ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระชายาอ้วนขององค์ชายสาม

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8: เรียกตัวเข้าวัง

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 67


    ทันทีที่พ่อบ้านเข้ามา เขาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม "พระชายา ฮองเฮาทรงมีรับสั่งเรียกให้พระชายาเข้าเฝ้าในพรุ่งนี้"

    ซูเฟยหรงชะงักไปเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของพ่อบ้าน นางรู้สึกกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเข้าใจดีว่าการเรียกพบของฮองเฮานั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและย่อมมีเหตุผลบางประการแน่นอน

    หยางเซียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลเช่นกัน ก่อนจะกระซิบเสียงเบา "พระชายา ท่านคิดว่าฮองเฮาทรงเรียกพบด้วยเรื่องใดเพคะ?"

    ซูเฟยหรงนิ่งคิด ก่อนจะหันไปตอบ "ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก"

    พ่อบ้านเอ่ย "หากพระชายาทรงประสงค์สิ่งใดเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ ข้าน้อยจะจัดเตรียมให้พร้อม พระชายาอย่ากังวลเลย ฮองเฮาคงเพียงอยากสนทนากับพระชายาผู้เป็นสะใภ้ใหม่ของวังเท่านั้น"

    ซูเฟยหรงพยักหน้า รับรู้ว่านางไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้านี้ได้ อีกทั้งการไปเข้าเฝ้าฮองเฮาอาจเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าใจบทบาทของตัวเองในวังหลวงและการเป็นภรรยาขององค์ชายสาม เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป

    “ได้ ข้าจะเตรียมตัวให้พร้อม” เธอกล่าวพลางพยักหน้ามั่นคง “ขอบใจเจ้ามาก พ่อบ้าน”

    พ่อบ้านโค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้ซูเฟยหรงครุ่นคิดถึงการเข้าเฝ้าครั้งนี้

    ซูเฟยหรงรู้สึกกระวนกระวายใจตลอดทั้งคืน ความกังวลถาโถมจนทำให้ความตื่นเต้นที่จะทดลองคั่วเมล็ดกาแฟซึ่งเธอได้มาเมื่อกลางวันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปโดยปริยาย นางเดินวนไปมาภายในห้อง คิดทบทวนถึงคำพูดและท่าทีที่ควรจะแสดงต่อหน้าฮองเฮา นางไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในฐานะพระชายา ทั้งการปฏิบัติตามพิธีการและการวางตัวให้เหมาะสมในราชสำนักล้วนเป็นสิ่งใหม่ที่ยังต้องเรียนรู้ และไม่ลืมให้หยางเซียงไปบอกให้หยางอี้ไปเลื่อนนัดกับเจ้าของร้านว่า

    หยางเซียงสังเกตเห็นอาการของซูเฟยหรงที่แสดงออกอย่างชัดเจนจึงเอ่ยปลอบ "พระชายาไม่ต้องกังวลไปเพคะ ข้าน้อยเชื่อว่าฮองเฮาคงอยากรู้จักท่านให้มากขึ้นเฉยๆ พระชายาเพียงแค่ต้องทำตัวสบายๆเท่านั้นก็พอเพคะ"

    ซูเฟยหรงพยักหน้าเบาๆ แต่ลึกๆ แล้วหัวใจก็ยังไม่สงบ นางทบทวนในใจว่าควรจะระมัดระวังอย่างไรบ้าง และตั้งใจจะปฏิบัติตัวให้ดีที่สุด

    นางได้แต่หวังว่า ฮองเฮาคงไม่ได้มีเรื่องไม่พอใจหรือตำหนิใดๆ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตของนางในอนาคตอาจเต็มไปด้วยความท้าทายกว่าที่เคยคิดไว้

    เช้าวันรุ่งขึ้น หยางเซียงช่วยซูเฟยหรงแต่งกายอย่างพิถีพิถัน ชุดคลุมสีอ่อนที่ดูสง่างามถูกจัดเตรียมอย่างดี พร้อมกับปักลวดลายดอกไม้ด้วยด้ายไหมสี้ฟ้าที่สะท้อนแสงอ่อนๆ ยามเช้า หยางเซียงแต่งแต้มเครื่องประดับบนศีรษะของนางด้วยความตั้งใจ ทำให้นางดูเรียบหรูและงดงามสมฐานะพระชายา แต่สิ่งที่ขัดที่สุดคงจะเป็นรูปร่างของนาง!

