ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาเป็นแม่นางน้อย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5: ขายผักในตลาดครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 67


    เช้าตรู่ของวันใหม่ เซี่ยเหม่ยหลิงตื่นขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันแรกที่นางจะได้ออกไปตลาดกับพี่ชายทั้งสอง นางจึงรีบเตรียมตัวทันที เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงต่างก็ลุกขึ้นเช้าเช่นกันเพื่อเตรียมสิ่งของที่จะนำไปขายในตลาด

    เซี่ยเฉิงผู้เป็นพี่รองตื่นก่อนใคร รีบเข้าครัวทำแป้งทอดหอมกรุ่นสำหรับทุกคน "เจ้าตื่นแล้วหรือเหม่ยหลิง?" เขาถามพลางจัดแป้งทอดเป็นห่ออย่างเรียบร้อย "ข้าทำแป้งทอดไว้ให้กินระหว่างทางจะได้ไม่หิว"

    เหม่ยหลิงพยักหน้าอย่างยินดี "ขอบคุณพี่รอง" นางยิ้มหวาน พลางมองพี่ชายอย่างซาบซึ้ง นางรู้ดีว่าทั้งสองพี่ชายต่างทำทุกอย่างเพื่อให้นางสบายและไม่ต้องลำบาก

    เซี่ยหยวนที่กำลังจัดตะกร้าผักต้นอวบๆ ลงบนบ่าเอ่ยขึ้น "พวกเรารีบกันหน่อย ลุงหนิวคงจะรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว" เขามองน้องสาวที่ถือห่อแป้งทอดอยู่ในมือ แล้วหันไปช่วยน้องชายขนตะกร้าผักอย่างคล่องแคล่ว

    "พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ!" เหม่ยหลิงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม นางไม่ได้รู้สึกอ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้ และแม้จะยังไม่แข็งแรงเต็มที่ แต่นางก็ไม่ต้องการให้พี่ชายทั้งสองเป็นห่วงมากนัก

    "อารมณ์ดีเชียวนะ" เซี่ยเฉิงพูดพลางสะพายตะกร้าและหันไปยิ้มให้เหม่ยหลิง "ได้ไปข้างนอกก็ดีใจถึงเพียงนี้"

    "ก็มันตื่นเต้นนิเจ้าคะ ข้าไม่เคยออกไปไหนมาก่อนเลย" เซี่ยหลิงเหม่ยเอ่ยอย่างตื่นเต้น

    "รีบไปเถอะ เดี๋ยวลุงหนิวจะคอย" เซี่ยหยวนเอ่ย

    เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย สามพี่น้องก็เริ่มออกเดินทางไปยังหน้าหมู่บ้านเพื่อรอพบลุงหนิวที่เป็นคนรับส่งผู้คนเข้าเมือง พี่ชายทั้งสองช่วยกันแบกตะกร้าหนักที่เต็มไปด้วยผัก ส่วนเซี่ยเหม่ยหลิงก็เดินตามอย่างมีความสุข ในมือของนางถือตะกร้าเล็กๆ ที่บรรจุห่อแป้งทอดสำหรับกินระหว่างทาง นางรู้สึกดีที่พี่ชายทั้งสองเอาใจใส่ และรู้สึกอบอุ่นที่ได้มีครอบครัวที่รักนางมากเพียงนี้

    ทั้งสามพี่น้องเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินที่ปกคลุมด้วยหญ้าและต้นไม้ข้างทาง ลมเย็นๆ พัดผ่านอย่างสบายใจ แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าส่องกระทบหน้าของพวกเขา สร้างบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น

    ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหน้าหมู่บ้านที่นัดพบกับลุงหนิว ทั้งสามคนยืนรอด้วยกันอย่างเงียบๆ ขณะรอ ลุงหนิวที่กำลังบังคับเกวียนเทียบวัวมา พี่ใหญ่เซี่ยหยวนมองน้องสาวของตนที่ยืนถือห่อแป้งทอดอย่างน่ารัก รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจของเขาเบาใจอย่างบอกไม่ถูก

