คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : แมวซุกซนในยามค่ำ
หลังจากที่คุณชายเหออุ้มอวี้เหมยออกจากลานบ้านไป เขาก็ระมัดระวังตัวอย่างมากเพื่อไม่ให้นางรู้สึกไม่สบาย เขาก้าวช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองจะไม่ทำให้นางตกใจ ในขณะที่เม่ยหลันเดินตามอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดประตูให้
“ทางนี้เจ้าคะ” เม่ยหลันเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง ขณะที่คุณชายเหออุ้มอวี้เหมยผ่านประตูไป เขาเดินอย่างระมัดระวัง โดยไม่ทำให้คุณหนูรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อถึงห้อง คุณชายเหอค่อยๆ วางอวี้เหมยลงบนเตียงอย่างเบามือ ไม่อยากทำให้นางสะดุ้งตื่น ก่อนที่จะตรวจสอบดูว่านางสบายดีหรือไม่ เม่ยหลันยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับปรับผ้าห่มให้แน่น เพื่อให้อวี้เหมยรู้สึกอบอุ่น
“หลับสบายเลยนะ” คุณชายเหอพูดเสียงเบา หลังจากวางนางลงอย่างระมัดระวัง เขาหันมาทางเม่ยหลันและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ดูแลนางเถอะ ข้ากลับล่ะ”
เม่ยหลันพยักหน้าอย่างขอบคุณ “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปมองที่อวี้เหมยอีกครั้ง พลางมองรอบๆห้อง
เขาก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เม่ยหลันอยู่กับอวี้เหมย เม่ยหลันมองอวี้เหมยด้วยความห่วงใย
“คุณหนู ท่านเป็นยังไงบ้าง?” เม่ยหลันกระซิบ เมื่อเห็นอวี้เหมยยังหลับไม่รู้เรื่อง นางก็ถอนหายใจ และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้คุณหนูของตนเตะต้องสุราอีกเด็ดขาด
ในขณะที่อวี้เหมยยังหลับอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เม่ยหลันก็นั่งอยู่ข้างเตียงเฝ้าดู
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เม่ยหลันนั่งอยู่ในความเงียบสงบ พยายามคอยดูอวี้เหมยเพื่อให้แน่ใจว่านางนอนหลับสบาย และในใจของนางก็เต็มไปด้วยความหวังและความปรารถนาที่จะให้ชีวิตใหม่ของอวี้เหมยเต็มไปด้วยความสุขมากขึ้น
สุดท้าย เมื่อเวลาผ่านไป อวี้เหมยก็เริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นมา เม่ยหลันเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปถาม “คุณหนู! ท่านรู้สึกยังไงบ้าง?”
อวี้เหมยยิ้มให้กับเม่ยหลัน “หืม? เม่ยหลันเจ้าเองรึ ว่าแต่ข้ากลับมาตอนไหนกัน?...ข้าปวดหัวจัง...” นางตอบเสียงอ่อนๆ
“คุณหนูท่านพักผ่อนต่อเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่” เม่ยหลันพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ขอบใจนะ...” อวี้เหมยพยักหน้าและนอนหลับต่อไปอย่างสงบใจ ขณะที่เม่ยหลันเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ด้วยความห่วงใยและรักใคร่
----
เมื่อเขากลับมาถึงเรือน เขาก็พบว่าอวี้เหวินฉางนั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่งในมือ เมื่อเขาเห็นคุณชายเหอเดินเข้ามา อวี้เหวินฉางก็ยิ้มบางๆ และเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไปไหนมาหรือ? ถึงได้ยิ้มอย่างนั้น”
คำถามนั้นทำให้คุณชายเหอชะงักเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้ตัวว่าตนเองกำลังยิ้มอยู่ จึงรีบปัดปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอก ระหว่างทางข้าเจอแมวน่ะ”
“แมว?” อวี้เหวินฉางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “เจ้ามีอารมณ์ขันกับแมวตัวหนึ่งได้เชียวหรือ?”
คุณชายเหอหัวเราะเบาๆ “ใช่ มันวิ่งไปวิ่งมาซุกซนทีเดียว” เขายิ้มพร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อวี้เหวินฉางยิ้มมุมปาก “แมวซุกซนหรือ?เจ้าเคยสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วยหรือ ข้าไม่คิดเลยว่าแมวตัวหนึ่งจะทำให้เจ้าอารมณ์ดีได้”
คุณชายเหอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันน่าชังดี”
อวี้เหวินฉางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบก่อนจะถามต่อ “แล้วเจ้าคิดจะนำมันกลับมาเลี้ยงหรือไม่? ดูท่าทางเจ้าจะชอบมันไม่น้อยเลยทีเดียว”
คุณชายเหอที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาทันที ครั้งนี้เสียงหัวเราะของเขาดังกว่าปกติจนทำให้อวี้เหวินฉางขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เจ้าหัวเราะอะไร?”
"ช่างเถอะ" เขาเอ่ยขึ้นบอกปัดไม่ต้องสนใจแล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที
เขาพลางนึกถึงเรื่องสำคัญที่ค้างคาอยู่และเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมกว่าเดิม “จริงสิ... ทางนั้นส่งข่าวมารึยัง?”
