คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 22: ขายหน้าต่อหน้าองค์ชาย
ซูเฟยเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวในห้องครัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและคาดหวังขณะที่ซูเฟยหรงยกจานอาหารที่เพิ่งทำเสร็จมาให้เขา นางไม่พูดอะไร แต่ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ค่อยๆ วางจานลงตรงหน้าเขา
ซูเฟยเฉินมองจานอาหารในมือด้วยสายตาตื่นเต้น พอเห็นว่าอาหารในจานดูเรียบง่ายแต่ก็แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขายิ้มอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "นี่คืออะไร?" เขาถามอย่างสงสัย แต่ไม่รอคำตอบ รีบยกตะเกียบขึ้นตักชิม
เพียงแค่คำแรกที่เข้าปาก ความรู้สึกถึงรสชาติที่เข้มข้นก็ทำให้เขาตาโตด้วยความตกใจ เขากินต่อไปโดยไม่ยอมวางตะเกียบ ขณะที่สีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกถึงความพึงพอใจจนถึงขีดสุด
"โอ้... อร่อยมาก! นี่มันรสชาติดีมากเลย!" เขาพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ไม่รอช้าที่จะตักอาหารเข้าปากต่อไปจนจานแทบจะหมด
ซูเฟยหรงยืนมองน้องชายที่ทานอาหารด้วยท่าทีที่ชื่นชมจนไม่หยุดยั้ง นางไม่แน่ใจว่าจะต้องทำตัวอย่างไร แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเขากำลังทานด้วยความพึงพอใจอย่างสุดๆ
"ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะชอบขนาดนี้" ซูเฟยหรงพูดเบาๆ พลางหันไปมอง
หยางเซียงยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น "อาหารที่พระชายาทำรสชาติเยี่ยมมากจริงๆนะเพคะ" นางก็เคยกินอาหารฝีมือพระชายามาก่อน กินครั้งแรกก็ไม่ต่างจากคุณชายรองนัก
ซูเฟยหรงยืนดูท่าทีของน้องชาย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้ดีว่าน้องชายคนนี้เป็นคนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและขี้เล่น ชีวิตที่มีพี่ชายแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทุกครั้ง
ซูเฟยเฉินยังคงทานต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่าไม่รู้ตัวเลยว่าอาหารจานนี้กำลังทำให้เขาลืมความกังวลทุกอย่างที่เคยมีมา เมื่อเขากินจนหมดจาน เขาก็มองไปที่พี่สาวและเอ่ยขออย่างจริงจัง
"ท่านพี่ ข้าขออีกสักจานได้ไหม? ข้าไม่อิ่มเลย!"
ซูเฟยหรงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับตัวไปเตรียมทำอาหารเพิ่มให้พี่ชายอีกสักจาน ขณะที่หยางเซียงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มขบขัน
ซูเฟยเฉินท่าทางอิ่มเอิบเมื่อเขากินจานที่สองเสร็จ เขายิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจะจริงจังมากกว่าปกติ "ข้าอยากมากินอาหารที่นี่ทุกวันเลย" เขาพูดพร้อมกับตักข้าวอีกคำใหญ่ๆ เขายังไม่ยอมหยุดทาน ขณะที่ดวงตาของเขามองไปที่ซูเฟยหรงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความอยากได้อีก
"ข้าคงทนกินอาหารแบบเดิมๆ ที่พ่อครัวทำไม่ได้เสียแล้ว" ซูเฟยเฉินพูดด้วยท่าทีที่ดูเต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนจะปฏิเสธอาหารที่บ้านไปตลอดชีวิต
ซูเฟยหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายทานอาหารด้วยความพึงพอใจเช่นนั้น "ถ้าเจ้าชอบมากนัก ก็ต้องมาเยี่ยมข้าที่นี่บ่อยๆ ล่ะนะ" นางพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน
หยางเซียงยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทีของคุณชายรองซู แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ซูเฟยเฉินยังคงตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารอย่างมีความสุข
"จริงๆ ข้าไม่ได้บ่นว่าของที่บ้านไม่ดีหรอก" ซูเฟยเฉินพูดไปพลางแล้วตักข้าวเข้าปาก "แต่พ่อบ้านก็ทำอาหารตามตำราที่เคยทำมาไม่มีอะไรใหม่ๆเลย ข้าแค่จะบอกว่าอาหารของท่านมันดีมากจริงๆ ถ้าท่านพี่เปิดร้านขายอาหารล่ะก็ ข้าคงต้องมาเป็นลูกค้าประจำแล้วล่ะ!"
