คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 19: ความสงสัยของซูเหวินจิ้ง
องค์ชายใหญ่หลี่หยางเหอหันมามองขุนนางผู้นั้นด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “หากกังหันน้ำนี้ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเอง” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและมั่นคง ทุกคนต่างเงียบลงเมื่อเห็นความแน่วแน่ในสายตาขององค์ชาย
เสนาบดีซูเองก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเสริม “ในฐานะบิดาของพระชายาซู ข้าเองก็ขอรับผิดชอบร่วมกับองค์ชายใหญ่ หากผลไม่เป็นไปตามคาด ข้าพร้อมจะรับผลนั้นเช่นกัน” ที่เอ่ยไปเช่นนี้เพราะเชื่อว่าองค์ชายใหญ่คงไม่มีทางเลี่ยงแน่ถ้าสิ่งนี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็จะเป็นผลดีกับตระกลูซูด้วย
ฮ่องเต้หลี่เจิ้งทอดพระเนตรมองทั้งองค์ชายใหญ่และเสนาบดีซูด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ “หากพวกเจ้ามีความมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ ข้าก็ยิ่งมั่นใจ” พระองค์ตรัสพร้อมกับแย้มสรวลเล็กน้อย
ฮ่องเต้หลี่เจิ้งทรงยิ้มพอพระทัย พลางสั่งการต่อ "จงดำเนินการสร้างกังหันน้ำตามแบบแผนที่องค์ชายใหญ่เสนอ จงระวังสถานการณ์ภัยแล้งให้ใกล้ชิด และรายงานผลให้ข้าทราบทุกระยะ"
ขุนนางทั้งหลายที่ยังลังเลก็ค่อยๆ เปลี่ยนท่าที แม้จะยังมีบางคนแอบกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นความเชื่อมั่นของทั้งองค์ชายใหญ่และเสนาบดีซู ก็เริ่มเกิดความรู้สึกว่าแผนนี้อาจประสบความสำเร็จ
หลังจากฮ่องเต้หลี่เจิ้งแสดงความเชื่อมั่นออกมา ขุนนางในที่ประชุมก็พยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย แผนการสร้างกังหันน้ำเพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งเริ่มได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ
องค์ชายใหญ่หลี่หยางเหอจึงกล่าวต่อไป “แผนนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากขุนนางท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย หากทุกฝ่ายช่วยกัน กังหันน้ำนี้จะสามารถกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ” คำพูดขององค์ชายใหญ่ยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ขุนนางที่ร่วมประชุม บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่คลายลง กลับกลายเป็นความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของทุกคน
ทันใดนั้น เสนาบดีอีกท่านหนึ่งที่มีอายุมากกว่าก็ยกมือขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากพระชายาซูผู้เป็นสตรีสามารถคิดค้นสิ่งนี้ได้ ชายชราอย่างข้าก็คงไม่อาจนั่งนิ่งเฉย คณะทำงานของข้าจะจัดส่งคนไปช่วยเตรียมการในพื้นที่โดยทันทีพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของเสนาบดีผู้สูงวัยนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากขุนนางหลายท่าน
ฮ่องเต้หลี่เจิ้งทรงมองทุกคนด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความภูมิใจ “ในเมื่อทุกท่านพร้อมใจร่วมมือ ข้าเองก็จะมอบทรัพยากรเท่าที่จำเป็นแก่แผนการนี้ หวังว่าเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ชาวบ้านทุกคนจะไม่ต้องเผชิญกับความแห้งแล้งเช่นที่ผ่านมา”
ขณะที่การประชุมจบลง หลี่หยางเหอเก็บภาพวาดของกังหันน้ำไว้ในมือ พร้อมกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่แผนการ แต่เป็นความหวังของชาวบ้านหลายคนที่รอคอยน้ำมาหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเขา และในใจเขาก็อดคิดไม่ได้ถึงพระชายาซูเฟยหรง ผู้หญิงที่กล้าคิดกล้าทำเกินใครในยุคนี้
หลังจากที่ฮ่องเต้หลี่เจิ้งประกาศเลิกประชุม ขุนนางทั้งหลายก็ทยอยออกไปจากท้องพระโรง เหลือเพียงองค์ชายใหญ่หลี่หยางเหอที่ยังยืนรออยู่ ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์และส่งสายตาเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ ด้วยพระพักตร์ที่ดูครุ่นคิด
“หยางเหอ” ฮ่องเต้ทรงเริ่มสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องที่เจ้าเสนอนั้น ข้าอยากฟังความเห็นของเจ้า...นางสามารถคิดสิ่งนี้ได้เองหรือ?”