อวี้เหวินฉางที่นั่งฟังอยู่กะทันหันชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นทันที “ทางนั้นส่งข่าวมาเมื่อสองวันก่อน ข้าเพิ่งได้รับจดหมายในตอนที่เจ้ากลับมาไม่นาน”
“แล้วว่าอย่างไร?” คุณชายเหอถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย ดวงตาของเขาสื่อถึงความเคร่งเครียดที่ปกปิดไว้
อวี้เหวินฉางถอนหายใจเบาๆ ขณะเริ่มเล่า “สถานการณ์ที่ชายแดนไม่ค่อยดีนัก พวกเราต้องเร่งระดมกองทัพเพิ่มเติม... และทางนั้นต้องการเสบียงมากกว่าที่คิดไว้”
คุณชายเหอพยักหน้าช้าๆ แต่ดวงตายังคงฉายแววความคิด “ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องมีปัญหา” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนเอ่ยต่อ “แล้วทางเราจัดการเรื่องเสบียงได้มากน้อยแค่ไหน?”
“เราทำเท่าที่ทำได้ แต่เสบียงมีจำกัด” อวี้เหวินฉางตอบ “ถ้าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงในเร็ววัน เราอาจจะเจอปัญหาใหญ่”
คุณชายเหอเงียบไปครู่หนึ่ง นิ่งคิดหาทางออกที่ดีที่สุด “ข้าจะลองติดต่อไปยังเส้นทางการค้าอื่นๆ เพื่อจัดหาเสบียงเพิ่มเติม ดูว่าเราจะได้อะไรจากพวกพ่อค้าต่างเมืองบ้าง”
อวี้เหวินฉางยิ้มบางๆ “เจ้ายังคงมีวิธีแก้ปัญหาอยู่เสมอ ข้าไม่แปลกใจเลย”
“ข้าต้องทำทุกอย่างที่ทำได้” คุณชายเหอตอบสั้นๆ แต่ในใจของเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
“แล้วเรื่องคนผู้นั้นที่เจ้าบอกล่ะ?” อวี้เหวินฉางถามขึ้นมา “ไว้ใจได้หรือไม่”
“เขาเป็นคนที่ข้าไว้ใจได้ เขาจะมาช่วยเราในการจัดการเรื่องนี้ด้วย” คุณชายเหอตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“ข้าหวังว่าเขาจะช่วยเราได้จริงๆ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” อวี้เหวินฉางเอ่ยด้วยความกังวล
“ข้าเชื่อว่าเขาจะทำได้” คุณชายเหอพยักหน้า “เขามีความสามารถพอที่จะช่วยเราในเวลานี้”
ทั้งสองสนทนาต่ออีกครู่หนึ่งเกี่ยวกับแผนการและสถานการณ์ที่ชายแดน ก่อนจะตัดสินใจแยกย้ายกันไปพักผ่อนในคืนนั้น แต่ในใจของคุณชายเหอ สงครามที่อาจจะปะทุขึ้นยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้เขากังวลใจ
หลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันกลับไปพัก คุณชายเหอกลับมานั่งคนเดียวในห้องของตน จิตใจของเขายังคงหมุนวนอยู่กับเรื่องเสบียงและสถานการณ์ชายแดนที่อาจเลวร้ายลงไปทุกขณะ เขารู้ดีว่าความท้าทายครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และแม้ว่าเขาจะมีแผนการในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา
เขาหยิบจดหมายจากคนสนิทที่ชายแดนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง จ้องมองลายมือที่บรรจงเขียนมาอย่างระมัดระวัง “เสบียงขาดแคลน... ทหารเริ่มลำบาก... ขาดการสนับสนุนเพิ่มเติม...” คำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวเขา ความรู้สึกหนักอึ้งที่เกิดขึ้นทำให้เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน คุณชายเหอก็ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เงียบสงบ ความสงบภายนอกนั้นช่างแตกต่างจากความวุ่นวายในใจเขา ทันใดนั้น ภาพของเด็กสาวคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิด ภาพของอวี้เหมยที่นั่งล้มอยู่บนพื้น ขณะด่าก้อนหินและร้องไห้ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ความไร้เดียงสาและความซุกซนของนางเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดจริงๆ” เขาพึมพำเบาๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ในใจ
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา เขาหันไปมองและเห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู เขาโค้งคำนับและพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “คุณชายเหอขอรับ คุณชายใหญ่อวี้ให้มาตามบอกว่ามีเรื่องต้องคุยกับท่านเพิ่มเติมในคืนนี้”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเพิ่งแยกย้ายจากอวี้เหวินฉางไม่ถึงชั่วยาม เหตุใดถึงต้องการคุยอีก?
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เขาตอบกลับก่อนจะเดินไปสวมเสื้อคลุมและมุ่งหน้าไปยังเรือนของอวี้เหวินฉาง
---
เมื่อมาถึงเรือนของอวี้เหวินฉาง เขาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังรออยู่ในห้องหนังสือพร้อมกับแผนที่และเอกสารจำนวนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ สีหน้าของอวี้เหวินฉางดูเคร่งขรึมกว่าเดิม ซึ่งทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าที่เขาคิด
“มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือ?” เขาเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงข้ามสหายของเขา
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น