    "พระชายาเพคะ วันนี้ต้องเตรียมตัวให้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดนะเพคะ ฮองเฮาเป็นผู้ที่เคร่งครัดเรื่องมารยาทอยู่ไม่น้อย หากท่านปรากฏตัวด้วยความสุภาพเรียบร้อย คงสร้างความประทับใจได้ดีเพคะ" หยางเซียงเอ่ยขณะปรับปิ่นทองบนมวยผมของนาง

    ซูเฟยหรงยืนมองตัวเองในกระจกทองเหลือง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความกังวล นางไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ไปหมด และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เผชิญหน้ากับฮองเฮา นางตั้งใจว่าจะต้องแสดงออกให้ดี 

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเฟยหรงลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง หยางเซียงยิ้มให้กำลังใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าว "พร้อมแล้วหรือยังเพคะพระชายา?"

    ซูเฟยหรงพยักหน้าเบาๆ และตอบด้วยความมุ่งมั่น "พร้อมแล้ว ไปกันเถอะ"

    เมื่อซูเฟยหรงเดินออกมาถึงหน้าจวน พ่อบ้านก็ได้เตรียมรถม้าไว้เรียบร้อย รถม้าคันงามถูกประดับด้วยผ้าสีอ่อนที่แสดงถึงฐานะของพระชายา ขณะที่บ่าวรับใช้ก้มศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม พ่อบ้านก็เข้ามาแนะนำอย่างสุภาพ

    "พระชายา รถม้าพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากถึงพระราชวังแล้ว ขอพระชายาโปรดระวังถ้อยคำและสำรวมกิริยา ฮองเฮาทรงเคร่งครัดในเรื่องมารยาท ขอให้พระชายาตระหนักไว้พ่ะย่ะค่ะ"

    ซูเฟยหรงพยักหน้ารับคำอย่างเคร่งขรึม ขณะที่หยางเซียงช่วยประคองให้นางขึ้นไปบนรถม้า พอประตูรถม้าปิดลง เสียงล้อหมุนดังขึ้น นางก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอย จิตใจยังคงกังวลเกี่ยวกับการเข้าเฝ้าฮองเฮา นางเพิ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์นี้ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะมีความคิดเห็นเช่นไรต่อตัวนาง

    หยางเซียงมองซูเฟยหรงและกระซิบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ "พระชายาอย่าได้ทรงกังวลไปเพคะ แค่ปฏิบัติตัวตามที่เคยทำ ก็เพียงพอแล้ว ฮองเฮาทรงเป็นคนยุติธรรม พระชายาคงไม่ลำบากมากนัก"

    ซูเฟยหรงยิ้มเล็กน้อยให้หยางเซียง รู้สึกดีขึ้นบ้างแม้ความกังวลยังไม่หมดสิ้น รถม้าค่อยๆ เคลื่อนผ่านถนนราชวังที่เงียบสงบ นางได้แต่ภาวนาให้การเข้าเฝ้าครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี

    แม้หยางเซียงจะพูดปลอบโยนนางอย่างใจดี แต่ซูเฟยหรงกลับรู้สึกถึงความขัดแย้งในใจ นางไม่ได้รู้สึกผูกพันกับราชวงศ์นี้เลยสักนิด ชีวิตใหม่ในร่างพระชายาที่ไม่คุ้นเคยนั้นทำให้นางไม่รู้สึกเป็นตัวเองแม้แต่น้อย จะให้สำรวมกิริยาหรือรักษามารยาทก็ไม่ใช่เรื่องที่นางถนัด

    นางถอนหายใจเบาๆ พลางคิดในใจว่า “นั้นมันไม่ใช่ข้าเลยสักนิด ข้าไม่ใช่พระชายาผู้อ่อนโยนหรือสง่างามเช่นนั้น ข้าเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญต้องใช้ชีวิตในร่างนี้ และถ้าจะให้แสร้งทำตัวเรียบร้อย...คงทำได้ไม่นานหรอก”

    เมื่อรถม้าคล้อยเข้าใกล้พระราชวัง ความรู้สึกกังวลเริ่มทวีขึ้นในใจ แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่ผุดขึ้นเช่นกัน หากจะต้องเผชิญหน้ากับฮองเฮา นางก็จะต้องเผชิญหน้าในแบบของนางเอง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ ก็จะไม่ใช่ในแบบที่ใครคาดหวัง

    เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูวัง ซูเฟยหรงก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง หยางเซียงรีบเข้ามาประคองเบาๆ สายตาของนางกวาดมองไปยังประตูวังอันสูงใหญ่ที่แฝงด้วยความเย็นชา สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ แต่ซ่อนเร้นด้วยอำนาจและความน่ากลัวที่คอยบีบคั้นหัวใจ

    หยางเซียงกระซิบเบาๆ ข้างหู “พระชายา... บ่าวจะอยู่กับท่านตลอดการเข้าเฝ้าฮองเฮา ไม่ต้องกังวลไปนะเพคะ”

    ซูเฟยหรงพยักหน้ารับ แม้ในใจยังคงรู้สึกประหม่า แต่สายตาของนางกลับเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง แสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า

    เมื่อซูเฟยหรงเข้ามาในวัง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับตำหนักและสวนสวยต่างๆ ที่เรียงรายเป็นระเบียบ แม้จะพยายามควบคุมอาการให้นิ่งสงบตามกิริยาที่ควร แต่สายตาก็ยังคงกวาดมองรอบๆ อย่างสนใจ ทุกตำหนักดูโอ่อ่าหรูหรามีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และความเข้มแข็งของราชวงศ์

    ระหว่างที่เดินผ่านสะพานเชื่อมตำหนัก เฟยหรงสังเกตเห็นบรรดาข้าราชสำนักและนางกำนัลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าเรียบนิ่งและอากัปกิริยาที่ระมัดระวัง เธอจึงปรับท่าทางให้มั่นคงขึ้น พยายามทำใจให้สงบ แม้ในใจจะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด

    หยางเซียงที่เดินตามหลังคอยจับตาและแอบกระซิบเตือนเบาๆ “พระชายา ระวังสายตาและอาการด้วยเพคะ”

    เฟยหรงสูดหายใจลึก พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะตั้งสมาธิใหม่และก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ความกังวลเริ่มทวีขึ้นเมื่อเข้าใกล้ตำหนักใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า — ตำหนักของฮองเฮา

     

    ทันทีที่เดินเข้าไปในวัง นางสัมผัสได้ถึงการจับตามองจากเหล่าข้าราชบริพารในวังที่พากันเหลือบมองนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น หยางเซียงเดินตามหลังพลางระมัดระวัง

    เมื่อถึงโถงใหญ่ที่ฮองเฮาประทับอยู่ ข้ารับใช้ผู้นำทางโค้งศีรษะพร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม “พระชายาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

    "เข้ามา"

    ซูเฟยหรงก้าวเข้าไปในโถงกว้างอย่างไม่มั่นใจนัก ใบหน้าเงยขึ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อดูทิศทาง ก่อนจะคุกเข่าลงถวายพระ ฮองเฮาผู้มีอำนาจสูงส่งนั่งอยู่บนแท่นสูงเบื้องหน้า ด้วยสายตานิ่งสงบที่พินิจพิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง

    นางรู้สึกถึงสายตานั้นที่จับจ้องมาที่ตน ราวกับมองทะลุผ่านความคิดและความรู้สึกที่นางพยายามซ่อนอยู่ ความประหม่าและเกรงกลัวเริ่มเข้ามาจับใจ เฟยหรงก้มศีรษะต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้น กลัวจะพบสายตาที่ตำหนิติเตียนยิ่งกว่านี้

    ฮองเฮามองดูรูปร่างของนางด้วยสายตาที่ประเมินอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ชุดที่นางสวมใส่ไปจนถึงใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม แววตาของฮองเฮาเผยความไม่พอใจเพียงเล็กน้อย จากที่ทรงได้รับรายงานเกี่ยวกับพระชายาผู้นี้ นางไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น

    เวลาผ่านไปชั่วขณะจนซูเฟยหรงรู้สึกว่าเข่าของตนเริ่มเจ็บ ฮองเฮาก็ยังคงเงียบเฉย เฟยหรงพยายามควบคุมลมหายใจและสงบใจ แต่ความกังวลยังคงประดังเข้ามา

    'ทำไมยังไม่พูดอะไรล่ะ เจ็บจะตายอยู่แล้วนะ....หรือว่าจะลุกขึ้นเลยดีล่ะ?'

    จนกระทั่งฮองเฮาเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มเย็น “ลุกขึ้นเถอะ”

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×