    "น้องสาวดูมีความสุขนะ" เซี่ยเฉิงพูดขึ้นเบาๆ ขณะมองน้องสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับแป้งทอด "ข้าดีใจที่นางดูสบายใจขึ้น"

    เซี่ยหยวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ข้าก็หวังว่านางจะมีความสุขอย่างนี้ตลอด"

    หลังจากนั้นไม่นาน ลุงหนิวก็มาถึงพร้อมกับรถลาก ทั้งสามพี่น้องจึงช่วยกันขนของขึ้นรถแล้วออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดในเมือง โดยที่ทุกคนต่างมีความหวังและเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการทำให้ชีวิตของน้องสาวของพวกเขาดีขึ้นกว่าที่เคย

    เมื่อรถลากเคลื่อนเข้าสู่ตัวเมือง ลุงหนิวก็หยุดรถที่จุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นตลาดเล็กๆ ที่คึกคักเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าขายของมากมาย เขาหันมายิ้มให้พวกเขาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า “พวกเจ้าลงไปขายของเถอะ พอถึงยามอู่ก็ให้กลับมารอที่จุดนี้ ข้าจะมารับพวกเจ้า”

    เซี่ยหยวนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ขอบคุณลุงหนิว เดี๋ยวพวกข้าจะรีบกลับมาไม่ให้ท่านรอนาน” เขากล่าวพร้อมกับมองน้องสาวและน้องชายเพื่อเตรียมตัวลงจากรถ

    เซี่ยเฉิงรีบแบกตะกร้าผักลงจากรถพร้อมกับหยิบห่อแป้งทอดส่งให้ลุงหนิว "ท่านลุงหนิว ข้าทำแป้งทอดมาเผื่อท่านด้วย ท่านลองกินดูนะ"

    ลุงหนิวหัวเราะเบาๆ รับห่อแป้งทอดมา "ขอบใจนะเจ้าหนุ่ม ข้าจะกินให้อร่อย" เขายิ้มกว้างก่อนจะโบกมือให้และขับรถลากออกไป เซี่ยเหม่ยหลิงมองตามรถลากของลุงหนิวจนลับสายตา ก่อนจะหันมาสำรวจตลาดตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตใหม่นี้และเป็นครั่งแรกที่ร่างเดิมของนางได้ออกมาสัมผัสกับบรรยากาศของเมือง

    ตลาดที่พวกเขามาถึงนั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยต่อรองราคาของคนซื้อและพ่อค้าแม่ค้า กลิ่นหอมของอาหารจากแผงขายอาหารลอยคลุ้งไปทั่วจนทำให้ท้องร้องเบาๆ เซี่ยเหม่ยหลิงมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของนางเป็นประกาย

    "เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ!" เซี่ยหยวนพูดขึ้นพร้อมกับจัดแจงหาที่วางแผงขายของ ทั้งสองพี่น้องช่วยกันขนผักที่เก็บมาจากไร่ลงจากตะกร้าและจัดเรียงผักอย่างเป็นระเบียบ เซี่ยเหม่ยหลิงที่ยังไม่คุ้นเคยกับการขายของก็ได้แต่ช่วยพี่ชายหยิบของเล็กๆ น้อยๆ อย่างตื่นเต้น

    พี่ใหญ่เซี่ยหยวนและพี่รองเซี่ยเฉิงต่างยุ่งกับการจัดแผงขาย แต่ในใจพวกเขาก็ยังคอยสังเกตน้องสาวอยู่เสมอ 

    หลังจากที่สองพี่น้องช่วยกันจัดแผงขายผักเสร็จ เซี่ยเหม่ยหลิงก็นั่งมองลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างตั้งตารอ นางเห็นผู้คนต่างเดินเลือกซื้อของจากแผงอื่นๆ กันอย่างคึกคัก จึงคิดในใจว่าแผงของพวกนางคงจะขายดีไม่แพ้กัน แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าครึ่งวัน กลับมีคนมาซื้อเพียงไม่กี่คน ผักที่จัดเรียงอย่างสวยงามยังเหลืออยู่เต็มตะกร้า

    เซี่ยเหม่ยหลิงเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะมองพี่ชายทั้งสองด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่...พี่รอง...ทำไมผักพวกเราไม่ค่อยมีคนซื้อเลยล่ะ?”