หลี่หยางเหอแสดงท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “เสด็จพ่อ น้องสะใภ้สามมีความรู้และความคิดที่น่าประหลาดใจ กระหม่อมเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงรู้วิธีออกแบบกังหันน้ำนี้ได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อเห็นแผนงาน ข้าก็ไม่อาจปฏิเสธถึงความเป็นไปได้”
ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความสนใจ “ดี… ถ้าหากนางมีความสามารถอย่างนั้นจริง นางก็อาจจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของบ้านเมือง ช่วงนี้น้องสาวของเจ้าไม่อยู่ เจ้าก็อย่าละเลยที่จะสังเกตนาง เข้าใจหรือไม่?”
หลี่หยางเหอรับฟังและโค้งคำนับอย่างเคารพ “พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้หลี่เจิ้งยิ้มอย่างพอพระทัย ก่อนจะเอ่ยคำสั่งสุดท้าย “ดีแล้ว ข้าจะคอยดูต่อไปว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นจากความร่วมมือของพวกเจ้า จงทำงานให้เต็มความสามารถ หากมีสิ่งใดที่เจ้าคิดว่าข้าควรทราบ อย่าลังเลที่จะมาแจ้งให้ข้ารู้”
องค์ชายใหญ่หลี่หยางเหอรับคำสั่งด้วยความตั้งใจ ก่อนจะขอตัวออกไป ความคิดของเขายังคงวนเวียนอยู่กับน้องสะใภ้สามผู้นั้น เขาไม่แน่ใจว่านางเป็นคนอย่างไงกันแน่
เสนาบดีซูรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องที่ได้ยินในท้องพระโรงวันนี้ แม้เขาจะไม่เคยสนใจบุตรสาวคนนี้นักและคิดว่านางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ แต่การที่นางกลายเป็นผู้เสนอแนวคิดกังหันน้ำ ซึ่งได้รับความสนใจจากองค์ฮ่องเต้และขุนนางชั้นสูงนั้นทำให้เขารู้สึกกังขาอย่างมาก
เมื่อออกจากท้องพระโรง ขุนนางหลายคนที่ใกล้ชิดกับซูเหวินจิ้งต่างพากันเข้ามาแสดงความยินดี ท่ามกลางเสียงพูดคุยที่เต็มไปด้วยคำชมเชยและยกย่อง ขุนนางบางคนโค้งคำนับและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ยินดีด้วยท่านเสนาบดี บุตรีของท่านนับว่าเป็นคนมีความสามารถเชียว ทำให้ราชสำนักได้รับรู้ถึงวิธีใหม่ในการช่วยเหลือราษฎร นับเป็นเกียรติแก่ตระกูลซู"
อีกคนเสริมด้วยความสนิทสนม "ข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าตระกูลซูจะมีบุตรีที่มีปัญญาลึกซึ้งเช่นนี้ พระนางคิดค้นสิ่งที่ไม่มีใครในราชสำนักคาดถึงมาก่อน เรื่องนี้จะต้องถูกเล่าขานไปทั่ว"
ซูเหวินจิ้งพยักหน้ารับเบา ๆ แต่ในใจยังคงแปลกใจไม่น้อย เขายังคงไม่แน่ใจว่านี่เป็นความสามารถของซูเฟยหรงจริง ๆ หรือเป็นการเข้าใจผิด แต่เมื่อได้ยินคำชมและเสียงยินดีที่ต่าง ๆ ดังมารอบตัว เขาเริ่มตระหนักถึงชื่อเสียงที่ลูกสาวคนนี้จะนำมาสู่ตระกูล หากเป็นจริงเช่นนั้น ตระกูลซูจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ขุนนางอีกคนหนึ่งเอ่ยอย่างคึกคัก "ท่านเสนาบดี บุตรีของท่านนับว่าเป็นที่น่าสนใจยิ่งนัก หากมีโอกาส ข้าคงต้องขอให้ท่านแนะนำข้าให้รู้จักด้วย"
เสียงพูดคุยยังคงดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยคำชม ซูเหวินจิ้งตอบรับไปอย่างสุภาพ แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความสับสนและคาดหวังอย่างลึกซึ้ง เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปพบบุตรีของเขาในวันนี้ เพื่อให้คำตอบกับทุกคน
เมื่อกลับถึงจวน เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเรียกบุตรชายทั้งสองให้มาพบ
ซูเหวินจิ้ง นั่งอยู่ในห้องหนังสือขณะที่บุตรชายทั้งสอง ซูเหวินเหอ และ ซูเฟยเฉิน เข้ามานั่งตรงหน้า เขาพิจารณาสองคนนี้ก่อนจะเริ่มต้นสอบถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
"ข้าอยากรู้เรื่องของน้องสาวเจ้า ซูเฟยหรง" เสนาบดีซูเอ่ยขึ้น ด้วยความสงสัยจากเรื่องที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงวันนี้
ซูเหวินเหอ บุตรชายคนโตขมวดคิ้วเล็กน้อย "ท่านพ่อมีเรื่องใดเกี่ยวกับนางหรือขอรับ?"
