื่อเธอได้ยินเสียงกระทบกันของกิ่งไม้จากด้านข้างของเส้นทาง

    นางหยุดเดินและหันไปมองด้วยความระมัดระวัง ในระยะไกลมีเงาร่างของคนอยู่ที่ก้อนหินใหญ่ข้างทาง นางคิดในใจว่า “ใครกัน?” แต่เพราะความสงสัยมากกว่าความกลัว นางจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูให้ชัดเจนขึ้น

    เมื่อเข้าไปใกล้ ซูเหม่ยหลินก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ก้อนหิน เขามีรูปร่างสูงและสวมชุดที่มีสีหม่นๆ ดูเหมือนจะเป็นนักเดินทาง ข้อมือของเขามีแผลเล็กๆ 

    “เจ้า... สบายดีหรือไม่?” ซูเหม่ยหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน แต่เมื่อเห็นซูเหม่ยหลิน เขาก็แสดงความสนใจ “อ่า... ข้ากำลังมองหาทางกลับหมู่บ้าน แต่ข้าอาจจะหลงทางไปหน่อย” น้ำเสียงของเขามีความสุภาพ แต่ก็ดูอ่อนแรง

    “เจ้าจะไปไหน?” ซูเหม่ยหลินถามต่อไป ด้วยความอยากรู้ว่าสถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไร

    “ข้าเป็นนักเดินทางที่เพิ่งกลับมาจากการค้าขายในเมืองใหญ่ ข้าเดินทางเพื่อกลับบ้าน แต่โชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากสัตว์ป่าเมื่อครู่” ชายหนุ่มพูดไปก็ยิ้มให้ นางรู้สึกถึงความมีเสน่ห์ในตัวเขาแต่ก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ

    “แผลของเจ้าดูไม่ค่อยดีนัก ข้าพอมีสมุนไพรที่จะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บได้” นางเสนอออกไปด้วยความหวังว่าจะช่วยเขาได้

    “ขอบคุณแม่นางมาก ข้าชื่อว่าเซียวหรง” ชายหนุ่มยิ้มให้และแนะนำตัว นางก็แนะนำตัวเองตามมาด้วย

    “ข้าซูเหม่ยหลิน” นางตอบและเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูแผลของเขาอย่างละเอียด “ข้าจะช่วยทำแผลให้”

    เมื่อซูเหม่ยหลินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มยิ้มให้แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความเจ็บปวดจากแผลที่เขาได้รับไว้ได้ ในขณะที่นางเริ่มทำแผล เขามองดูนางด้วยความสนใจ

    “แม่นางดูมีทักษะในการรักษา น่าประหลาดใจจริงๆ” เซียวหรงเอ่ยชื่นชม

    “ข้าเคยเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจากผู้เฒ่าในหมู่บ้าน” นางตอบอย่างไม่ติดขัด

    หลังจากใช้เวลาไม่นานในการทำแผล ซูเหม่ยหลินก็จัดการเสร็จเรียบร้อย “แผลของท่านจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน” นางยิ้มให้เขา และความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มก็เริ่มเป็นมิตร

    “ขอบคุณมาก ข้าจะต้องตอบแทนแม่นางอย่างแน่นอน” เซียวหรงกล่าวด้วยความจริงใจ

    “ไม่ต้องเกรงใจ” นางตอบกลับอย่างเรียบง่าย ก่อนจะถามต่อ “แล้วบ้านเจ้าอยู่หมู่บ้านอะไร?”

    “ข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเมิ่ง” เซียวหรงตอบแล้วดูเหมือนจะมีบางอย่างในใจที่อยากพูด

    “อ๋อ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปทางนั้นจะเจอหมู่บ้านสื่อ หมู่บ้านนั้นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเมิ่ง” ซูเหม่ยหลินเสนอ 

    "ขอบคุณ"

    “รีบลงภูเขาไปล่ะ” นางหันกลับไปบอกชายหนุ่มก่อนจะเดินจากไป

    เซียวหรงยิ้มให้และดูเหมือนจะรู้สึกขอบคุณในความมีน้ำใจของนาง แต่ในใจก็ครุ่นคิดบางอย่าง

    ขณะที่เซียวหรงนั่งพักอยู่ที่ก้อนหิน รอคอยอี้หลงกลับมา เขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาด ความเงียบสงบรอบๆ ทำให้เขารู้สึกมีบางอย่างไม่ปกติ เขาจึงหันไปมองรอบๆ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

    "คุณชาย! คุณชาย!" เสียงของอี้หลงดังขึ้นจากระยะไกล ขณะที่เขาวิ่งเข้ามาหาเซียวหรงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

    “เกิดอะไรขึ้น?” เซียวหรงถามขึ้นเสียงเครียด ขณะมองดูอี้หลงที่มีเหงื่อไหลท่วมตัว

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×