ซูเฟยหรงหัวเราะเบาๆ พลางยิ้มบางๆ "เจ้าก็พูดเกินไปแล้ว ข้าแค่ทำอาหารเล่นๆ เท่านั้นเอง"
"แต่รสชาติมันไม่ได้เล่นๆเลยนะ!" ซูเฟยเฉินพูดขัด "มันต้องเป็นฝีมือคนที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ เท่านั้น ถึงจะทำออกมาได้แบบนี้ ข้าคิดว่า... ถ้าพี่เปิดร้านจริงๆ พี่จะรวยเลยล่ะ!"
ซูเฟยหรงยิ้มแล้วตอบกลับอย่างขำๆ "ข้าไม่มีเวลาไปเปิดร้านหรอก" แต่ในใจของนางก็รู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นน้องชายทานอาหารอย่างมีความสุขแบบนี้
ซูเฟยเฉินก็ยังคงทานต่อไป หัวเราะกับพี่สาว และปล่อยให้การสนทนาเรื่องอาหารดำเนินไปเรื่อยๆ คำพูดของเขาที่พูดติดตลกเกี่ยวกับการเปิดร้านทำให้บรรยากาศในห้องครัวรู้สึกอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และการอยู่ร่วมกันในช่วงเวลานี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ขณะที่ซูเฟยเฉินกำลังทานอาหารอย่างตระกะตะกามจนเกือบจะกลายเป็นการแข่งกินของตัวเอง สายตาของเขาจับจ้องไปที่จานอาหารโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว เขากำลังทานอย่างมีความสุขจนไม่ทันสังเกตว่าเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากด้านนอกนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"นี่... เจ้า... กินช้าๆ...ไม่มีใครแย่งเจ้ากินหรอก..." ซูเฟยหรงที่เห็นน่องชายทานอย่างตะกละอยู่นานเริ่มเตือน แต่ก็ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ประตูห้องครัวก็ถูกเปิดออกด้วยเสียงเบาๆ ตามด้วยท่าทางของ องค์ชายใหญ่ ที่ยืนอยู่ตรงประตู ท่าทางของเขานั้นสงบแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
เมื่อเห็นองค์ชายใหญ่ยืนอยู่ที่ประตู ซูเฟยเฉินที่กำลังหยิบช้อนเข้าปากหยุดชะงักไปทันที ดวงตาของเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าองค์ชายใหญ่กำลังมองมาที่เขา ท่าทางที่เขาทานไปด้วยความเอร็ดอร่อยจนแทบจะไม่มีมารยาทกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าทำสิ่งไม่สมควร
"องค์ชายใหญ่... ท่าน..." ซูเฟยเฉินลุกขึ้นยืนทันที มือข้างหนึ่งยังกำช้อนไว้เหมือนกับคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี คิ้วขมวดด้วยความไม่สบายใจ เขามองดูจานอาหารของตัวเองแล้วก็ยิ้มแห้งๆ
องค์ชายใหญ่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตู มองไปที่ซูเฟยเฉินที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จะทำอย่างไรดี "ข้ามาเยี่ยมเพราะอยากจะพูดคุยเรื่องกังหันน้ำ..." องค์ชายใหญ่พูดเบาๆ และยิ้มเล็กน้อยขณะที่มองการกระทำที่ไม่ค่อยเหมาะสมของซูเฟยเฉิน "แต่นี่ท่าทางของเจ้าดูเหมือนกำลังสนุกกับการทานอาหารอยู่สินะ"
ซูเฟยเฉินหน้าแดงขึ้นมาทันทีและรีบปิดปากตัวเอง "ข้า... กระหม่อมแค่... กิน... อาหารที่ท่านพี่ทำนี่...เอ่อ" เขาพูดโดยอึกอัก กลายเป็นการปกป้องตัวเองที่ดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
ซูเฟยหรงเห็นท่าทีของน้องชายที่น่าอับอายก็อดขำไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามเก็บความขบขันนั้นไว้ในใจ "องค์ชายใหญ่" ซูเฟยหรงถามขึ้นอย่างสุภาพ
หยางเซียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ทำตามอย่างทันที ยกมือคำนับ "ถวายพระพรองค์ชายใหญ่" เสียงของเธอดังออกมาอย่างอ่อนน้อม ท่าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่านางทำการคำนับด้วยความเคารพ
องค์ชายใหญ่แค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเล็กน้อย "ข้าแค่ผ่านมา... อยากมาคุยเรื่องกังหันน้ำ" หลี่หยางเหอพูดไปพลางก็ยิ้มมองไปที่ซูเฟยเฉินที่ตอนนี้พยายามจะวางช้อนลงบนโต๊ะอย่างรีบเร่ง พร้อมทำท่าทางที่ดูคล้ายกับคนที่ไม่รู้จะซ่อนความอายไว้อย่างไร