ซูเฟยเฉิน น้องชายคนเล็ก ยิ้มบางๆ "พี่สาวนางทำไมหรือ?"
"นางเคยศึกษาพวกกลไกหรือไม่?" ซูเหวินจิ้งเอ่ยถาม
ซูเหวินเหอส่านหน้า "นางไม่เคยแสดงความสนใจในเรื่องราชการหรือวิชาใดๆ ท่านพ่อมีเรื่องอะไรขอรับ?"
ซูเหวินจิ้งนิ่งคิดและถอนหายใจเบาๆ "เช่นนั้นเองหรือ…" เขาพึมพำอย่างครุ่นคิด แต่ในใจก็ยังไม่คลายสงสัย เพราะการที่องค์ชายใหญ่ทรงตรัสถึงแบบกังหันน้ำซึ่งเป็นฝีมือของบุตรสาวตนเองนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน เขาจึงมีความคิดอยากจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง
เมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของบิดา ซูเหวินเหอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย "ท่านพ่อ มีเรื่องใดเกิดขึ้นกับน้องสาวหรือขอรับ?"
ซูเหวินจิ้งมองบุตรชายทั้งสองคน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เพียงแต่วันนี้ในท้องพระโรง มีการเสนอแบบกังหันน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และได้ยินว่าเป็นฝีมือของน้องสาวเจ้า...ข้าจึงเกิดสงสัย"
ซูเฟยเฉินและซูเหวินเหอต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าคนที่เอาแต่หาของกินและไม่สนใจเรื่องใดอย่างซูเฟยหรงจะสามารถออกแบบสิ่งที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ได้
สองพี่น้องมองหน้ากันเล็กน้อยด้วยสีหน้าแปลกใจและความไม่เชื่อ ซูเหวินเหอถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง
"ท่านพ่อ…ท่านแน่ใจหรือขอรับ ว่าฝีมือการออกแบบนี้เป็นของน้องเฟยหรง? อาจจะมีอะไรเข้าใจผิดหรือไม่?"
ซูเฟยเฉินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย "พี่สาวนางไม่เคยสนใจอะไรนอกจากของกิน นางจะไปมีความรู้เรื่องกลไกได้อย่างไร?" ถึงเข้าจะรักและสนิทกับพี่สาวเขาก็ไม่เคยเห็นนางทำอะไรเลย
ซูเหวินจิ้งขมวดคิ้วและยิ้มเยือกเย็น "ข้าก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น แต่ครานี้เป็นองค์ชายใหญ่ที่ตรัสในท้องพระโรงว่านี่เป็นแบบของซูเฟยหรง ข้าคงปล่อยให้เรื่องนี้คลุมเครือไม่ได้"
ซูเหวินเหอและซูเฟยเฉินถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อได้ยินว่าองค์ชายใหญ่เป็นผู้ยืนยันคำพูดนี้ พวกเขาเริ่มรู้สึกว่านี่อาจไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดธรรมดา ซูเหวินเหอจึงเสนอด้วยความกังวลใจ
"ถ้าเช่นนั้น ข้าคิดว่าเราควรไปสอบถามน้องสาวด้วยตนเอง…หากนางเป็นผู้คิดค้นจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องน่าประหลาดไม่น้อย"
ซูเฟยเฉินพยักหน้าหนักแน่น "ข้าเองก็อยากรู้ว่าพี่สาวนางมีความสามารถเช่นนี้จริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ก็ดีสิ!" ถ้าท่านพ่อเห็นว่าพี่สาวฉลาดขนาดนี้ ก็คงทำให้ท่านพ่อสนใจดูแลพี่สาวบ้างก็ยังดี
ซูเหวินจิ้งมองบุตรชายทั้งสองด้วยความรู้สึกหลากหลาย ภายนอกเขายังคงนิ่งสงบ แต่ในใจกลับคุกรุ่นไปด้วยความสงสัยและความคาดหวังที่มีต่อบุตรีที่เขาไม่เคยสนใจมากนัก เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
"เช่นนั้น ข้าคงต้องไปเยือนจวนองค์ชายสามไปสอบถามเรื่องนี้กระจ่างชัด"
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น