    เซี่ยหยวนถอนหายใจเบาๆ “บางทีวันนี้คนอาจจะซื้อของไม่มากนัก" เขาตอบด้วยน้ำเสียงปลอบใจ

    เซี่ยเฉิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “อาจจะเป็นเพราะวันนี้คนยังไม่ออกมาซื้อของกันนะ แต่เดี๋ยวตอนสายๆเราก็ขายได้มากขึ้นเอง” เขาพูดเพื่อให้กำลังใจน้องสาว

    แม้จะพยายามปลอบใจน้องสาว แต่ทั้งเซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ พวกเขาทำงานอย่างหนักตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะเก็บผักมาได้ และพวกเขาก็หวังว่าจะขายได้ดีเพื่อนำเงินไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้น้องสาว แต่กลับขายได้ไม่ถึงครึ่ง เซี่ยหยวนรู้สึกถึงภาระในใจที่หนักขึ้น แต่เขาก็ไม่แสดงออกเพราะไม่อยากให้น้องสาวเสียใจ

    “นั่นสิ” เซี่ยเหม่ยหลิงพยายามยิ้มให้พี่ชาย “เดี๋ยวก็ขายได้”

    เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงต่างยิ้มตอบ แม้จะรู้ว่าโอกาสไม่สูงนัก แต่พวกเขาก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้น้องสาวสบายใจ

    เซี่ยเหม่ยหลิงมองหน้าพี่ชายทั้งสองด้วยความรู้สึกหนักใจ นางเห็นแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล และมันยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจที่ขายผักไม่ได้ นางคิดในใจ "แบบนี้ไม่ดีเลย พี่ชายทั้งสองของข้าต้องเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้ผักพวกนี้มา ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นแน่ๆ ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง"

    หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็รวบรวมความกล้าและหันไปเอ่ยกับเซี่ยหยวน “พี่ใหญ่...ข้าขอไปเดินดูรอบๆ ตลาดได้หรือไม่? ข้าแค่อยากดูว่ามีแผงขายผักแผงไหนที่คนเยอะๆ จะได้เรียนรู้จากพวกเขาว่าเขาขายกันอย่างไร”

    พอได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้น เซี่ยหยวนและเซี่ยเฉิงก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะรีบตอบพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ได้!” เซี่ยหยวนเอ่ยขึ้นก่อน “น้องสาวออกไปเดินคนเดียวในที่คนเยอะแบบนี้ไม่ได้หรอก เจ้าจะทำอย่างไรหากมีคนไม่ดีมาฉุดเจ้าไป?”

    เซี่ยเฉิงเสริมอย่างรวดเร็ว “ใช่! พี่รองเห็นด้วย ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น เจ้าจะป้องกันตัวได้อย่างไร? น้องยังไม่หายดีด้วยนะ เดินมากๆ จะยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก”

    เซี่ยเหม่ยหลิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนกำแพงสูงตระหง่านขวางกั้นนางไว้ แต่ในใจก็รู้ดีว่าพี่ชายทั้งสองรักและเป็นห่วงนางมากเพียงใด นางจึงไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นกังวลอีก แต่หากนางไม่ทำอะไรเลยก็อาจจะไม่สามารถช่วยพวกเขาได้

    เซี่ยเหม่ยหลิงครุ่นคิดอีกครั้ง "ข้าต้องหาวิธีที่พี่ชายจะยอมให้ข้าไปได้ แต่ต้องทำให้พวกเขาไว้ใจและไม่กังวล" นางเริ่มคิดหาวิธีที่จะขออนุญาตพี่ชายทั้งสองโดยที่พวกเขาจะไม่ห้าม

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×