"คุณชายรองกินต่อเถอะ ข้าไม่รบกวนหรอก" องค์ชายใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ "แค่ไม่เคยเห็นคุณชายรองกินอาหารแบบนี้มาก่อนเท่านั้นเอง" เขาพูดท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการขบขัน
ซูเฟยเฉินกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นท่าทางขององค์ชายใหญ่ที่กำลังยิ้มแบบไม่ได้รังเกียจหรือดูหมิ่น นั้นทำให้เขารู้สึกว่าไม่น่าจะมีอะไรน่าอับอายมากไปกว่าการที่ตัวเองถูกจับได้ว่าไม่มารยาทแบบนี้
"กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะ... กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวแบบนี้" ซูเฟยเฉินพูดพลางยิ้มแห้งๆขณะรีบลุกขึ้นคารวะ แต่ในใจเขากลับรู้สึกโล่งใจที่องค์ชายใหญ่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
องค์ชายใหญ่ยิ้มเล็กน้อยและเดินเข้ามาใกล้ "ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่ไม่เคยเห็นคุณชายรองในมุมแบบนี้มาก่อนเลยเท่านั้น" ท่านพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองที่ซูเฟยหรง
-----
เมื่อซูเหวินจิ้งและซูเหวินเหอกลับมาถึงจวนซูเหวินจิ้งก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด ซูเหวินจิ้งที่ถูกปฏิเสธจากลูกสาวอย่างไม่มีน้ำใจก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ ก็สบถออกมาเบาๆ
"ทำไมถึงได้ทำตัวอย่างนี้กัน?" เขาพึมพำด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปมองซูเหวินเหอ "น้องสาวของเจ้า! ข้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก กลับมาปฏิเสธและพูดจาแบบนี้กับข้า!"
ซูเหวินเหอที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาปลอบ "ท่านพ่ออย่าโกรธไปเลยขอรับ ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกแย่ แต่ท่านก็ต้องเข้าใจนะว่านาง... นางอาจจะยังโกรธพวกเราอยู่"
ซูเหวินเหอพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล เขาพยายามอธิบายเหตุผลให้พ่อฟัง แต่ก็รู้ว่าเป็นการยากที่จะทำให้ท่านพ่อสงบลงในช่วงเวลานี้
"โกรธ? โกรธเรื่องอะไร! ที่ได้เป็นถึงพระชายาแล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็เพราะใคร? เพราะข้าทั้งนั้น!" ซูเหวินจิ้งตะคอกกลับอย่างไม่พอใจ "ข้าสั่งสอนนางดีมาตลอด แต่ทำไม... ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้!"
ซูเหวินเหอพยายามบังคับตัวเองไม่ให้โกรธตาม "ท่านพ่อ ค่อยๆ คิดนะขอรับ น้องสาวอาจจะมีเหตุผลของนาง ท่านลองนึกดูสิครับว่าในตอนที่ท่านต้องเผชิญกับสถานการณ์อย่างนั้น ท่านจะรู้สึกอย่างไร"
ซูเหวินเหอไม่อยากให้พ่อโกรธจนเสียสมาธิไปมากกว่านี้ เขารู้ดีว่าอารมณ์โกรธของท่านพ่อจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ไปกันใหญ่
"ถึงนางจะไม่พอใจอะไร แต่ก็ไม่ควรจะพูดจาแบบนี้กับข้า..." ซูเหวินจิ้งยังคงเสียงเครียด "ข้ารึอุตส่าห์ไปเยี่ยมนางแท้ๆ แล้วดูนางปฏิบัติกับข้าสิ ใช้ได้รึ?"
"ท่านพ่อ ท่านต้องใจเย็นๆ ขอรับ" ซูเหวินเหอพูดด้วยความสงบ แต่ในใจก็พยายามคิดหาทางที่จะคลี่คลายสถานการณ์นี้ "ท่านต้องลองเข้าใจนางดีๆ สิขอรับ นางอาจจะไม่สามารถแสดงออกแบบที่ท่านต้องการได้ นางคงสับสนอยู่ พึ่งแต่งงานองค์ชายสามก็ไปชายแดน...นางคงอารมณ์ไม่ดี ก็เท่านั้น"
ซูเหวินจิ้งก้มหน้างุด ครุ่นคิดไปสักพัก ก่อนจะยืนนิ่งเหมือนกำลังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงอารมณ์มากเกินไป และนึกถึงนิสัยของลูกสาวก็คิดว่าก็คงเป็นไปได้
"เจ้าพูดก็ถูก... ข้าอาจจะร้อนใจไปหน่อย" ซูเหวินจิ้งพูดเสียงเบาลงเล็กน้อย "แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรที่นางยังไม่ได้บอกข้า..."
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น